ชุนหลงเดินตรงไปที่ทางเข้าหอสมบัติ
ทันทีที่เข้าสู่หอสมบัติ เขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศรอบตัว
อากาศภายในหอสมบัตินั้นเต็มไปด้วยพลังปราณที่หนาแน่น ถ้าเทียบกับพลังปราณด้านนอก และเสียงดังจากถนนเดิน ถนนจากภายนอกยังถูกแยกออกไปในทันทีที่เขาเข้าสู่“หอสมบัติ”
เห็นได้ชัดว่าหอสมบัตินั้นถูกป้องกันด้วยค่ายกลมากมาย บางค่ายกลมีไว้ชําระล้างปราณให้เข้มข้นกว่าเดิม บางค่ายกลก็ป้องกันเสียงจากภายนอก
ชุนหลงเห็นโต๊ะตั้งอยู่เต็มไปหมด ศิษย์นิกายแต่ละคนกําลังทํางานให้หอสมบัติที่โต๊ะเพื่อทําการซื้อขายสินค้า
ชุนหลงไม่ได้รีบร้อน เขาเดินเตร็ดเตรในชั้นแรกของหอสมบัติ
เมื่อเขาเดินรอบชั้นแล้ว ชุนหลงเห็นว่าหอสมบัตินี้มีทุกสิ่งทุกอย่างที่คนหนึ่งคนจะต้องการ
อาวุธทุกประเภทเช่นเดียวกับชุดเกราะที่วางขาย ดาบ กระ บี่ หอก แส้ ค้อน มีด ธนูและลูกธนู และอีกหลากหลายอาวุธที่วางขาย ทั้งหมดเป็นอาวุธที่ทําจากปรมาจารย์ค่ายกลระดับทองแดงขั้น 3
โอสถจากนักปรุงยาระดับทองแดงขั้น 3 ยังซื้อได้จากชั้นนี้อีกด้วย แม้กระทั่งสมบัติหายากที่ใช้ฆ่าคนที่เหนือกว่าระดับพลังของตัวเองยังมีวางขายในราคาที่น่ากลัว ราคาของสมบัติระดับนี้เริ่มต้นที่ 3,000 คะแนนนิกายและสูงได้จนถึง 10,000 คะแนนนิกาย
ชุนหลงดีใจที่เห็นกระทั่งสมุนไพรโอสถที่เขาต้องใช้ในการหลอมโอสถทําลายเครื่องในที่เขาต้องใช้เพื่อที่จะไปถึงขั้นแรกของกายาราชันย์นิรันดร์
น่าเศร้าที่เขามีคะแนนนิกายติดตัวเพียงคะแนนเดียวในเวลานี้ ชุดหลงจึงต้องหยุดเสียเวลาและรีบไปหาคนเพื่อที่จะขายโอสถทลายม่านปราณของเขา
ชุนหลงมองรอบชั้นหนึ่ง แต่เมื่อเขาไม่เห็นคนขายโอสถที่นี่ เขาจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปที่ชั้นสองของหอสมบัติ
ชั้นสองนั้นมีคนน้อยกว่ามากเทียบกับชั้นแรก และเมื่อเขาเดินขึ้นมาก็ได้เห็นสาวน้อยหลายคนในชุดสีเหลืองที่กําลังนําทางให้กับผู้ที่มาบนชั้นนี้
หนึ่งในหญิงสาวชุดเหลืองเดินเข้ามาหาชุนหลงในชุดดํา นางถามด้วยความสุภาพ
“ท่านให้เท้า ยินดีต้อนรับสู่หอสมบัติ ต้องการให้เม่ยอวี่ช่วยอะไรท่านหรือไม่?
ดูเหมือนว่านางจะชื่อเม่ยอวี่ และทํางานที่นี่ในฐานะผู้แนะนําคนที่มาชั้นสอง
ชุนหลงกระแอมหนึ่งครั้งและพยายามจะเปลี่ยนเสียงให้ทุ้มกว่าเสียงปกติ
“ข้าได้ยินว่าหอสมบัตินั้นทั้งซื้อและขายโอสถเป็นจริงหรือไม่?”
