ชุนหลงบอกบิดาให้ทำลายการหมั้นอย่าง ‘สิ้นซาก’ ซึ่งแสดงความไม่พอใจของเขาต่อตระกูลหลิน
แต่เขาไม่รู้เลยว่าชุนฟางนั้นไม่พอใจเสียยิ่งกว่าเขา…เขากำลังเดือดพล่านไปด้วยโทสะ ตระกูลหลินหวังฉวยโอกาสพวกเขามาหลายปีและมาเพื่อขอให้ถอนหมั้นทั้งสองฝ่ายหรือ? เจ้าพวกโง่นี่กำลังฝันไปเป็นแน่…
สำหรับฝ่ายหญิงที่ถูกขอถอนหมั้นจากตระกูลฝ่ายชายนั้นถือว่าอัปยศถึงที่สุด เพราะนั่นหมายความว่าฝ่ายหญิงไม่เหมาะสมกับการแต่งงาน แม้กระทั่งโสเภณียังมีชื่อเสียงในโลกดีกว่าหญิงที่ถูกหมั้นและถอนหมั้นก่อนจะแต่งงาน นอกเสียจากว่าจะเป็นการถอนหมั้นจากทั้งสองฝ่าย
การถอนหมั้นที่เกิดจาก ‘ทั้งสองฝ่าย’ ไม่ได้เอ่ยว่าตระกูลใดที่อยากให้ลูกของตัวเองไม่แต่งงานกับอีกฝ่าย แต่มันยังสามารถบ่งบอกได้ว่าฝ่ายหญิงที่หมั้นหมายด้วยนั้นมิได้มีจิตใจที่ยึดมั่นในคู่ครอง
แม้แต่โสเภณียังขายร่างกายเพื่อเลี้ยงปากท้อง และชายที่หลับนอนกับโสเภณีก็ทำเพื่อความบันเทิง แต่ไม่มีชายใดคิดอยากจะแต่งงานกับสตรีที่หมั้นกับเขาแต่แอบหมายตาในชายอื่น
นี่จึงเป็นเหตุที่ตระกูลหลินต้องยอมเจ็บปวดมาอ้อนวอนชุนฟางให้ถอนหมั้นทั้งสองฝ่าย มิเช่นนั้นชื่อเสียงของหลินอู๋จะเลวร้ายกว่าเดิม
แต่พวกเขาประเมินความโกรธเกรี้ยวของชุนฟางต่ำเกินไปในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะเตะตระกูลหลินออกจากตำหนัก แต่ในอีก 2 วัน ข่าวคงจะกระจายไปทั่วทั้งเมืองป่าครามและไกลกว่านั้นว่าตระกูลชุนไม่รับหลินอู๋เป็นลูกสะใภ้และชุนหลงได้ขอถอนหมั้นกับนาง
ชุนหลงได้ยินเรื่องที่ว่าลูกสาวเจ้าตระกูลหลินถูกตราหน้าเป็นหญิงนอกใจในทุกตระกูลของเมืองป่าครามใน 2 วันที่ผ่านมา แต่เขามิได้ใส่ใจ
ตระกูลฝ่ายหญิงใช้ฐานะ ‘ว่าที่สะใภ้’ มานานหลายปีและอยากจะถอนหมั้นโดยไม่อธิบายอย่างเหมาะสมหรือ?
ราวกับว่าชุนหลงจะไร้เดียงสาพอที่จะยอมรับข้ออ้างอย่าง “ลูกสาวข้าจะไปบ่มเพาะพลังในนิกาย เจ้าต้องเลิกกับนางในตอนนี้เพราะนางตัดสินใจจะทำเช่นนั้นเช่นนี้ แต่ขอบคุณที่เป็นแกะอ้วนให้พวกข้าแทะกินมาช้านาน”
ชุนหลงมองเรื่องโกหกเหล่านี้ออกและรู้ว่าจะต้องมีเบื้องหลังอยู่แน่นอน เพียงแค่เขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร…แต่ที่เขามั่นใจคือความรู้สึกของพวกตระกูลหลินคงไม่มีทางย่ำแย่ไปกว่านี้แล้ว
เขาถึงกับสงสัยว่าการลอบสังหารเขาเมื่อครึ่งเดือนก่อนมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิน เขาไม่มีเบาะแสในตอนนั้นแต่ตอนนี้มันกำลังสมเหตุสมผลเมื่อเชื่อมโยงเรื่องเข้าหากัน ถ้าเขาตายในเวลานั้น ตระกูลหลินจะต้องถอนหมั้นกับชุนฟางเพราะชุนหลงได้ตายไปแล้ว ส่วนชุนฟางจะไม่มีเหตุผลอันเหมาะสมในการปฏิเสธ
ยิ่งชุดหลงคิดมากเท่าใด มันก็ยิ่งสมเห็นสมผลมากขึ้นและสายตาของเขากำลังเย็นชายิ่งขึ้น
เขาพึมพำ
“อย่าให้ข้าได้รู้เห็นอะไรกับตระกูลหลินเลย มิเช่นนั้นเจ้าจะได้เห็นข้าเล่นสนุกกับพวกเจ้าจนตาย”
ชุนหลงใช้เวลา 3 วันที่ผ่านมาในการประลองกับองครักษ์ เขาเผยพลังที่มากขึ้นเป็นลำดับ
สุดท้ายเขาก็เปิดเผยพลังของตัวเองในขั้น 5 ชั้นต้น
เขารู้ว่า ‘นาฬิกาทรายราชันย์’ เป็นวิชาจากสวรรค์โดยแท้ ตราบเท่าที่เขาไม่จงใจหมุนเวียนพลังข้างในบอลปราณที่เขาสร้างและเก็บไว้ในร่างกาย คนภายนอกจะบอกพลังที่แท้จริงของเขาไม่ได้ แต่ชุนหลงคิดว่าถ้าหากความแตกต่างระหว่างเขากับฝ่ายตรงข้ามมากเกินไป เขาจะถูกฝ่ายตรงข้ามมองออกอยู่ดี
เพื่อที่จะเลี่ยงสถานการณ์เช่นนั้น เขาตัดสินใจว่าจะไม่ปกปิดพลังอีกต่อไปแล้ว เขาจึงปลดปล่อยพลังในระดับ 5 ชั้นต้นออกมา ซึ่งเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากจะเปิดเผยพลังสูงสุดออกมาโดยไม่จำเป็นนั่นเอง
ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์อยู่แล้วที่เขาเป็นขั้น 5 ชั้นต้นในเวลาเพียงครึ่งเดือน ชุนฟางกับชุนอันก็แทบไม่เชื่อหู
เขาสงสัยว่าทั้งสองจะคิดอย่างไรถ้าเขาพูดว่าเขามีพลังขั้น 6 ชั้นสูงแล้ว แต่สุดท้ายเขาตัดสินใจว่าจะไม่บอก ความรวดเร็วในการพัฒนาของเขาบ้าคลั่งเกินไปจนมิอาจอธิบายได้นอกจากเขาจะเปิดเผยเรื่อง ‘นาฬิกาทรายราชันย์’ กับหินสามเหลี่ยม แต่ความลับเหล่านี้จะต้องนำเขามาเจอกับคำถามไม่รู้จบจากพ่อแม่อย่างแน่นอน ต่อให้เขาอธิบายความจริงไปก็ไม่แน่ว่าชุนฟางกับชุนอันจะเชื่อเขา สุดท้ายเขาจึงไม่บอกเรื่องพลังที่แท้จริงในตอนนี้
ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่อแม่องเขาพอใจกับการเติบโตของเขามากพอแล้ว การที่เขามีความลับก็มิใช่เรื่องเลวร้ายอีกด้วย
หลังจากที่ได้เผยพลังขั้น 5 ชั้นต้น ชุนหลงสามารถรับมือกับองครักษ์ระดับรวมปราณขั้น 7 ชั้นกลางได้ในการประลอง
มันน่าตกใจกับทั้งชุนหลงและองครักษ์เช่นเดียวกับชุนฟางที่บังเอิญผ่านมาเห็นการประลอง
ชุนหลงกับองครักษ์มีพลังต่างกันถึง 2 ระดับ ถ้าหากใช้พลังเต็มที่ ชุนหลงคิดว่าเขาอาจจะต่อสู้กับคนระดับ 8 หรือระดับ 9 ชั้นต้นได้ สำหรับคนที่เพิ่งบ่มเพาะพลังมา 15 วันและสามารถต่อสู้กับยอดฝีมือระดับรวมปราณชั้นสูงได้นั้นไม่เคยมีมาก่อน แต่สำหรับคนที่ต่อสู้กับยอดฝีมือระดับรวมปราณขั้น 9 ได้ทั้งแต่ 15 วันแรกนั้น…แม้แต่คำพูดว่าบ้าไปแล้วก็มิอาจอธิบายได้มากพอ
หลังจากที่ชุนหลงประลองกับองครักษ์เสร็จ เขาบอกพ่อแม่ว่าจะอยู่ในห้องอีกหลายวันและตรวจสอบดูว่าจะบ่มเพาะพลังได้ก้าวหน้าอีกหรือไม่ เขายังพูดถึงการสอบคัดเลือกเข้า ‘นิกายเมฆาทะยาน’ ที่จะจัดขึ้นในอีก 1 เดือนที่วังหลวง ซึ่งเป็นการทดสอบที่หลินชางพูดถึง
ความตั้งใจของชุนหลงคือความร่ำรวยและแข็งแกร่งจนคนอื่นควบคุมเขาไม่ได้ แะเขามิอาจทำมันได้สำเร็จในสถานที่เล็ก ๆ อย่างอาณาจักรชะตาฟ้า
เขาได้ยินจากชุนฟางแล้วว่าอาณาจักรชะตาฟ้าได้มีอาณาจักรอื่นมากกว่าร้อยที่อยู่โดยรอบ และนั่นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ชุนฟางรู้ ใครจะรู้เล่าว่าจำนวนนั้นมีมากเพียงใด? เขาจะต้องใช้ทั้งชีวืตในเมืองป่าครามเล็ก ๆ นี่หรือ?
ทีแรกพ่อแม่ของชุนหลงไม่คิดหวังให้เขาเข้าร่วมการสอบคัดเลือกเข้า ‘นิกายเมฆาทะยาน’ ที่จะจัดขึ้นในทุก 3 ปีแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเส้นปราณของบุตรชายถูกรักษาแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นความเร็วในความก้าวหน้าอันน่ากลัวของชุนหลง พวกเขาก็มีความหวังว่าลูกชายของพวกเขาจะหลุดออกไปจากสถานที่เล็ก ๆ ที่เรียกว่าอาณาจักรชะตาฟ้าและไปบ่มเพาะในสถานที่อันยิ่งใหญ่อย่าง ‘นิกายเมฆทะยาน’
ชุนหลงกลับห้องมานั่งสมาธิที่กลางเตียง เขาเพ่งจิตไปยังพื้นที่จิตในหินสามเหลี่ยมอีกครั้ง และเขาได้เห็นตำราสีทองแสดงการตอบสนองเป็นครั้งแรก