แร้งปีกแดงร่อนลงหน้าประตูเมือง ผู้เฒ่าลู่หันมองคนบนแร้งและพูด
“ตามข้ามา เราจะไปรับชุดนิกายของพวกเจ้ากับหยกประจำตัว”
ชุนหลงกับคนอื่น ๆ ลงจากแร้งปีกแดงที่ส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกับบินหายไปในขอบนภาอย่างช้า ๆ
ชุนหลงตามผู้เฒ่าลู่ที่เดินผ่านประตูเมืองไป ในระหว่างทาง พวกเขาเห็นศิษย์ในชุดสีเหลืองนับไม่ถ้วน เมืองเองก็ดูใหญ่กว่าถ้าเทียบกับเมืองหลวงในอาณาจักรชะตาฟ้า มันยังมีความคึกคักที่มากกว่าด้วย
ผู้เฒ่าลู่กล่าว
“อันที่จริง แค่จากเกาะที่พวกเจ้าจากมา ทุก 3 ปีนิกายเมฆาทะยานจะรับศิษย์นอกเกือบ 6 หมื่นคน ศิษย์ที่มีพรสวรรค์ทั่วไปมักจะใช้เวลาประมาณ 30 ถึง 40 ปีในการเป็นระดับปฐพีขั้นสูง นอกจากศิษย์เหล่านั้นจะมีความโดดเด่นจริง ๆ และจนกว่าที่คนเหลือนั้นจะไปถึงระดับสวรรค์ นิกายจะให้โอกาสคนเหล่านั้นได้เป็นผู้เฒ่าของนิกาย แต่ถ้าหากเป็นระดับปฐพี พวกเจ้าก็จะได้เป็นแค่ศิษย์นอก”
“นั่นคือศิษย์ที่มาจากเกาะเดียวกับพวกเจ้า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล นิกายเรามีศิษย์นอกมากกว่าล้านคน”
ชุนหลงตกใจที่ได้รู้ว่าความใหญ่ของมันไม่ได้นิกาย แต่มันใหญ่ระดับอาณาจักรเล็ก ๆ เลยทีเดียว
ผู้เฒ่าลู่นำทางพวกเขาไปยังในเมืองและอธิบายต่อไป
“เมืองเมฆาทะยานแบ่งเป็นสองส่วน เมืองส่วนนอกคือสถานที่ของศิษย์นอกอย่างพวกเจ้า เมืองส่วนในจะเป็นอาณาเขตของศิษย์ในและผู้เฒ่าในนิกาย”
“ศิษย์ในกับผู้เฒ่าจะไม่ข้องเกี่ยวในเรื่องศิษย์นอกแต่ก็หมายความว่าเจ้าจะพึ่งพาตัวเองได้เท่ายนั้นเมื่อมีปัญหากับศิษย์คนอื่น แต่การสังหารในเมืองเมฆาทะยานเป็นสิ่งต้องห้ามนอกจากจะอยู่บนลานประลอง เจ้าไม่ต้องกลัวว่าจะถูกฆ่าตายด้วยเรื่องเล็กน้อย”
ขณะที่ผู้เฒ่าลู่พูด พวกเขาก็มาถึงหน้าสำนักใหญ่ที่มีตัวอักษรตัวใหญ่เขียนเอาไว้
‘ตำหนักบริหาร’
ผู้เฒ่าลู่อธิบายขณะที่เดินเข้าไป
“ที่นี่คือ ‘ตำหนักบริหาร’ เป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดในเมืองส่วนนอก เจ้าจะได้รับชุดศิษย์และหยกประจำตัวจากตำหนักบริหาร เจ้าตำหนักเฟิงจะอธิบายรายละเอียดที่เหลือกับพวกเจ้า”
‘ตำหนักบริหาร’ มี 5 ชั้น ชุนหลงสังเกตว่าแต่ละชั้นกว้างราวกับสนามฟุตบอล เมื่อพวกเขาเดินมาถึงชั้น 3 ชายวัยกลางคนสวมชุดดำที่คล้ายกับผู้เฒ่าลู่ก็ออกมาต้อนรับ
ผู้เฒ่าลู่ประสานมือให้เจ้าตำหนักเฟิง
