Part 2
มหานครจักรวรรดิคลาดิอุส————-มหานครตที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในทวีปกลาง ผู้ที่มาเยือนครั้งแรกจะต้องรู้สึกตกตะลึงกับความสูงของกำแพงด้านนอกที่ล้อมรอบเมือง
ต่อไปก็คือคนจำนวนมากบนถนนกลาง จำนวนพ่อค้าแม่ค้าริมถนนที่ทำให้พวกเขาต้องสับสน หรือบางทีอาจจะต้องกดดันกับรูปปั้นยักษ์ที่คอยต้อนรับพวกเขา
หากใครจะเงยหน้ามองท้องฟ้าเพื่อสงบจิตใจ ก็จะเห็นพระราชวังหลวง พระราชวังหลวงยังคงไม่เปลี่ยนไปแม้จะผ่านมาหนึ่งพันปีแล้วยังคงความสง่างามให้แก่ประชาชนที่อยู่เบื้องล่างและสร้างแรงบันดาลใจดีๆให้กับผู้ที่มาเยือน
วันที่ ยี่สิบสี่ เดือนเก้า ปีจักรวรรดิที่ 1023 ณ มหานครหลวงจักรวรรดิ
ถนนกลางพลุกพล่านไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่กำลังเข้าออก แต่นั่นก็แค่ในสถานการณ์ปกติ และตอนนี้เหล่าทหารกำลังยืนกั้นเป็นแนวกำแพง ผู้คนจำนวนมากถูกบังคับให้อยู่เขตนอกถนนไม่มีใครแสดงความไม่พอใจออกมา ในทางตรงกันข้ามพวกเขามีแต่ความกังวลและความประหม่าขณะมองไปยังประตูหลัก
เมื่อฮิโระและคนอื่นๆผ่านประตูหลักไป พวกเขาก็ต้อนรับด้วยเสียงเชียร์ที่อบอุ่นหัวใจ เสียงตะโกนแห่งความสุข ฮิโระและคนอื่นๆที่กำลังนั่งรถม้าฉลองศึกที่มีม้าขาวสองตัวลากรถ
ไม่มีหลังคาไม่มีหน้าต่าง สิ่งเดียวที่มีคือราวจับเพื่อไม่ให้ตกลงไป สำหรับรถม้าที่บรรทุกราชวงศ์นั้นจะไม่ได้ประดับอะไรหรูหราไว้เลย
เพราะเหตุผลส่วนใหญ่มีไว้ ตัวละครหลักไม่ใช่คนขับรถม้า นั่นเป็นเหตุผลที่รถม้าคันนี้ถูกออกแบบต่างจากรถม้าทั่วไปโดยเน้นไปที่เหล่าผู้โดยสารมากกว่าคนขับ
มีคนสามคนอยู่บนรถม้า นั่นคือชายหนึ่งคนกับผู้หญิงสองคน กำลังโบกมือทักทายฝูงชน คนที่สวมชุดสีแดงคือลิซ และคนที่สวมชุดสีดำคือโรซ่า ประกบระหว่างเขาคือฮิโระที่นั่งตรงกลาง
(อืม….ดูเหมือนจะมีคนเยอะกว่าเดิมอีกนะ)
ทั่วทั้งสองข้างถนนเต็มไปด้วยผู้คนไม่มีที่ยืนเหลือเลยแม้แต่น้อย ถนนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนทุกวัย ทั้งชายและหญิง จนถึงที่พวกเขาต้องชูมือปรบเหนือศีรษะกันเลยทีเดียว
“ฝ่าบาทเซเลีย เอสทรีย่า ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้~!”
“ขอบคุณนะคะ!”
สิ่งที่ฮิโระตกใจก็คือความนิยมในตัวลิซ สิ่งที่ถูกพูดถึงคือชื่อของลิซเป็นส่วนใหญ่ถึงตามด้วยฮิโระ
โรซ่าดูเหมือนจะเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชาย และพวกเขาต่างพยายามแข่งขันกันแสดงความเป็นลูกผู้ชาย ต่อหน้าแม่ม่ายคนนี้
“ฟุฟุ….ดูใบหน้าอันน่าขยะแขยงของผู้ชายเหล่านั้นสิคะ”
โรซ่าพูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าราวกับเธอเป็นราชินีปีศาจ จากนั้นดวงตาของลิซก็เริ่มมืดลง ดูเหมือนเธอจะได้ยินคำพูดของพี่สาวและบ่น
“แบบนั้นมันเสียมายาทนะคะท่านพี่โรซ่า พวกเขาอุตสาห์มาต้อนรับพวกเรานะคะ”
เมื่อน้องสาวตัวน้อยได้เตือนเธอ โรซ่ายักไหล่ราวกับเด็กขี้แกล้ง
“ขอโทษค่า ต่อจากนี้พี่สาวคนนี้จะระมัดระวังมากขึ้นนะ.”
