ไปย้อนอ่านตอนก่อนหน้านี้ซะ !
—ไม่กี่นาทีต่อมา ในสวนสาธารณะที่ห่างจากสถานีเซ็นไดพอสมควร…
“บางทีฉันก็แค่…รบกวนคุณในฐานะแฟนสิใช่มั้ย”
คาสุกะกำลังร้องไห้ และถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามฝืนยิ้มอย่างน่ารัก
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มนั้นดูใกล้จะแตกสลายในวินาทีนี้ และรู้สึกเหมือนว่าคาสุกะ จะหายไปด้วย…และเมื่อได้เห็นดังนั้นสิ่งนั้น ผม—
“ไม่ไม่ไม่! ดูเหมือนว่าฉันเป็นคนทำให้เธอ ลำบากใจนะ”
“ฮึก… ฟุ่บ… ฟุ่บ… อู้วววว… ขอโทษ… ฉันคงทำให้คุณลำบากใจมากที่ ฉันเอาแต่ร้องไห้แบบนี้…”
“เอ๊ะ…”
ทำไมเรื่องถึงจบลงแบบนี้? หลังจากที่ผมบอกว่าเราควรจะเลิกกัน จู่ๆ คาสุกะก็น้ำตาไหลออกมา และไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ ซึ่งทำให้เธอดูสับสนเป็นอย่างมาก
ถึงกระนั้น เนื่องจากเราผ่านประตูตรวจตั๋วที่สถานีรถไฟไปแล้ว ผมต้องรับมือกับความอัปยศอันน่าสยดสยองที่ทำเด็กผู้หญิงร้องไห้ไปด้วย— และเราก็ขึ้นรถไฟสายเซนได หลังจากหยุดพักหนึ่งเราก็ลงที่สถานี ทาโอกะ ทันทีและผมก็พา เธอคนนนั้นไปที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกว่าสายตาของมนุษย์ที่มองมานั้นคมกริบและเจ็บปวดยิ่งกว่าใบมีด ลองนึกภาพเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้พร้อมกับเด็กผู้ชายที่ดูเหมือนจะไม่สบายใจกับสถานการณ์ทั้งหมด โดยธรรมชาติแล้วเราจะโดดเด่นเป็นอย่างมากและไม่ใช่ในทางบวกแน่นอน
ผมรู้สึกอับอายจนร่างกายแทบไหม้เป็นผง แล้วก็กังวลว่าตัวเองอาจจะละลายหายไปด้วย—
“หยุดร้องไห้ได้แล้วคาสุกะ…”
“ฟืด……อึ้ม ฉันขอโทษ ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว”
คาสุกะ แสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยน ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะไม่บังคับเธออีกต่อไป
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม…ตอนนั้นจูบฉันทำไม?”
“…..ฉันต้องการที่จะ..”
“ฮะ..”
“ตอนนั้นฉันทนไมาไหวแล้วจริงๆ..”
…”งั้น ฉันจะขอเปลี่ยนคำถาม ทำไมเธอถึงคิดว่าตอนนั้นเธอสามารถจูบฉันได้ แล้วเธอคิดว่าฉันโอเคกับมันไหม”
“นั้นมัน…ไม่…อะอึม..? ถ้าฉันหาข้อแก้ตัวได้ล่ะก็…ปกติแล้วฉันคงจะเสียใจที่ไม่สามารถจูบนายได้ ถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ทำได้ แต่…ตอนนี้ อื้อ…ฉันคิดไม่ออกด้วยซ้ำ…ฉันแค่อยากจูบชิซึกิ- คุง ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…”
คาสุกะประสานมือเข้าด้วยกัน นิ้วของเธออยู่ไม่สงบสุขพร้อมทำตัวงุ่มง่าม
ดูเหมือนว่าเมื่อพูดถึงการจูบใครสักคนนั้นตรงกันข้ามกับคนปกติและกระบวนการคิดของพวกเขาที่ว่า ‘บางทีฉันสามารถจูบพวกเขาตอนนี้ได้ไหม’ แต่ถึงอย่างนั้น คาสุกะ ก็ทำผิดพลาดอย่างไม่น่าเหลือเชื่อ!
“เอาล่ะ พอคิดย้อนกลับไป ฉันเดาว่าฉันเองก็มีส่วนผิดอยู่เหมือนกัน ที่ให้โอกาสเธอได้ยัดเยียดความเป็นแฟนกับฉัน”
“หมายความว่ายังไง….บังคับนายเหรอ…”
“นั่นเป็นความผิดของฉันเพราะฉันไม่เคยบอกความคิดเห็นและความต้องการของตัวเองให้ชัดเจน เพราะงั้น…ฉันจึงโทษเธอไม่ได้ นั่นแหละที่พูดมา!”
“…..”
“การเข้ามากอดฉันที่สถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ไม่ต้องพูดถึง ตอนนั้นเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และการโผลเข้ามาจูบฉันเป็นเวลา 5 วินาทีเต็มๆ เป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถยอมรับมันได้จริงๆ…..”
