นิยาย Monarch of Time
MOT.64 – มือสังหาร
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ชายหนุ่ม 2 คนเดินตามชายตัวใหญ่มา พวกเขาสวมชุดสีน้ําตาลซึ่งแสดงว่ามาจากนิกายเหล็กกล้า
ชายร่างใหญ่ข้างหน้าสูงเกิน 6 ศอกครึ่ง ที่นิ้วมือของเขามีโลหิตหยดไหลลงมา ส่วนอีก 2 คนข้างหลังก็มีเลือดอยู่เต็มตัวเช่นกัน
ชายหนุ่มข้างหลังชายตัวใหญ่ตะโกน
“ดูนั่นสิหัวหน้า พวกมันถึงกับเตรียมอาหารให้เราด้วย”
“อา เจ้าพูดถูก เสียวลี่ วันแรกของเราช่างเป็นไปได้ด้วยดี เราฆ่าพวกมดปลวกจากนิกายเมฆาทะยานและได้คะแนนพิเศษมามาก และตอนนี้ยังมีอาหารกับสาวงามที่จะไปกับเราด้วย”
“หัวหน้าพูดถูก พวกเรา 3 คนกับสาวงามอีก 3 คน ได้คนละคนเลยนะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“แม่สาวน้อย พวกเจ้าจะฟังหัวหน้าของเราแต่โดยดีหรือเป็นสตรีคนแรกที่ตายด้วยมือพวกข้าในวันนี้ล่ะ?”
“ใช่ ถ้าพวกเจ้าเป็นเด็กดี หัวหน้าจะให้พวกเจ้าได้มีชีวิตรอด”
ชุนหลงหรี่ตาเล็กน้อย หญิงสาว 3 คนรีบไปหลบหลังหยง
หยงคู่มองชายร่างใหญ่และพูดด้วยความกล้าหาญ
“คิดว่าเจ้าเป็นใครถึงมาพูดกับพวกข้าเช่นนั้น?”
บุรุษนามเสียวลี่มองหยงคู่ด้วยสายตาเยาะเย้ยและตอบ
“ไอ้เวร คิดว่าเจ้าเป็นใครถึงมาพูดกับหัวหน้าแบบนี้? ถ้าเจ้ายังมีสมองก็รีบส่งคะแนนมาให้พวกข้าแล้วไสหัวไปซะ”
หัวหน้ามองชายหนุ่มอีกคนที่อยู่กับเขาและพูด
“เสี่ยวหวัง เสี่ยวลี่ ไปจัดการไอ้พวกเวรนั่นให้พ้นหน้าข้า!”
หลังจากสั่ง เขาเริ่มเดินไปทางอาหาร
“ได้เลยหัวหน้า”
ทั้งเสี่ยวหวังและเสี่ยวลี่ตอนรับและเดินช้า ๆ ไปทางชุนหลงกับหยงร่
“ศิษย์พี่!!”
หญิงสาว 3 คนตะโกนแต่หยงรู่ก็มองพวกนางและพูด
“พวกเจ้าหลบข้างหลัง พวกเจ้าทําอะไรไม่ได้”
หยงร่รู้สึกถึงพลังของชายหนุ่มสองคนที่มีระดับปฐพี่ชั้น 3 ชั้นต้นเช่นเดียวกับเขา นั่นคือเหตุที่เขาบอกให้พวกนาง 3 คนหลบข้างหลัง
เสี่ยวไม่เริ่มการต่อสู้ในทันทีและมองชุนหลงก่อน
“เจ้าจะเป็นคนที่สามที่ข้าฆ่าในวันนี้ น่าเสียดายที่เจ้าไม่คว้าโอกาสมอบคะแนน และหนีไปตอนที่ยังมีโอกาส แต่เจ้าโชคดีแล้วที่ถูกข้าฆ่า ถ้าหากหัวหน้าฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่ได้ตายง่าย ๆ แต่ข้าจะทําให้พวกเจ้าหมดลมโดยเร็ว”
เสียวหวังกับเสียง
กับเสียวลี่ปลดปล่อยพลังในระดับเดียวกับหยงคู่ออกมา
เสี่ยวหวังต่อสู้กับหยงคู่ขณะที่เสี่ยวลี่ถือกระบี่พุ่งเข้าใส่ชุนหลงด้วยรอยยิ้มกว้าง
ชุนหลงใช้นาฬิกาทรายราชันย์ตามด้วยเขตแดนราชันย์ ทุกสิ่งรอบตัวเขาหยุดนิ่ง
เวลาหยุดนิ่งในพื้นที่รอบตัวชุนหลง ชุนหลงคือราชาในเขตแดนราชันย์แห่งนี้ นอกเสียจากจะมีคนที่พลังมากเกินไปหรือคนที่มีวิชาลับอย่างอื่น จะไม่มีใครเคลื่อนไหวได้ ในเขตแดนราชันย์
มิใช่แค่เสียวลี่ แม้กระทั่งเสียวหวังกับหยงคู่และหญิงสาว 3 คนด้วย ทุกคนต่างถูกแช่แข็งในสภาวะนี้
