“นายท่าน อาจารย์ปรุงยาลู่มาถึงแล้วขอรับ”
“เชิญเขาเข้ามาเร็ว”
ชุนฟางพูดด้วยความร้อนใจเล็กน้อย
แม้เขาจะรู้เรื่องส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นกับชุนหลงเมื่อไปป่าครามแล้ว และแม้ว่าร่างกายของชุนหลงจะไม่มีร่องรอยของบาดแผลเลย ชุนฟางกับชุนอันก็มิอาจวางใจได้เพราะกลัวว่าจะมีบาดแผลภายในบุตรชายที่มองไม่เห็น การเชิญอาจารย์ลู่มาตรวจร่างกายชุนหลงจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับพวกเขา
เมื่อประตูโถงหลักเปิดอีกครั้ง ชุนฟางกับชุนอันลุกขึ้นขณะที่ชุนหลงยังคงนั่งบนเตียงที่กลางห้องโถง นี่ไม่ใช่เพราะเขาอยากจะหยาบคาย แต่ชุนฟางได้บอกให้เขาไม่ขยับตัวจากท่าเดิมจนกว่านักปรุงยาลู่จะยืนยันว่าเขาไม่บาดเจ็บ
ชุนหลงรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่พ่อแม่แสดงออกมา เขาจึงไม่ขัดความตั้งใจของทั้งคู่
ชายหนุ่มชุดขาวอายุยี่สิบปลายได้เดินเข้ามา
เขาคือนักปรุงยาลู่ ยอดอัจฉริยะแห่งอาณาจักรชะตาฟ้าและเป็นนักปรุงยาที่ดีที่สุดในเมืองป่าคราม โดยที่เขามีอายุ 28 ปีเท่านั้น
“คารวะอาจารย์ลู่”
ชุนฟางประสานหมัด
“คารวะเจ้าตระกูลชุน”
ลู่เหวินโค้งเล็กน้อยให้ชุนฟางและประสานหมัดเช่นกัน
ชื่อเต็มของนักปรุงยาลู่คือลู่เหวิน เขาขึ้นชื่อในความโอหังเล็กน้อยแต่ก็เป็นนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ในขั้นสูง เขาเป็นนักปรุงยาระดับทองแดงขั้น 2 ในอายุ 28 ปี เพราะทุกคนต้องการนักปรุงยาในการช่วยปรุงโอสถเพื่อการบ่มเพาะพลังหรือการรักษาบาดแผล ลู่เหวินรู้ว่าผู้คนต้องการความสามารถของเขา และผู้คนมักจะให้ความเคารพต่อเขา มันทำให้เขาพึงพอใจและทำให้อัตตาของเขาเองสูงขึ้น
แต่แม้ว่าลู่เหวินจะเป็นคนอวดดีเล็กน้อยและนับว่าตนเหนือคนอื่นเพราะเป็นนักปรุงยาทองแดงขั้น 2 เขาก็ไม่พยายามที่จะใช้นิสัยเช่นนั้นต่อชุนฟาง เพราะฐานะปรมาจารย์ค่ายกลของชุนฟางนั้นไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่านักปรุงยาเลย และชุนฟางยังเป็นปรมาจารย์ค่ายกลทองแดงขั้น 3 ซึ่งมีฐานะเหนือกว่าลู่เหวินอยู่แล้ว
นักปรุงยาและปรมาจารย์ค่ายกลนั้นคืออาชีพที่ร่ำรวยและมีความต้องการสูงที่สุดในทวีป คนที่ทำอาชีพเหล่านี้จึงมักจะถือตัวว่าสูงกว่าคนอื่น
แต่นักปรุงยาและปรมาจารย์ค่ายกลนั้นมีความต้องการซึ่งกันและกัน นักปรุงยาขายโอสถเพื่อเพิ่มพำลังให้ผู้คนและช่วยรักษาบาดแผล ช่วยถอนพิษ และในด้านอื่น ๆ ในขณะที่ปรมาจารย์ค่ายกลสามารถสร้างค่ายกลรอบห้องนักปรุงยาเพื่อขจัดสิ่งรบกวนเพื่อที่จะได้ไม่วอกแวกในขั้นตอนการปรุงโอสถหรือสร้างค่ายกลป้องกันที่ช่วยปกป้องบ้านเรือนของนักปรุงยาได้
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ปรมาจารย์ค่ายกลนั้นเป็นผู้สร้างหม้อปรุงที่นักปรุงยาใช้และวางค่ายกลเอาไว้ในหม้อปรุงที่ช่วยในการปรุงโอสถของนักปรุงยา ปรมจารย์ค่ายกลยังช่วยนักปรุงยาในการซ่อมบำรุงหม้อปรุงอยู่เสมอ เพราะเป็นธรรมดาสำหรับนักปรุงยาที่ปรุงโอสถล้มเหลวจนหม้อระเบิดและทำให้ค่ายกลข้างในเสียหาย ดังนั้นถ้านักปรุงยาไม่ดูแลหม้อปรุงของตัวเองให้ดีจนค่ายกลภายในหายไป หม้อปรุงของพวกเขาจะกลายเป็นเพียงแค่ก้อนเหล็กใช้การไม่ได้ในที่สุด
