[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 53 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ Part 1

ตอนที่ 53 Volume 3 Chapter 1 ปัญหาใหม่ Part 1

 

Chapter 1 ปัญหาใหม่

Part 1

ป้อมเบิร์ก——ฐานหลักของทางฝั่งใต้ของมหาจักรวรรดิแกรนท์ ป้อมปราการนี้สร้างขึ้นบนพรมแดนกับราชอาณาจักรลิชไทน์และล้อมรอบด้วยกำแพงสูงเพื่อกันศัตรูจากภายนอก

 

ลักษณะเด่นที่สุดคือหอคอยกลางซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์บัญชาการ บนชั้นสามมีห้องที่เรียกว่าห้องสมุด ที่มีแสงแดดยามเช้าส่องผ่านที่หน้าต่าง และชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังลืมตาตื่น

 

ชายหนุ่มผมสีดำตาสีดำและใบหน้าที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี อย่างไรก็ตาม ผ้าปิดตาขนาดใหญ่ที่ปกคลุมใบหน้าของเขามากกว่าครึ่งของใบหน้าทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างต้องมองด้วยความรู้สึกแปลกๆ

 

ก่อนจะมายังโลกแห่งนี้ชื่อของเขาคือ “โอกุโร่ ฮิโระ” เขาได้รับการอุปการะจากราชวงศ์แกรนท์ และได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าชายลำดับที่สี่ ปัจจุบันรู้จักกันในนาม ฮิโระ ชวาร์ชตช ฟอน แกรนท์

 

“หาวววววววววววว…”

 

หลังจากหาวเล็กน้อย เสียงนกเล็กๆร้องดังขึ้นหลังจากยกร่างกายส่วนบนขึ้นหนังสือก็กระแทกลงกับพื้น

 

หนังสือที่กองอยู่เหมือนเทือกเขารอบตัวเขาพังทลายเหมือนหิมะถล่ม

 

“เผลอหลับที่นี่อีกแล้ว อ๊ากกกกกกกกกก มีหวังลิซโกรธตายแหงๆ”

 

ฮิโระมองไปรอบๆที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงเกาหัวด้วยความสังเวช มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันสำหรับเขาไปแล้วที่ กิน นอน ศึกษา อยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าไม่มีห้องเป็นของตัวเอง ห้องของเขาอยู่ชั้นสอง แต่เนื่องจากห้องสมุดอยู่ชั้นสาม มันยุ่งยากที่จะเดินไปเดินกลับ

 

“…มีงานวิจัยหลายอย่างที่ต้องทำอีก บ้าเอ้ยยยยย”

 

เขาพูดขณะเกาหัว และกองหนังสือใต้เท้าเขาก็พังทลายลง สิ่งที่ปรากฏตัวจากตรงนั้นคือหมาป่าขนสีขาวนามเซอร์เบอร์รัส

 

เธอเป็นสิ่งมีชีวิตหายากที่ไม่มีอยู่ในทวีปกลาง แต่ลิซรับเธอมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็กซึ่งเธอถูกซัดขึ้นฝั่งมาจากหมู่เกาะตะวันออก และลิซก็เลี้ยงดูเธอตั้งแต่นั้นมา ตามที่ลิซกล่าว สนิทกันอย่างกับพี่น้อง

 

“อย่างที่คิดเซอร์เบอรัสเองก็นอนนี่”

 

ชั้นสามส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เล่นของเซอร์เบอรัสดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมาที่นี่ อันที่จริงกล่าวได้ว่าเธอครองพื้นที่ชั้นสามเสียส่วนใหญ่ ทหารไม่กล้าเข้ามาที่นี่ด้วยซ้ำเพราะเธอห่วงถิ่นมาก

 

“นี่พยายามทำให้ชั้นตัวอุ่นจนไม่หนาวตายใช่ไหม?”

