Monarch of Time MoT48 – เหนือกว่าขอบเขตจิต?
ก่อนที่ชุนหลงจะได้มีเวลาเรียบเรียงความคิด เสียงลมหายใจหนักอึ้งก็ดังมาจากคนทั้งหอสมบัติเมื่อพวกเขากลับมาหายใจได้อีกครั้งและมองมายังห้องส่วนตัวของชุนหลงด้วยสายตาที่ต่างออกไป พวกเขาหวาดกลัว เลื่อมใส อึ้ง ตื่นเต้น กลัว นับถือ และเหนือกว่านั้น มันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาพร้อมกัน
หยินชิงที่กระเด็นเหมือนกับลูกปืนใหญ่ออกไปข้างนอกเมื่อครู่ กําลังมองแผ่นหลังของชุนหลงด้วยความนับถือและคลั่งไคล้
เสียงสูดอากาศหายใจดังได้หยุดลง ทั้งหอสมบัติถูกชโลมไปด้วยความเงียบ ไม่มีผู้ใดกล้าเปล่งวาจาออกมาแม้แต่คําเดียวและหลายคนก็เหงื่อแตกตั้งแต่หัวจรดเท้าไปแล้ว
ชุนหลงหันไปมองหยินชิงที่ยังคงอยู่บนพื้นนอกห้อง เขามองรอบห้องของตัวเองและพบว่าทุกสิ่งถูกทําลายจนเหลือแต่ความว่างเปล่า
“หยินชิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ชุนหลงถามด้วยความอับอายเล้กน้อยในน้ําเสียงหนักอึ้ง เพราะ หยินชิงที่เป็นนักปรุงยาระดับทองแดงขั้น 3 ยังตกอยู่ในสภาพนั้น เพียงเพราะอยู่ใกล้ชุนหลง
หยินชิงรีบโบกมือและลุกขึ้นยืน
“ข้าไม่เป็นอะไรเลยใต้เท้า ขอบคุณที่ท่านถามไถ่”
หยินชิงรู้สึกยินดีที่ใต้เท้าเอ่ยนามเขาโดยตรง ชายผู้นี้แข็งแกร่งกว่า “นักปรุงยาหลี่” อย่างไม่ต้องสงสัย พลังที่เขาปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ระดับสวรรค์อย่างแน่นอน เมื่อหยินชิงคิดว่าเขาอาจเป็นตัวตนที่เหนือว่าระดับสวรรค์ หยินชิงก็เริ่มตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เขายิ่งมุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุนหลง เขาถามอย่างเคร่งเครียด
“เอ่อ ท่านใต้เท้า เกิดเรื่องอันใดขึ้นท่านถึงต้องปลดปล่อยพลังออกมาหรือ?”
ชุนหลงรู้ว่าหยินชิงพูดถึงอะไร แน่นอนว่าพลังนั้นไม่ได้เป็นของชุนหลงแต่เป็นของหินสามเหลี่ยมนั่น แต่ชุนหลงก็ต้องหาข้ออ้างที่เขาทําลายห้องทั้งห้องไป เขาพูดด้วยเสียงทุ่มต่ํา
“ก่อนหน้านี้มีสิ่งที่ดึงความสนใจข้า ข้าพลาดปลดปล่อยพลังออกไป”
เมื่อชุนหลงไม่อธิบายรายละเอียดเพิ่ม หยินชิงจึงไม่ถามต่อ เพราะถ้าหากใต้เท้าผู้นี้ไม่อยากตอบ เขาก็คงไม่รบเร้าอย่างไม่คิดถึงจิตใจอีกฝ่าย เขาจึงได้เปลี่ยนเรื่องถามชุนหลงแทน
“ใต้เท้า เรื่องการประมูล..?”
“ใช่แล้ว! หยินชิง มีห้องส่วนตัวอื่นที่ใช้การได้หรือไม่? ถ้าไม่มีก็ใช้ห้องนี้ได้ ถึงเราจะต้องหาที่นั่งมาใหม่ก็เถอะ”
“ท่านใต้เท้ายังอยากจะชมการประมูลอยู่หรือ?”
“แน่นอน ข้ามาเพื่อการนี้ไม่ใช่รึ?”
