ชื่อจริงของ ‘ผู้อาวุโสลู่’ คือลู่เฉิง และจากที่เห็น เขาน่าจะมีความใกล้ชิดกับลู่เหวิน มิเช่นนั้นลู่เหวินคงจะไม่เรียกเขาว่าลุง
ลู่เฉิงเดินเข้ามาในโถงและตบบ่าลู่เหวิน
“เด็กดี ถึงเวลาที่เจ้าจะกลับบ้านแล้ว”
ทุกคนรอบ ๆ ตกใจ แต่ที่พวกเขาตกใจที่สุดก็คือศิษย์ 3 คนที่เดินตามลู่เฉิง พวกเขาไม่รู้ว่าลู่เฉิงมีคนรู้จักในสถานที่ล้าหลังอย่างอาณาจักรชะตาฟ้าด้วย
ทั้ง 3 เป็นศิษย์นอกของนิกายเมฆาทะยานทั้งหมด และเมื่อพวกเขาเหลือบมองกัน หญิงสาวได้เดินออกมาถามด้วยความระมัดระวัง
“ผู้เฒ่าลู่ ท่านรู้จักชายจากอาณาจักรชะตาฟ้าคนนี้ด้วยหรือ?”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ ทุกคนถึงได้รู้ว่า ‘ผู้อาวุโสลู่’ คนนี้ที่จริงแล้วคือผู้เฒ่าในนิกายเมฆาทะยาน ตามปกติแล้วศิษย์นอกจะไม่มีสิทธิ์พูดคุยกับผู้เฒ่าในนิกายได้ตามใจ โดยเฉพาะการถามเรื่องส่วนตัวของผู้เฒ่าลู่กับลู่เหวิน แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าผู้เฒ่าลู่ยินดีที่ได้เจอลู่เหวิน ศิษย์ทั้ง 3 ก็อดถามไม่ได้
ผู้เฒ่าลู่ตบอกอย่างภูมิใจและตอบพวกเขา
“ฮ่าฮ่า นี่คือหลายของลู่เฉิงผู้นี้ ลู่เหวิน”
ผู้เฒ่าลู่พูดอย่างภาคภูมิใจ แต่ศิษย์ทั้ง 3 ที่เดินตามหลังยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เพราะดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีสายเลือดโดยตรงกับผู้เฒ่าลู่
พวกเขารีบเดินออกมาประสานมือและโค้งเล็กน้อยให้กับลู่เหวิน
“คารวะศิษย์พี่ลู่”
ลู่เหวินพยักหน้าและพูดกับลู่เฉิง
“ท่านลุง นี่คือน้องชายที่ข้าชอบ เขาชื่อชุนหลง”
เมื่อลู่เหวินแนะนำชุนหลงให้ผู้เฒ่าลู่ ลู่เฉิงจึงหันไปมองชายหนุ่มข้างกายหลาน
เขาไม่ได้อยู่ในโถงเมื่อครู่นี้จึงไม่ได้เห็นการต่อสู้ของชุนหลงกับเสี่ยวฉีโถว มิเช่นนั้นเขาคงจะเริ่มสนใจชุนหลงโดยที่ลู่เหวินไม่ต้องบอกกล่าว
ชุนหลงประสานหมัด
“คารวะผู้เฒ่าลู่”
ลู่เฉิงหัวเราะพลางตบบ่าชุนหลง
“เด็กดี ถ้าเจ้าต้องการสิ่งใดเมื่อเข้านิกาย เข้ามาหาข้าได้โดยตรง ถ้าเหวินเอ๋อสนิทกับเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องสุภาพกับข้า”
ใบหน้าของศิษย์ 3 คนเปลี่ยนไปทันทีเมื่อผู้เฒ่าลู่พูดจบ เสี่ยวฉีโถวกับหลินอู๋หน้าซีดขณะที่หน้าขององค์ชายค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว
องค์ชายรู้อยู่แล้วว่ามีนักปรุงยามากพรสวรรค์นามว่าลู่เหวินในเมืองป่าคราม แต่เขาไม่เคยสนใจอะไรนัก ถ้าหากเขารู้ว่านักปรุงยาผู้นี้รู้จักกับผู้เฒ่านิกายเมฆาทะยาน เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะสานสัมพันธ์อันดีกับเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้สายไปแล้วเพราะลู่เหวินกำลังจะออกจากอาณาจักรชะตาฟ้า