ในอ้อมแขนของพวกเธอนั้นมีของขวัญจากเหล่าๆคนที่มายืนชม พวกเขาส่งของขวัญเหล่านั้นให้ผ่านเหล่าทหาร ส่วนใหญ่จะเป็นช่อดอกไม้ แต่ก็มีกล่องขนาดต่างๆอยู่ภายในที่อาจบรรจุเครื่องประดับไว้ และตัวอักษรที่ถูกแนบมาเพื่อแสดงชื่อว่าใครส่ง ส่วนใหญ่ก็เป็นขุนนาง
สำหรับฮิโระแล้ว――,
“ดูสิ นายได้อีกอันแล้วนะ”
โรซ่ายื่นช่อดอกไม้ให้เขาอย่างมีความสุข ฮิโระยิ้มพร้อมกับรับมันเอาไว้ ไม่มีที่รอบตัวเขาที่สามารถวางพวกมันได้อีกแล้ว
ตอนนี้รอบตัวของฮิโระเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน ได้แก่ เหลือง น้ำเงิน ม่วง ขาว อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่เปื้อนดินหรือไม่ก็กลีบดอกหายไปและไม่ใช่ดอกไม้ที่จะพบได้ในร้านขายดอกไม้ พวกมันเป็นดอกไม้ที่โตขึ้นในป่า
“นั่นคือของขวัญจากผู้ที่จะสนับสนุนจักรวรรดิในอนาคต ดูแลพวกมันให้ดีล่ะ.”
โรซ่าพูดด้วยสีหน้าอิจฉาเล็กน้อย น่าแปลกใจที่ฮิโระนั้นได้รับความนิยมจากพวกเด็กๆกล่าวอีกนัยหนึ่งช่อดอกไม้ส่วนใหญ่ที่ฮิโระได้รับ มาจากเด็กๆ (T/N:หลังจากผ่านประตูพี่สาวน้องสาว คราวนี้ก็เด็กเรอะ)
เมื่อฮิโระหน้าแดง ขณะพยายามซ่อนความเขินอาย ลิซก็มันมามองพวกเขา
“ฉันเองก็ไม่แพ้กันหรอกนะ!”
บนหัวของลิซมีมงกุฏดอกไม้ ซี่งอาจจะมาจากเด็กที่มอบให้เธอ ใบหน้าของฮิโระยิ้มออกมาเมื่อเห็นลิซพยายามต่อกรกับเขา
เขาหันไปมองผู้คน และเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าสกปรก ในมือเล็กๆของเธอมีดอกไม้สีแดงดอกเดียว เธอมองมาทางฮิโระด้วยความกระวนกระวายใจ
เธอพยายามเข้าใกล้รถม้า แต่ก็ถูกกำแพงมนุษย์บดบังจนไม่สามารถเข้าใกล้ได้
“หยุดรถก่อน”
ฮิโระกล่าวเช่นนั้นกับคนขับรถม้า ลิซและโรซ่ามองหน้าเขาอย่างสงสัย ฮิโระคว้าราวจับด้านหลังพลิกเสื้อคลุมและกระโดดลงจากรถม้า
ผู้คนพึมพำและมองเขา ฮิโระโบนแขนไปด้านหลังราวกับยับยั้งพวกเขา พื้นที่นั้นเงียบสงบราวกับถูกปิดปาก
มันไม่ได้เหมือนกับว่าเขาใช้เวทมนตร์เพื่อปิดปากพวกเขา แต่มันเป็นความชื่มชมของผู้คนที่มีต่อรูปลักษณ์อันสง่างามของฮิโระ
สายลมเย็นๆพัดผ่านถนนกลางที่เงียบสงบ
มันพัดผ่านหน้าม้าของฮิโระและลูบไล้ผ้าปิดตาที่ปกคลุมครึ่งซ้ายของใบหน้าเขา ทันทีที่ลมสงบลงทหารคุ้มกันเริ่มล้อมรอบฮิโระราวกับพวกเขาเพิ่งสังเกตเห็นได้
“ฝ่าบาทฮิโระรีบกลับขึ้นไปบนรถม้าเถอะ――.”
