เล่มที่ 2 ตอนที่ 49(บทที่ 104) – ฝันร้าย
ความรู้สึกชอบคนอื่นมันเป็นอย่างไรกัน?
ฉันนอนอยู่บนเตียงที่ซึ่งทำให้ฉันพบความสงบและความเงียบ ฉันไม่เคยชอบใครมาก่อน และไม่รู้ว่าการรู้สึกชอบใครสักคนนึงมันเป็นอย่างไร แต่ฉันมั่นใจว่าฉันไม่ชอบแฮรี่ เพราะตลอดช่วงเวลาพิเศษที่ฉันได้ใช้ร่วมกับเขา ฉันอดไม่ได้ที่อยากจะเอาชนะเขา ความรู้สึกชอบใครสักคนนึงมันไม่ควรเป็นแบบนี้ แบบที่อยากจะเอาชนะอีกคนตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ฉันก็สามารถบอกได้ว่าใครกำลังชอบใคร เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเสี่ยวจิงชอบแฮรี่ เมื่อแฮรี่กับฉันอยู่ด้วยกัน เสี่ยวจิงจะแสดงท่าทางโกรธ เพียงแต่เธอไม่พูด เลือกที่จะเก็บตัว ฉันเดาว่าเธอจะต้องชอบแฮรี่มาก
เจ้าหญิงอาร์เซนอลชอบซิงชวนเพราะเธอมักจะมองไปที่ดวงจันทร์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เมืองพระจันทร์เข้าใกล้ เธอก็จะเอาแต่เฝ้ามองเมืองพระจันทร์เงินอยู่อย่างเงียบๆ เมื่อเธอพบซิงชวน เธอก็จะแสดงท่าทางเขินอาย เธอหน้าแดงและเปลี่ยนไป
ซิงชวนก็รู้ว่าเจ้าหญิงอาร์เซนอลชอบเขา เหมือนกับที่แฮรี่รู้ว่าเสี่ยวจิงชอบเขา อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่กับดูเฉยเมย ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองไม่สนใจเลยว่าใครจะชอบเขา
บิลชอบเสวี่ยกี๋ แล้วฉันเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าชาร์จาห์รักเธอจริงๆหรือ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบระหว่างบิลกับชาร์จาห์ ฉันเข้าข้างบิลอย่างแน่นอน บิลมักจะคอยปกป้องเธออยู่อย่างเงียบๆช่างเป็นภาพที่ดูอบอุ่น ในขณะที่ชาร์จาห์มาจากเมืองพระจันทร์เงิน เจตนาของเขามันไม่บริสุทธิ์ใจ
ฉันคิดเสมอว่าความสัมพันธ์ที่โรแมนติกยังอยู่ห่างไกลจากฉันที่มีอายุแค่ 16 ปี แม้ว่าฉันจะอายุ 17 ปีในอีก 3 เดือนข้างหน้าก็ตาม
อายุ 17 ปีช่างเป็นวัยที่สดใส ฉันเคยตั้งตารอวันเกิดในปีที่ 17 แต่พ่อของฉันบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองยิ่งใหญ่ เพียงแค่จินตนาการถึงงานปาร์ตี้ที่กำลังจะขึ้น ฉันก็เลิกสนใจไปทันที
อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังไม่เคยคิดว่าจะชอบใคร เพราะจากแผนเดิม ตอนฉันอายุ 17 ปีฉันก็ยังคงเรียนหนังสืออยู่ ฉันคงมีโอกาสได้สัมผัสกับความรู้สึกโรแมนติกก็ต่อเมื่อฉันเข้ามหาลัย
ซึ่งตอนนั้นฉันน่าจะอายุ 20 ปี
เมืองโนอาห์เงียบเหลือเกิน เงียบมากจนฉันนอนไม่หลับ มันไม่มีทีวี ไม่มีคอมพิวเตอร์ หรือสื่อบันเทิงใดๆเลย ผู้คนในเมืองโนอาห์นอนเร็วมาก ฉันได้แต่นอนคว่ำหน้า กลิ้งไปมา ฝันกลางวัน
*ซ่่าาา*เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้น
ฉันหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา เขาคือราฟเฟิล
“ผมขอโทษนะ การประชุมพึ่งจบ“ราฟเฟิลกล่าวขอโทษ
ฉันสับสน “นายจะขอโทษฉันทำไม?”
เขายิ้มอย่างเขินอาย เขาก้มหน้าแล้วผมสีเทาของเขาก็ตกลงมาปิดใบหน้า ใบหน้าของเขาดูบอบบางยิ่งขึ้นเมื่อมองจากหน้าจอสื่อสารขนาดเล็ก “เธอจะต้องนอนไม่หลับแน่ๆ“เขาพูด
“อืม“ฉันพยักหน้า
“มันเป็นเพราะผม จึงทำให้เธอนอนไม่หลับ“เขาจะมีตัวเอง
ฉันเข้าใจแล้ว เขาคงมองว่าการช่วยให้ฉันนอนหลับเป็นภาระหน้าที่ของเขา
“ราฟเฟิล“
“หืม?”เขาเงยหน้ามองฉัน
“อย่ามองว่าการช่วยให้ฉันนอนหลับเป็นภาระและนำหน้าที่ของนายเลย“
เขายิ้มอย่างเขินอายและเกาหัว “ผมไม่ค่อยได้นอนตอนกลางคืน“
“อย่างไรก็ตาม นี่ก็ดูจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา“ชั้นวางเครื่องมือสื่อสารไว้ข้างๆศีรษะ ถ้าหากเขายังวงเวียนวัฏจักรแบบนี้ต่อไป ฉันคงไม่มีทางนอนหลับหากปราศจากการพึ่งพาราฟเฟิล
” มันไม่สะดวกเลย แฮรี่พูดถูก ผมคงไม่สามารถอยู่ในห้องของเธอได้“เขาก้มหน้าพูดด้วยความเขินอาย เขายังคงมองว่ามันเป็นหน้าที่ของเขา
“อันที่จริง ฉันอาจจะต้องการเพียงแค่เสียง“ฉันหันไปมองราฟเฟิลที่อยู่ในเครื่องมือสื่อสาร “มีวิทยุไหม?”
“วิทยุ?” ราฟเฟิลตกตะลึงก่อนจะกลับมาคืนสู่ความจริง “นั่นมันของโบราณ!” ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น “ผมเข้าใจแล้วว่าเธอหมายถึงอะไร “เขาออกไปจากหน้าจอ จากนั้นก็รีบวิ่งกลับมาด้วยรอยยิ้ม “อย่าเพิ่งปิดเครื่องมือสื่อสาร“จากนั้นเขาก็เดินออกไปใหม่ ไม่นานนับฉันก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวที่คุ้นเคย
เสียงที่เกิดจากราฟเฟิล ได้ผลเป็นอย่างดี ฉันเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
มันมีสวนลอยฟ้าที่สวยงามอยู่ตรงหน้าฉัน จากจุดที่ฉันยืนอยู่คือน้ำพุดนตรี ที่น้ำพุมีสายรุ้งสวยงามภายใต้แสงแดด มันดูน่ารัก
ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีทอดยาวข้างน้ำพุราวกับพรมยาวสีเขียว ผีเสื้อหลากสีสันวินบนท่ามกลางดอกไม้บานสะพรั่ง ยิ่งกว่าภาพวาดในหนังสือสำหรับเด็ก
ดนตรีบรรเลงเสียงไพเราะ สดใสเหมือนกับสายลม
ทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีกำลังเดินไปรอบๆทักทายผู้คนรอบข้าง บางคนก็พาลูกหลานมาดูน้ำพุ ทุกคนล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส
ทันใดนั้นน้ำพุก็หยุดกลางอากาศ ราวกับว่าเวลาถูกแช่แข็ง ผู้คนมากมายยืนนิ่งอยู่กับที่ พื้นที่โดยรอบเงียบสงัด แต่ยังคงไว้ซึ่งเสียงเพลงบรรเลง
เพลงค่อยๆช้าลงเหมือนกับเครื่องเล่นดีวีดีแผ่นสะดุด เมื่อเสียงเพลงดังช้าลง ผู้คนก็ค่อยๆหันมาทางฉัน พวกเขาจับจ้องฉัน แม้แต่ผู้ชราและเด็กก็มองมาที่ฉันด้วย
ฉันเริ่มรู้สึกกลัว เพราะใบหน้าของพวกเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แม้แต่ดวงตาก็ไร้แววตา
ฉันเริ่มวิ่งด้วยความกลัว ทุกคนวิ่งมาที่ฉัน สายตาจดจ่ออยู่ที่ฉัน ฉันวิ่งสุดกำลังจนกระทั่งหยุดหอบ ทุกคนก็ยังมองฉันอยู่เหมือนเดิม
ฉันมองพวกเขาด้วยความตกใจ จากนั้น พวกเขาก็เริ่มขยับเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย…..“การเคลื่อนไหวเหมือนหุ่นยนต์ มาพร้อมกับเสียงบทสวดซ้ำซากจำเจ พวกเขาค่อยๆยื่นมือมาทางฉัน เข้าใกล้ฉันเหมือนพวกซอมบี้ปี!!
“อย่าเข้ามา!! ไม่!!“
ทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็พุ่งมาจากด้านหลังของพวกเขา เสื้อผ้าของพวกเขาสวายกลายเป็นฝุ่นภายใต้แสงสีฟ้า เสื้อผ้าขาดวิ่นพริ้วไหวเหมือนกลีบดอกไม้ที่กำลังแตกสลาย ร่างกายและใบหน้าของพวกเขาค่อยๆถูกกลืนกินด้วยแสงสีฟ้าทีละนิด ผิวหนังค่อยๆเหี่ยวเฉาแตกเป็นเสี่ยงๆ แมลงคล้ายหนอนตัวกลมสีน้ำเงินคลืบคลานออกมาจากทั้งปากและดวงตา!!
“ช่วยด้วย! ช่วยเราด้วย!“เสียงกรีดร้องของพวกเขากลายเป็นเสียงคำรามโหยหวน พวกเขาพยายามข่วนกรงเล็บใส่ฉันด้วยความเจ็บปวด แมลงจำนวนมากที่ไหลทะลักออกมาจากปากและดวงตาถาโถมเข้าใส่ฉัน
*แฮ่กกก!*ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อแตกพลัก!
*วู้วว!*
*ตุบ ตับ ตุบ ตับ ตุบ ตับ!*หัวใจของฉันเต้นแรง
“หลัวปิง! เธอโอเคไหม?”ฉันได้ยินเสียงดังอยู่ด้านข้าง
ฉันฟื้นคืนสติและมองไปที่ด้านข้าง เครื่องมือสื่อสารของฉันยังคงเปิดใช้งานอยู่ “ฉันไม่เป็นไร นายยังไม่นอนอีกเหรอ?”
ราฟเฟิลที่อยู่ในเครื่องมือสื่อสารยิ้มและยกมือขึ้น เขาถือคันโยกสีขาวที่ใหญ่เท่าแตงกวา “ผมกำลังสร้างคันโยกบังคับการให้กับเธอ มันมีขนาดพอจะเข้ากับแตงกวาหรือเปล่านะ?”เขาพอใจกับความสำเร็จราวกับว่าเขาได้สร้างศิลปะที่เขารัก