เท้าของชุนหลงเพิ่งจะได้สัมผัสกับโถงหลัก ประตูสูง 9 ศอกเปิดออกพร้อมกับทุกสายตาที่มองมาทางเขา
เมื่อชุนหลงเดินเข้ามา นอกจากบิดามารดาที่นั่งบนที่นั่งหลักแล้วเขาก็ยังเห็นผู้เฒ่า 3 คนจากตระกูลหลินและชายวันกลางคนที่สวมชุดสีดำพร้อมกับลวดลายสีน้ำเงินบนหน้าอกกับชายเสื้อ พวกเขานั่งรออยู่ข้างในพร้อมกับเด็กสาวอายุน้อยที่ดูน่ารัก นางนั่งหลังตรงติดเก้าอี้ แต่โชคไม่ดีเพราะท่านั่ง ‘หลังตรง’ นั่นเองที่ทำให้ผู้คนสังเกตได้ในทันทีว่านางมีหน้าอกที่แบนราบ
ทุกอย่างดูธรรมดาอย่างที่เห็น แต่ประสบการณ์ชีวิตในอดีตของชุนหลงทำให้เขาได้เห็นความผิดปกติได้แม้จะมีเพียงเล็กน้อย เขารับรู้หลายสิ่งหลายอย่างได้จากภาษากายและการนั่งในระยะห่างจากชุนฟางและชุนอัน ชุนหลงรู้ว่าเรื่องนี้มากกว่าการมาเยี่ยมเยียน
ในชีวิตที่แล้วมาเขานั้นมีชีวิตรอดด้วยตัวคนเดียวได้มาอย่างยาวนาน นั่นก็เพราะว่าเขาสามารถมองความตั้งใจของผู้คนได้โดยดูจากการขยับตัวเล็กน้อยหรือท่าทางต่าง ๆ
ชุนฟางกับชุนอันมองชุนหลงด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ลึก ๆ แล้วในสายตาชุนฟางมีความกลัวอยู่
‘หรือหลงเอ๋อจะมีปัญหาจริง ๆ ถึงไม่ได้ออกมาจากห้องเลย?’
เขาถามตัวเอง เขากลัวว่าคำตอบที่ได้อาจเปลี่ยนความสุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เมื่อวันก่อนเป็นตกนรกในวันนี้
เป็นธรรมดาที่ชุนฟางจะคิดว่าชุนหลงมีปัญหาในการบ่มเพาะพลังเพราะเขายังไม่ได้เป็นขั้นแรกของระดับรวมปราณเลย มิเช่นนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่ร่างกายของเขาไม่เปล่งพลังออกมาเล่า?!
ต่อให้ชุนหลงจงใจปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้ ชุนฟางที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับปฐพีขั้น 9 จะต้องมองออก และเขาสัมผัสอะไรจากชุนหลงที่เข้ามาในโถงหลักไม่ได้เลย เขาจึงต้องคิดว่าลูกชายเขากำลังเจอกับปัญหาเป็นธรรมดา
ลึก ๆ ในใจในวันที่ผ่านมา เขากับชุนอันรอคอยอย่างอดทนว่าบุตรชายของตัวเองจะได้พลังระดับรวมปราณขั้น 1 ชั้นสูงเป็นอย่างน้อยหรือไม่ก็ขั้น 2 ชั้นต้น แต่สิ่งที่ได้เห็นนั้นแตกต่างกับสิ่งที่พวกเขาคาดคิดและนั่นทำให้เขาคิดว่าจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นกับชุนหลงในตอนที่เขาบ่มเพาะพลังอย่างแน่นอน
ชุนหลงเห็นความตกใจที่แล่นผ่านสายตาผู้เป็นพ่อเพียงพริบตาเดียวแต่ก็ทำเป็นไม่เห็นอะไรก่อนจะยิ้มให้ชุนฟาง
“ท่านพ่อเรียกข้าหรือ?”