“…..”
“ฉันอาจจะเป็นพวกโดดเดี่ยวก็จริง แต่อย่าคิดว่าฉันจะเป็นคนใจง่ายขนาดนั้นสิ คาสุกะ!”
“เอิ๊ก.…”
“ฉันรู้ว่ามันแย่มากสำหรับฉันที่ต้องพูดแบบนี้หลังจากสองชั่วโมงหลังยอมรับคำสารภาพของเธอ แต่ฉันคงไปกับเธอไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ คาสุกะ!”
“…อือ..”
“แน่นอนว่าต้องมีหนุ่มๆ ที่นั่นที่ยินดีกับเรื่องนี้! ฉันยอมรับว่า อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคน! อย่างน้อยที่สุดตอนนี้— ฉันอายจนแทบอยากจะไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ!”
“—ฟืด….”
“วันนี้เธออาจเป็นฝ่ายจูบฉัน และฉันก็เป็นฝ่ายรับ แต่ถ้าเพศของเรากลับกันล่ะ!? ฉันอาจถูกเยาะเย้ยหรือถูกจับกุมเลยก็ได้ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด—”
“….ใช่..มันก็อาจจะจริง…”
“แบบนั้นแหละ..”
“..?…”
“เราเลิกกันเถอะ”
ผมประกาศขึ้นอย่างใจเย็น ซึ่งหลังจากนั้นบรรยากาศมืดมนก่อตัวขึ้นรอบๆ คาสุกะ
ดูเหมือนว่าคาสุกะเธอจะสูญเสียความเข้มแข็งที่จะยิ้มออกมาในตอนนี้ แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนที่ผิดอย่างชัดเจน แต่ความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงก่อตัวขึ้นภายในตัวผมเมื่อได้เห็นสีหน้าของเธอ
“คาสุกะ”
“นี่…มันคือ”
แม้แต่เสียงของเธอก็ยังสั่น
“การร้องไห้นั้น…ไม่ยุติธรรมเลย”
“อึม…ฉันขอโทษ”
—ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ว่าตัวเองพูดแรงจนเกินไปจริงๆ แม้แต่การจูบเมื่อกี้ก็ยังน่ากลัว และผมก็อายจนแทบอยากจะตาย การเลิกกับเธอหลังจากยอมรับคำสารภาพสองชั่วโมงก็ยังทำให้ผมรู้สึกแย่กับเธอ
…ผมจะทำยังไงกับเรื่องนี้…
“…นี่ คาสุกะ มีบางอย่างที่ฉันอยากจะอธิบายให้เธอฟัง…”
“….อึม…อะไรเหรอ..”
“เธอเข้าใจความหมายของคำว่า คนในสังคม กับ คนนอกสังคม มั้ย”
“อึม..”
“พูดง่ายๆคือ คาสุกะเป็นคนธรรมดา ส่วนฉันก็เป็นพวกโดดเดี่ยว”
“ฉันขอโทษ…”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก! ฉันรู้ว่าตัวเองโดดเดี่ยว! ดังนั้น ปัญหาไม่ใช่ว่าฉันโดดเดี่ยว แต่เป็นปัญหาที่คาสุกะเป็นคนที่มีจุดยืนในสังคมตางหากล่ะ..!”
“นาย..เกลียดฉันที่เป็นแบบนั้นเหรอ..”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก..ฉันแน่ใจ! ถ้ามีอะไร แม้แต่คนบ้าๆ บอๆ ก็คงไม่จูบใครสักคนที่สถานีรถไฟแบบนั้น! ไม่ต้องพูดถึงในขณะที่ยึดติดกับฉัน! ทัศนคติของเธอก้าวข้ามระดับของการเป็นเปิดเผยแล้ว”
…”ละ..แล้วทำไม—”
คาสุกะใช้แขนเสื้อปาดน้ำตา
“แล้ว..?”
“ในห้องชมรม ฉันบอกนายแล้วใช่ไหม? ว่าฉันอยากเป็นภรรยาของนาย ดังนั้น…ฉันจะยอมแพ้ไม่ได้หลังจากที่เราพึ่งคบกันแค่สองชั่วโมง ชิซึกิคุง”
“..เอ๊ะ..?”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม… ได้โปรดต่อจากนี้ ทำให้ฉันเป็นผู้หญิงในอุดมคติของนายสิ!”
….
“ทำให้เป็นผู้หญิงในอุดมคติ..?”
—อยากเป็นแฟนผมหรืออยากเป็นภรรยาผม… นั่นเป็นคำพูดที่ล้นหลามแล้ว และดูเหมือนเธอยังทำความต้องการของเธอยังไม่สำเร็จ… เธออาจกำลังใช้ตรรกะแปลกๆ ที่ทำให้เธอซึ่งเป็นคนปกติ—กลายเป็นแฟนของผมจะแล้วนำปัญหาและการร้องเรียนต่างๆมาเข้าหาตัวเอง
“ยกตัวอย่าง ถ้าฉันทำตัวเหมือนเป็นคนที่มีจุดยืนในสังคมและทำบางอย่างที่ทำให้ชิซึกิคุงอับอาย ฉันต้องการให้คุณแก้ไขและบอกฉันว่าต้องทำยังไง ในครั้งต่อไป การฝึกอบรม? การศึกษา? คำแนะนำ? การฝึกสัตว์… ไม่ๆ ไม่สิ มันต่างกันนิดหน่อย”
“ไม่สักนิด! แตกต่างอย่างสิ้นเชิง! อย่าใช้คำเหล่านั้น!”