“ใต้เท้าไม่ต้องห่วง ข้าจะรีบจัดแจงโดยเร็ว”
หยินชิงทําตามสัญญา เพียงเวลาแค่ครึ่งก้านธูปเขาก็พาชุนหลงไปที่ห้องส่วนตัวห้องใหม่ และห้องนี้ยังใหญ่กว่าห้อง ก่อนหน้าเล็กน้อยด้วย เขาบอกคนระดับสูงในหอสมบัติว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นอุบัติเหตุและใต้เท้าปริศนานั้นปรารถนาให้การประมู ลดําเนินต่อไป
แม้ผู้คนจะยังแตกตื่นกับการระเบิดพลังเมื่อครู่ แต่ด้วยความสามารถอันสุดยอดของหลานจินจังในฐานะผู้ดําเนินงานประมูล นางได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนและผู้คนก็เริ่มกลับมาประมูลกันให้ใหม่ในเวลาไม่นาน
ในขณะเดียวกันที่เมืองส่วนใน โถงหลักที่แทบจะเต็มเมื่อเหล่าผู้เฒ่านิกายยืนอยู่หน้าที่นั่งหลักของจ้าวนิกาย ผู้เฒ่าในห้องโถงนั้น คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายเมฆาทะยาน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในนี้ยังเป็นระดับสวรรค์ชั้น 7
“ท่านจ้าวนิกาย พลังเมื่อครู่คืออะไร?”
“หรือว่าท่านทะลวงพลังใหม่แล้ว?”
“อา ใช่แล้ว จะต้องเป็นเช่นนั้น ใครนอกจากท่านจ้าวนิกายเล่าที่จะปลดปล่อยพลังออกมาทั้งเมืองเมฆาทะยานได้?”
หลินเจี้ยนขยับมือให้ทุกคนเงียบก่อนจะกล่าว
“พลังที่น่ากลัวนั่นไม่ได้มาจากข้า ต่อให้ข้าทะลวงพลังไปถึงขั้นกลางของขอบเขตจิต ข้าก็มิอาจปลดปล่อยพลังนั้นได้”
เขาหายใจเข้าลึกก่อนจะพูด
“อันที่จริง ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อถามว่าพวกเจ้ารู้สาเหตุที่คนระดับนั้นได้ปรากฏตัวในนิกายเมฆาทะยานของเราหรือไม่”
เหล่าผู้เฒ่าหน้าซีดเมื่อได้ฟังคําพูดของหลิวเจี้ยน ความเงียบปกคลุมห้องโถงจนกระทั่งชายหนวดเคราขาวได้พูดขึ้นมา
“ท่านจ้าวนิกาย ท่านคิดว่าคนผู้นั้นมาที่นี่เพื่อเขตแดนสีชาดหรือไม่?”
ผู้ที่ถามคือผู้เฒ่าใหญ่หลานฮง เขามีฐานะเป็นรองเพียงแค่หลิวเจี้ยนและเหนือกว่าผู้เฒ่าทุกคน
หลิวเจี้ยนคิดก่อนจะส่ายหน้าในที่สุด
“อาจไม่ใช่ เร็วเกินไปที่เขตแดนสีชาดจะเปิดขึ้นมา และถ้าหากคนผู้นั้นต้องการไปยังเขตแดนสีชาด ข้าคิดว่านิกายเมฆาทะยานของเราจะต้องช่วยเหลือเขาอยู่แล้ว จากที่ข้าคิด พลังของคนผู้นี้เหนือกว่าขั้นสูงของขอบเขตจิต บางทีอาจจะ…”
หลิวเจี้ยนไม่พูดต่อเพราะไม่กล้าคาดเดาไม่มากกว่านี้
การหารือดําเนินต่อไปในโถงหลัก และมิใช่แค่ในโถงหลักแต่ยังเป็นทุกหนทุกแห่งในเมืองเมฆาทะยาน ตั้งแต่หอกลิ่นพิศวงไปจนถึงโรงเตี้ยมที่ถูกที่สุด ทุกคนกําลังพูดคุยกันในเรื่องพลังที่ระเบิดออกมาเมื่อสักครู่
ในขณะเดียวกัน ผู้ร้ายชุนหลงกําลังตาเป็นประกายเมื่อได้ยินหลานจินจิงกล่าว
“ของชิ้นถัดไปของเราสําหรับการประมูลคือสิ่งที่นักปรุงยามากมายต้องการแต่มิอาจหาได้โดยง่าย แม้จะเป็นเพียงแค่สมุนไพรโอสถขั้น 2 มันก็ช่วยให้การควบคุมธาตุไฟทําได้ดีขึ้น ซึ่งมันก็คือ “ผลจิตเพลิง”