ชุนหลงปลดปล่อยพลังรวมปราณขั้น 6 ชั้นกลางออกมา เกือบทุกคนหายใจไม่ออกในพริบตา คนที่เลวร้ายที่สุดคือเสี่ยวฉีโถวที่รู้สึกถึงพลังของชุนหลงรุนแรงที่สุด
พลังของชุนหลงบริสุทธิ์เกินไปเมื่อเทียบกับเสี่ยวฉีโถว และมันได้สร้างแรงกดดันขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ เขาเพิ่มพลังบอลปราณที่มีอยู่ 55 ลูกไปแล้ว 8 ลูก ซึ่งนั่นทำให้พลังที่อยู่ข้างในบริสุทธิ์ขึ้นไปอีก
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้พลังของเขาน่าสะพรึงกลัวก็คือเสี้ยวพลังสวรรค์ที่เขาดูดซับมาจากตำราสีทอง
แม้แต่ 3 คนที่เป็นระดับปฐพีแล้วรวมถึงลู่เหวินยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน แต่พวกเขาต่อต้านได้ไม่ยากโดยการใช้พลังปราณของตัวเอง
เสี่ยวฉีโถวชิงชังชุนหลงในตอนนี้เป็นอย่างมาก แต่เขาเกลียดตัวเองเสียยิ่งกว่าที่หวาดกลัวพลังของฝ่ายตรงข้าม เสี่ยวฉีโถวมองศัตรูที่มีพลังขั้น 6 ชั้นกลางในขณะที่เขามีพลังขั้น 6 ชั้นสูง นั่นทำให้เขาโกรธแค้นด้วยความอัปยศอดสู
เขารวมรวบลมปราณทั้งหมดในร่างกายและระเบิดมันออกมาเพื่อขจัดความรู้สึกหวาดกลัวจากแรงกดดันที่ถาโถมใส่เขา
เสี่ยวฉีโถวหัวเราะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าทำได้แค่นี้เรอะชุนหลง? ถ้าเช่นนั้นก็เตรียมตัวซะ ข้าจะทำให้เจ้…”
ในตอนนั้นเอง ทุกคนและทุกสิ่งทุกอย่างในห้องได้หยุดนิ่ง
มีเพียงผู้บ่มเพาะระดับปฐพี 3 คนเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้ แต่พวกเขาเคลื่อนไหวช้ากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และพวกเขาขยับตัวได้เพราะใช้พลังของตัวเอง
นี่คือวิชาที่โผล่ขึ้นมาในหัวชุนหลงเมื่อ 2 วันก่อนในตอนที่เขาสร้างบอลปราณลูกที่ 55 ใน ‘นาฬิกาทรายราชันย์’
‘เขตแดนราชันย์’
มันคือวิชาที่มีพลังเหมือนกับชื่อ เมื่อชุนหลงใช้วิชานี้ เขารู้สึกได้จากภายในว่ามีนาฬิกาทรายโปร่งใสที่มีเขาเท่านั้นที่มองเห็น มันค่อย ๆ ขยายจนปกคลุมทั่วโถงวัง
ภายในนาฬิกาทรายที่มองไม่เห็น กาลเวลาสยบต่อชุนหลง
ลองคิดว่าวิชานี้เหมือนกับชุนหลงที่บ่มเพาะพลังใน ‘นาฬิกาทรายราชันย์’ แต่แทนที่จะสร้างบอลปราณยัดไปที่ส่วนบนของนาฬิกาทรายที่เขาสะสมพลัง วิชานี้คือการดึงเอาพลังจากบอลปราณเพื่อใช้ ‘เขตแดนราชันย์’
วิชานี้ยอดเยี่ยมโดยแท้จริง มันถึงกับส่งผลกระทบต่อยอดฝีมือระดับปฐพีด้วยทั้งที่ตัวเขาเองเป็นแค่ระดับรวมปราณขั้น 6
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ชุนหลงก็เพิ่งจะรู้ถึงผลเสียครั้งใหญ่ของวิชานี้…
ปราณของเขาถูกใช้ในความเร็วอันน่าตกใจเมื่อใช้ ‘เขตแดนราชันย์’
ชุนหลงประเมินว่าเขาใช้วิชานี้ได้เพียงแค่ 6 ลมหายใจเท่านั้นก่อนที่เขาจะหมดแรง
ชุนหลงไม่เสียเวลาอีก เขาเดินไปตรงหน้าเสี่ยวฉีโถวผู้หวาดกลัวที่ใบหน้ายังคงหยุดนิ่งในท่าหัวเราะ
ชุนหลงยกมือขวาโดยไม่สนใจความหวาดกลัวในดวงตาเสี่ยวฉีโถว เขาซัดมือลงด้วยแรงเต็มที่