“แต่…”
“แต่อะไรเหรอ..?”
“นายอาจจะแค่คิดว่า ‘นี่เธอทำบ้าอะไร’ แต่ฉันจริงจังนะ รู้มั้ย? ฉันพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเป็นผู้หญิงในอุดมคติของชิซึกิคุงจริงๆ”
“…ฮึ”
“ความรู้สึกของฉันที่มีต่อนายเป็นเรื่องจริง ความปรารถนาของฉันที่จะแต่งงานกับนายเองเป็นส่วนสำคัญของฉัน”
“…..”
“และอีกครั้ง ได้โปรดทำให้ฉันเป็นผู้หญิงในอุดมคติของนายด้วย!”
คาสุกะมองมาที่ผม แววตาของเธอเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นที่รุนแรง
—ผมควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้? นับประสาอะไรกับการหาทางหักล้างเรื่องแบบนี้—ตอนนี้ผมสูญเสียการรับรู้ไปอย่างสิ้นเชิงว่าปัญหาทั้งหมดคืออะไร ผมต้องจัดระเบียบความคิดของผมใหม่
การที่ผมคบกับคาสุกะต่อจากนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับปัญหามากมาย สาเหตุหลักของปัญหาเหล่านี้คือ คาสุกะเป็นบุคคลที่โดดเด่นในด้านต่างๆอยู่เสมอ ซึ่งแสดงให้เห็นในเหตุการณ์จูบก่อนหน้านั้น…
อย่างที่เธอพูดมา การฝึกฝน….? เด็กผู้หญิงคาสุกะให้ความสำคัญเป็นอย่างมากด้วยความที่อยากให้เธอเป็นผู้หญิงในความคิดของผม
คาสุกะในตอนนี้นั้นยังคงเป็นปัญหาอยู่มาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยิ่งผมลงทุนกับความรู้สึกคาสุกะมากเท่าไหร่ ผมก็จะมีเวลาให้ตัวเองน้อยลงเท่านั้น แต่ส่วนที่เป็นปัญหาที่สุดที่ผมได้รับรู้คือ—
“…มัน ไม่ดีเหรอ..”
แค่นั้น…!? การจ้องมองที่เศร้าสร้อย หดหู่ โดดเดี่ยว และเจ็บปวดของเธอขณะที่เธอน้ำตาไหล! เธอดูเหมือนลูกสุนัขตัวเล็ก ๆ ที่เจ้าของทิ้งไว้! ผมควรทำยังไงดีตอนนี้? ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง อย่างน้อยที่สุด ณ เวลานี้ ซึ่งก็คือวันนี้—ทำไม…เราถึงทนอยู่ที่นี่ให้มันเสียเวลาไปเปล่าๆ…
ก่อนหน้านี้ ผมคิดกับตัวเองว่า ‘จะเสียเวลาไปสองสามชั่วโมง แต่เอาเถอะ แทนที่จะทำให้เธอเข้ามาหาเรื่อยๆ ในอนาคต การตามติดเธอสักครั้งน่าจะดีกว่าในระยะยาว’ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผมกำลังจะพูดว่า ‘ฉันไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่วันหรือหลายสัปดาห์ แต่ถ้าเราอยู่ด้วยกันสักพัก และแม้ว่าเธอจะเข้าหาฉันอย่างไม่ลดละในระหว่างนั้น ‘ สิ่งต่างๆ ก็จะจบลงในที่สุด และผมสามารถหลีกเลี่ยงอนาคตที่เรากลายเป็นคู่รักกันได้
ความคิดพื้นฐานของผมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ผมเพียงแค่ต้องประนีประนอมในระยะยาว โดยทั่วไป การบอกกล่าวในตอนนี้จะทำให้สิ่งต่างๆ จบลงเร็วขึ้น หรืออย่างน้อยนั่นคือกระบวนการคิดของผม
“เข้าใจแล้ว…ตกลงตามนั้น”
“เอ๊ะ…”
“ถ้าฉันบอกว่าอะไม่ อะไรได้ เธอก็ต้องยอมรับได้ทั้งหมด โอเคไหม”
“….~~~! ได้! ขอบคุณนะ ชิซึกิคุง”
หลังจากนั้นคาสุกะก็โผลตัวกระโดดเข้ามากอดผมอีกครั้งก่อนที่เราจะจากลากันในวันนี้
“โอ้ยย..นี่เธอเข้ามากอดฉันอีกแล้วนะ”
….>>>จบ~