 

เซอร์เบอรัสตอบกลับด้วยการกระดิกหางไปมา หลังจากสังเกตเซอร์เบอรัสครู่หนึ่ง ฮิโระก็ลุกขึ้นยักไหล่

 

“เอาล่ะ สิ่งที่ชั้นต้องทำในตอนนี้ก็คือการกลับห้องก่อนที่ลิซจะเจอชั้น”

 

เขาแนบหูไปที่ประตูห้อง ซึ่งเป็นประตูไม้หนักๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่

 

“เซอร์เบอรัสเงียบๆหน่อยสิ”

 

ฮิโระหันไปและเอานิ้วแตะปากเขา เซอร์เบอรัสที่อยู่ด้านหลังอ้าปากกว้างและถอนหายใจ  

 

“ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว ลิซน่าจะทานอาหารอยู่ ไม่ต้องห่วง พวกเราต้องเนียนให้ได้”

 

หลังจากลูบหัวเซอร์เบอรัส ฮิโระก็ยิ้ม หมาป่าขาวผู้สูงศักดิ์เงยหน้ามองฮิโระพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่เธอถอนหายใจหนักเมื่อกระตุ้นให้ฮิโระรู้ตัว ก่อนที่ฮิโระจะรู้ตัวก็ได้ยินเสียงเรียกแล้ว

 

“ฮิโระ ฉันว่าฉันบอกนายหลายรอบแล้วนะว่าอย่านอนในห้องสมุด? เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกตาบ้านี่!”

 

เสียงฝีเท้ารีบวิ่งแจ้นขึ้นมาขณะพูดด้วยท่าทางราวกับเป็นแม่ของเขา

 

“…เอาไงดีสหาย?”

 

เขาถามเธอแต่หมาป่าขาวก็ได้แต่หูแบน ฮิโระถูกสหายทรยศเสียแล้วขณะมองไปที่หน้าต่างเขาพยายามจะหนี แต่ว่าควรจะหนีไปไกลขนาดไหนล่ะ และถ้าทำแบบนั้นเธอจะยิ่งโกรธรึเปล่า

 

“ฮิโระ!!!!!”

 

ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ความหนาวเย็นซึ่งเป็นลักษณะอากาศในตอนเช้า สาวสวยคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ทางเดินโดยเอามือเท้าเอวและขมวดคิ้ว

 

เธอมีผมสีแดงเพลิงและดวงตาสีแดงเต็มไปด้วยแสงราวกับอัญมณี ดวงตาและจมูกได้รูปและผิวที่ขาวเรียบเนียนของเธอเองก็โดดเด่นมาก

 

เซเลีย เอสทรีย่า อลิซาเบธ ฟอน แกรนท์ เจ้าหญิงลำดับที่หกของมหาจักรวรรดิแกรนท์และผู้บัญชาการป้อมเบิร์ก คนใกล้ชิดต่างเรียกเธอว่าลิซ

 

ฮิโระยิ้มให้กับลิซ

 

“อะอะอะอรุณสวัสดิ์ครับ ไม่ทราบว่าองค์หญิงต้องการสิ่งใดหรือขอรับ?”

 

“จ้ะ อรุณสวัสดิ์ค่าาาาาาาาา”

 

ลิซทักทายด้วยรอยยิ้มแสนสดชื่น แต่แล้วเธอก็กลับมาก้าวร้าวในทันทีและทำแก้มพองโตด้วยความไม่พอใจอย่างมาก

 

“แล้วจะให้ฉันต้องต่อว่านายยังไงดีห๊ะ? ทำไมถึงไม่ยอมไปนอนห้องของตัวเองสักที สอนเมื่อไรจะจำ? ที่ห้องสมุดมันไม่มีเตียง ดังนั้นก็ต้องนอนพื้นอีก แถมผ้าห่มก็ไม่มีตกกลางก็อากาศหนาว ถ้าเกิดเป็นหวัดจะทำยังไงย๊ะ!.”

 

ลิซพูดแบบนั้นและก้มหน้าด้วยท่าทางเศร้าๆ

 

“ฉันพูดแบบนี้เพราะเป็นห่วงนายนะ ฉันกลัวว่าฮิโระจะเป็นหวัดและต้องทรมาน.”

 

“แต่ว่ามันไม่ได้หนาวอย่างที่คิดหรอกนะพอโดนหนังสือทับน่ะ”

 

“…ว่าไงนะ?”

 

ดวงตาของลิซหรี่ลง เมื่อฮิโระคิดว่าเขาใช้คำผิด แต่ก็สายเกินไป มือของลิซยื่นไปหยิกแก้มฮิโระ แต่.

 

“ไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น จากนี้ไปช่วยกลับไปนอนห้องด้วย”

 

“หือ!”

 

สิ่งเดียวที่เขารู้สึกคือการถูกดึงแก้มเบาๆ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาอยากถูกทำรุนแรงมากกว่านี้ แต่ถ้าเธอเล่นไม้นี้เขาก็จะรู้สึกผิดจนทนไม่ไหว

 

“เอาล่ะ ถ้างั้นก็ช่วยฟังสิ่งที่ฉันขอหน่อย ฉันเป็นห่วงนายจริงๆนะ”

 

ลิซลูบแก้มของฮิโระสองสามครั้ง

 

“เอาล่ะ ถ้างั้นไปทานข้าวเช้ากันดีกว่า!”

 

เธอกลับมายิ้มตามเดินและเริ่มเดินไปข้างหน้า

 

“…อืมนั่นสินะ”

 

ฮิโระยิ้มและออกจากห้องสมุดพร้อมกับลิซและเซอร์เบอรัส

 

ห้องรับประทานอาหารของป้อมเบิร์กอยู่ชั้นหนึ่ง ปัจจุบันเต็มไปด้วยกองทัพจักรวรรดิที่สี่ที่ฝึกเสร็จในตอนเช้า และผู้หญิงที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องการทำอาหารกำลังวิ่งวุ่นไปรอบๆห้องครัว เมื่อถัดไปจากข้างหลัง ฮิโระและเซอร์เบอรัสก็มุ่งหน้าไปยังโต๊ะของเจ้าหน้าที่

 

จากนั้นทริสก็จ้องมองอาหารที่เย็นจนหมดแล้ว

 

“ไอ้หนู……..เพราะแกอาหารข้าเย็นหมดแล้วไอ้บ้าเอ้ย.”

 

ตาแก่คนนั้นที่สังเกตเห็นฮิโระก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเขา ชื่อของเขาคือ ทริส ฟอน เทอร์เมียร์ นายทหารชั้นสาม ทหารผ่านศึกที่รับใช้ลิซตั้งแต่ยังเด็ก

 

“ขอโทษ”

 

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ”

 

จากนั้นดริกส์ที่เป็นนายทหารชั้นสองกล่าวเช่นนั้น

 

“มันเป็นความผิดของท่านทริสที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.”

 

ดริกส์นั่งลงข้างทริสพร้อมกับจานอาหารในมือ

 

“อรุณสวัสดิ์ครับฝ่าบาทฮิโระ.”

 

“โอ้ว อรุณสวัสดิ์”

 

ดริกส์มองไปที่มือของฮิโระ

 

“เอ่อยังไม่ได้ทานอะไรอีกเหรอครับ ถ้าต้องการเดี๋ยวกระผมเตรียมให้”

 

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวลิซก็เตรียมให้ชั้นเองแหละ.”

 

“ไอ้หนู นี่เอ็งมององค์หญิงเป็นเด็กเสิร์ฟอาหารให้เอ็งรึไงหะ?”

 

ทริสเริ่มพูดด้วยความโกรธ จากนั้นดริกส์ก็ตบไหล่และบอกให้เขาเงียบลง

 

“เป็นเรื่องปกติของผู้มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์ที่จะทะเลาะกัน แต่ดูพวกเขาสิเข้ากันได้ดีมันน่าดีใจออก?”

 

“อืม…….ก็จริงแต่…”

 

ดูเหมือนว่าใช้เวลาไม่นานก็รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วสองคนนี้ ฮิโระตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าดริกส์รู้วิธีรับมือกับทริส จากนั้นลิซก็มาที่โต๊ะพร้อมอาหารในมือทั้งสองข้าง

 

“ฮิโระ ฉันเอาส่วนของนายมาให้แล้ว มาทานกันเถอะ.”

 

มีเนื้อกองใหญ่อยู่บนโต๊ะตรงหน้าเขา

 

“เอิ่มมันเยอะเกินไปหน่อยไหม ชั้นคงปวดท้องแน่ถ้ากินเยอะขนาดนี้”

 

“อาหารของฮิโระส่วนใหญ่เซอร์เบอรัสกินของนายแทบจะตลอดเลยนะ นายกินไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำเพราะงั้นที่ฉันเอามาเยอะก็เพื่อรับมือกับนางเนี่ยแหละ.”

