ในตอนนั้นเอง ซอนยูลก็ทำสายตาราวกับว่าหล่อนพอจะเข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าวๆ แล้ว และแล้ว หล่อนที่พยักหน้าขึ้นลงพร้อมพูดต่อก็เงยหน้าขึ้นกะทันหันเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
ผ่านไปเช่นนั้นประมาณหนึ่งนาทีก่อนที่หล่อนจะค่อยๆ พูดออกมาช้าๆ
“อืม แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ลอร์ด”
“ครับ”
“การพูดกับคุณแบบนี้มันก็ค่อนข้างจะมากไปหน่อยแต่…แต่ฉันอยากจะถามคุณอย่างหนึ่งค่ะ คุณวิเวียนเป็นชาวเมืองใช่ไหมล่ะคะ คือว่า คุณมีสัญญาอะไรกับเธอหรือเปล่าคะ”
ผมไม่รู้ว่าจู่ๆ ทำไมหล่อนถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาแต่ผมก็ตัดสินใจตอบออกไปตามความจริง เพราะสีหน้าที่จริงจังมาตั้งแต่เมื่อสักครู่ของซอนยูลทำให้บทสนทนาดูมีน้ำหนักขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ใช่แล้วครับ”
“อืม โล่งอกไปทีค่ะ แต่เพื่อเป็นการเผื่อไว้ก่อน คุณควรดูสัญญาดีๆ นะคะ แล้วก็…”
ความเงียบกลับมาอีกครั้ง ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดหากเทียบกับคำถามเมื่อสักครู่ที่ถามต่อแบบสบายๆ แต่เพราะฝั่งตรงข้ามคืออีกฝ่าย ผมจึงได้แต่ทนอยู่ข้างใน
โชคดีที่ความเงียบคงอยู่ไม่นานนัก เพราะซอนยูลที่ดูลังเลอยู่สักพักได้ตัดสินใจแล้วในที่สุด
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ ฉันกังวลอยู่นิดหน่อยนะคะ แต่คิดว่าบอกคุณไว้คงจะดีกว่า ระวังคุณวิเวียนไว้ก็ดีนะคะ”
“ครับ? หมายความว่าอย่างไรครับ”
“ฉันได้ดูดวงให้คุณวิเวียนเมื่อครั้งที่แล้วค่ะ ผลคำทำนายมันออกมาไม่ค่อยดีเท่าไรน่ะค่ะ”
“คุณพอจะบอกคำทำนายผมหน่อยได้ไหมครับ”
มันอาจจะดูเป็นคำขอที่มากเกินไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นซอนยูลก็พยักหน้าตอบรับอย่างเต็มใจ
“ในเมื่อฉันเป็นคนเริ่ม ฉันก็ต้องพูดให้จบสิคะ แต่แลกกันนะคะ คุณต้องเก็บเป็นความลับห้ามบอกวิเวียนนะคะ”
“แน่นอนครับ”
และแล้วเรื่องราวของซอนยูลก็เริ่มขึ้นพร้อมกันกับคำตอบที่หนักแน่นจากผม
“การดูไพ่นั้น หลายคนอาจจะมองว่าเพื่อความสนุก แต่มันก็คลุมเครือมากพอสมควรเช่นกันค่ะ แต่ในบางครั้งมันก็แม่นยำจนน่าใจหาย”
“เรื่องความคลุมเครือนั่นผมว่ามันขึ้นอยู่การตีความนะครับ”
“ใช่ค่ะ ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับว่าเราจะตีความมันอย่างไร ในตอนแรกมันก็เป็นเรื่องสนุกค่ะ แต่เมื่อครั้งก่อนนั้นที่คุณวิเวียน…”
ซอนยูลหลับตาลงช้าๆ เพื่อนึกถึงคำทำนายดวงชะตาในตอนนั้น ก่อนจะพูดออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น
“มีสิ่งที่เธอต้องการอยู่อย่างหนึ่งค่ะ หากฉันจะขอเรียกมันว่าความปรารถนาจะเหมาะสมหรือเปล่านะ และความปรารถนานั้นก็เกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ อย่างแรง แรงมากๆ เลยล่ะค่ะ”
“ถ้าเป็นความปรารถนาล่ะก็…”
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ…แต่ความเป็นไปได้ที่ความปรารถนานั้นจะสัมฤทธิ์ผลมีสูงมากเลยนะคะ และเมื่อคุณวิเวียนได้ตามที่เธอปรารถนาแล้ว…”
พอมานึกดูแล้ว ตอนนั้นเพราะมีเหตุบังเอิญเกิดขึ้นมา ผมจึงหยุดพูดเรื่องนั้นไปก่อนที่จะได้ฟังจากวิเวียนเสียอีก ดังนั้นผมจึงตั้งใจจดจ่อกับคำพูดของซอนยูลมากกว่าเดิม
“ความจริงแล้วตั้งแต่นี้ไปฉันก็ไม่รู้แล้วนะคะ แต่ว่าฉันจะบอกคุณตามที่ไพ่ได้ทำนายไว้ก็แล้วกันค่ะ”
“ครับ”
“ทั้งสองคน ต่างก็ไม่ใช่ตัวของตัวเอง”
“ครับ?”
ทั้งสองคำ ‘ครับ’ กับ ‘ครับ?’ นั้น ถึงจะเป็นคำเดียวกันแต่ความหมายต่างกันไปตามน้ำเสียงของผม ซอนยูลเองก็ดูจะรู้สึกได้ จึงลืมตาขึ้นมาก่อนจะเลียริมฝีปาก
“ฉันบอกคุณไปแล้วใช่ไหมล่ะคะว่าคำทำนายนั้นขึ้นอยู่กับการตีความ? สามารถตีความคร่าวๆ ว่าสูญเสียความเป็นตัวเองก็ได้เช่นกัน แน่นอนค่ะว่ามันสามารถตีความได้อย่างอิสระ แต่ฉันว่าความหมายของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก”
มะ ไม่ใช่ตัวของตัวเองในตอนนี้เหรอ
จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่คลุมเครือแต่ก็ไม่แปลกใหม่กำลังเข้ามาหาผม พูดง่ายๆ ก็คือเหมือนว่าผมจะพอจับความรู้สึกได้บ้างแล้ว
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่”
ในตอนนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงของซอนยูลกำลังเรียกชื่อผมอยู่ตรงหน้า หล่อนเอาไพ่สำรับหนึ่งออกมาจากแขนก่อนจะค่อยๆ ยกมันขึ้นมา
“ไหน ๆ เราก็พูดเรื่องนี้กันแล้ว ให้ฉันดูดวงให้แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่บ้างดีไหมล่ะคะ”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
ตามมาด้วยการสับไพ่ระดับสูงอย่างชำนิชำนาญ
หลังจากที่สับไพ่อย่างง่ายๆ เสร็จแล้ว ซอนยูลก็เอียงศีรษะของหล่อนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมา
“คุณมีอะไรสงสัยหรือไม่?”
นี่เธอบอกให้ฉันดูดวงอย่างนั้นเหรอ
คำเสนออย่างมีไมตรีของซอนยูลทำให้ผมเกิดรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที แต่พอมาลองคิดๆ ดูแล้ว ผมดันนึกเรื่องที่สงสัยไม่ออกนี่สิ
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่มีอะไรสงสัยเลย…เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ”
“ตายจริง นี่คุณกำลังปฏิเสธฉันเหรอคะ”
“ไม่ได้ปฏิเสธครับแต่ว่า…คือผมไม่รู้จะถามอะไรจริงๆ ครับ ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะครับ”
“อย่าทำแบบนี้สิคะ ลองดูสักครั้งเถอะค่ะ เพราะคุณอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้นะคะ เพราะฉันไม่ค่อยคุยเรื่องอะไรพวกนี้กับพวกผู้ชายเท่าไร”
ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่านะ ที่รู้สึกว่าน้ำเสียงของซอนยูลฟังดูทิ่มแทงแปลกๆ
ไม่หรอก ผมว่าผมเข้าใจไม่ผิดแน่ เพราะสีหน้าหล่อนมีแววบึ้งตึงคงเพราะหล่อนไม่คิดว่าผมจะปฏิเสธนั่นแหละ จากการที่ท่าทางโอบอ้อมอารีของหล่อนเมื่อสักครู่ค่อยๆ หายไปนั้น ดูเหมือนว่ามันจะทำให้หล่อนเจ็บปวดพอควรเลยทีเดียว
“คุณเล่นพูดมาขนาดนี้แล้วนี่…หากผมปฏิเสธอีกก็คงเป็นการเสียมารยาทแย่เลยนะครับ เข้าใจแล้วครับ งั้นมาลองดูกันสักตั้งก็ได้”
“ได้เลยค่ะ คุณคิดดีแล้วล่ะค่ะ คิดเสียว่าเป็นเรื่องสนุกๆ ไปแล้วกันนะคะ เพราะมันใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ”
พอเห็นว่าท่าทางเมื่อก่อนหน้านี้กลับคืนมาแล้ว ผมก็รู้สึกว่าผมคิดถูกแล้วที่เปลี่ยนใจ
“ฟู่ววว นานแล้วเหมือนกันนะที่ฉันไม่ได้ดูดวงให้ผู้ชายเนี่ย…”
ซอนยูลบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะเริ่มสับไพ่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
หล่อนสับไพ่พร้อมกับเสียงสับไพ่ที่ต้องมาคู่กันเสมอ เมื่อสักครู่หล่อนเป็นคนพูดเองแท้ๆ ว่าให้คิดว่าเป็นเรื่องสนุกๆ แต่กลับระมัดระวังกับการใช้มือสับไพ่มากทีเดียว
ขณะที่กำลังมองขั้นตอนการเตรียมตัวดูดวงของหล่อน ผมก็เกิดคำถามขึ้นมาข้อหนึ่ง
“แคลนลอร์ดหอคอยแห่งเวทมนตร์ครับ แล้วทำไมคุณถึงไม่ดูดวงให้ผู้ชายล่ะครับ”
“อ๊ะ เรื่องนั้นน่ะหรือคะ”
หล่อนกำลังตั้งใจมากจนผมลังเลว่าควรถามหล่อนดีหรือไม่ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่หล่อนตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่งๆ หล่อนไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาก่อนจะพูดต่อ
“เมื่อก่อนฉันก็เคยดูให้โดยที่ไม่แยกเพศว่าชายหรือหญิงนะคะ แต่เพราะเคยมีเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีเกิดขึ้น จากนั้นฉันก็เลี่ยงที่จะดูให้ผู้ชายไปเลยน่ะค่ะ”
“เหตุไม่ค่อยดีหรือครับ”
“ค่ะ เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนยังเป็นชั้นผู้น้อยก่อนที่จะได้รับคลาสลับน่ะค่ะ มันเป็นช่วงที่ฉันใช้ชีวิตอย่างยากลำบากโดยการทำงานพิเศษรับดูดวงจากไพ่ที่ทำขึ้นมาเองง่ายๆ เพราะไม่มีเงินค่ะ ยังคงจำได้ดีเลยนะคะ ทันทีที่เขาเห็นฉัน เขาก็พูดขึ้นมาเลยว่า ‘เธอนี่ดูดวงดีเลยนะเนี่ย’ พูดแบบนี้….”