ก่อนที่ทหารจะพูดจบฮิโระก็ปิดปากทหารด้วยมือของเขา จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้า
“ขอพื้นที่ให้ชั้นหน่อย”
จากนั้นผู้คนก็เริ่มแหวกออกเพื่อให้พื้นที่แก่ฮิโระและใช้เวลาสักครู่จนมีพื้นที่เพียงพอที่จะให้คนหนึ่งคนได้เดินผ่าน
สาวน้อยคนนั้นที่มีชุดสกปรกยืนงงเมื่อพื้นที่ตรงหน้าถูกเปิดกว้าง ราวกับจะปลอบใจเธอ ฮิโระยิ้มและเชิญเด็กสาวตัวน้อยเข้ามาหาเขาพร้อมกับคุกเข่าลง
เขามองไปที่เด็กสาวคนนั้นที่เดินมาหาเขาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยมอบดอกไม้ที่แสนงดงามนั่นให้ชั้นได้ไหม?”
“…คะค่ะ!”
หลังจากหยุดชั่วครู่เด็กสาวคนนั้นยิ้มออกมาและยื่นดอกไม้สีแดง เขาลุกขึ้นและลูบหัวเด็กสาวคนนั้น
“ขอบคุณมากนะ.” (T/N:ใครก็ได้มาจับโลลิค่อนที)
หลังจากขอบคุณเธอ เด็กสาวคนนั้นก็หันหลังและวิ่งเข้าไปในซอยราวกับจะซ่อนความเขินอาย หลังจากเฝ้าดูเธอจากไป ฮิโระก็กลับไปที่รถม้าและนั่งลงบนเก้าอี้
ทันใดนั้นก็มีเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม สามัญชน ขุนนาง หรือ ราชวงศ์ แม้จะมีสถานะที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน
อาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ราชวงศ์มีความสำคัญพอๆกับเทพเจ้า นั่นเป็นเหตุผลที่หลายๆคนต่างคิดเรื่องที่เกิดขึ้น
――แม้โลกที่พวกเขาจะอาศัยแตกต่างราวฟ้ากับเหว
เจ้าชายลำดับที่สี่ที่เป็นสมาชิกของราชวงศ์กลับสังเกตเห็นเด็กสาวตัวน้อยน่าสงสารที่แม้แต่สามัญชนยังไม่ให้ความสนใจแก่เธอ เขารับดอกไม้ที่เปื้อนไปด้วยดิน และขอบคุณเธอพร้อมยังลูบหัวเพื่อมอบกำลังใจ ซึ่งมันเป็นท่าทางอันเป็นธรรมชาติและงดงาม ราวกับปาฏิหาริย์ที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในโลกแห่งจินตนาการเท่านั้น
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหล่าผู้คนจะตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นแบบนี้ในความเป็นจริง เมื่อฮิโระตอบโต้กับผู้คนด้วยการยกมือขึ้น เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ขบวนฉลองยังคงเคลื่อนที่ต่อไป โรซ่าจ้องมองมาที่เขาด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“จริงๆเลย ทำไมกันนะ? เป็นบุคลิกที่ยอดเยี่ยมจริงๆเลย แบบนี้จะไม่ให้หลงได้ไง.”
ความรักที่ลึกซึ้งแทรกซึมอยู่ในน้ำเสียงของเธอ ราวกับจะระงับความที่เธออยากกอดชายหนุ่มตรงหน้า เธอโอบกอดร่างกายตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง ฮิโระไม่พูดอะไร แต่รีบสร้างสิ่งกีดขวางด้วยช่อดอกไม้ จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าลิซกำลังจ้องมองดอกไม้สีแดง
“หืมมม…..นี่มัน.”
“ลิซมีอะไรเหรอ?”
“ดอกไม้นี้เรียกว่า “ดอกบัว” เป็นดอกไม้ที่บานในบางสถานที่เท่านั้น และมันหายากมากๆ.”