“อาจารย์ชุน ข้าได้ยินจากองครักษ์ท่านว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับนายน้อยชุน ได้โปรดให้ข้าตรวจดูอาการด้วย”
ลู่เหวินพูดเข้าประเด็นในทันทีที่ทักทายเสร็จ
ชุนฟางยินดีที่ลู่เหวินไม่ชักช้าเพราะเขาเองก็ไม่ชอบพิธีรีตรองที่ไร้ความหมาย เขาพูด
“รบกวนอาจารย์ลู่ด้วย”
เขาผายมือให้ลู่เหวินไปที่กลางห้องโถงที่มีเตียงและชุนหลงที่นั่งรออยู่
ลู่เหวินเห็นความประหลาดของนายน้อยชุนและผงะ
ชุนหลงไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยเพราะชุนฟางได้ลากเขาเข้ามาในโถงหลักในทันทีที่กลับตำหนัก จากนั้นชุนอันก็เข้ามาในโถงพร้อมกับคำถามมากมาย กว่าที่เขาจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดก็พอดีกับที่อาจารย์ลู่มาถึง สายเกินไปแล้วที่เขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในตอนนี้
ดวงตาเฉียบคมของลู่เหวินบอกได้อย่างง่ายดายว่าเสื้อผ้าของชุนหลงขาดเพราะอาวุธที่มีความแหลมคมเช่นดาบ แต่มีสิ่งที่รบกวนในหัวเขาอยู่
‘เหตุใดร่างกายของเจ้าเด็กนี่ถึงไม่เป็นอะไรทั้ง ๆ ที่ถูกดาบหรือกระบี่ฟัน ทั้งเมืองก็รู้ว่าเจ้านี่บ่มเพาะพลังไม่ได้ด้วยซ้ำไม่ใช่รึ?’
สิ่งที่ลู่เหวินไม่รู้ก็คือพ่อแม่ของชุนหลงเองก็จะถามแบบเดียวกันกับลูกชาย แต่องครักษ์ก็มาบอกว่าเขามาถึงเสียก่อน
ลู่เหวินตรวจร่างกายของชุนหลงจนครบถ้วนแต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติ
เป็นที่รู้กันว่านักปรุงยาใช้พลังวิญญาณได้เก่งกาจ และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นนักปรุงยาก็คือการมีปริมาณพลังวิญญาณที่มากพอพร้อมกับความสัมพันธ์กับเปลวเพลิง ในขณะที่ปรมาจารย์ค่ายกลจะใช้ทั้งปราณควบคู่กับพลังวิญญาณและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือปริมาณพลังวิญญาณกับความสัมพันธ์ของการควบคุมดิน
แต่แม้ว่าปรมาจารย์ค่ายกลกับนักปรุงยาจะต้องการพลังวิญญาณที่มาก ในความเป็นจริงแล้วนักปรุงยาต้องการพลังวิญญาณมากกว่าปรมาจารย์ค่ายกลถึง 5 เท่า นั่นก็เพราะนักปรุงยาสามารถใช้ได้เพียงแต่พลังวิญญาณเท่านั้นในการหลอมโอสถและไม่สามารถยืมพลังจากภายนอกอย่างเข่นพลังปราณอย่างที่ปรมาจารย์ค่ายกลทำได้ ดังนั้นปริมาณพลังวิญญาณของนักปรุงยาจึงเหนือกว่าใคร
แม้ลู่เหวินจะเป็นนักปรุงยาทองแดงขั้น 2 พลังวิญญาณของเขาก็สูงกว่าชุนฟางราว 3-4 เท่า มันทำให้เขาตรวจดูภายในร่างกายชุนหลงได้โดยตรง
ทันทีที่ลู่เหวินตรวจร่างกายชุนหลงโดยใช้พลังวิญญาณ เขาก็อ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว
ทันทีที่ตรวจร่างกายชุนหลงเสร็จแล้ว ลู่เหวินอดพูดออกมาไม่ได้
“ท่านแน่ใจรึว่าลูกชายท่านบ่มเพาะพลังไม่ได้?”