เม่ยอวี่มองชุนหลงและตอบด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้วท่านใต้เท้า หากท่านปรารถนาซื้อโอสถ เรามีโอสถมากมายที่คุณภาพดีกว่าชั้นหนึ่ง แต่ถ้าหากท่านอยากจะขาย โอสถ ท่านอาจจะไม่ได้โอกาสดีนักเพราะหอสมบัติของเรามี โอสถหลากหลายชนิดที่เก็บเอาไว้ นอกจากท่านใต้เท้าจะขาย โอสถระดับ 4 หรือโอสถหายาก มิเช่นนั้นท่านจะเสียเปรียบได้”
แม้ว่าเม่ยอวี่จะอธิบายทุกอย่างอย่างชัดเจนและสุภาพ นางก็ไม่ได้มีหวังกับชุนหลงนักเพราะนักปรุงยาส่วนใหญ่ที่มาขายโอสถที่นี่มักจะกลับไปด้วยความเจ็บช้ํา หอสมบัตินั้นมีนักปรุงยาที่หลอมโอสถอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่จําเป็นต้องซื้อโอสถ จากนักปรุงยาที่ไม่รู้จักจากภายนอก
ชุนหลงมองเม่ยอวี่และตอบอีกครั้งด้วยเสียงทุ่มต่ํา
“ใช่แล้ว ข้ามีโอสถพิเศษที่อยากจะขาย”
“ถ้าเช่นนั้น ท่านใต้เท้าโปรดตามข้าา”
เม่ยอวี่พาชุนหลงไปยังห้องใหญ่ใกล้กับสุดทางชั้นสองที่นัก ปรุงยาจะถูกประเมินโอสถ จากนั้นนางจึงโค้งคํานับอย่างสุภาพ
“ใต้เท้ารอที่นี่ ข้าจะไปเรียกนักปรุงยาของหอสมบัติมาประเมินโอสถของท่าน”
ชุนหลงพยักหน้า เม่ยอวี่เดินออกไปจากห้อง
ห้องนี้ค่อนข้างโล่ง มันมีโต๊ะใหญ่อยู่ตรงกลางห้องและมีที่นั่งของแต่ละฝั่งของโต๊ะ ชุนหลงนั่งบนเก้าอี้หนึ่งตัวเพื่อรอให้เม่ยอวี่กลับมา
ไม่ถึง 10 นาทีต่อมา นางก็เดินตามบุรุษชุดขาวที่มีตราสีขาวสองดาวประดับหม้อหลอมโอสถบนอก
เขาอายุราวสามสิบต้นๆ และมีใบหน้าสงบนิ่ง เขามองชุดดําที่ชุนหลงสวมและนั่งลงในฝั่งตรงข้ามโดยไม่ขออนุญาตหรือทักทายก่อน
เม่ยอวี่รีบแนะนําเขาให้กับชุนหลง
“ใต้เท้า ท่านผู้นี้คือใต้เท้าหว่องโป๊ นักปรุงยาขั้น 2 และผู้ประเมินของเรา”
ชุนหลงพยักหน้ารับเม่ยอวี่ จากนั้นเขาจึงได้ยินเสียงของหว่องโป๊ในทันที
“โปรดบอกข้าว่าท่านต้องการจะขายโอสถใดกับหอสมบัติของเรา หวังว่าท่านจะไม่ทําข้าเสียเวลา”
ชุนหลงยิ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมดํา
“ข้ามีโอสถทลายม่านปราณ ดูก่อนสิ”
เขาหยิบขวดออกมาจากชุดคลุม
“เรียกข้ามาจนถึงนี่เพื่อโอสถทลายม่านปราณรี? แม้แต่นักปรุงยาทองแดงขั้น 1 ของเรายังหลอมโอสถนั่นได้เลย”
หว่องโป้นักปรุงยาขั้น 2 ผู้อวดดีพูดเสียงดังและพร้อมจะออกจากห้องในทุกเมื่อ
ชุนหลงไม่ตอบ เขาเพียงแค่เปิดขวดโอสถทลายม่านปราณออกมา และสีหน้าของหว่องโป๊ก็เปลี่ยนไปในทันที