ทันทีที่ทะลวงผ่านม่านพลัง ชุนหลงไม่ได้ยินเสียงปะทะใดเลย แต่เขาได้ความรู้สึกเป็นสุขที่พุ่งผ่านร่างกาย
ก่อนหน้าที่พวกเขาอยู่เหนือเมฆา แรงกดดันจากความสูงทำให้ยอดฝีมือระดับปฐพีไม่สบายตัว ไม่ต้องพูดถึงระดับรวมปราณ แม้ชุนหลงจะไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันมากนัก เขาก็รู้สึกไม่ปกติอยู่บ้าง แต่ในเวลาที่แร้งปีกแดงได้ทะลวงผ่านม่านพลังที่อยู่ลึกในท้องฟ้า เขาได้รู้สึกถึงคลื่นพลังปราณที่อ่อนโยนค่อย ๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา
ทันทีที่พวกเขาผ่านม่านพลังมาได้ แสงสว่างจ้าทำให้ชุนหลงต้องหลับตา และกว่าจะลืมตาได้อีกครั้ง ชุนหลงก็ได้เห็นว่าสิ่งที่ได้เห็นนั้นเปลี่ยนไปแล้ว
เมืองใหญ่ปรากฏขึ้นมาในระยะไกล แร้งปีกแดงบินตรงไปยังที่นั่น
“เจ้าเห็นรึยัง?”
ลู่เหวินถาม
ชุนหลงพยักหน้ารับรู้
“พลังที่นี่บริสุทธิ์กว่าถ้าเทียบกับอาณาจักรชะตาฟ้า”
ชุนหลงตอบ
ลู่เหวินพยักหน้าให้กับคำตอบของชุนหลง
“ถูกแล้ว โลกบ่มเพาะพลังจะเหมือนกับโลกมนุษย์ได้อย่างไร?”
ลู่เหวินหยุดพูดไปก่อนจะถามเขา
“ชุนหลง เจ้าคิดยังไงกับลุงของข้า?”
ชุนหลงคิดเล็กน้อยก่อนตอบ
“จากที่ข้าเห็น เขาห่วงใยเจ้าจริง ๆ แต่กับเจ้า เจ้าไม่ได้ตอบตระกูลตัวเองเท่าใดนัก”
เมื่อชุนหลงพูดจบก็ได้เห็นสีหน้าตกใจของลู่เหวิน
“มันเดาไม่ยากหรอกนะ”
ชุนหลงพูดต่อ
“ตอนที่ลุงเจ้าพูดว่าถึงเวลากลับบ้าน ข้าอยู่ตรงนั้นพอดี ข้าได้เห็นความไม่เต็มใจของเจ้า”
ชุนหลงหยุดพูดก่อนจะพูดต่อ
“ข้าจึงเดาว่ามีคนในตระกูลต้องการให้เจ้ากลับบ้านและเจ้าไม่มีทางเลือกนอกจากรับฟัง”
*ฟู่ววว*
ลู่เหวินไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
ชุนหลงเพียงแค่สังเกตท่าทางและภาษากายของเขา แต่มันทำให้ชุนหลงรู้เรื่องเกือบทั้งหมดไปแล้ว
ลู่เหวินหายใจเข้าลึก
“ที่จริงแล้ว ปัญหาใหญ่ในตระกูลข้าก็คือการหาผู้นำตระกูลคนถัดไป ข้ามีน้องชายที่พรสวรรค์ยอดเยี่ยม และข้ายังมีพี่ชายที่ฉลาดมากพอกับความแข็งแกร่ง ทั้งสองต้องการตำแหน่งเจ้าตระกูล ส่วนข้ามิได้ใส่ใจ นี่คือเหตุที่ข้าทิ้งบ้านจาก 3 ปีก่อนและลงมายังโลกมนุษย์เพื่อศึกษาศาสตร์ปรุงยา”
“แต่ท่านพ่อสั่งให้ข้ากลับบ้านด้วยขั้นตอนการคัดเลือกวันนี้ ท่านพ่อบอกว่าในอีก 3 ปี เขาจะส่งต่อตำแหน่งเจ้าตระกูลให้กับหนึ่งในพวกข้า ข้าปฏิเสธการกลับบ้านเพราะมันจะทำให้ข้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแก่งแย่งอำนาจของพี่น้องในท้ายสุด แต่สุดท้ายข้าก็ไม่มีอะไรจะอ้างจึงต้องกลับมา”
ชุนหลงไม่ได้ถามเรื่องตระกูลของลู่เหวินตั้งแต่แรก เขาไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับการแย่งอำนาจในตระกูล ซึ่งชุนหลงรับรู้ได้โดยที่ลู่เหวินไม่ต้องอธิบายอะไร
ลู่เหวินพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะไปหาลุงที่นั่งอยู่บนหัวแร้งปีกแดง
“หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือในเมืองจากข้า ไปหาข้าที่ ‘หอกลิ่นพิศวง’ ได้ทุกเวลา”
ชุนหลงกำลังจะถามแต่เสียงของผู้เฒ่าลู่นั้นดังมาก่อน
“อีกไม่นานเราจะถึงนิกายเมฆาทะยาน ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าหลายคนคงมีเหรียญทองติดตัวมา”
เมื่อผู้เฒ่าลู่พูดจบ หลายคนยืดอกด้วยความภาคภูมิใจเพราะอยากจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเตรียมเหรียญทองมามากมายหลายพันเหรียญ
ผู้เฒ่าลู่ไม่ได้ชื่นชมอย่างที่คิด ชุนหลงถึงกับเห็นรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของเขา
“ขอข้าอธิบายล่วงหน้าก่อนที่พวกเขาจะสับสนเมื่อถึงเมือง”
“เรื่องแรก นิกายเมฆาทะยานของข้าคือเมืองเมืองนี้”
ทุกคนพูดไม่ออกจนกระทั่งคนหนึ่งได้ถาม
“ผู้เฒ่าลู่ ท่านหมายความว่านิกายเมฆาทะยานตั้งอยู่ในเมืองนี้หรือ?”
ผู้เฒ่าลู่มองเขาด้วยสายตาดูถูก
“เป็นชายแก่คนนี้ที่พูดไม่ชัดเจนหรือหูเด็กอย่างเจ้ามันใช้ไม่ได้รึ? นิกายเมฆาทะยานของข้าไม่ได้อยู่ในเมือง มันคือเมือง”
“ทั้งเมืองเป็นของนิกายเมฆาทะยาน และทุกคนในเมืองคือคนของนิกาย”
ทุกคนอ้าปากค้างจนกรามหล่นไปแนบพื้น
ชุนหลงรู้แล้วว่าเหตุผลที่ลู่เหวินบอกเขาว่าให้ไปหาได้ที่หอกลิ่นพิศวงคืออะไร นั่นก็เพราะว่าทั้งเมืองเป็นของนิกายเมฆาทะยานนั่นเอง
ผู้เฒ่าลู่พูดต่อ
“ทุกอย่างในนิกายเมฆาทะยานของข้าจะซื้อได้ด้วยคะแนนนิกายเท่านั้น เจ้าจะได้รับคะแนนนิกายโดยการทำภารกิจของนิกาย ช่วยเหลือศิษย์อื่น หรือซื้อขายคะแนนโดยตรง”
“เมื่อเจ้าเข้าเมืองแล้ว พวกเจ้าแต่ละคนจะได้รับหยกประจำตัวของนิกาย”
“หยกนี้มีการใช้การหลักสองรูปแบบ”
“อย่างแรก มันคือสัญลักษณ์แทนตัวเจ้าในฐานะศิษย์นิกายเมฆาทะยาน ในขณะเดียวกันเจ้าจะได้เห็นคะแนนที่เก็บสะสมเอาไว้ด้วย หยกประจำตัวจะใช้ได้โดยเจ้าของหยกเท่านั้น ถ้าหากเจ้าทำหายและมีคนหามันเจอ คนเเหล่านั้นจะใช้คะแนนนิกายจากมันไม่ได้”
ผู้เฒ่าลู่พูดต่อด้วยรอยยิ้มเยาะ
“ส่วนพวกเจ้าทุกคนที่นำเหรียญทองมากมายติดตัวมา พวกเจ้าคิดว่าเหรียญทองมีค่าต่อผู้บ่มเพาะพลังรึ? จะได้ทรัพยากร วิชา หรือแม้กระทั่งอาหารก็ต้องใช้คะแนนนิกาย เหรียญทองที่เจ้านำติดตัวมาจะมีค่าอะไรกับสถานการณ์แบบนี้?”
ชุนหลงได้รู้แล้วว่าเหตุใดพ่อของเขาจึงยืนกรานให้เขาสร้างเส้นสายในอาณาจักรชะตาฟ้าก่อนที่จะเข้านิกาย มันคือการสร้างความคุ้นเคยกับคนอื่น ๆ ก่อนจะเข้านิกายจากอาณาจักรชะตาฟ้าเพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยเหลือกันเมื่อเข้าสู่นิกายแล้ว
ไม่มีใครพูดอะไรโต้แย้งผู้เฒ่าลู่เพราะเขาพูดถูก
ชุนหลงคิด
‘ตาเฒ่านี่พูดถูก คนพวกนี้คิดว่านิกายเมฆาทะยานจะไม่มีระบบเงินตราเป็นของตัวเองรึ? แต่มันก็คือโอกาสดี จะต้องมีวิธีมากมายให้ข้าเก็บคะแนนนิกายได้ บางทีข้าอาจจะทดลองเป็นนักปรุงยาก็ได้’
ขณะที่ชุนหลงกำลังคิดหาวิธีรวบรวมคะแนนนิกายอยู่นั้นเอง เสียงตะโกนของผู้เฒ่าลู่ได้ทำลายสมาธิของเขา
“เตรียมตัวให้พร้อม พวกเรามาถึงนิกายเมฆาทะยานแล้ว”