ถึงลู่เฉิงจะพูดว่าชุนหลงสามารถไปหาเขาได้หากต้องการความช่วยเหลือเมื่อเข้าสู่นิกายเมฆาทะยาน ชุนหลงก็มิได้เก็บเอาไปใส่ใจนัก
เขารู้ว่าลู่เฉิงเพียงแค่ทำดีต่อเขาเพราะลู่เหวินเท่านั้น มิเช่นนั้นคงไม่มีทางที่ลู่เฉิงผู้ไม่เคยพบกับชุนหลงมาก่อนจะอบอุ่นต่อเขา
ชุนหลงไม่คิดจะพึ่งพาผู้อื่นเพื่อให้มีชีวิตอันสะดวกสบายในนิกายเมฆาทะยานอยู่แล้ว
ถึงอย่างนั้นเขาก็ประสานมือให้ผู้เฒ่าลู่อีกครั้ง
“ขอบคุณท่านมาก”
ผู้เฒ่าลู่พยักหน้าหันไปมองคนอื่น ๆ ในโถงราวกับตรวจวัดพลังก่อนจะพูด
“ข้าขอพูดตรง ๆ กับพวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าไม่ต่างกับเด็กชุดอื่นที่เข้านิกายในปีนี้ ไม่มีใครในหมู่พวกเจ้าที่โดดเด่นในสายตาข้า ข้าเดาว่าพวกเจ้าจะต้องอยู่ในชั้นล่างของนิกายเมื่อเข้าสู่นิกาย แต่มีหนึ่งเรื่องสำคัญที่เจ้าต้องรู้เสียก่อน”
เสียงของผู้เฒ่าลู่นั้นสงบเมื่อเขาพูด แต่จู่ ๆ เขาก็พูดด้วยความจริงจัง
“ใครก็ตามที่เข้าสู่นิกายแล้วห้ามออกจากนิกายจนกว่าจะถึงระดับปฐพีขั้นสูง มีข้อยกเว้นเดียวเท่านั้นคือการที่เจ้ารับภารกิจของนิกาย นี่คือกฎเหล็กของนิกาย ห้ามใครออกจากนิกายยกเว้นแต่ผู้ที่ทำภารกิจเท่านั้น”
“หากผู้ใดปรารถนาจะเข้านิกาย จงก้าวมาข้างหน้า”
“จำไว้ว่านิกายเมฆาทะยานมิได้บังคับพวกเจ้าให้เข้าไป แต่ถ้าหากพวกเจ้าจะเข้านิกาย เจ้าต้องทำตามกฎ”
ลู่เหวินรู้เรื่องกฎเกณฑ์เหล่านี้มาก่อนแล้ว น่าแปลกใจที่ลู่เหวิน ชุนหลง และเสี่ยวฉีโถวก้าวออกมาแทบจะพร้อม ๆ กัน ทุกคนที่นี่ก้าวออกมาเมื่อตัดสินใจเข้าร่วมนิกายเมฆาทะยาน
ผู้เฒ่าลู่ยิ้มเบา ๆ เขาพยักหน้า
“ดี ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าทุกคนจงออกจากวัง ถึงเวลาไปแล้ว”
“ผู้เฒ่า พวกเราจะไปถึงนิกายเมฆาทะยานอย่างไรหรือ?”
ชายหนุ่มผมสั้นที่มีมีดเหน็บเอวอดถามสิ่งที่หลายคนสงสัยไม่ได้ พวกเขามีกัน 24 คนและส่วนใหญ่มีสัมภาระติดตัว รวมผู้เฒ่าลู่และศิษย์ 3 คนก็มีทั้งหมด 28 คนแล้ว พวกเขาจะเดินทางไปนิกายเมฆาทะยานด้วยวิธีการใดเล่า?
ผู้เฒ่าลู่ไม่ตอบ แต่ศิษย์ 3 คนในชุดเหลืองหัวเราะในใจ
“ไอ้พวกบ้านนอก”
ใบหน้าชายหนุ่มผมสั้นแดง แต่เมื่อพวกเขามาถึงสวนในวัง เขาก็ต้องอ้าปากค้างพร้อมกับทุกคนในวัง
วิหคแดงตัวใหญ่สูงราว 66 ศอกกำลังหลับอยู่บนพื้น
ผู้เฒ่าลู่เมินสายตาตกอกตกใจของทุกคนและเดินไปหาวิหคตัวใหญ่ เขาลูบหัวมันอย่างแผ่วเบา
“เราจะขี่มันไปนิกายเมฆาทะยาน พวกเจ้า ขึ้นมา”