 

“เอ๊ะ งั้นเหรอ”

 

เซอร์เบอรัสชอบขโมยอาหารของฮิโระมาสักระยะหนึ่งแล้ว หากมีอาหารจำนวนมาก แม้แต่เซอร์เบอรัสก็ยากที่จะกินหมด บางทีเพราะเธอได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตท่ามกลางสงคราม เธอจึงสามารถหาวิธีรับมือเซอร์เบอรัสได้อย่างรวดเร็ว

 

ฮิโระตกใจเล็กน้อยที่ลิซเติบโตขึ้น

 

“ถ้างั้นก็ขอไม่เกรงใจล่ะนะ”

 

ฮิโระปรบมือเข้าหากัน ทริสและดริกส์ก็เริ่มรับประทานอาหาร หลังจากนั้นไม่นานดริกส์ก็หยุดและพูดคุยกับฮิโระ

 

“ฝ่าบาทฮิโระ ฝ่าบาทเซลีย เอสทรีย่า กระผมมีรายงานเกี่ยวกับอดีตทาส.”

 

อดีตทาส———–ทาสที่ต่อสู้เพื่อกองทัพปลดแอค ปัจจุบันพวกเขาอาศัยอยู่ในที่อาศัยชั่วคราวนอกป้อมเบิร์ก ลิซและคนอื่นๆต่างจัดหาสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตให้กับพวกเขา แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะดูแลไปตลอด พวกเขาต้องรีบทำให้พวกนั้นเป็นอิสระโดยเร็วที่สุด ฮิโระได้มอบหมายให้ดริกส์ทำงานหลายอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่า

 

“กระผมได้ส่งเอกสารพร้อมจดหมายจากเจ้าหญิง เซเลีย เอสทรีย่า ถึงมาร์เกรฟกรินด้าแล้วครับ.”

 

“ขอบคุณนะ หวังว่าท่านลุงจะไม่ทำอะไรผิดพลาด.”

 

“สิ่งที่น่ากังวลไม่น่าจะใช่มาร์เกรฟกรินด้าหรอกครับ.”

 

ดริกส์ตอบสนองต่อคำพูดของลิซและหันไปมองฮิโระ

 

“ยังไงก็ตาม อาจเป็นอันตรายซึ่งสันนิษฐานว่าดินแดนส่วนหนึ่งที่ยึดมาจากราชอาณาจักรลิชไทน์ จะถูกมอบให้กับมาร์เกรฟกรินด้า และคิดว่ามันคงไม่ดีด้วยที่จะคิดเช่นนั้น”

 

ดริกส์หยิบถ้วยที่เต็มไปด้วยน้ำ เขาดิ่มมันลงไปในลำคอ จากนั้นก็พูดต่อ

 

“มีความเป็นไปได้ที่จะถูกแบ่งปันให้ขุนนางท่านอื่นด้วย หากเป็นแบบนั้นแผนการของเราจะถูกขัดขวางใช่ไหม?”

 

“เข้าใจแล้ว แต่ชั้นรับรองว่าไม่มีอะไรมาขัดแผนการเราได้.”

 

ฮิโระหัวเราะกับความกังวลของดริกส์และให้เหตุผล

 

“ขุนนางทางใต้กำลังจะลำบากในตอนนี้ เพราะพวกเขากำลังยุ่งกับการเข้าถึงอาณาเขตของตระกูลนิกเคิล.”

 

ตระกูลนิกเคิลเป็นตระกูลของนายพลไคโล

 

เขาปกครองดินแดนทางทิศใต้ แต่สภาพอากาศอยู่ใกล้กับศูนย์กลาง เนื่องจากอิทธิพลอันแข็งแกร่งทางทิศใต้ จึงเป็นเขตแห้งแล้งที่มีฝนตกน้อย ส่งผลให้ทุ่งหญ้าแทบไม่เติบโตและมีต้นไม้เตี้ยๆ ขุนนางทางใต้ที่ทำมาหากินโดยการขายรถม้าและม้าศึกกำลังขาดทรัพยากร

 

“สิ่งนั้นดึงดูดความสนใจของขุนนางทิศใต้งั้นเหรอครับ…?”