มิใช่แค่ร่างกายที่ขยับไม่ได้ แต่ความคิดของพวกเขาเองก็หยุดนิ่ง เขตแดนราชันย์ แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังจากที่ชุนหลงก้าวหน้ามาในระดับรวมปราณขั้น 8
หัวหน้าคือคนเดียวที่ยังพอจะขยับร่างกายและใช้ความคิดได้บ้าง แต่ถึงกระนั้นมันก็เชื่องช้ภายใต้แรงกดันของเขตแดนราชันย์ เขามองชุนหลงด้วยความหวาดกลัว
ชุนหลงที่เป็นระดับรวมปราณขั้น 8 ชั้นต้นสามารถทําให้ผู้บ่มเพาะระดับปฐพีชั้น 3 ชั้นต้นตอบโต้ไม่ได้เลย
แม้ว่าหัวหน้าจะเป็นถึงระดับปฐพีขั้น 3 ชั้นกลางก็ได้รับผลอย่างรุนแรงจากการกดดัน
ใบหน้าเสี่ยวลี่หยุดนิ่งด้วยรอยยิ้มอยู่เช่นนั้นขณะที่ชุนหลงเดินเข้าไปหา
ชนหลงได้มาถึงข้างหน้าและพูดเบา ๆ แม้เขาจะรู้ว่าเสียวลีจะไม่ได้ยินเขาก็ตาม
“โชคร้ายที่ข้าไม่ได้เป็นคนที่สามที่เจ้าจะได้ฆ่าในวันนี้”
จากนั้นมือของชุนหลงก็กําหมัดแน่นก่อนจะชกอย่างแรกไปที่ท้องของเสี่ยวลี่ ซึ่งนั่นคือจุดตันเถียนของมนุษย์…มันคือจุดที่เสี่ยวลี่รวบรวมพลังปราณทั้งหมดเอาไว้
หมัดอันรุนแรงของชุนหลงส่งพลังไปถึงตัวเสียวจนตันเถียนแตกสลาย
จากนั้นชนหลงจึงหันไปมองหัวหน้าที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเขตแดนราชันย์
“ถึงข้าจะไม่ใช่วีรบุรุษ แต่เจ้าก็ทําให้ข้าได้รู้ความจริง นี่คือการทดสอบการเอาชีวิตรอดและเป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เจ้าฆ่าคนในวันแรกที่นี่เพราะเจ้าต้องการจะทําเช่นนั้น ข้ายังคงมีจิตใจของคนบนโลก ข้าเกือบลืมไปแล้วว่ามีคนทําร้ายว่าที่นอกป่าครามในวันนั้น ข้าเกือบลืมว่าไอ้เวรเสียวฉีโถวขู่จะหักแขนหักขาข้าในวังหลวง ข้าถูกขู่เข็ญครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าเดาว่านี่คงเป็นโลกของการบ่มเพาะที่แท้จริง”
หลังชุนหลงพูดจบ เขาเดินไปหาหัวหน้าที่ละก้าว
“ใช่แล้วเจ้านาย นี่คือโลกแห่งพลัง ยามข้าเกิด ทุกคนพยายามฆ่าข้าครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงเพราะว่าแข็งแกร่งกว่าข้า ถึงเจ้านายไม่ควรจะเป็นคนอย่างพวกนั้น เจ้านายก็ไม่ควรจะหวั่นเกรงในการสังหารคนที่ขู่เอาชีวิตเจ้านาย”
เสียงของเจ้านิลดังในใจชุนหลง
ชุนหลงมองชายตรงหน้าที่ถูกเรียกว่าหัวหน้า เขาหรี่ตาและพูด
“ครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้าเดินมาที่นี่ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนเช่นใด เจ้าเดินมาด้วยมือที่เต็มไปด้วยโลหิต ทําที่อวดเบ่งและโอ้อวดว่าเจ้าเพิ่งจะฆ่าคนเพื่อขโมยคะแนนมา”
“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้ทําเช่นนี้เพราะคุณธรรมหรือเพราะว่าข้าห่วงใยคนที่เจ้าสังหาร แต่เป็นเพราะในดวงตาข้า คนบัดซบเยี่ยงเจ้าไม่สมควรมีชีวิตอยู่”