หลังจากได้ยินคำอธิบาย ลิซก็สงสัยและร้องคร่ำครวญ
“หืมมม….แต่ว่ามันแปลก นี่มัน――.”
คำพูดของเธอถูกบดบังด้วยเสียงเชียร์ของผู้คน ฮิโระอยากจะถามเธออีกครั้งให้แน่ใจ แต่เขาปิดปากเมื่อเขามาถึงหน้าประตูหลักของพระราชวังหลวง
เขาเห็นว่าโรซ่าเองก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
“การเข้าเฝ้าจักรพรรดิจะเริ่มขึ้นในตอนเย็นตามแผนที่วางไว้ เมื่อมันจับลงพวกเราจะเข้าร่วมงานเลี้ยง.”
โรซ่าแจ้งให้พวกเขาทราบอย่างรวดเร็ว ฮิโระพยักหน้าและมองไปเหนือศีรษะ ดวงอาทิตย์ยังคงตั้งตระหง่าน อีกสองชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน
ตอนนี้จะทำอย่างไรจนกว่าจะถึงตอนนั้น….
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก~…”
มีเสียงคร่ำครวญจากลิซที่อยู่ข้างๆเธอ เมื่อฮิโระมองไปที่เธอความตึงเครียดก็แพร่กระจายไปทั่วใบหน้าที่เคร่งเครียดของเธอ เธออาจจะรำลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้เธอมีพี่สาวที่พึ่งพาได้ ฮิโระไม่คิดว่าเธอควรจะประหม่าเกินไป แต่…
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นฮิโระจึงตัดสินใจและตบไหล่ลิซ
“ไม่เป็นไรหรอกน่าลิซ มันจะไม่เป็นไปอย่างที่เธอคิดหรอก ในความเป็นจริงสิ่งที่ตรงกันข้ามอาจทำให้เธอสับสนได้”
ลิซขมวดคิ้วราวกับว่าไม่เข้าใจกับความหมายคำนั้น
“เอาน่าแค่สนุกไปกับมันก็พอ.”
ขณะที่ฮิโระยิ้มและพึมพำ ประตูหลักของพระราชวังหลวงก็เปิดออกอย่างเคร่งขรึมต่อหน้าพวกเขา ผู้คนจำนวนมากรอทักทายพวกเขา จากเครื่องแบบของพวกเขาใครๆก็คงพอเดาได้ว่าเป็นพวกข้าราชการระดับสูงที่ทำงานในพระราชวังหลวง และก็มีชายที่เป็นผู้นำ
นั่นคืออธิการบดีกิลล์ของมหาจักรวรรดิแกรนท์ เขามีรูปร่างหน้าตาจริงจังและอาจเป็นเพราะแว่นตาขอบเงินของเขา
“ฝ่าบาท ฮิโระ ชวาร์ชตช ดีใจที่ได้พบกับท่านอีกครั้งครับ.”
“ขอบคุณที่มาต้อนรับพวกเรา อาจจะยุ่งกับหลายสิ่งหลายอย่าง”
ฮิโระลงจากรถม้าและยื่นมือไปหาอธิการบดีกิลล์
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มีคนเก่งกาจตั้งมากมายทำงานในพระราชวังหลวง เลยไม่ค่อยมีอะไรให้กระผมทำสักเท่าไหร่.”
หลังจากจับมือกับฮิโระอธิการบดีกิลล์ก็หันไปหาลิซด้วยรอยยิ้มร่าเริง
“ฝ่าบาท เซเลีย เอสทรีย่า ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับท่านมามากมายเลยครับ ตัวสูงขึ้นนะครับฝ่าบาท?”
“อืมก็แค่สูงขึ้นนิดหน่อย ยังไงก็ตามกิลล์ยังคงไว้หนวดอีกเหรอ?”
“มีเพียงแค่ท่านคนเดียวเลยนะครับที่บอกว่าเคราไม่เหมาะกับพบ แต่เนื่องจากไว้มานานมากแล้ว จึงคิดว่าจะพยายามคิดจะโกนมันหลายรอบแต่มันก็ยาวขึ้นไม่หยุดเลยครับ”
อธิการบดีกิลล์ลูบเคราอย่างอิดโรย เคราที่ยาวขึ้นไม่ใช่เล่นๆ ฮิโระไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเป็นพิเศษดังนั้น เขาจึงคิดว่าอธิการบดีน่าจะยุ่งเกินกว่าจะโกนมันออก
ฮิโระไม่รู้ว่าลิซบอกอธิการบดีกิลล์เมื่อไหร่ว่ามันดูไม่ดีสำหรับเขา แต่หลังจากนั้นสองสามเดือนเขาน่าจะโกนมันออก แต่ไม่รู้ควรจะพูดดีไหม
“อืมมม………ส่วนผู้เข้าร่วมงานก็จะเข้าตามแผนที่วางไว้สินะ?”