ฮะ? แค่นี้น่ะนะ?
ก็ดูดวง ก็ไม่ได้มีอะไรผิดนี่ แต่ผมกลับลบความรู้สึกแปลกๆ เกี่ยวกับน้ำเสียงของหล่อนออกไปไม่ได้
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ในตอนนั้นเองผมก็รู้สึกว่าเสียงสับไพ่ของซอนยูลมันฟังดูแรงขึ้นกว่าเดิม ดวงตาของหล่อนเบิกโตขึ้น ดูเหมือนการรื้อฟื้นความทรงจำในวันนั้นจะทำให้ในใจหล่อนเดือดเหมือนโดนต้มเลยเชียว
เวลาผ่านไปเล็กน้อย เสียงสับไพ่จึงกลับมาสู่สภาวะปกติเหมือนก่อนหน้านี้ และในขณะเดียวกันนั้น ซอนยูลก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“จู่ๆ เขาก็ถอดกางเกงออกค่ะ”
“…?”
ผมรู้สึกสงสัยเพราะอยู่ๆ หล่อนก็พูดแบบนั้นออกมา ผมได้ยินว่าดวงนะ แต่ใบหน้าหล่อนยังคงนิ่งเรียบอยู่เช่นนั้นแล้วหล่อนก็กำลังจดจ่ออยู่กับการสับไพ่ จึงไม่มีช่องว่างพอจะให้ผมพูดหยอกเล่นอะไรได้เลย
นี่เธอพูดจริงหรือเปล่า
ขณะที่กำลังเกิดความสับสนเล็กๆ ในหัวผมนั้นเอง เรื่องราวของซอนยูลก็ได้ดำเนินต่อไป
“พอมาคิดดูแล้ว เขาไม่ได้พูดถึงดวงหรอกค่ะ เขาพูดถึงอย่างอื่นค่ะ เขาหมายถึงขอดูหน้าอกฉันน่ะค่ะ”
“อะ ไอ้บ้านั่น แล้วคุณทำอย่างไรต่อล่ะครับ”
“จะทำอย่างไรได้ล่ะคะ ผู้เล่นชั้นผู้น้อยจะไปมีอำนาจอะไรกัน ฉันก็แค่ทำตามที่เขาบอกให้ทำไปง่ายๆ นั่นล่ะค่ะ”
“…ครับ?”
หล่อนเล่าเรื่องแบบนี้ออกมาอย่างใจเย็นได้อย่างไรกัน ผมได้แต่มองหล่อนอย่างว่างเปล่า หล่อนหยุดมือนั้นลงเมื่อสับไพ่ทั้งหมดเสร็จแล้ว
“…”
“…”
ความเงียบปกคลุมอยู่สักพัก
ในขณะนั้นเอง ซอนยูลผู้วางไพ่ลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงก็ค่อยๆ พูดขึ้นมาอย่างใจเย็น
“ล้อเล่นน่ะค่ะ อย่าทำหน้าเคร่งเครียดแบบนั้นสิคะ”
“อะไรนะ…”
ก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไรออกมา ซอนยูลก็ใช้แขนของหล่อนที่วางอยู่บนไพ่วาดไพ่ออกมาเป็นครึ่งวงกลมอันใหญ่ ก่อนจะหยิบนาฬิกาทรายออกมาจากด้านข้างกองไพ่รูปพัดพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุขุม
“เฮ้อ เรามาเริ่มกันเลยดีไหมคะ คุณบอกว่าไม่มีอะไรจะถาม ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอดูให้คุณตามอำเภอใจเลยแล้วกันนะคะ”
“แคลนลอร์ดหอคอยแห่งเวทมนตร์ครับ”
“อ้อ ไม่ต้องไปสนใจเจ้านาฬิกาทรายนี่หรอกค่ะ นี่น่ะ เป็นเพียงเครื่องมือที่ไว้ช่วยในการดูดวงเท่านั้นเองค่ะ”
เป็นผู้หญิงที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