ตอนที่ 1220 ศัตรูแข็งแกร่งร้ายกาจ
หัวหน้านักสู้ปราณฟ้าหัวสิงห์ประเมินดูสถานการณ์รู้สึกว่าบุรุษน้ำแข็งที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นไม่ง่ายจะจัดการ บุรุษหนุ่มผู้สุภาพที่ยังรักษารอยยิ้มได้แม้ร่างกายบาดเจ็บบอบช้ำก็ดูไม่เรียบง่ายเหมือนอย่างที่เห็น พี่น้องฝาแฝดนั้นเงียบขรึมเกินไป ถ้าเขาต้องการจะจับเป็นตัวประกัน คาดว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และสถานะของพวกเขาต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าเป็นคนคุ้มกันคุณชายผู้สูงส่ง แม้จะจับได้ก็มีคุณค่าเพียงเล็กน้อย
สตรีงามร่างสูง พวกเขาค้นไม่พบว่ามาได้อย่างไรในเวลานี้และนางหงุดหงิดได้อย่างไร
ในที่สุด เป้าหมายที่เหลืออยู่
มีเพียงสองเท่านั้น
คนหนึ่งคือคนร่างผอมที่พยายามทุบตีผู้คน อีกคนหนึ่งเจ้าอ้วนเจ้าเล่ห์
พลังของคนทั้งสองนั้นดูเหมือนจะระดับเดียวกัน แต่คนผอมจะดีกว่าเจ้าอ้วนมากในด้านการแสดงออกถึงอารมณ์ เขาดีกว่าเจ้าอ้วน เจ้าอ้วนเป็นเพียงแค่สวะ!
“ลงมือ!” หัวหน้าหัวสิงห์จากแดนสวรรค์สบตาสหายและตัดสินใจจับเจ้าอ้วนเป็นตัวประกัน
“บึ้ม ปัง ปัง ปัง ปัง!” ขณะนั้นเมื่อหัวหน้าหัวสิงห์นำสหายลอบลงมือทำร้าย ผู้เป็นหัวหน้ากระโดดพุ่งสูงอย่างรวดเร็วและบินโฉบลงมาจับเจ้าอ้วนที่เพิ่งโผล่ออกมาจากทะเล แม้ว่าเขาจะมีขนาดใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวของเขา ไม่เพียงแต่ยืดหยุ่นเท่านั้น แต่ทักษะของเขานั้นงดงามและใช้งานได้จริง แต่เจ้าอ้วนที่ถูกจับไม่มีเวลาต่อสู้ตอบโต้ จากนั้นเขาถูกจับตัวและโยนที่ขอบวงเวทรูนโลหิตแทบเท้าผู้เป็นหัวหน้าของนักสู้จากแดนสวรรค์
“ถ้าพวกเจ้าต้องการให้เขาตายต่อหน้าพวกเจ้าอย่างน่าอนาถ อย่างนั้นก็ลองดู!” หัวหน้าหัวสิงห์จากแดนสวรรค์มีความภูมิใจในครั้งนี้ ด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียวต่อหน้าสหายของเขา ความจริงเขาคิดว่าจะยากกว่านี้เสียอีก นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะดำเนินไปอย่างราบรื่น
“ข้ากล้าพูดได้ว่าข้ามีร้อยวิธีทรมานเจ้าก่อนตายชนิดที่เจ้าทนไม่ไหว” หัวหน้าร่างผอมสูงเหมือนฟืนไฟพูดเสริม
“งานโปรดที่สุดของข้าเจ้าเมืองผู้นี้ก็คือทุบกระดูกของของตัวประกันทีละนิดๆ” ปีศาจร่างกล้ามเนื้อตัวเตี้ยโบกค้อนทองคำในมือแสดงให้เห็นว่าเขามีประสบการณ์ในการทรมานผู้คนมากมายเพียงไหน
“กระดูกย่อมไม่หักเสียเปล่า ข้าเลี้ยงสุนัขทาร์บะไว้ มันชอบแทะกระดูกมนุษย์ยิ่งนัก” หัวหน้านักสู้แดนสวรรค์หัวแรดอธิบายให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนดี ไม่มีความชั่วใดๆ ในโลกนี้ที่เขาไม่กล้าทำ เพื่อเสริมสร้างแรงโน้มน้าวของเขา เขาเรียกสุนัขทาร์บะอสูรปราณฟ้าระดับสามออกมา
สุนัขทาร์บะหางงู เป็นสุนัขยักษ์ที่ตะกละและกระหายเลือดแห่งแดนสวรรค์
ตัวโตเต็มวัยมีขนาดตั้งแต่หัวถึงหาง 20 เมตร ความสูงถึงระดับไหล่ของมันแปดเมตร
มีน้ำลายพิษหยดออกจากปาก
กัดเพียงครั้งเดียว
สามารถกลืนกินกระทิงและแรดได้
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือหางงูไม่มีประสาทความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ และมีความสามารถในการรักษาตัวเองที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นเมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น มันจะไม่หยุดจนกว่าศัตรูจะล้มลงและมันเป็นหนึ่งในสัตว์ที่มีชื่อเสียงในบรรดาอสูรร้ายมากมายในแดนสวรรค์ แน่นอนว่ามันไม่สามารถเทียบได้กับอสูรชั้นสูงสิบชนิด เช่นมังกรยักษ์แดนสวรรค์ และอสรพิษเก้าหัว ฯลฯ ในแดนสวรรค์สุนัขทาร์บะนี้ถือว่าเป็นอสูรที่น่ากลัว
ในฐานะเจ้าเมืองจึงมีสิทธิ์มีอสูรพิเศษทาร์บะได้
และยิ่งกว่านั้นไม่ง่ายเลยที่จะมีระดับถึงปราณฟ้าระดับสาม
ถ้าไม่ใช่เพราะมีสุนัขหางงูนี้ ซึ่งข่มสหายทั้งปวงได้ หัวหน้านักสู้แดนสวรรค์หัวแรดคงไม่ได้เป็นหัวหน้าทหารระดับสูง
ขณะที่สุนัขหางงูปรากฏตัวออกมา มันอ้าปากในพริบตาก็จับทาสของตัวเขากินไปสองคน
บางทีมันอาจรู้สึกว่ากินแบบนี้ยังไม่ถึงเลือดหรือน่าตื่นเต้นพอ
มันใช้เท้าตะปบทาสหลายคนและกัดฉีกร่างพวกเขาจนขาดครึ่ง มันจึงค่อยรู้สึกถึงความตื่นเต้นเจ็บปวดและตื่นเต้นจากกลิ่นคาวเลือด… หางหลังที่เป็นงูหลามเปล่งเสียงขู่เจ้าอ้วน ดูเหมือนว่ามันพร้อมจะกลืนกินเขาด้วยการกัดเพียงเดียวด้วยกรดพิษที่ไหลออกมาจากปากของงู พอหยดลงพื้นทรายมีควันสีดำลอยคละคลุ้งขึ้นทันที
“ข้ายอมแพ้!” เจ้าอ้วนยกมือขึ้นและแสดงความเต็มใจเป็นคนดีเพื่อเอาชนะใจกองทัพแดนสวรรค์ผู้มีคุณธรรม
“ข้ายังไม่ได้ถามเจ้า!” หัวหน้าหัวสิงห์จากแดนสวรรค์อารมณ์ไม่ดี ตอนนี้เจ้าอ้วนนี่ไม่จำเป็นต้องยอมแพ้เลย บทบาทในปัจจุบันของเขาคือเป็นตัวประกันที่มีน้ำหนัก ไม่ใช่การยอมแพ้ ภายใต้แรงกดดันสหายเขา ทำให้รู้สึกลำบากใจที่เห็นใครบางคนตกอยู่ในอันตรายและไม่อาจทำอะไรได้เลย เจ้ามายอมแพ้ตอนนี้ ใครสั่งให้เจ้าอ้วนยอมแพ้?
“ใต้เท้าไม่จำเป็นต้องถาม ข้าตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว รอให้ราชาลงมือทุบตี ข้าตั้งใจว่าจะจงรักภักดีกับเขาไปสักร้อยปี” เจ้าอ้วนไห่พูดจริงจัง
“ห้ามยอมแพ้! เราไม่ยอมรับเจ้าสวะนี่!” หัวหน้าหัวสิงห์นักสู้แดนสวรรค์โกรธ เมื่อเจ้าอ้วนยอมแพ้ ก็จะไม่มีตัวประกัน แล้วเขาจะใช้ตัวประกันคุกคามเด็กหนุ่มและหญิงสาวที่อยู่ด้านตรงข้ามได้อย่างไร?