“หลานชุนเติบโตมาหล่อเหลายิ่งกว่าครั้งก่อนที่ได้พบหน้า ยินดีด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า ในอนาคตคงจะมีสาวงามรออยู่อีกมากมาย”
โถงหลักเงียบกริบในทันที หากมีเข็มหล่นในตอนนี้ก็คงจะได้ยินเสียงด้วย
ชุนฟางขมวดคิ้วและมองไปยังชายวัยกลางคนจากตระกูลหลินที่เพิ่งพูด เขาพูดออกมาด้วยความโมโห
“หลินชาง เจ้าหมายความว่าอะไร?”
ชุนฟางเข้าใจความหมายของหลินชางในทันทีอยู่แล้ว ชุนหลงจะต้องหาสาวงามได้ แต่ไม่ใช่คนตระกูลหลิน
เจ้าพวกโง่นี่มาเพื่อขอถอนหมั้นอย่างนั้นรึ?
แน่นอนว่าเด็กสาวน่ารักข้างหลินชางก็คือคู่หมั้นของชุนหลง และนางคือบุตรสาวของหลินชางชื่อว่าหลินอู๋
หลินอู๋อายุ 15 ปีซึ่งน้อยกว่าชุนหลงเพียงปีเดียว และในฐานะที่เป็นลูกสาวเจ้าตระกูลหลิน นางได้มีพลังในระดับรวมปราณขั้น 5 ชั้นสูงแล้ว
หลินชางละอายใจอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดว่าลูกสาวเขาต้องมาอยู่กับเด็กพิการที่บ่มเพาะพลังไม่ได้และเรื่องอื่น ๆ ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมา มันจึงทำให้เขานั่งไม่ติดเก้าอี้จนต้องมาถึงตำหนักชุน
“พี่ฟางฟังข้าก่อน ข้ารู้ว่าอู๋เอ๋อหมั้นกับชุนหลงมาหลายปีแล้ว และชุนหลงก็ตั้งใจว่าจะแต่งงานกับนาง แต่มีเรื่องเกิดขึ้นมาจนข้าได้แต่มาอย่างไร้ยางอายเพื่อขอให้เราล้มเลิกการหมั้นหมายนี้เสีย”
หลินชางพูดและพูดต่อเมื่อหายใจได้ครั้งเดียว
“อันที่จริงแล้ว อู๋เอ๋อคิดจะสอบเข้า ‘นิกายเมฆาทะยาน’ ที่จะจัดขึ้นในวังเมืองหลวงอีก 1 เดือนข้างหน้า ‘นิกายเมฆาทะยาน’ จะส่งผู้อาวุโสมารับศิษย์นอกสำนัก ทุกคนรู้ว่าลูกชายท่าพิ.. แค่ก แค่ก บ่มเพาะพลังไม่ได้เพราะเส้นปราณ คงจะดีกว่าถ้าลูกของเราถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? อย่างไรลูกเราก็จะมิได้อยู่โลกเดียวกันแล้ว อู๋เอ๋อจะได้เข้า ‘นิกายเมฆาทะยาน’ และลูกท่านมิอาจบ่มเพาะพลังได้ ลูกข้าอาจจะต้องหนีออกจาก ‘อาณาจักรชะตาฟ้า’ ก็คราวนี้”
“หุบปาก อย่ามาเรียกข้าว่าพี่ฟาง!”
ชุนฟางพูดด้วยความเกรี้ยวกราด เขาตาแดงด้วยความโกรธแค้น เส้นเลือดปูดขึ้นมาที่ขมับ เส้นผมของเขากำลังลอยขึ้นมาเมื่อเขาปลดปล่อยแรงกดดันของผู้บ่มเพาะระดับปฐพีขั้น 9 ชั้นสูง ทุกคนในโถงหายใจไม่ออกเมื่อเขาหัวเราะ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ามาอ้อนวอนให้ข้าถอนหมั้นอย่างนั้นเรอะ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าพูดถูก เจ้ามันไร้ยางอายและหน้าหนาจนมือข้าอาจจะแดงเมื่อตบหน้าเจ้า เจ้าคิดรึว่าบ้านข้าจะเป็นที่ที่ตระกูลหลินเล็ก ๆ จะทำตามใจชอบได้?”