*เพี๊ยะ*
มือขวาของเขาปะทะกับแก้มซ้ายของเสี่ยวฉีโถวจนเขากระเด็นล้มลงกับพื้น
ในปากมีเลือดไหลออกมาจากแก้มซ้าย แม้แต่ริมฝีปากของเขาก็บวมแดง
การตบครั้งนี้มีเพียงพลังกายของชุนหลงเท่านั้นเพราะเขาใช้พลังปราณในขณะที่ใช้ ‘เขตแดนราชันย์’มิเช่นนั้นวิชาเขตแดนคงจะสลายไปก่อนที่เขาจะตบหน้าเสี่ยวฉีโถวได้
มือของชุนหลงเจ็บเล็กน้อยจากแรงตบ…
‘เจ้านี่หน้าหนาชะมัด’
เขาคิด
ชุนหลงหยุดใช้ ‘เขตแดนราชันย์’ และคนในโถงวังกลับมาขยับตัวได้อีกครั้ง แต่ทุกคนเงียบกริบราวกับว่ายังคงอยู่ภายใต้พลังของเขตแดนราชันย์อยู่ พวกเขาตกใจจนยังไม่คืนสติกลับจากความกลัว ความรู้สึกที่พวกเขาขยับตัวไม่ได้นั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
“ข้าไม่ชอบคำขู่ และข้าไม่รู้วิธีก้มหัวให้ใคร เจ้าบังคับให้ข้าทำสิ่งที่ข้าไม่อยากทำไม่ได้ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงเมื่อเจ้าอ่อนแอกว่าข้าขนาดกลิ้งไปกองกับพื้นด้วยการตบครั้งเดียว”
ทั้งห้องเงียบกริบ เสียงของเขาดังก้องในโถง
ชุนหลงมองเสี่ยวฉีโถวด้วยความเหยียดหยาม เขาพูดต่อ
“ข้าไม่คิดสักวินาทีว่าข้าใจดีหรือไม่กล้าหักแขนหักขาเจ้าเพียงเพราะพ่อเจ้าเป็นขุนนาง เจ้าเพียงแค่ไม่คู่ควรที่จะอยู่ในนิกายเมฆาทะยานกับข้า ข้าไม่อยากเสี่ยงอะไรกับเจ้า”
เสียงของชุนหลงไม่ดังแต่หนักแน่น และจู่ ๆ น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
“แต่ถ้าเจ้ากล้าหาเรื่องข้าอีก การตบเพียงครั้งเดียวจะเป็นได้แค่ฝัน”
ทุกคนตัวแข็งทื่อกับการคุกคามอันน่าตกใจของชุนหลง
แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะระดับปฐพี 3 คนก็ไม่อยากจะทำให้เขาโกรธเมื่อเขาแสดงพลังออกมา
ถึงพวกเขาจะเอาชนะชุนหลงในวันนี้ได้ แต่เหตุใดพวกเขาจะต้องมีเรื่องกับสัตว์ประหลาดอย่างชุนหลงเพื่อคนอย่างเสี่ยวฉีโถวที่พวกเขาไม่เกี่ยวข้องด้วยเล่า?
ไม่คิดเลยว่าคนแรกที่ตอบสนองหลังจากชุนหลงพูดจบคือหลินอู๋ นางรีบไปพยุงที่ข้างกายเสี่ยวฉีโถว นางรู้ว่าถ้านางเสียการสนับสนุนจากเขาไป มันจะไม่มีทางที่นางจะมีชีวิตที่ดีในนิกายเมฆาทะยานแน่นอน
ในตอนนั้นเอง ประตูหลักของโถงวังเปิดออก ชายชราในชุดดำพร้อมกับชายหนุ่ม 2 คนและหญิงสาว 1 คนที่สวมชุดสีเหลืองเดินเข้ามา…ทุกคนมีตราสัญลักษณ์ประดับอกแบบเดียวกัน
ด้านหลังคือองค์ชายแห่งอาณาจักรชะตาฟ้าที่โค้งคำนับให้กับชายชราและนำกลุ่มชายชราเข้ามา เขาผายมือมาทางโถงวัง
“ผู้เฒ่าลู่ เด็ก ๆ เหล่านี้มาจากอาณาจักรชะตาฟ้าของข้าที่ผ่านคุณสมบัติของท่านและปรารถนาจะเข้าร่วมกับนิกายเมฆาทะยาน”
ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้า ‘ผู้เฒ่าลู่’ ที่มองทุกคนในโถง
ทุกคนในโถงยืนขึ้น ไม่มีใครกล้านั่งต่อหน้าผู้เฒ่าจากนิกายเมฆาทะยาน
‘ผู้เฒ่าลู่’ มองไปยังลู่เหวินผู้ที่ยิ้มนาน ๆ ครั้ง เขาเดินออกมาโค้งคำนับ
“คารวะลุงเฉิง”