“อ๊า…..” เจ้าอ้วนหน้าโง่และเพิ่งเห็นความจริงว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ยอมแพ้?
ถ้าเปลี่ยนเป็นหัวหน้านักสู้จากแดนสวรรค์คนอื่นคงไม่รังเกียจที่จะยอมรับความน่าเชื่อถือนี้ มันยากที่จะมีการยอมแพ้ในหอทงเทียน!
ต้องรู้ว่าแม้ชาวชนบทของหอทงเทียนจะไม่แข็งแกร่งพอ อย่างไรก็ตามพวกเขามีอารมณ์ที่ไม่ดี พวกเขาเคยอยู่ในหอทงเทียนมานาน คนหลายหมื่นคนถูกฆ่าตายทั้งก่อนและหลัง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าชายหรือทาส ไม่ว่าจะเป็นนักดาบหรือพลเรือน เขายังไม่เคยพบคนที่ยอมแพ้ ไม่ว่าตัวประกันที่ถูกจับจะหวาดกลัวและเจ็บปวดเพียงใด คนบ้านนอกพวกนี้จะยอมตายดีกว่ายอมแพ้ก้มหัวให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคนแก่หรือพวกคนพิการ พวกเขากระดูกแข็ง ทันทีที่ถูกจับได้ก็จะระเบิดตัวตาย ไม่เคยคิดจะหนีหรือรีรอ
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด และเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
การยอมแพ้ไม่สามารถยอมรับได้ชั่วคราว
ตอนแรกตามแผนการเดิม เจ้าอ้วนจะต้องถูกจับเป็นเชลยและตัวประกัน และจากนั้นสหายของเขาก็จะถูกข่มขู่ และยังไม่สายเกินไปที่จะถามว่าเขาจะยอมจำนนหลังจากถามความจริงแล้วหรือไม่
หัวหน้าหัวสิงห์ยืนขึ้นและกระแอม เขาหวังว่าบุรุษหนุ่มและหญิงสาวในฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้ยินเสียงการสนทนาของเจ้าอ้วน มิฉะนั้นคงเป็นเรื่องยากจริงๆ ตอนแรกเขาต้องปิดปากเจ้าอ้วน จากนั้นกระชากเจ้าอ้วนเข้ามาและตะโกนใส่คนร่างผอมตรงนั้น “ฟังให้ดี เจ้าอ้วนสหายของพวกเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือข้า ถ้าพวกเจ้าไม่ยอมแพ้แต่โดยดี พวกเราจะควักหัวใจและแล่เนื้อสหายของเจ้าโดยตรง จงฟังให้ดี”
“ข้าคิดว่าหมดสิ้นเจ้าอ้วนนี่ก็ดีเหมือนกัน” สตรีร่างสูงถามความเห็นคนรอบๆ
“เห็นด้วย” พี่น้องฝาแฝดพูดตอบรับพร้อมกัน
“ในเมื่อเขาตัดสินใจยอมแพ้ ก็ถือว่าเป็นคนทรยศ ถ้าเป็นคนทรยศดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับพวกเรา!” บุรุษหนุ่มผู้สุภาพพูดเช่นนี้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ไม่มีเหตุผลที่อีกฝ่ายหนึ่งจะเอาคนทรยศน่าเกลียดชังมาข่มขู่ ทุกคนยังจะสู้อยู่ดี
“เจ้าอ้วนกลายเป็นคนทรยศ เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเขา วิธีเดียวที่จะใช้ได้ก็คือฆ่าเขาและข้าคิดว่าไม่ควรฆ่าแบบธรรมดา มันมีค่าน้อยเกินไปสำหรับเขา อาจจะทำให้เขาผิดหวัง ต้องเผาแล้วโยนเถ้าถ่านลงทะเลปล่อยให้กุ้งหอยปูปลากินเป็นอาหาร ให้กระดูกเขาหายไปตลอดกาลราวกับว่าไม่เคยเกิดมาก่อน!” คนผอมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและโกรธยิ่งกว่าเดิม “ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พอบรรเทาความเกลียดชังของข้าได้ ข้าจะต้องจับปลาและกุ้งเหล่านั้นออกมาทอดกินแล้วระบายออกมาเป็นอุจจาระ ให้เจ้าอ้วนได้อยู่ในสภาพอุจจาระเช่นนั้นตลอดไป ข้าต้องการให้โลกได้ดูเอาไว้ นี่คือจุดจบของการเป็นคนทรยศ นี่คือจุดสิ้นสุดของคนโลภ ขลาดเขลากลัวตาย ยอมแพ้ต่อศัตรูเพื่อหวังความร่ำรวย!”
“เจ้าพวกงี่เง่าพวกเจ้ายืนตรงพูดโดยไม่รู้จักปวดหลัง ถ้าเจ้าถูกจับได้แล้วมีงูใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ข้างหน้าเจ้าแทบจะเลียหน้าเจ้าถึง เจ้าคงจะยอมแพ้เร็วกว่าข้าคุณชายเสียอีก! เจ้าสามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่เจ้าทำไม่ได้เช่นเดียวกับข้าหรือเปล่า? เจ้าคิดว่าสามารถเป็นวีรบุรุษได้โดยซ่อนอยู่หลังก้นใครบางคนหรือเปล่า? ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะถูกจับได้ เจ้าจะต้องเรียกข้าเป็นลูกพี่ มิฉะนั้นเราคุณชายจะไม่มีทางยอมแพ้แน่!” เจ้าอ้วนสบถคืน
“ในฐานะคนทรยศ เจ้ายังกล้าทำหยิ่งอีกหรือ?” คนผอมได้ยินก็ยิ่งโมโห ชูหมัดด่าทันที
“หยุดให้ข้าเดี๋ยวนี้!” หัวหน้าหัวสิงห์ตวาดพลางทำหน้าดุ
เขายื่นมือ
และจับคนผอมและเจ้าอ้วนพร้อมกัน
เจ้าอ้วนเชื่อฟังว่าง่ายไม่เคลื่อนไหวทันที และอ่อนน้อมซื่อสัตย์ยิ่งกว่าทาสที่บ้านเขาเสียอีก ตรงกันข้ามกับคนร่างผอม แข็งกระด้างกว่า เขาต่อยออกหมัดได้ไม่กี่ครั้ง แต่ยังคงดิ้นรนไม่หยุด ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของคนผอมนี้อ่อนแอเกินไป อย่างนั้นเขากังวลจริงๆ ว่าจะไม่สามารถทนรับได้
หัวหน้าหัวสิงห์ลอบย่ามใจอยู่ลับๆ ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงคำราม “ระวังการลอบโจมตี!”
เมื่อหันกลับไปเขาพบว่าบุรุษน้ำแข็งที่นั่งขัดสมาธิใช้สายฟ้าโจมตี
สายเกินกว่าจะหลบ เขาผลักเจ้าอ้วนออกมาข้างหน้า
และหมัดๆ หนึ่งเฉียดเขาไป
ชั้นของน้ำแข็งควบแน่นไปทั้งตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งแขนขวาของคนอ้วนลามไปทั้งร่างกลายเป็นน้ำแข็ง
ตรงกลางพื้นลำคอของหัวหน้าหัวสิงห์จากแดนสวรรค์มีโลหิตพุ่งออกมา พอเลือดกระเซ็นลงบนพื้นก็กลายเป็นเลือดน้ำแข็งทันที ถ้าไม่ใช่เพราะสหายของเขาเตือนทันเวลาหัวหน้าหัวสิงห์สงสัยจริงๆ ว่าเขาคงจะถูกฆ่าตายในทันทีภายใต้การลงมือซ้ำของฝ่ายตรงข้าม หัวหน้าหัวแรดและหัวหน้าร่างเหมือนไม้ฟืนทั้งสองคนเดินโซเซไม่กี่ก้าวก็สีหน้าเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเขาพบว่าบนพื้นกลายเป็นน้ำแข็ง
หัวหน้าหัวสิงห์รู้สึกมือว่างเปล่า คนผอมถูกบุรุษน้ำแข็งชิงตัวไปแล้ว
บุรุษน้ำแข็งทรงพลังมากไม่มีใครเปรียบติด
แต่ทุกคนมองเห็นได้ว่า
เจ้าเด็กนี่เป็นธนูที่เหนี่ยวสุดล้า… เขาต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหนักมาก่อน และเขาใช้พลังนั้นชิงตัวคนผอมกลับไป เขาใช้พลังมากเกินไป และคงทนได้นาทีกว่า เขาเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะพังทลายล้มลงกับพื้น
“เฮอะ!” เด็กหนุ่มน้ำแข็งยื่นมือเรียกคัมภีร์แพลตตินัมอย่างไม่เกรงกลัว นั่นแทบจะทำให้หัวหน้านักสู้แดนสวรรค์กลัวจนแทบปัสสาวะราด โชคดีที่เจ้าเด็กนี่ได้รับบาดเจ็บหนัก มิฉะนั้นเขาคงถูกฆ่าแน่ เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะพูดถึงรองเจ้าตำหนัก คาดว่าเจ้าเด็กผู้นี้คงเคลื่อนไหวลงมือ และเมื่อครู่นี้ดูเหมือนพวกเขาพูดถึงรองเจ้าตำหนักในมิติทางผ่าน ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่เรื่องโกหกหรือขู่เข็ญ บุรุษน้ำแข็งผู้นี้มีพลังอยู่จริง
“กลับไปพัก ปรับตัวแล้วค่อยกวาดล้างโจรสุนัขเถอะ!” สตรีร่างสูงกลับวงแหวนเงินคล้องคอและฮิปโปน้อย คนผอมและพี่น้องฝาแฝดและคุณชายผู้สูงศักดิ์ทุกคนเข้าไปในคัมภีร์แพลตตินัม
ก่อนที่บุรุษน้ำแข็งจะจากไปเขาใช้ดรรชนีต้องการกำจัดน้ำแข็งที่แช่แข็งเจ้าอ้วน
โชคดีที่สุนัขหางงูอยู่ข้างหน้าและพ่นไฟใส่
ต่อต้านลมน้ำแข็ง
สิ่งที่ทำให้คนที่อยู่ในกลุ่มประหลาดใจก็คือรูปแบบการสู้ที่ไม่คุ้นเคย แม้จะมีกลุ่มเปลวไฟหนา แต่สุนัขหางงูก็ยังถูกแช่แข็งได้ ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าหัวแรดเข้ามาช่วยได้ทันเวลา คาดว่าสุนัขพลังปราณฟ้าระดับสามนี้จะต้องกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งแน่นอน
ถ้าบุรุษน้ำแข็งนั้นอยู่ในสภาพพร้อม อย่างนั้นทุกคนก็คงตาย
โชคดีมีเหตุผลที่ดีที่สุดสำหรับถอนตัวหนีในเวลานี้
ในที่สุดก็มีคนยอมจำนนกองทัพที่สู้กันอย่างยุติธรรม
ในที่สุดหัวหน้านักสู้แดนสวรรค์ก็นำทางหนีไป… แม้ว่าได้เจ้าขยะอ้วนที่มีพลังการต่อสู้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี และดีกว่าไม่ได้อะไรเลย!
ขณะที่หัวหน้านักสู้จากแดนสวรรค์เตรียมนำเจ้าอ้วนไห่กลับไปที่ค่ายลึกลับและรายงานขึ้นไป ทันใดนั้นมีกองกำลังใหญ่มาถึง หัวหน้าใหญ่ทั้งสามกลับลงไปยืนบนพื้นไม่ขยับแม้แต่เล็กน้อย
“ข้ารู้แล้วว่า ข้าไม่สามารถหวังพึ่งพาพวกสวะได้ อย่างไรก็ตามข้าไม่คาดเลยว่าจะมีการจัดการไว้นับครั้งไม่ถ้วน สรุปก็คือสถานการณ์ในระดับนี้ยังไม่สำเร็จจนได้ บางครั้งข้าก็อยากรู้ว่าสมองของเจ้าโง่พวกนี้มีอะไรอยู่บ้าง ทำไมพวกมันถึงได้โง่นัก? พวกมันไม่ละอายหรือไงที่เป็นคนโง่ แต่ก็ยังคิดว่าตนเองฉลาด เก่งที่สุดในโลก ข้านึกไม่ออกว่าทำไมโลกถึงมีคนแบบนี้ คนประเภทนี้ถ้ามีอยู่จริงในโลก นอกจากความน่ารำคาญแล้ว ยังมีคุณประโยชน์อันใดอีก” ในบรรดาผู้ที่มาถึงสามคน คนหนึ่งเป็นบุรุษหนุ่มร่างสูงหล่อเหลา หากชาวโลกไม่เคยเห็นเทพ เพียงแต่เงยหน้ามองดูบุรุษหนุ่มนี้ ทุกคนอาจพบว่าความประพฤติของบุรุษหนุ่มนี้ มีมาตรฐานใกล้เคียงกับเทพเจ้า
“ฝ่าบาท!” หัวหน้าหัวสิงห์รอจนเห็นชัดเจนเขาตะลึงทันที
“ไม่ โปรดอย่าเรียกข้าฝ่าบาท!” บุรุษที่มองดูเหมือนเทพส่ายหน้าโบกมือพัลวัล “ข้าไม่มีบริวารอย่างพวกเจ้า ขืนมีคงเป็นเรื่องน่าอับอาย! โง่ยิ่งกว่าหมูถึงหมื่นเท่ารู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่นข้าจะพบหน้าใครได้อีก บางทีข้าอาจฆ่าตัวตาย ที่แย่ที่สุดก็คือทำให้ข้าเสียโฉมไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ยอมให้อภัยตนเอง ข้าส่งเจ้าให้มาที่นี่เพื่อตั้งค่าวงเวทรูนเพียงแค่ได้พบว่าพวกเจ้าเอาศัตรูกลับมา พวกเจ้าโยนราชาทั้งสิบเข้าไปในกระแสวังวนมิติเวลา ข้ากล้าบอกได้เลยว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อรับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าหลายร้อยเท่า แต่ปลอมตัวเป็นมนุษย์อ้วนแล้วคิดจะเอากลับไปที่ค่ายชั่วคราวทั้งที่เราควรจะทำลายทิ้งไม่ใช่หรือ? ข้าเคยขอให้เจ้าทำอะไรเกินเลยนอกเหนือจากทำวงเวทรูน? ไม่เลย! ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเจ้าต้องมาช่วยข้าแก้ปัญหาที่พวกเจ้าไม่สามารถใช้หน่วยข่าวกรองแก้ได้? ถ้าเจ้าไม่ทำอะไรให้มันใหญ่โตเพื่อข้าได้แล้ว อย่างน้อยช่วยให้ข้าสบายใจหน่อยได้ไหม? เจ้าไม่เคยรู้ว่าหอทงเทียนมีผู้พิทักษ์กี่คนและน่ากลัวขนาดนี้ ด้วยสติปัญญาเจ้า เจ้าไม่มีทางคิดออกเลยว่าทำไมสถานที่ชนบทจึงเต็มไปด้วยนักสู้ สามารถผลิตบุคลากรออกมาแข่งกับตำหนักกลางได้ พวกเจ้ามันไม่เข้าใจอะไรเลย ความจริงพวกเจ้าต้องช่วยข้าทำงาน ไม่ใช่แก้งานที่ควรทำให้ดี ก่อนที่ข้าจะโกรธจนควบคุมตนเองไม่ได้ พวกเจ้ารีบไสหัวตัวเองไปทันทีเป็นการดีที่สุด และอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก ฟังให้ดี อย่าให้ใครมามองข้าด้วยสายตางี่เง่าแบบนั้นอีก และอย่ามาเรียกข้าด้วยคำว่าฝ่าบาทอีก ฟังแล้วข้าพาลอยากอ้วก ไสหัวไปได้แล้ว”
หัวหน้าหัวสิงห์ไม่มีเวลาได้ทันตั้งตัว เจ้าอ้วนที่ถูกแช่แข็งอยู่ด้านข้างเริ่มขยับตัว
เหมือนกับสายฟ้า
แต่
น่าเสียเสียดายที่ร่างทั้งสามเข้าขวางทางเจ้าอ้วนไวกว่าสายฟ้า
เพียงยกมือก็ยิงแสงทำลายล้างออกมา แรงระเบิดสั่นสะเทือนสะท้านโลกทำลายพื้นที่เกาะหายไปส่วนใหญ่เหลือแต่ความว่างเปล่า แม้แต่คลื่นใหญ่ด้านหลังก็ระเหยเป็นไอโดยตรงเห็นร่องลึกขนาดใหญ่ก่อนทะเลจะเข้ามาบรรจบคืนสภาพเดิมอีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้หัวหน้าหัวสิงห์กับพวกหัวหน้านักสู้มองดูตาค้างก็คือ เจ้าอ้วนที่ดูเหมือนเศษสวะเมื่อครู่นี้
ยืนอยู่ตรงกลางพลังโจมตีได้อย่างไม่คาดคิด
ใช้เพียงสองมือ
ลำแสงทำลายล้างก็กระจายหายไป
พื้นที่ส่วนใหญ่ด้านหลังเจ้าอ้วนหายไปเหลือเพียงรอยฟันลึกเป็นเส้นยาวในหาดทราย ปรากฏว่าเจ้าอ้วนเหมือนจะเดินออกมาจากลำแสง ขณะเขาจามเสื้อคลุมด้านนอกก็สลายเป็นผุยผง ร่างของเขายืนเด่นเป็นสง่าราวกับเทพสงคราม
นี่ นี่คือเจ้าอ้วนน่าตายที่พึ่งร้องขอความเมตตาเมื่อครู่นี้หรือ?
ไม่มีทาง!
ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน!
ใบหน้าของหัวหน้าหัวสิงห์, หัวหน้าหัวแรด หัวหน้าท่อนฟืนมีแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด ความคิดของพวกเขาสับสนเกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้
คนที่ยืนอยู่หน้าเจ้าอ้วนและเพิ่งใช้พลังไปเมื่อครู่นี้ก็คือบุรุษหนุ่มที่อยู่ตรงกลาง เขายิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทางเหมือนเทพเจ้า “ถ้าข้าคาดไม่ผิด เจ้าคือจ้าวปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ไห่ต้าฟู่อัจฉริยะอันดับสองแห่งหอทงเทียนใช่ไหม?”
เจ้าอ้วนหัวเราะทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “เจ้าบอกว่าข้าคุณชายเป็นอัจฉริยะอันดับสองของหอทงเทียน ข้าไม่คัดค้านอะไรนัก เพราะในฐานะที่เป็นลูกพี่ ข้าย่อมส่งเสริมความมั่นใจให้กับรุ่นน้องอยู่แล้ว นั่นเป็นนิสัยพื้นฐานของข้าคุณชายที่ใจเปิดกว้าง ยอมรับ มีคุณธรรมและนอบน้อมถ่อมตน แต่ที่เจ้าเรียกว่าจ้าวปีศาจนั่น ผิดอย่างแน่นอน ชายหนุ่มรูปงามหล่อเหลาอย่างข้า นอกจากจะมีชื่ออย่างเหมาะสมอย่างเช่นมังกรหน้าหยก ทำนองนี้ ชื่ออื่นๆ มันดูไร้ความหมาย มิฉะนั้นพบกับเจ้าครั้งแรกก็คงจะดูสุภาพกว่านี้ ข้าขอร้องว่าเจ้าอย่าได้ใส่ร้ายข้าในครั้งต่อไปอีก ความซื่อสัตย์ก็ส่วนความซื่อสัตย์ เจ้าอิจฉาคนรูปหล่ออย่างข้า ถึงได้ใช้คำพูดเรียกข้าเสียหายอย่างนั้นใช่ไหม? อันที่จริงข้าฝึกฝนฝีมือมาก็วางตัวไม่ให้โดดเด่นอยู่แล้ว ไม่ทำตัวให้ดีเกินไป โดดเด่นเกินไป ถ้าไม่เชื่อเจ้าไปถามใครดูก็ได้ แม้ว่าข้าคุณชายไห่จะอยู่ในหอทงเทียนที่ซึ่งผู้คนชื่นชอบยานพาหนะ แต่ข้าก็ชอบแสวงหาความดีงามเงียบๆ หากเจ้าไม่เชื่อลองให้ข้าแทงเจ้าสักสองดาบ เจ้าจะได้เข้าใจข้าได้อย่างชัดเจนทันที”
“….” ฝ่ายตรงข้ามทั้งสามยืนฟังโดยไม่รู้ตัวว่าเจ้าอ้วนผู้นี้ไร้ยางอายแค่ไหน
พวกเขาไม่คุ้นชินกับความบ้าบอของเจ้าอ้วนผู้นี้
ด้านซ้ายของบุรุษหนุ่ม มีชายวัยกลางคนท่าทางอารมณ์เหมือนนักประพันธ์ เขาอดพูดไม่ได้ “นี่คือสิ่งที่คุณชายสามของเจ้าพูดไว้ใช่ไหม?”
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็อาจจะหน้าแดงด้วยความละอาย แต่เจ้าอ้วนไห่เชิดหน้า เขาถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่และโบกมือ “คำพูดที่น่าซาบซึ้งของเจ้าเด็กนั่น เป็นข้าลูกพี่สอนเขาเอง!”
อยู่ต่อหน้าคนหน้าด้านใครจะทำอะไรได้