Monarch of Time MoT.39 – ฟูเป่ยฉีผู้อวดดี
ชุนหลงให้ความสนใจเมื่อเจ้าอ้วนฟูอธิบาย
“ในนิกายเมฆาทะยาน มี 4 วิธีที่จะเป็นศิษย์ใน วิธีแรกคือการเป็นยอดฝีมือระดับสวรรค์ที่อายุต่ํากว่า 100 ปี”
“วิธีที่สองคือการเกิดในตระกูลใหญ่อย่างข้าหรืออู่เหวิน เจ้าจะได้เป็นศิษย์ในโดยตรง แต่แม้ว่าวิธีนี้จะทําได้ในตระกูลฟูของข้าหรือตระกูลลู่ของลู่เหวินก็ส่งบุตรหลานของตระกูลเป็นศิษย์ในได้น้อยคน วิธีนี้จึงไม่เป็นที่คุ้นเคยกับผู้ใดนัก”
“วิธีที่สามคือทําให้ผู้เฒ่าชอบเจ้าและยอมรับเจ้าเป็นศิษย์สายตรง แต่เพราะความเข้มงวดของคุณสมบัติ วิธีการนี้จึงไม่ค่อยมีคนใช้เช่นเดียวกับวิธีที่สอง”
“ส่วนวิธีที่สี่และวิธีสุดท้ายที่จะได้เป็นศิษย์ใน นั่นคือการเป็น 100 อันดับแรกของการประลอง นั้นจะทําให้มีโอกาสได้ต่อสู้กับศิษย์ใน”
ชุนหลงถาม
“ถ้าหากเป็นศิษย์ 100 อันดับแรกจะท้าประลองกับศิษย์ในได้หรือ?”
คราวนี้ลู่เหวินเป็นผู้ตอบ
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่การเป็น 100 อันดับแรกมักจะหมายถึงการเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด 100 อันดับแรกของศิษย์นอก และในเวลาสิ้นปีเจ้าอาจจะได้โอกาสในการต่อสู้กับศิษย์ใน ถึงตอนนั้นก็ขึ้นอยู่กับผลของการประลอง เจ้าอาจจะถูกเลื่อนเป็นศิษย์ในและได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองส่วนในก็ได้”
ชุนหลงมองรอบๆและพูดออกมา
“นี่สินะเหตุผลที่ลานประลองมีคนเยอะขนาดนี้ แม้จะเป็นแค่การประลองอันดับที่ 100”
“แค่อันดับที่ 100 รึ? นิกายมีศิษย์นอกมากกว่า 200,000 คน มันง่ายที่จะได้เป็นหนึ่งในร้อย?”
ครั้งนี้ ฟูเปยฉีเป็นคนพูดด้วยความโกรธ
ชุนหลงรู้ว่าเขาดูหมิ่นยอดฝีมือ 100 อันดับแรกโดยไม่ได้ตั้งใจ นั่นจึงเป็นเหตุให้ฟูเปยฉีโมโห แต่เขาก็ไม่คิดจะถอนคําพูดอะไร
“อา ข้ารู้แล้ว 100 อันดับแรกคงสุดยอดจนแตะต้องไม่ได้ สําหรับคนธรรมดาอย่างข้าในสายตาเจ้าสินะ? ถ้าเช่นนั้น ศิษย์ในคืออะไรสําหรับเจ้าล่ะ? เทพรึ?”
มิใช่ว่าชุนหลงตั้งใจดูหมิ่นศิษย์นอก 100 อันดับแรก แต่ตัวเขาตั้งเป้าหมายที่สูงส่งกว่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะหยุดอยู่แค่เมืองส่วนอกในนิกายเมฆาทะยาน เป้าหมายของเขาคือการแข็งแกร่งจนไม่มีใครอื่นชี้ชะตาเขาได้ และเขารู้ว่าตัวเองจะต้องฝึกฝนอย่างหนักหนาสาหัสในนาฬิกาทรายราชันย์
ส่วนคนอย่างฟูเปยฉีที่อวดเบ่งโดยการเป็น 20 อันดับแรกของลานประลองนะ? ไม่ช้าก็เร็วความคิดเช่นนั้นจะทําให้เขาถูกแซงหน้า
ในโลกของการบ่มเพาะพลังนั้นเป็นโลกอันโหดร้ายไม่ต่าง จากโลกมนุษย์ มันคือโลกที่เป็นฝ่ายกินหรือฝ่าถูกกิน ถ้าหากไม่โหยหาความแข็งแกร่ง อีกไม่นานคนอื่นจะมาชี้ชะตาของคนผู้นั้นในอนาคตได้
“ใช่! ในสายตาข้า เจ้าและทุกคนจากโลกมนุษย์เป็นแค่มดปลวก ถึงเสี่ยวจูหยานจะเป็นมดที่ตัวใหญ่ขึ้นมาบ้างในสายตาข้า ข้าก็คิดแค่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อไต่ระดับขึ้นไป ศัตรูของข้ามีแค่ 15 อันดับแรกเท่านั้น ข้าไม่เคยมองพวกเจ้าในสายตาและเจ้าไม่เหมาะสมจะพูดคุยกับข้าด้วยซ้ํา ข้าไม่รู้ว่านายน้อยเห็นอะไรในตัวเจ้า แต่ในสายตาข้า เจ้าไม่มีค่าอะไรไปมากกว่ามดปลวก”
เมื่อพูดจบ ฟูเปยฉีลุกขึ้นเดินจากไป
“น้องชุน ยกโทษให้ข้าด้วย เขาเป็นคนอวดดีอยู่แล้วแต่ครั้งนี้เขาล้ําเส้น ถึงข้าจะยังไม่แกร่งพอที่จะสั่งสอนเขาได้ แต่ข้าจะทําให้เขาต้องชดใช้หลังจากลับตระกูล”
ดวงตาของเจ้าอ้วนฟูแทบจะมีไฟปะทุออกมาเมื่อมองแผ่นหลังของฟูเปยฉี
แต่ชุนหลงเพียงแค่ส่ายหน้า
“ไม่ใช่ความผิดพี่ฟูแล้วใยต้องขอโทษเล่า? เขาอวดดีเกินควรและมิได้มองใครในที่นี้ในสายตา แต่ข้าจะต้องสั่งสอนมันให้ได้ในอนาคต ให้มันได้รู้ว่าคําพูดในวันนี้มิใช่เรื่องที่ถูกต้อง”
“เจ้าทําได้ ด้วยพรสวรรค์ที่เจ้ามี อีกไม่กี่ปีเจ้าจะเป็นระดับปฐพีขั้นสูงจากขั้น 6 ชั้นสูงในตอนนี้”
ก่อนที่ชุนหลงจะได้ตอบเจ้าอ้วนฟู เสียงผู้คนกู้ร้องก็ดังขึ้นเมื่อชายหนุ่ม 2 คนก้าวขึ้นกลางลานประลอง