Monarch of Time MoT.38 – รวมตัวที่ลานประลอง
เมื่อเดินมาแล้วหนึ่งชั่วโมง ชุนหลงได้มาถึงหน้าลานประลองขนาดใหญ่
ผู้คนต่อแถวยาวเหยียดเรียงกันมาตั้งแต่หน้าลานประลองจนต้องรอนานกว่า 30 นาทีที่ชุนหลงจะเข้าลานประลองได้
เมื่อชุนหลงได้เข้าไปและหาที่นั่งชมการประลองที่กําลังจะมาถึง เขาสังเกตเห็นคนคุ้นหน้าที่กําลังมองเขาจากที่นั่งไม่ไกลนัก
เขาคือเสียวฉีโถวและหลิน
เสี่ยวฉีโถวเห็นชุนหลงที่เพิ่งจะนั่งชมการประลองเขาจึงเดินเข้ามาข้าง ๆ และพูด
“ฮ่าฮ่า ชุนหลง โลกที่เราอยู่ช่างใบเล็กยิ่งนัก”
จากนั้นเสี่ยวฉีโถวลดเสียง เขากระซิบกับชุนหลง
“ข้ายังไม่ลืมความอัปยศที่วังหลวง ข้าที่เป็นขั้น 7 แล้วจะทําให้เจ้าต้องชดใช้แน่นอน”
ชุนหลงมองการเยาะเย้ยของเสี่ยวฉีโถวและไม่คิดจะลดเสียงของตัวเอง
“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้ายังไม่ได้รับบทเรียน ข้าก็ยินดีจะตบหน้าเจ้าให้แรงกว่าเดิม”
เมื่อเสี่ยวฉีโถวได้ยินคําพูดของชุนหลง ความทรงจําอันอัปยศอดสู่ในอดีตหวนคืนกลับมาอีกครั้ง ในแววตาเต็มไปด้วยความแค้น
ในตอนนั้นเอง หลินเดินเข้ามาพูดเสียงดังราวกับต้องการให้ทุกคนที่นี่ได้ยินนาง
“ชุนหลง ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะอวดดีได้อีกนานเท่าไหร่พี่ชายของพี่ฉีโถวคือศิษย์พี่เสี่ยวจูหยาน และเขามีอันดับที่ 100 พี่ฉีโถวไม่ใช่คนที่คนอย่างเจ้าจะดูหมิ่นได้อีกแล้ว”
ผู้คนต่างตกใจที่เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้คือน้องชายของเสี่ยวจู่
หยาน
จิตใจของเสี่ยวฉีโถวดีขึ้นเมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยความตกใจ เขาได้ความมั่นใจกลับมา
“ชุนหลง ถ้าเจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้าในตอนนี้และขอให้ข้าไว้ชีวิตเจ้า ข้าอาจจะพูดกับเจ้าในทางที่ดีกับท่านพี่ แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธ.ฮีม อย่าได้คิดว่านายน้อยตระกูลสู่คนนั้นจะปกป้องเจ้าได้ตลอดกาล”
“ฮ่าฮ่า เจ้าคงคิดว่าพี่ชายเจ้าแข็งแกร่งมากสินะ?”
ในตอนนั้นเอง เสียงดังมาจากด้านหลังเสี่ยวฉีโถวและหลิน
เมื่อเสี่ยวฉีโถวหันไปมองก็ได้เห็นลู่เหวินกับเจ้าอ้วนฟูพร้อมกับชายหนุ่มอีกคนที่มีหัวล้าน
คนที่พูดเมื่อสักครู่คือเจ้าอ้วนฟู พวกเขาสามคนกําลังมองเสี่ยวโถวและหลินอู่ ชายหัวล้านถัดจากเจ้าอ้วนฟูพูดกับเสี่ยวฉีโถวด้วยความขยะแขยง
“เจ้าคิดว่าพี่เจ้าไร้เทียมทานในลานประลองรึ? แทบจะไม่ถึง 100 อันดับแรกด้วยซ้ํา”
เสี่ยวฉีโถวโกรธมากเมื่อชายคนนี้กล้าดูหมิ่นพี่ชายของเขา เขาพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว
“คิดว่าเจ้าเป็นใครถึงกล้ามาพูดกับท่านพี่เช่นนั้น?”
ในตอนนั้นเอง ผู้ชมเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“เฮ้ นั่นไม่ใช่ฟูเปยฉี?”
“อะไรนะ? คนที่ได้อันดับที่ 17 ในการประลองหรือ?”
“ใช่ ข้าเห็นเขาประลองกับอันดับ 15 เมื่อเดือนก่อน”
เมื่อเสี่ยวฉีโถวได้รู้ว่าชายหัวล้านร่างกํายําเป็นใคร ความกล้าของเขาก็ดับหายไปเหมือนกับเปลวเพลิงท่ามกลางหิมะ
พี่ชายเขามิใช่คู่มือของฟูเปยฉีด้วยซ้ํา ไม่ต้องพูดถึงเขาที่เป็นระดับรวมปราณขั้น 7
“ทําไมฟูเปยฉีถึงได้มาดูการประลองอันดับ 100 เล่า?”
“อํา เจ้าไม่รู้รึ? ข้าได้ยินจากญาติที่ทํางานในตําหนักบริหารส่วนภารกิจว่าฟูเปยฉีกับเล่ยปงเป็นสหายกัน”
พวกลู่เหวินไม่สนใจคําพูดของคนรอบตัวและแนะนําฟูเปยฉีแก่ชุนหลง
“น้องชุน ชายผู้นี้คือฟูเปยฉี ลูกพี่ลูกน้องข้าเอง เขาอยู่ใน 20 อันดับแรกของการประลอง”
“คารวะพี่ฟู”
ชุนหลงทักทายฟูเปยฉีแต่ฟูเปยฉีไม่แม้กระทั่งพยักหน้าตอบเขาไม่สนใจจะพูดคุยกับชุนหลงและนั่งหลับตาบนที่นั่งของตัว
เอง
ไม่ต้องพูดถึงชุนหลง แต่กระทั่งเจ้าอ้วนฟูกับลู่เหวินก็ขมวดคิ้วกับท่าทีของเปยฉี แต่ชุนหลงโบกมือบอกว่าเขาไม่ใส่ใจอะไรนักก่อนจะพูดคุยกัน 3 คน
ฟูเปยฉีไม่เข้าใจว่าเหตุใดญาติของเขาจึงได้คบค้าสมาคมกับ คนบ้านนอกอ่อนแอที่มาจากโลกมนุษย์ แต่เขานั้นไม่แม้แต่มองชุนหลงเป็นครั้งที่สองและรอให้การประลองเริ่มต้นขึ้น
ชุนหลงพูดออกมาเป็นคนแรก
“พี่ชาย ทําไมถึงมีคนมากมายนักที่มาชมการประลองที่จะตัดสินผู้เป็นอันดับ 100 ของการประลองรึ?”
ชุนหลงเคยได้ยินคนพูดกันมาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุจริง ๆ ที่มีคนมากมายนักมาชมการประลองครั้งนี้
เจ้าอ้วนฟูถอนหายใจ
“ในอนาคต เจ้าจะต้องเป็น 100 อันดับแรกเท่านั้น ถ้าเจ้าอยากจะกลายเป็นศิษย์ใน”