 

ฮิโระพยักหน้า

 

ฮิโระทำให้นายพลไคโลต้องรับผิดชอบความผิดทั้งหมดที่ก่อขึ้นและทำให้เขาตายในสงครามที่ผ่านมา ดังนั้นตระกูลนิกเคิลจึงไม่สามารถกปัดความรับผิดชอบได้ และหากไม่มีหัวหน้าตระกูล พวกเขาก็ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้

 

ขุนนางทางทิศใต้ที่เห็นแบบนั้นก็ใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้ขูดเลือดขูดเนื้อตระกูลนิกเคิล อย่างดีที่สุดก็จะเป็นการลงโทษเล็กๆน้อยอย่างยึดพื้นที่นิดหน่อย อยากมากก็โดนยึดดินแดนไปเลย ไม่ว่ายังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

“นอกจากนี้ขุนนางยังให้ความสนใจกับเมืองโอเอซิสที่ได้มาจากราชอาณาจักรลิชไทน์ ในทางกลับกันดินแดนที่เราต้องการถูกทิ้งร้างดังนั้นเลยไม่มีใครสนใจ.”

 

ดินแดนที่ฮิโระและคนอื่นๆต้องการคือพรมแดนที่ติดกับมหาจักรวรรดิแกรนท์ และราชอาณาจักรลิชไทน์ที่ไม่ได้ทำการใดๆมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งมันเป็นดินแดนตัดกันระหว่างสองประเทศ

 

แม้ว่าที่ดินจะทรุดโทรมไปบ้าง แต่ก็สามารถปรับปรุงให้กลับมาใช้งานได้แถมยังมีน้ำประปาใช้ พวกเขาสามารถตักน้ำจากดินแดนของมาร์เกรฟกรินด้าและสามารถมอบดินแดนส่วนหนึ่งเพื่อการเพาะปลูกได้ อีกทางเลือกหนึ่งคือการให้พวกเขาขุดบ่อน้ำ หรือขุดแร่

 

“พวกเราสามารถจ้างทาสที่เป็นอิสระได้และอาณาเขตของท่านลุงจะร่ำรวยยิ่งขึ้น ดังนั้นยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย.”

 

ลิซพูดสิ่งที่ฮิโระจะพูด แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ยิ่งคิออร์กได้รับอำนาจมากเท่าไร ตำแหน่งของเขาในฐานะขุนนางทางใต้จะยิ่งดีมากขึ้น อำนาจของเขาจะถูกขยายใหญ่และเติบเต็มให้กับลิซ ทำให้เธอเข้าใกล้บัลลังก์ได้มากขึ้น มีเพียงอย่างหนึ่งที่รบกวนเขา

 

“มันคงใช้เวลาสักพัก.”

 

แทนที่จะแสดงความกังวลฮิโระพยักหน้า

 

“เพราะแบบนั้นด้วยหลักฐานนั่น จะติดต่อกับมาร์เกรฟกรินด้าอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมการ”

 

แบบนั้นดริกส์ก้มหน้าลงและกลับไปทานอาหารตามเดิน ฮิโระก็เริ่มเคี้ยวเนื้ออย่างเงียบๆ แต่หยุด เมื่อสังเกตเห็นท่าทางของลิซ

 

ลิซจ้องมองเขาตลอดเวลา เขาอดไม่ได้ที่จะอาย หลังจากกลืนอาหารเข้าปาก ฮิโระก็ถามลิซ

 

อืม อยากกินเหรอ?”

 

“เอ๊ะ ได้เหรอ?”

 

“อืม ชั้นคิดว่าเธอต้องกินบ้างนะ.”

 

“ฉันก็แค่สงสัยเพราะเห็นฮิโระทานอย่างน่าอร่อยมากเลยนี่.”

 

“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็.”

 

เขายื่นเนื้อให้ลิซ

 

“อ้ามมมมมมมม.”

 

เนื้อหายเข้าไปในปากของเธอ ซึ่งฟันของเธอเรียงกันอย่างสวยงาม ขณะที่เขาเฝ้าดู ฮิโระสังเกตเห็นคนรอบๆมองเขา ทริสกอดอกขณะที่คิดว่ากำลังลำบากแล้วไง ดริกส์ก็ส่ายหัวด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อ และเจ้าหน้าที่รอบๆต่างส่งเสียงเชียร์

 

“ฮิโระ ฮิโระ ขออีกคำนึง!”

 

ลิซเกาะแขนของเขาราวกับนกตัวน้อยที่ร้องขออาหาร ฮิโระไม่กล้าป้อนเธออีกต่อไปเพราะโดนจ้องมอง ไม่ว่าเธอจะรู้ตัวหรือไม่ เธอก็บอกว่า “ นี่ นี่ ฉันบอกว่าอีกคำไง” เขาคิดว่าจะทำยังไงดี

 

แต่ถ้าเขาปฏิบัติต่อเธออย่างไม่ระมัดระวังทริสได้เอาเขาตายแน่

 

(เอ่อต้องทำจริงๆเหรอ?)

 

แต่ชายที่ครั้งหนึ่งถูกเรียกว่า”เทพแห่งสงคราม”เกิดไอเดียแปลกๆ หมาป่าขาวผู้สูงศักดิ์เซอร์เบอรัสปรากฏตัวใต้เท้าเขา

 

(ฝากด้วยสหาย)

 

พวกเขามองตากัน โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้ลึกซึ้ง นี่คือทั้งหมดที่พวกเขาแค่มองตากันก็สื่อสารกันได้เซอร์เบอรัสกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะยาวและเริ่มกระโจนกินอาหารของฮิโระ

 

“นะ นี่ เซอร์เบอรัส เดี๋ยวนี้ทำตัวแย่จริงนะ ให้ตายเถอะ!”

 

“อ่า อ่า ดูเหมือนเซอร์เบอรัสเองก็หิวเช่นกัน ให้อภัยเธอเถอะนะ”

 

“โม่วววววววววว!”

 

ฮิโระประสบความสำเร็จในการยัดเนื้อชิ้นสุดท้ายเข้าปากของลิซเพื่อปิดปากเธอ ในขณะเดียวกันเซอร์เบอรัสที่กินเนื้อเสร็จก็หนีไป

 

“หนอย ช่วยไม่ได้ ฉันเองก็จะกินด้วย.”

 

ไม่มีอะไรที่เธอทำได้หากเซอร์เบ

 

อรัสหนีไปแล้ว ลิซยอมแพ้นั่งลงและเริ่มกิน แม้ว่าจะไม่ได้กินอาหารเช้ามากนัก แต่ฮิโระก็โล่งใจที่รอดพ้นสถานการณ์นี้ไปได้  การกระทำต่อไปของลิซทำให้ฮิโระต้องตัวสั่น

 

“ฮิโระนี่ของนาย อ้ามมมมมมมมมม”

 

“เอออออออออออ๋…”

 

ความยากลำบากยังไม่จบ วันนี้จึงเริ่มต้นไปด้วยความวุ่นวาย

 

 

ป.ล.เมื่อเจ็ดปีที่แล้วผมแปลจนจบเล่ม 2 แต่ไม่ได้ลงแมวดุ้นเพราะช่วงนั้นยังอ่อนด้อยประสบการณ์ ถ้าจำได้ผมลงไว้ประมาณ 10 ตอน แล้วผมก็ลืมแอคเคานต์นั้นซะสนิทหลังจากนั้นก็ติดเกมและไปแปลเรื่องอื่นจนผ่านมา 7 ปี เรื่องนี้ที่ผมรอก็เขียนจบสักทีเลยได้กลับมาแปลต่อ ตอนแรกที่เลือกแปลเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะอะไรเลยครับ เพราะคนวาด !!!! ตอนนั้นที่ผมเริ่มแปล เรื่องนี้เมื่อเจ็ดปีที่แล้วผมอายุ 13-14 ได้มั้งครับ แต่ถ้าจำไม่ผิดผมน่าเรื่องนี้น่าจะ 10 ปี + แล้วเพราะผมแปลตั้งแต่ออกใหม่ๆเลย แต่เอามาลงแมวดุ้นอะหลังจากนั้นสองสามปีและก็ไม่ได้ลงอีก เพราะติดเกม ช่วง 13 มั้งครับที่เริ่มแปลจริงๆจังๆ

 

ช่วยกันหารค่าเล่มได้ที่นี่ หรือจะช่วยค่าน้ำค่าไฟ คนตกงานได้ที่นี่

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset