[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 5 Chapter 1 เผชิญหน้า Part 4

ตอนที่ 5 Chapter 1 เผชิญหน้า Part 4

Part 4

ผ่านมา 5 ชั่วโมงแล้วฮิโระที่เดินขึ้นยอดเขาขณะที่ผูกมิตรกับเหล่าทหาร ดวงอาทิตย์อยู่เหนือท้องฟ้า ทั่วทั้งผืนดินส่องสว่าง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปด้านบนก็จะเห็นยอดเขาอยู่ไกลออกไป

 

――ตอนนั้นเอง ที่จู่ๆพวกนั้นก็โผล่มา

 

ขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่และใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัว ดวงตาสีแดงสองข้างขยับไปมาราวกับประเมินศัตรูตรงหน้า มันมองมาทางนี้พร้อมกับยิ้มแหยงๆจนเห็นฟันสีเหลืองของมัน หน้าท้องของมันนูนออกมาเหมือนกับบอลลูน

 

เป็นมอนสเตอร์รูปร่างกึ่งมนุษย์

 

“อะไรล่ะนั่น…”

 

จากนั้นลิซก็เดินเข้ามาใกล้ๆและกระซิบข้างหูเขา

 

“พวกมันคือ โอเกิล ว่ากันว่าเดิมทีพวกมันเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ถูกเหล่าภูติสาปแช่งจนทำให้มีรูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านมนุษย์และอาศัยอยู่ในเทือกเขา มันจะคอยไล่โจมตีนักเดินทางและกินเนื้อมนุษย์.”

 

[จากผู้แปล:ครับจากผู้แปลเองครับ โอเกิล ไม่ใช่ โอเกอร์ ตอนแรกก็คิดว่าพิมพ์ผิดครับ แต่ถ้าอ่านต่อไปเรื่อยๆจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงได้ชื่อโอเกิลครับ.]

 

ลิซอธิบายให้เขาฟังอย่างใจเย็น แต่เขาก็ไม่สามารถตั้งสมาธิได้มากนักเพราะลมหายใจที่รดต้นคอนั่นเอง

 

“อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะมีพละกำลังมาก แต่มันไม่ค่อยมีไหวพริบ ดังนั้นเลยไม่อยากที่จะกำจัดพวกมัน”

 

ทันทีที่ลิซพูดจบเซอร์เบอรัสก็วิ่งไป

 

“ก๊าซซซซซซซซซ!”

 

พุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วใช้กรงเล็บอันแหลมคมเฉือนไปที่คอของโอเกิล พร้อมกับเสียงครวญครางอันน่าสยดสยอง คอของโอเกิลขาดลงและเลือดจำนวนมากก็พุ่งกระจายไปทั่ว

 

แหวะ…ฮิโระหันหลับกลับทันที แต่ที่แย่กว่านั้น ยังมีฉากที่ทำให้เขาอยากปิดตา เพราะหัวของโอเกิลมันกลิ้งลงมาตามเนินเขา

 

ขณะที่ลิซเฝ้าดูฉากนั้น ก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ

 

“เห็นม้าาาาาาาา!”

 

“…อะอืม”

 

“อย่างที่คิดเลยนะครับ ท่านเซอร์เบอรัสยังรวดเร็วจนตาข้ามองตามไม่ทันเลย.”

 

“วูลฟ์”

 

เซอร์เบอรัสตอบโต้คำชมของทริสด้วยการส่ายหางไปมา

 

“ในหมู่พวกนั้นมีตัวที่ดูท่าทางแข็งแกร่งอยู่ด้วย.”

 

รอยยิ้มที่แสดงถึงความหวาดหวั่นของลิซเธอหันกลับมามอง ฮิโระจึงได้แต่ยักไหล่และถอนหายใจออกมา

 

“ไม่อยากจะคิดเลยแหะ…”

 

หลังจากพึมพำอยู่ข้างๆลิซ ฮิโระก็เริ่มเดินอีกครั้งในขณะที่เขาเริ่มรู้สึกเจ็บที่ฝ่าเท้า

 

(อย่างที่คิดเลย มันเริ่มลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ.)

 

ก่อนหน้านี้ยังเป็นทางที่เต็มไปด้วยความเขียวขจีของแมกไม้ ตอนนี้กลายเป็นทางลูกรังผสมกับหินก้อนใหญ่ ทุกอย่างก้าวทำให้ปวดฝ่าเท้า ทำให้ต้องพยายามหลีกเลี่ยงก้อนหินเวลาเดิน

 

ลิซหันไปมองฮิโระด้วยความเป็นห่วงราวกับว่าเขาแสดงออกทางสีหน้า

 

“ฮิโระไหวไหม? ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนเลย เดี๋ยวฉันแบกนายขึ้นหลังก็ได้นะ?”

 

“ไม่ได้หรอก ชั้นเองก็เป็นผู้ชายนะ ผู้ชายที่ไหนเขาให้ผู้หญิงแบกขึ้นหลังกันล่ะ”

 

ก็รู้สึกขอบคุณอยู่หรอกที่เธอเป็นห่วงกัน ฮิโระหันมาสนใจยอดเขาตรงหน้า แม้จะดูใกล้ แต่ก็ไกลออกไป แต่ว่าทิวทัศน์โดยรอบมันเริ่มเปลี่ยนทำให้เห็นว่าพวกเขากำลังไต่ขึ้นยอดเขา

 

นอกจากนี้ ลิซยังให้พวกทหารหยุดพักอยู่หลายครั้ง เธอไม่สามารถปล่อยให้เหล่าทหารหมดแรงได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือลิซมักจะพูดให้กำลังใจ “พวกนายเป็นทหารที่องอาจมาก” หรือไม่ก็ “อดทนอีกหน่อยนะ พวกเราใกล้จะข้ามภูเขาลูกนี้ได้แล้ว” ดังนั้นเหล่าทหารรวมถึงตัวเขาเองต่างค่อนข้างมีความสุขมากกว่าความทุกข์

 

เมื่อฮิโระที่รู้สึกใจฟูอย่างไม่เคยมีมาก่อนที่โลกเก่า ลิซก็มองมาทางเขาอย่างจริงจัง

 

“ต่อจากนี้จะมีพวกมอนสเตอร์เยอะแยะเต็มไป ดังนั้นอย่าอยู่ห่างจากฉันนะ ฮิโระ!”

 

“ยังมีพวกโอเกิลเหลืออยู่อีกงั้นเหรอ?”

 

“อืม มากกว่านั้นพวกมันมีจำนวนมากด้วยล่ะ.”

 

“ถามจริงงงงงง…”

 

“ฉันก็จริงจังตลอดเวลานะฮิโระ ไม่ได้ล้อเล่นซะหน่อย”

 

ในขณะที่ลิซตอบโต้ฮิโระ ก้อนหินจำนวนมากก็กลิ้งมาจากด้านบน

 

“รีบไปหลบหลังหินเร็วเข้า!”

 

เมื่อทริสตะโกนดังๆเหล่าทหารก็รีบซ่อนตัวอยู่หลังโขดหิน ฮิโระเองก็ไปซ่อนหลังโขดหินเช่นกัน แต่เนื่องจากเขาขยับไม่ได้ลิซจึงดึงแขนเขาเอาไว้

 

“ลิซ พวกเราต้องหนีนะ!”

 

เมื่อเขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ลิซก็แสดงสีหน้าสงบนิ่ง

 

“ไม่หรอก นายควรจะอยู่ใกล้ฉันให้มากที่สุด มันปลอดภัยมากกว่าหากนายอยู่ใกล้ฉัน.”

 

“พูดบ้าอะไร――!?”

 

พื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทำให้การทรงตัวยากขึ้นไปอีก ก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกกับหินที่อยู่ใกล้ๆแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษซากมันตกลงมาระหว่างพวกเขาสองคน ถ้าแค่นั้นมันไม่เป็นไรหรอก แต่มันเหมือนกับอุกกาบาตที่ตกลงมาใส่พวกเขา

 

หินก้อนใหญ่กำลังร่วงลงสู่พื้น

 

แบบนี้ไม่ทันแน่ พวกเราจะโดนหินนั่นทับแล้ว ฮิโระเผลอหลับตาเพราะคิดว่าคงจะตายคาที่แน่ๆ แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าหินก้อนใหญ่นั่นแตกกระจายและกำลังละลายอยู่

 

“หะ เกิดอะไรขึ้น…”

 

ฮิโระจ้องมองด้วยความงุนงง อย่างไรก็ตามไม่มีหินก้อนไหนที่เข้ามาหาพวกเขาได้ หินทั้งหมดที่พุ่งมาหาต่างละลายเป็นผุยผง

 

เมื่อเงาขนาดใหญ่ของหินยักษ์พุ่งเข้ามาฮิโระและคนอื่นๆที่เตรียมจะหนี———-ทันใดนั้นเองเปลวเพลิงอันทรงพลังก็กลืนกินและบดขยี้หินยักษ์นั่นจนเศษซากกระจายไปรอบๆ

 

“ฮิโระ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าขยับออกห่างจากฉัน!”

 

เมื่อฮิโระได้ยินแบบนั้นก็ต้องตกตะลึง ลิซกำลังวิ่งเข้าหินพวกนั้น เหล่าทหารที่ซ่อนตัวหลังโขดหินก็เข้ามาหาฮิโระ ข้างกายมีเซอร์เบอรัสที่กำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าและยืดเส้นยืดสายโดยไม่สนใจรอบข้าง

 

ในขณะที่ฮิโระงงว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีเสียงระเบิดที่ทำให้แก้วหูของฮิโระต้องสั่นสะท้านดังก้องไปทั่ว

 

เมื่อมองไปยังแหล่งที่มาของเสียงก็เห็นว่าลิซผู้มีผมสีแดงเพลิงกำลังร่ายรำ โบกแขนฟันหินที่เข้ามาหาเธออย่างไม่ลดละ จนหินเหล่านั้นไหม้และหลอมละลายไปในที่สุด

 

“เป็นอะไรรึเปล่าฮิโระ ได้รับบาดเจ็บไหม?”

 

ลิซซึ่งจัดการกับหินทั้งหมดเดินกลับมาด้วยท่าทีสบายๆ

 

“เอ่อ ไม่เป็นไรเลย แต่…”

 

ฮิโระที่พยายามจะถามคำถามต่อเธอก็ถูกขัด――.

 

“มีฝูงโอเกิลจำนวนมากโผล่มาแล้ว!”

 

มีคนตะโกนบอกข่าวให้ทุกคนทราบและหันไปยังตำแหน่งเดียวกัน กลุ่มโอเกิลหันมามองที่พวกเขา ตรงกลางกลุ่มมีโอเกอร์ตัวใหญ่หนึ่งตัวและมีโอเกิลอีกเจ็ดตัวล้อมรอบมันอยู่

 

“มีโอเกอร์อยู่ด้วยเหรอเนี่ย ถ้าดิออสอยู่ด้วยคงดีใจจนเนื้อเต้นเลยล่ะ.”

 

ลิซที่อยู่ข้างๆพึมพำด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

“โอเกอร์?” [T/n: โอเกิล = オグル (โอกุรุ) และ โอเกอร์ = オーガ (โอก่า).]

 

เมื่อฮิโระถามกลับลิซก็พยักหน้าให้เขา

 

“อืม เจ้าตัวใหญ่ตรงนั้นไงที่หน้าตาดูน่าเกลียดน่ากลัวที่สุด มันเป็นตัวกลายพันธุ์จากโอเกิล มันมีพลังมากกว่าโอเกิลทั่วไปและไหวพริบของมันดีมากเลยล่ะ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกมันถึงคอยดักฆ่าโจรและนักเดินทาง.”

 

“ถ้างั้นเหตุผลที่หินเหล่านั้นตกลงมาก็…”

 

“ใช่แล้ว มันเป็นคนออกคำสั่งเองแหละ คิดว่ามันคงจะเล่นสนุกกับการที่จะได้กินเนื้อมนุษย์จำนวนมาก.”

 

“…แล้วแบบนี้ไม่แย่เอาเหรอ?”

 

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราเจอโอเกอร์ซักหน่อย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย นอกจากนี้ดิออสเองก็มีฉายาว่า “ยักษา” เนื่องจากเขาฆ่าโอเกอร์ด้วยตัวคนเดียว.”

 

“เหหหหหหหหหห~…”

 

ในขณะที่ลิซและฮิโระกำลังพูดคุยกันทหารทั้งหมดก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ เหล่าทหารราบติดอาวุธหนักกำลังสร้างกำแพงโดยใช้โล่เป็นฐานป้องกัน

 

ลิซมองไปที่พวกเขายกมือขึ้นบนท้องฟ้าแล้วโบกมือในแนวหน้า

 

“พลธนู ยิงได้!”

 

ลูกธนูนับไม่ถ้วนบินตรงไปยังกลุ่มโอเกิล ในพริบตาลูกธนูเหล่านั้นก็แทงทะลุร่างของเหล่าโอเกิลและฆ่าพวกมันไปได้สี่ตัว

 

โอเกิลสองตัวที่โกรธจัดวิ่งมาด้วยความโกรธแค้น

 

“พลธนู เล็งไปที่ขาของพวกมัน!”

 

ลิซสั่งการเช่นนั้น ลูกธนูจำนวนมหาศาลก็ถูกยิงไปยังขาของเหล่าโอเกิลและมันก็ล้มลงกลิ้งมากระแทกกับทหารราบที่ตั้งโล่ ทันใดนั้นจากช่องว่างระหว่างโล่ก็มีหอกทิ่มแทงพวกมัน

 

มีโอเกอร์หนึ่งกับโอเกิลอีกหนึ่งตัวพวกมันพยายามจะหนีและรีบวิ่งไปที่เนินเขา

 

“เซอร์เบอรัส!”

 

“วูลฟ์!”

 

มันตอบสนองต่อเสียงของลิซกระโดดข้ามโขดหินและปีนขึ้นไปบนเนินเขาด้วยความรวดเร็ว ไล่ตามโอเกิลและเด็ดหัวมันได้ในที่สุด ทำให้โอเกอร์ต้องหยุดชะงัก

 

“ทหารราบติดอาวุธหนัก! เคลียร์พื้นที่ด้านหน้า! ทหารราบเกราะเบา ตามฉันมา!”

 

“โอ้วววววววว !” เหล่าทหารต่างส่งเสียงรับทราบ

 

กำแพงโล่ถูกเปิดออกและลิซก็นำหน้าไป ทริสและเหล่าทหารราบเกราะเบาก็ตามเธอไป

 

“อย่าลดการป้องกันลงเด็ดขาด เพียงเพราะเห็นว่ามีโอเกอร์เพียงตัวเดียว ! มันฉลาดและทรงพลังมากกว่าโอเกิลทั่วไป!”

 

หน่วยทหารราบเกราะเบามุ่งเน้นโจมตีไปที่เท้าของโอเกอร์ และถอยกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นพลธนูก็ยิงสนับสนุนเพื่อให้เหล่าทหารเกราะเบาได้ล่าถอย แต่บาดแผลก็ไม่ถึงแก่ชีวิตของมัน มันยังคงอาละวาดต่อไปด้วยพละกำลังอันท่วมท้น

 

แต่ว่าความสมดุลก็ได้พังทลายลงเพียงเพราะหญิงสาวผมสีแดงเพลิง

 

“ทุกนายถอยกลับ ส่วนที่เหลือฉันจะจัดการเอง!”

 

เมื่อสิ่งต่างๆมาถึงจุดนี้ฮิโระก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างอยู่ในมือลิซ

 

“โอ้ว เป็นครั้งแรกสินะที่นายได้เห็นภาพแบบนี้น่ะ เจ้าหนู?”

 

ทหารคนหนึ่งตบไหล่ของฮิโระและบอกเขา

 

“เอ๊ะ หมายความว่าไงครับ?”

 

“ดูนั่นสิ นั่นน่ะดาบภูติจักรพรรดิเพลิง.”

 

หัวใจของเขาเต้นแรงและเต้นเป็นจังหวะ

 

“อ่าครับ เพิ่งเคยจะเห็นเป็นครั้งแรก.”

 

ฮิโระกุมอกตัวเองและจ้องมองลิซที่กำลังร่ายรำกับโอเกอร์ด้วยดาบสีแดงเพลิงในมือของเธอ คมดาบที่งดงามราวกับทับทิม พร้อมด้ามสีทองที่เปล่งประกายท่ามกลางแสงแดด

 

ใบหน้าอันน่าเกลียดชังของโอเกอร์กำลังบิดเบี้ยวไปด้วยความกลัวต่อเปลวเพลิงแห่งนรกที่ปะทุจากปลายดาบ โอเกอร์ตัดสินใจว่าการต่อสู้ระยะประชิดนั้นอันตรายเลยเริ่มขว้างก้อนหินใส่ลิซ

 

ลิซยังคงหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย และหินที่ถูกปัดป้องก็ถูกเผาไหม้จนหลอมละลาย ทันทีที่ลิซปิดช่องว่างเข้าหาโอเกอร์บรรยากาศอันร้อนรุ่มก็ถูกพัดพามา

 

สิ่งต่อไปที่เกิดขึ้นก็คือเสียงของโอเกอร์ที่คำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด โอเกอร์นั้นถูกเปลวเพลิงเผาไปทั่วทั้งร่าง จนร่างกายสลายเป็นเถ้าถ่าน

 

“เผลอฆ่าไปซะแล้วสิ ชะวิ้ง~!”

 

หลังจากยืนยันว่ามอนสเตอร์ตายแล้ว ลิซก็ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ โบกมือให้กับฮิโระ ภาพที่เธอเดินมาพร้อมกับดาบภูติจักรพรรดิเพลิงนั้นสะดุดตาของเขา

 

คงามงามที่งดงามยิ่งกว่าภาพวาดไหนๆ อีกครั้งที่ส่วนลึกจากใจของเขาเต้นรัว ฮิโระพยายามกุมหน้าอกเพื่อห้ามอาการใจเต้นนี้

 

“เกิดอะไรขึ้น….ชั้นเป็นอะไรไป…?”

 

หัวใจของเขาเต้นเร็วมากขึ้น และรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างถูกกระตุ้นจากภายใน แต่แล้วลิซก็ถามเขาว่า “ฮิโระ นายสบายดีไหมเนี่ย” และเขาก็เผลอจ้องไปที่หน้าของเธอ

 

“ว๊ากกกกกกกกก!?”

 

“ฮิย๊าาาาาาาาา!?”

 

ฮิโระตกใจและส่งเสียงประหลาดออกมา ลิซเองก็ตกใจ

 

“เป็นอะไรไป ได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าเนี่ย?”

 

“ขอโทษ ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรอก …..เอ่อก็แค่เธอดูงดงามมาก ก็เลย-!”

 

ขณะที่ฮิโระโบกมือต่อหน้าขณะที่เขาคิดเช่นนั้น ลิซเองก็เริ่มเอาหน้าเข้ามาใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

 

“จริงเหรอ ฉันสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

“เอ๊ะ เอ่อ..จะว่ายังไงดีล่ะ…….มันสุดยอดมากเลยล่ะ…..งดงามมากจริงๆ….ยิ่งกว่าภาพวาดไหนๆเลย”

 

“หนอย อย่ามายอกันขนาดนั้นได้ไหม ! ฉันเองก็อายเป็นนะ ถ้ายังพูดอีกละก็!”

 

ลิซตบไหล่ฮิโระซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความเขินอาย

 

“เอาล่ะ ออกเดินทางกันดีกว่า~.”

 

“เฮ้ย ไอ้หนูแบกสัมภาระของข้าทีสิ.”

 

“เอาของข้าไปด้วย.”

 

“ของชั้นด้วย.”

 

“ขอร้องล่ะน้า”

 

“เอาของผมไปด้วยเลยละกัน”

 

เหล่าทหารที่เคยใจดีกับเขาก่อนหน้านี้เปลี่ยนทัศนคติต่อเขาทันทีและโยนสัมภาระทั้งหมดมาให้ฮิโระ

 

(ไม่ใช่ว่าของเหล่านี้จำเป็นในการปกป้องชีวิตพวกเขาหรอกเหรอ อะไรกันเนี่ย แม้แต่ทริสซังเองก็ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ด้วย…)

 

นี่มันโยนงานให้กันชัดๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าซึ่งกำลังเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง ลิซบอกว่าพวกเราจะไปถึงยอดเขาในตอนเย็น แต่บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

 

“ถ้างั้นวันนี้เราก็มาพักแถวๆนี้กันเถอะ?”

 

ลิซพูดขณะที่ทริสพยักหน้าเห็นด้วย

 

“ก็ดีนะครับ จำนวนมอนสเตอร์หากลุยต่อไปคงมีมากกว่านี้ ดังนั้นพวกเราตั้งแคมป์ที่นี่น่าจะดีกว่า.”

 

“เอาล่ะถ้ายังงั้นมาจัดเตรียมอุปกรณ์และรีบตั้งเต็นท์ก่อนที่จะมืดค่ำเสียก่อนเถอะ.”

 

หลังจากพูดแบบนั้น ลิซก็ให้คำแนะนำ และทหารก็เริ่มเคลื่อนไหว เมื่อกางเต็นท์เสร็จความมืดก็ปกคลุมพื้นที่ไปแล้ว

 

เมื่อฮิโระกลับมามองก็เห็นว่าทหารได้กางเต็นท์นอนกันแล้วโดนมีเต็นท์ใหญ่สุดเป็นศูนย์กลางซึ่งเป็นเต็นท์ของเจ้าหญิง นอกจากนี้ยังมีกองไฟมากมายที่ตั้งขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ร้ายเข้าใกล้ ทหารราบติดอาวุธหนักเป็นเวรยามเฝ้าเป็นคู่สี่คนรอบด้านเพื่อจัดการกับพวกมอนสเตอร์

 

“เฮ้อออ….ในที่สุดเราก็ผ่านวันนี้ไปได้ใช่ไหม?”

 

ฮิโระถอนหายใจยาวๆเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเพื่อดูดาวที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า หลังจากดูอยู่พักหนึ่ง ลิซก็ออกมาจากเต็นท์ด้านหลังเขาพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมา

 

“เป็นอะไรไปเหรอฮิโระ? คืนนี้พวกเราต้องเข้านอนเร็วจะได้ตื่นแต่เช้า……หรือว่าหิวงั้นเหรอ?”

 

ฮิโระส่ายหัวเมื่อได้ยินเธอถามเช่นนั้น

 

“ไม่เลย ชั้นก็แค่ออกมาดูดาวแค่นั้นเอง.”

 

มีเหตุผลอื่นอีก….

 

“ฮิโระชอบดูดาวงั้นเหรอ?”

 

“เปล่าก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้นหรอก แต่ไม่เคยเห็นแบบใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน”

 

“งั้นเหรอ”

 

ลิซเข้ามาใกล้นั่งจนไหล่ชิดกัน เพื่อซ่อนความเขินอายและกระวนกระวายใจ ฮิโระเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอีกครั้ง เขาเอื้อมมือออกไปเหมือนกับจะถึงมัน ลมหายใจที่ปล่อยออกไปเป็นสีขาว แต่น่าแปลกที่ไม่รู้สึกหนาว

 

“ฉันเคยได้ยินเรื่องราวนี้มาจากแม่เมื่อนานมาแล้ว.”

 

เสียงที่ไพเราะของลิซดังชัดเจน

 

“เมื่อผู้คนตาย พวกเขาจะกลายเป็นวิญญาณ และวิญญาณเหล่านั้นก็จะกลายเป็นดวงดาว เฝ้าดูโลกร่วมกับเหล่าภูติ แม้ในยามที่หวาดกลัว ยามเศร้า ยามเหงา ให้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เพราะเมื่อนั้นจะได้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว.”

 

“เป็นเรื่องราวที่ดีเลยนะ”

 

“พลเมืองทุกคนในมหาจักรวรรดิต่างรู้เรื่องราวกล่อมเด็กนี้.”

 

ลิซยิ้มอย่างเขินอายและคว้ามือซ้ายของฮิโระพร้อมกับยิ้มออกมา

 

“เอาล่ะรีบกลับไปที่เต็นท์กันเถอะรีบเข้านอนก่อนที่จะเป็นหวัดเอา.”

 

ฮิโระถูกดึงแขนกลับด้วยความเขินอาย

 

“ดะดะดะเดี๋ยวสิลิซ! I ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ!”

 

“ทำไมเหรอ?”

 

“ยังจะถามอีกเหรอว่าทำไม? ก็พวกเราน่ะโตแล้วชายหญิงที่มีอายุแล้วไม่ควรจะนอนในเต็นท์เดียวกันนะ…”

 

นั่นคือเหตุผลที่เขาออกมาด้านนอก

 

เมื่อลิซกางเต็นท์เสร็จเธอก็บอกว่า “ฮิโระจะต้องนอนที่นี่กับฉัน” ทำให้ฮิโระตัวสั่น และเขาต้องการจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้น เขาวางแผนที่จะฆ่าเวลาข้างนอกและรอให้เธอนอนไปก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

 

“เราไม่ได้นอนกันสองคนซะหน่อย ยังมีเซอร์เบอรัสอยู่นะ.”

 

“ถึงงั้นก็เถอะ…”

 

ภายในเต็นท์เซอร์เบอรัสหลับไปแล้ว

 

“เอาน่า เอาน่า รีบๆเข้ามานอนได้แล้ว!”

 

ฮิโระถูกผลักหลังและก้าวเข้าไปในเต็นท์ ด้านบนของเต็นท์มีโคมไฟจุดเทียนห้อยลงมาจากเต็นท์ มันไม่ได้สว่างพอที่จะสาดส่องภายในทั้งหมด แสงไฟสลัวๆยิ่งทำให้ใจเขาเต้นเร็วขึ้น พื้นดินถูกปูด้วยผ้าห่มหนาๆป้องกันไม่ให้เกิดอาการเจ็บหลังจากนอนบนพื้นกรวด

 

เซอร์เบอรัสนอนอยู่ระหว่างกลางและมองมาทางซ้าย

 

“คงจะดีถ้าได้อาบน้ำ แต่ว่าฉันขอโทษด้วยนะ ถ้ามีกลิ่นเหงื่อน่ะ”

 

“ไม่อย่างที่คิดชั้นนอนกับเธอไม่ได้หรอก.”

 

“เอ๋จะบอกว่ากลิ่นเหงื่อฉันมันออกขนาดนั้นเลยเหรอ…?”

 

ลิซเริ่มดมกลิ่นตัวเองขณะที่เธอขยับจมูกอันเรียบเนียนไปรอบๆตัว

 

(นั่นไม่ใช่สิ่งที่ชั้นหมายถึงสักนิด เรื่องเหงื่อฝ่ายนี้ต่างหากที่ต้องกังวล.)

 

เมื่อฮิโระไม่แน่ใจว่าจะคุยกับเธออย่างไร ลิซก็ยิ้มอย่างไร้กังวล

 

“ตอนนี้ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฉันมีกลิ่นแบบไหน แต่ว่ามานอนด้วยกันเถอะนะฮิโระ.”

 

“ไม่ ชั้นไม่อยากนอนกับ――.”

 

“หนอยย หยุดพล่ามได้แล้วน่า ! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพรุ่งนี้เราต้อนตื่นแต่เช้าตรู่!”

 

“อั่ก!”

 

ฮิโระอ้าปากค้างหลังจากโดนแรงกระแทกอันรุนแรงจากด้านหลัง ชั่วขณะหนึ่งวิสัยทัศน์ของเขาเริ่มมืดลง และครั้งต่อไปที่ลืมตาตื่นใบหน้าของลิซคงจะอยู่ใกล้พอที่จะเห็นในระยะสายตาของเขา-ทั้งตัวของเธอ ความอบอุ่นทางร่างกาย ดังนั้นดูเหมือนเมื่อคืนเขาจะไม่รอดซะแล้ว

 

“เซอร์เบอรัสไม่ยอมให้ฉันนอนกอดเลยอะ เพราะแบบนั้นก็เลย.”

 

―แต่ว่านั่นไม่ได้หมายความว่าจะใช้ชั้นเป็นหมอนข้างแทนเซอร์เบอรัสได้หรอกนะ

 

“งั้นเหรอ ถ้างั้นวันนี้จะนอนเร็วหน่อยแล้วกัน…”

 

หัวใจของฮิโระเต้นแรงจนนอนไม่หลับเลยล่ะ

 

“ฟู่ววววววววววววว…”

 

“…หลับง่ายเชียวนะลิซ.”

 

――เอาล่ะชั้นควรทำยังไงต่อไปดี

 

คงจะดีถ้านอนนับแกะ แต่สิ่งที่ปรากฏในหัวเขาคือปีศาจอันชั่วร้าย แม้กระทั่งตอนนี้มันก็อันตรายอย่างมาก แต่เมื่อเขาหันหน้าไปมองเธอก็อดไม่ได้ที่ความชั่วช้าในใจเขากำลังก่อตัวขึ้น ฮิโระเลยเริ่มนับปีศาจที่เกิดขึ้นในใจแทนการนับแกะ

 

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset