ยูมะยังคงเขิน คิดไม่ตกว่าจะพูดแบบไหนถึงจะดูดี จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ ยุยเป็นฝ่ายดึงแขนเสื้อยูมะก่อน
“เน่ ยูมะ”
“อ๊ะ อืม”
“เอ่อ…คือ..คือว่า…ต..แต่ง..งาน…”
ยุยพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง ไม่สิ สิ่งที่พูดน่ะ ยูมะรู้ดีอยู่แล้วว่าเธออยากพูดอะไร
แล้วไอ้การปล่อยให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน มันคือความน่าสมเพชในฐานะลูกผู้ชายด้วย
ยูมะเลยเป็นฝ่ายชิงพูดก่อนเอง
“ต…แต่งงานกันมั้ยครับ”
ยุยฟังจบ ชะงักกึก หน้าแดงก่ำ
“เอ่อ แต่งงานมัน..ก็ดีตรงที่เห็นที่มันอัพแพทซ์ใช่มั้ยว่าระบบมันอำนวยความสะดวกให้คนแต่งงานด้วย”
“อ…อืม..แต่งงานกันนะ”
ยุยกล่าวเสียงตะกุกตะกักแต่เต็มไปด้วยความดีใจ
เย็นไว้โว้ยยูมะ นี่ก็แค่แต่งงานในเกมแต่ทำไมเสียงหัวใจกุมันรัวจนหยุดไม่ได้เลยวะ
ด้ววยความเขินจัด สุดท้ายทั้งคู่ต่างเบนหน้าไปมองสมาร์ทโฟนแทน
“ถ้าแต่งงงานกันแล้วน่าจะมีเควสที่เกี่ยวกับระบบนี้ด้วยนะ”
“อืม..น่าสนุกเนอะ”
พอเปลี่ยนไปพูดเรื่องเกม สีหน้ายุยเริ่มหายแดง กลับมาเป็นสีหน้าของเกมเมอร์แทน
“ยูมะ เควสนี้น่าทำมากเลย”
“ไหนๆ เออจริงด้วย ดรอปของดีเลยนี่หว่า”
“กำหนดการอัพเดทแพทซ์มันให้อัพวันเสาร์กลางวันนี้ วันหยุดของเราพอดี มีอีเว้นให้ทำแล้วเนอะ น่าสนุกจังเลย”
“จริงด้วยครับ”
ยุยเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก เธอกระตุกแขนเสื้อยูมะ
“ยูมะ เราไปร้านเน็ตคาเฟ่ด้วยกันมั้ย”
ตั้งแต่เปิดเทอมมา ยุยกับยูมะไม่ได้ไปร้านเน็ตด้วยกันอีกเลย
ตัวเลือกนี้น่าสนใจ อยากไปมั้ย ก็อยากนะ แต่ว่า…
“โทษทีนะ ช่วงนี้กระเป๋าแห้งครับ”
เป็นคำตอบน่าสมเพชแต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ต้องพุดตามตรง เพราะเงินเก็บที่ใช้เปย์ตอนปิดเทอมกับยุย นั่นก็จัดเต็มตลอด สุดท้ายตอนนี้คือเงินเก็บแทบไม่เหลือแล้ว
“อ๊ะ..ชั้นขอโทษนะ เป็นเพราะช่วยชั้นจากโรคสื่อสารไม่เก่งแท้ๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องคิดมากนะ ชั้นพอใจจ่ายและชั้นก็สนุกกับมันด้วย”
เพราะเปย์ให้ยุยเต็มที่ สุดท้ายความสัมพันธ์เราถึงมาจุดนี้ มันไม่มีจุดไหนที่ต้องเสียดายเลย
แต่ว่าถ้าไปเล่นร้านเน็ตไม่ได้ คงต้องเล่นออนไลน์บ้านใครบ้านมันแล้วมั้ง
เล่นผ่านออนไลน์มันก็สนุกแหละ แต่เกมพวกนี้เอาจริงๆมันต้องเล่นกับเพื่อนด้วยกันตรงหน้าเลย ต้องได้ยินเสียงคุยถึงจะเร้า แถมเล่นในบ้านก็ไม่ได้เจอยุยตัวเป็นๆมันก็รู้สึกแอบเหงาด้วย
ดูเหมือนว่ายุยก็คิดแบบเดียวกับผม เธอมองหน้าผมแล้วก็ทำท่าคิดอะไรบางอย่าง
และแล้วยุยก็คิดไอเดียบางอย่างออกมาได้ เธอพยักหน้ากับตัวเองเล็กน้อย ก่อนเงยหน้ามองยูมะด้วยสีหน้าเขินอาย
“ยูมะ..เอ่อ…คือว่า…ชั้น…..ชั้นไปค้าง…บ้านยูมะ..จะว่าอะไรมั้ย?”
“….หา?”
ฟังตอนแรก ยูมะยังงงๆคิดตามคำพูดเฉยๆก็ไม่มีอะไร แต่พอคิดลึกเท่านั้นแหละ ใจเต้นโครมครามเลือดสูบฉีดหน้าแดงแป้ดเลย
ทางยุยเองก็ไม่ต่างกัน สรุปเขินหน้าแดงทั้งคุ่
“ตอนมัธยมต้นที่ทำเควสอัพแพทซ์ทีไรมันใช้เวลานานถึงกลางคืนตลอด ชั้นเลยคิดว่าถ้าไปค้างแล้วเล่นเกมด้วยกันมันน่าจะสะดวกกว่าน่ะ หรือคิดว่าไงบ้าง”
“อ..อืม”
ให้คิดว่าไงเหรอ ผู้หญิงมาค้างบ้านผู้ชายตัวคนเดียว มันให้คิดในมุมไหนได้บ้างล่ะ
เฮ้ย ไม่สิ ใจเย็นก่อน ก่อนหน้านั้นเราก็เคยไปนอนค้างบ้านยุยมาแล้วนะ มันก็คงความหมายแบบเดียวกันแหละ ไม่มีอะไรลึกซึ้งหรอก
(ม่า สุดท้ายก็น่าจะเป็นแค่การมาเที่ยวบ้านเพื่อนสนิทแค่นั้นเอง)
เอาจริงๆ เรื่องนี้มันก็ควรปฏิเสธ เพราะมันไม่ถูกต้องที่ผู้หญิงจะมานอนค้างบ้านผู้ชายตามลำพัง แต่ว่า ส่วนลึกในใจของยูมะก็หวังลึกๆบางอย่างว่าการมาบ้านครั้งนี้มันอาจจะมีอะไรดีเกิดขึ้นรออยู่ก็ได้
แต่ว่าการมาค้างนี่ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ครั้งก่อนแอบไปโดยไม่บอก ยังเกิดเรื่องวุ่นๆจนปวดหัว ถึงแม้จะคาดหว้งอยากให้ยุยมาแค่ไหน แต่สุดท้ายเรื่องพวกนี้ก็ต้องไปขอกับผุ้ปกครองก่อนอยู่ดี
“ขอไปถามเนเน่ก่อนละกันนะว่าอนุญาตให้เธอมาค้างมั้ย แล้วเดี๋ยวว่ากันอีกทีนะ”
“อ..อืม”
สุดท้ายข้อสรุปเรื่องค้างบ้านยูมะเลยออกมาตามนี้
*****
ช่วงอาหารเย็น หลังทานข้าวเสร็จ ยูมะตัดสินใจจะถามเนเน่ว่าจะให้ยุยค้างได้มั้ย
ไอ้การค้างบ้านนี่มันก็เรื่องใหญ่นะ เนเน่จะอนุญาตมั้ยน้า
เนเน่ก็รู้อยู่ว่าเรากับยุยชอบกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องนอนค้าง เนเน่จะคิดแบบไหนนี่ดิ
แต่มาถึงป่านนี้แล้ว มันก็ต้องลองถามฟะ
“เอ่อ เนเน่ ขอเวลาแปบนึงได้มั้ย”
เนเน่ทานข้าวช้อนสุดท้ายพอดี จึงเงยหน้ามาถาม
“อืม มีเรื่องอะไรว่ามาเลย”
“เอ่อ..คือว่าเสาร์นี้…เพื่อนบอกว่าอยากจะมาค้างที่บ้านน่ะ…”
เนเน่ฟังจบ ตกใจตัวแข็งกึก
“เพื่อนที่ว่านี่คือยุยรึเปล่า”
“…..อืม ..แต่ว่าแค่มาเที่ยวเล่นเฉยๆนะ พอดีว่าเกมส์ที่เล่นด้วยกันมันมีอัพเดทใหญ่ เลยอยากมาเล่นด้วยกันเฉยๆ”
ว่าไปก็แอบสงสัยนิดๆว่า แค่บอกว่ายุยมาค้างบ้าน ทำไมต้องตัวแข็งขนาดนั้น เล่นใหญ่เกินเบอร์ไปรึเปล่า
เนเน่ยกมือหนึ่งแตะหน้าผาก บ่นพึมพำกับตัวเอง
“เอาละไง ไม่นึกว่าจะออกมาในรูปแบบนี้ คือก็ไม่ว่าอะไรนะแต่ข้ามขั้นรุกหนักถึงกับมานอนค้างเลยนี่ก็เอาเรื่อง…ชั้นดูถูกยุยมากเกินไปสินะ…แต่ค้างเลยเหรอ…เด็กมอปลายหญิงชายอยู่ด้วยกันสองคน…..ก็ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น…แต่ก็ไม่แน่หรอก…ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาล่ะ… แต่ว่า…ยุยจังก็พยายามอย่างหนักซะด้วยสิ…”
“เฮ้ เนเน่ ฮัลโลลลลล!”