ฮิโระสรุปว่าเรื่องของคนอื่นก็ให้เขาจัดการตัวเองเถอะ ไม่ควรเข้าไปยุ่ง
“ใช่ครับ มีกำหนดการจะเริ่มในอีกสองชั่วโมง ระหว่างนั้นใช้เวลาว่างได้ตามต้องการเลยครับ”
“เข้าใจแล้ว มีเวลาอิสระจนกว่าจะถึงตอนนั้นสินะ”
“เดี๋ยวจะส่งคนส่งสารไปเมื่อถึงเวลาครับ ดังนั้นช่วยรอสักพักจนกว่าจะถึงกำหนดการเริ่มงาน”
อธิการบดีกิลล์บอกฮิโระพร้อมโค้งคำคับและกลับไปที่พระราชวังพร้อมกับเหล่าแขก
ขณะที่เขาเดินจากไป ลิซก็ควงแขนเขา
“นี่ๆไปเที่ยวในเมืองกันเถอะ!”
“อ่านั่นสินะตอนแรกก็วางแผนที่จะไปในเมือง เพราะงั้น แต่ว่า..――.”
เมื่อฮิโระซึ่งพูดเช่นนั้นหันกลับไปมองข้างหลังเขาเห็นว่าสัมภาระขนาดใหญ่กำลังถูกขนออกจากรถม้า
“ช่วยหยิบจับอย่างระมัดระวังด้วย เป็นสิ่งของสำคัญที่ต้องนำเสนอต่องค์จักรพรรดิ”
เป็นโรซ่าที่สั่งทหารท่ามกลางฝุ่นและทราย
“อย่างไรก็ตามสัมภาระที่ฮิโระนำมาด้วยคืออะไรเหรอ?”
สัมภาระส่วนใหญ่ถูกรวมกันไว้ที่เดียว แต่สัมภาระที่ลิซชี้ไปถูกวางห่างออกไปเล็กน้อยฮิโระยิ้มเหมือนกับเด็กที่คิดจะแกล้ง
“นั่นเป็นความลับ เดี๋ยวจะรู้เองหลังจากไปถึงเมือง.”
“ทำไมต้องกั๊กกันด้วยล่ะโม่ววววววววว?”
“ถ้าบอกตอนนี้ไปมันก็ไม่เซอร์ไพร์สกันพอดีสิ”
“หืมมม ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เมื่อเห็นลิซยืนยัน เขาก็คิดว่าถ้าไม่เป็นเช่นนั้นมันก็จะสร้างความวิตกกังวลให้เขาน่ะสิ
“…..อืม”
ฮิโระไม่มั่นใจขณะที่ลิซเอานิ้วจิ้มแก้มเขา
“ถ้างั้นฉันจะเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อเลย ถ้ามันไม่เซอร์ไพร์ส ฮิโระที่น่ารักจะต้องได้ลิ้มรสลิเวียธานแน่นอน้าาาาาาา~”
ด้วยคำพูดสุดน่ากลัวนั่น ลิซวิ่งไปหาโรซ่าจากนั้นเธอก็หันหลังกลับมา
“เอาล่ะรีบมาเร็วเข้าฮิโระ ! ก่อนที่ท่านพี่โรซ่าจะโวยใส่นะ!”
ฮิโระยักไหล่และมองไปที่เธอราวกับถูกล่ามโซ่เอาไว้ เมื่อมองลงไปที่พระราชวังหลวงบนเนินเขาเล็กๆ มีเมืองหลากสีสันกระจายออกไป
สนับสนุนผู้แปลได้ที่ QR Code ข้างล่าง หรือเลขบัญชี108-0-77984-1 กรุงไทย ครับ
ลงให้อ่านแค่สองที่เท่านั้นคือ Goshujin.tk กับ Nekopost อ่านจากที่อื่นก็ไม่รู้แล้วนะ