“เจ้าตำหนักเฟิง นี่คือศิษย์ชุดล่าสุดที่ข้าพามาส่งให้ท่าน ข้าต้องขอตัวไปก่อน หวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
ผู้เฒ่าลู่จับแขนซ้ายของลู่เหวิน
“เจ้าหนู เจ้าไปกับข้า”
เขามองศิษย์ 3 คนที่เดินตามเขามาตั้งแต่อาณาจักรชะตาฟ้าและพูด
“พวกเจ้าสามคนไปรับรางวัลภารกิจได้แล้ว”
เขาเดินจากไปกับลู่เหวินอย่างรวดเร็วเหมือนวายุ
เจ้าตำหนักเฟิงไม่ใส่ใจผู้เฒ่าลู่นัก แต่มองพวกชุนหลงก่อนจะพูดด้วยเสียงลุ่มลึก
“ข้าคิดว่าผู้เฒ่าลู่คงบอกเรื่องสำคัญกับพวกเจ้าไปแล้วในส่วนของเมืองแห่งนี้”
เขาโบกมือซ้ายและเรียกชุดสีเหลืองราว 30 ชุดออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
“นี่คือชุดศิษย์นอกของพวกเจ้า พวกเจ้าต้องสวมมันในนิกายเพื่อพิสูจน์ตัวตนว่าเป็นศิษย์นอก จงจำเอาไว้ว่าชุดนิกายใช้แบ่งแยกฐานะในนิกาย ชุดสีเหลืองหมายถึงศิษย์นอก ชุดสีเขียวคือศิษย์ใน และชุดสีดำคือผู้เฒ่านิกาย ผู้เฒ่านิกายหรือศิษย์ในจะไม่มายังเมืองส่วนนอกและศิษย์นอกห้ามเข้าไปยังเมืองส่วนใน มีข้อยกเว้นอยู่เสมอ อย่างเช่นตำหนักบริหารของข้า”
“พวกเจ้า มารับหยกประจำตัวได้”
เจ้าตำหนักเฟิงชี้โต๊ะข้างเขาที่มีหยกสีเพลิงวางเรียงกันอยู่
ชุนหลงเดินไปกับคนอื่น ๆ มือของเขาสัมผัสหยกสีแดง ความรู้สึกเย็นวาบแผ่เข้าสู่ร่างกาย
เจ้าตำหนักเฟิงกล่าว
“ปล่อยพลังปราณของเจ้าไปหลอมรวมกับหยกซะ”
เมื่อชุนหลงผูกมัดเข้ากับหยกนิกาย เขาได้ส่งพลังจิตเข้าไปตรวจสอบดูและพบหมายเลขในหยกด้วย
‘30’
“เจ้าจะเห็นหมายเลขถ้าหากส่งพลังจิตไปที่ภายในหยก หมายเลขคือคะแนนนิกายที่นิกายจะให้เจ้าทุกคนที่ได้รับเป็นศิษย์”
เจ้าตำหนักเฟิงพูดต่อไป
“นี่คือครั้งเดียวเท่านั้นที่นิกายจะได้คะแนนเจ้าฟรี ๆ จงจำไว้ คะแนนนิกายคือทรัพยากรในนิกายของเจ้า ถ้าหากไร้ซึ่งคะแนน เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้”
“ท่านเจ้าตำหนัก เราจะได้รับคะแนนนิกายด้วยวิธีการใดหรือ?”
ชายหนุ่มสวมชุดสีทองถาม เขาคือหนึ่งในคนที่หน้าบึ้งตึงมากที่สุดในกลุ่มเพราะเขาเตรียมเหรียญทองมาหลายพันเหรียญแต่มันกลับไร้ประโยชน์ สิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาที่สุดก็คือการหาคะแนนเพิ่มเพื่อให้ได้ของจากนิกายที่มากขึ้น
เมื่อเจ้าตำหนักเฟิงได้ฟังคำถาม เขายิ้มอย่างมีเลศนัยและตอบ
“มี 4 วิธีการในการเก็บคะแนนในนิกาย”