ยูมะลองส่งเสียงเรียก แต่ดูเหมือนว่าเสียงจะส่งไปไม่ถึงเนเน่ที่ตอนนี้กำลังใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก
สุดท้าย เนเน่ถอนหายใจหนักหน่วง1ที เงยหน้ามองยูมะ
“พี่ขอเวลาแปบหนึ่งนะ”
เนเน่พูดจบ ลุกจากเก้าอี้กลับไปที่ห้องตัวเอง
“สวัสดีค่ะ นี่ชั้นเองนะคะ……เอ่อ…ใช่ค่ะจะมาปรึกษาเรื่องนั้น…ค่ะ…ค่ะ…เรื่องนั้นจะกำชับให้ค่ะ…ค่ะ”
ยูมะยังคงนั่งรอที่โต๊ะ ได้ยินเสียงลอดจากห้อง ดูเหมือนว่าเนเน่กำลังคุยกับใครสักคนอยู่
หลังจากนั้นสักพัก เนเน่เดินกลับมานั่งที่เดิม
“สรุปว่า พี่อนุญาตให้ยุยมานอนค้างที่บ้านนะ”
(ห๊ะ? ผิดคาดเว้ย อนุญาตด้วยเหรอเนี่ย)
“มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า..เอ่อ..พูดตามตรงคือไม่นึกว่าจะอนุญาตน่ะ”
“ก็ถ้าอยากกันขนาดนั้น ถ้าห้ามเดี๋ยวก็เตลิดไปใหญ่สิ”
“?”
อะไรฟะ อยากอะไร งงเฟ้ย นี่ยุยแค่มานอนค้างเองนะ ถ้าให้พูดตามตรง นี่คือเพื่อนมานอนค้างด้วย ไม่ได้มีอะไรเกินกว่านั้นสักหน่อย แล้วทำไมเนเน่ทำหน้าซะเครียดเลย
“ถึงพี่จะอนุญาตให้นอนค้าง แต่บอกไว้ก่อน ให้จำไว้เสมอ อย่าลืมเด็ดขาดว่านี่คือเพื่อนมานอนค้างเท่านั้นนะ ห้ามทำอะไรแปลกๆเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
“ข…เข้าใจครับ”
“ส่วนตอนนอน ให้ยุยมานอนที่ห้องพี่ ห้ามนอนด้วยกันเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับ…เข้าใจสุดๆเลย”
“แล้วก็เผื่อไว้ก่อน ถ้าสมมุติกรณีเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ใช้ไอ้นี่ด้วยนะ”
เนเน่กล่าวจบ ล้วงกระเป๋าหยิบกล่องเล็กๆส่งให้ยูมะ
“เอาอะไรมาให้นิ”
ยูมะรับกล่องมาพิจารณา
หน้ากล่องเขียนชัดเจนว่า 0.01มิลลิเมตร
นี่มันถุงยางอนามัยนี่หว่า
“……คิดบ้าอะไรอยู่เนเน่”
“รับไว้ซะ ขอร้องล่ะ ถ้านักเรียนมอปลายเกิดมีลูกขึ้นมา ชีวิตต่อจากนี้มันจะลำบากมากๆเลยนะ”
“นี่เนเน่กังวลอะไรครับ พี่เข้าใจผิดแล้วแน่นอน ยุยบอกเองนะครับว่าเธอแค่มาค้างบ้านเราเฉยๆ”
“ยูมะ!”