“กี่ครั้งกันเล่าที่เจ้าใช้ฐานะตระกูลสะใภ้มา อ้อน วอน ข้า อย่างหน้าไม่อายให้ช่วยสร้างค่ายกลให้อาณาเขตเรือนพวกเจ้าปลอดภัยจากยอดฝีมือปฐพีขั้นสูง?”
“ผู้ใดกันที่คุกเข่าอ้อนวอนข้า 6 ปีให้ลูกสาวมาหมั้นกับลูกชายข้า?”
“และตอนนี้เจ้าอยากจะอ้อนวอนข้า ‘อย่างไร้ยางอาย’ เพื่อถอนหมั้นเพราะกลัวว่าชื่อเสียงลูกสาวเจ้าจะมัวหมองเรอะ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ชุนฟางหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยวและเยาะเย้ยเมื่อมองหน้า 3 ผู้เฒ่าของตระกูลหลินที่หน้าแดงก่ำและกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะโดยไม่รู้เลยว่าพวกเขารู้สึกละอายใจหรือกำลังโกรธแค้น
ชุนหลงเดินไปทางตระกูลหลินและชุนฟางหยุดแรงกดดันทำให้พวกเขาหายใจได้ ชุนหลงมองสาวน้อยและถาม
“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ผู้เฒ่าตระกูลหลินเครายาวคนหนึ่งลุกขึ้นตะโกนด้วยโทสะ
“บังอาจ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เด็กจะ…”
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ พลังของชุนฟางก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง ผู้เฒ่าที่มีพลังเพียงแค่ขั้นกลางของระดับปฐพีกระเด็นจากแรงกดดันและเริ่มกระอักเลือดออกมาไม่หยุด เสื้อผ้าและหนวดของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือด เขากระแทกกับกำแพงที่อยู่ด้านตรงข้าม เสียงกระดูกหักดังลั่น เขาตกลงพื้นและดิ้นทุรนทุราย
“ที่นี่ไม่ใช่ที่พูดของเจ้า หุบปากซะ”
ชุนฟางพูดอย่างหยาบคายและเหลือบมองอย่างเสียดแทงไปยังคนตระกูลหลิน
ชุนหลงมอง ‘คู่หมั้น’ ของเขาและกำลังคาดหวังให้นางตอบคำถามก่อนหน้านี้ของเขา แม้ว่าสาวอกแบนคนนี้จะไม่กล้ามองชุนฟาง นางก็กล้าพอที่จะเชิดสายตามองชุนหลง
ชุนหลงรู้ทุกอย่างจากสายตาของนางที่แสดงความอวดดีอย่างชัดเจน ราวกับจะพูดว่า
‘เข้าเหนือว่าเจ้า ข้าจึงดูถูกเจ้า’
ไม่รู้ว่าหลินชางเอาความกล้าที่จะพูดมาจากที่ใด เขาเปิดปากที่มีโลหิตไหลออกมา
“ชุนหลง เจ้าควรจะ…”
*อั่กกกก*
หลินชางไม่แม้แต่จะได้พูดให้จบประโยคก่อนจะกระอักเลือด เขากระเด็นไปใกล้ลูกสาวและย้อมครึ่งใบหน้าของนางด้วยโลหิตสีแดงเข้ม
ชุนหลงไม่มองหลินชางกับลูกสาวเขาแล้ว ตั้งแต่ที่ได้เห็นสายตาของหลินอู๋ เขาก็หันกลับไปส่ายหน้าและเดินไปยังทางออกจากโถงหลักและพูดด้วยความโล่งใจ
“ขอบคุณเทพเจ้า ข้าเกือบจะได้คบค้าสมาคมกับพวกขยะเสียแล้ว ท่านพ่อ ยกเลิกการหมั้นนี้เสียเถอะ…ทำลายมันให้ ‘สิ้นซาก’ ”