ปกติเนเน่จะเรียก ยุคุง แต่ครั้งนี้เธอเปลี่ยนสรรพนามเรียก บ่งบอกชัดเจนว่า ความจริงจังเรื่องนี้เหนือกว่าเรื่องไหนๆที่เธอเคยคุยกับเขามาตลอด รวมถึงสายตาที่เนเน่ส่งมาชัดเจนแน่วแน่มาก
“ถ้าไม่รับเจ้าสิ่งนี้ พี่ไม่อนุญาตให้พายุยมานอนค้างบ้าน”
“ห๊ะ..ขนาดนั้นเลยเรอะ”
“ใช่ จะรับหรือไม่รับ”
“……..รับครับ”
******
ยูมะกลับมายังห้องตัวเอง โยนกล่องถุงยางอนามัยลงถังขยะ ใช้มือกดให้กล่องลงไปอยู่ก้นถัง ก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียง
(เนเน่มันเพี้ยนของจริง)
ยุยมันคิดกับเราแค่เพื่อนสนิท อย่างมากก็ให้สูงสุดไม่เกินพี่ชายน้องสาว เธอก็บอกอยู่ว่าคิดกับเราแค่เพื่อน แต่ดันเจอเนเน่พูดตะกี้ ทำเอากูนี่เขวเลย
(สายตาคนรอบข้างมองเราเป็นคู่รักกันรึไงนะ…)
ไอ้การที่ชายหญิงบอกว่ามานอนค้างที่บ้าน ว่ายาก มันก็มองได้แหละนะ ไม่ได้แปลกแหละ
ยูมะเอาหน้าซุกหมอนข้าง ใช้มือทุบเตียง ระบายความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ตะดึ๊ง
เสียงแจ้งเตือนแชทมีข้อความเข้าดังขึ้น ยูมะหยิบโทรศัพท์ดู เป็นยุยส่งข้อความมา
“พ่อกับแม่รับทราบและให้อนุญาตแล้วนะ เย้”
เธอส่งสติกเกอร์ตัวละครอนิเมะทำท่าดีใจปิดท้ายตามมา
ยูมะเห็นความไร้เดียงสาที่ส่งผ่านข้อความมา ยูมะสูดลมหายใจเข้าลึกระงับความฟุ้งซ่าน ส่งตอบกลับไป
“ทางนี้ก็ได้รับอนุญาตแล้วเหมือนกัน”
“จะตั้งตารอสนุกวันนั้นเลยนะ”
ยูมะวางโทรศํพท์ลง เอาหน้าซุกหมอนตัวเอง
เอาจริงๆ ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะให้ยุยรู้ถึงความต้องการของตัวเขาเอง เขาอยากจะทนุถนอม ไม่อยากจะมีความรู้สึก18+เข้ามาแปดเปื้อน
แต่จะบอกว่า เขาไม่อยากกอดยุยเลยเหรอ มันก็ไม่ใช่นี่สิ
ความคิดที่ตีกันยุ่งเหยิงไปมา สุดท้ายยูมะก็ได้ข้อสรุป เขาสปริงตัวขึ้นจากเตียง
“……”
ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมองซ้ายมองขวาทั้งที่อยู่ห้องตัวเองก่อนจะคุ้ยถังขยะหยิบกล่องถุงยางอนามัยที่เพิ่งจะทิ้งไปตะกี้
“……..”
ไม่ได้บอกว่ามันจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นแน่ๆนะ แต่คนเรามันต้องเผื่อไว้ก่อน ตะกี้ใช้มือกดกล่องถุงยางอัดซะก้นถัง ขอเปิดเช็คของข้างในกันไว้ก่อนละกัน เกิดทะลึ่งขาดหรือรั่วเดี๋ยวจะฮาไม่ออก
*****
จบ CH16
วันนี้คงไม่คุยเยอะตรับ โดนเรียกกินเหล้ากระทันหัน ตอนก็ไม่ค่อยมีอะไรด้วย ก็รอลุ้นนะครับว่ายูมะจะได้ใช้มาตรการฉุกเฉินจากเนเน่มั้ย
ถ้ารอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon