[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 45 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม Part 2

ตอนที่ 45 Volume 2 Chapter 5 แผนการของเทพแห่งสงคราม Part 2

Part 2

 

“ชั้นอยากให้นายฆ่านายพลไคโลและผู้ติดตามของเขาที่จะขึ้นนำทัพแนวหน้าในวันพรุ่งนี้ รายละเอียดระบุไว้ในกระดาษหมดแล้วรวมถึงเหล่าคนที่นายต้องฆ่า.”

 

“…..นี่เจ้าบ้าไปแล้วเรอะ.”

 

“ถ้าเป็นไปได้ อยากจะให้นายกวาดล้างหน่วยแนวหน้าทั้งหมด ในระหว่างนี้ชั้นต้องการให้พวกมันทั้งหมดตายไม่มีใครเหลือรอดเลยสักคน.”

 

“ข้าขอถามหน่อยได้ไหมว่าทำไม?”

 

“นายพลไคโลก่ออาชญากรรมสงครามากเกินไป นั่นแหละเหตุผล”

 

“…..อย่างที่ไล่เผาหมู่บ้างใกล้เคียงนี่น่ะเหรอ”

 

“รู้เรื่องนั้นด้วยเหรอ?”

 

ในรายงานของนายพลไคโลมีรายละเอียดเกี่ยวกับการปล้นหมู่บ้านใกล้เคียงและแม้แต่ชื่อกองกำลังที่พวกเขาไปกวาดเอารางวัลมา ดังนั้นเพื่อกำจัดพวกไร้สมองที่ละเมิดวินัยทางการทหารอย่างร้ายแรงของมหาจักรวรรดิ ฮิโระจึงสร้างกองกำลังแนวหน้าขึ้นมาด้วยทหารของพวกมันที่ไปฆ่าพวกชาวบ้านบริสุทธิ์และปล้นทรัพย์สินของพวกเขาให้พวกมันได้รับกรรมในสิ่งที่พวกมันได้กระทำ

 

“ข้าเป็นถึงผู้บัญชาการของกองทัพปลดแอค ก็รู้นี่ ข้อมูลข้ามีเยอะจะตายไป”

 

“ถ้าอย่างงั้นก็คุยกันง่ายหน่อย สำหรับชั้น――.”

 

ฮิโระยิ้ม แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มตาม ฮิโระพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินจิตใจเขา

 

“ชั้นน่ะไม่ให้อภัยใครก็ตามที่มันไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม”

 

ความเงียบปกคลุมสักครู่ ถอนหายใจออกมา กาด้าหยิบขวดเหล้ายกซดอีกรอบ

 

“ข้าคิดว่าเจ้าควรห่วงตัวเองดีกว่า เรื่องนี้ควรปล่อยให้คนอื่นจัดการ.”

 

“ถ้าทำได้ก็ทำไปแล้วล่ะ แต่กลัวว่าจะมีปัญหาถ้าชั้นเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง.”

 

ตระกูลนิกเคิลของนายพลไคโลเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ทางใต้ หากฮิโระฆ่าหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันด้วยตัวเอง ก็มีความเสี่ยงที่ขุนนางทางใต้ทั้งหมดจะเป็นปฏิปักษ์กับเขา ฮิโระไม่อยากสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมา

 

“มันเป็นอุปสรรคงั้นเหรอที่ถ้าเจ้าลงโทษเขาและปล่อยให้เขามีชีวิตรอดเจ้าฆ่าด้วยมือตัวเอง? ดังนั้นเจ้าก็เลยจะปล่อยให้หมอนั่นตายในสนามรบ————เฮ้อ เจ้าจะโยนความผิดทั้งหมดให้นายพลไคโลใช่ไหม”

 

“อืมก็ประมาณนั้น”

 

สิ่งที่กาด้าพูดนั้นไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด

 

สิ่งแรกที่ต้องทำคือนายพลไคโลแบกรับความผิดทั้งหมดสำหรับความล้มเหลวในการทำสงคราม ตำแหน่งของตระกูลนิกเคิลทางตอนใต้จะตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากสูญเสียผู้นำ จากนั้นฮิโระสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือและใช้พวกเขาเป็นหุ่นเชิด

 

“เพราะงั้นช่วยร่วมมือกับชั้นหน่อยได้ไหม?”

 

“…ก็ได้ ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกนั้นจะต้องหัวหลุดออกจากบ่า”

 

ทันทีที่กาด้าบอกว่าพร้อมแล้ว เขาก็โยนขวดให้ฮิโระ

 

“ที่หลังเวลาขอร้องใคร เอาของดีๆมาให้เขากินสิฟะ”

 

กาด้านอนลงโดยโอบแขนของตัวเอง การสนทนาจบลงแล้ว ขณะที่ฮิโระกำลังจะออกจากเต็นท์ กาด้านึกอะไรบางอย่างออกและหันมาคุยกับเขา

 

“ข้าพยายามจะหลับโดยไม่คิดอะไร แต่เจ้าไม่มัดข้าไว้จะดีเหรอ?”

 

“เอาน่านอนพักรักษาตัวเองไปเถอะเก็บแรงไว้ให้พร้อมกับงานในวันพรุ่งนี้ อย่าคิดมาก.”

 

“ถ้างั้นก็ตามนั้น”

 

ฮิโระออกไปข้างนอกและบอกทหารที่่เฝ้า

 

“อย่าเข้าไปข้างในจนกว่าชั้นจะมาในตอนเช้า”

 

“ครับท่าน!”

 

ฮิโระกลับเต็นท์ของเขาระหว่างทางทหารราบเกราะเบาก็วิ่งเข้ามาหาเขา เขาทักทายฮิโระและคุกเข่าลง ลมหายใจหอบโรยริน

 

“พวกเราจับตัวหน่วยแทรกซึมฝ่ายศัตรูหมดแล้วครับท่าน”

 

“เข้าใจแล้วถ้างั้นช่วยพาตัวพวกมันมาที่เต็นท์ที”

 

“ฮ่ะ”

 

หลังจากมองทหารคนนั้นจากไป ฮิโระก็หยุดเดินและเงยหน้าขึ้น ดวงดาวส่องแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับอัญมณี แสงจันทร์

 

“งดงามจริงๆ”

 

ฮิโระหายใจออกมาและยิ้มเล็กน้อย

 

“สิ่งนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้ว่าจะผ่านมาพันปีแล้ว”

 

หญิงสาวคนนั้นเคยพูดอย่างหลงใหลเกี่ยวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน

 

――ท่ามกลางความสับสน ความฝันได้ก่อกำเนิดและความเป็นจริงที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสัน

 

เธอเป็นคนฉลาด เธอเป็นเทพธิดาที่คิดถึงผู้คนรอบข้างกายอยู่เสมอ

 

――แต่โลกที่เต็มไปด้วยการหลอกลวง และเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ไม่รู้ความจริงของโลกใบนี้

 

เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เธอรักมากตอนนี้เป็นเผ่าที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก ในบรรดาห้าเผ่าพันธุ์ ได้แก่ เผ่ามนุษย์ เผ่าหูยาว เผ่าคนแคระ เผ่าซลอร์ตต้า เผ่ามนูษย์สัตว์

 

นอกจากนี้ยังมีเผ่าพันธุ์ป่าเถื่อนอีกสามเผ่าพันธุ์ ในอเลเทีย มันถูกขนานนามว่า บาบาเรี่ยน สงครามที่เธอคร่ำครวญหวังให้มันจบดูท่าจะไม่สิ้นสุด

 

“มีราชันโง่เขลามากมายในโลกแห่งนี้ และสวรรค์เองก็คงอยู่ไม่เฉยหรอกใช่ไหม”

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าแม้ตอนนี้มันจะเป็นประกายแสงเล็กๆ แต่เมื่อมันเปล่งประกายมันจะถูกส่งไปยังสรวงสวรรค์และ “เจ้าหญิงแห่งเปลวเพลิง” จะเป็นดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างชี้นำผู้คน ฮิโระยื่นมือไปบนท้องฟ้า ไม่นานดวงจันทร์ยามค่ำคืนก็ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหนาทึบ

 

“จนกว่าจะถึงวันนั้น จะคอยปกป้องจนไม่มีใครหาเธอเจอ”

 

ฮิโระในตอนนี้ยังมีพลังไม่มากพอที่จะทำเช่นนั้น เขาไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยกลยุทธ์ทางการทหาร เมื่อพันปีที่แล้วห้านายพลแห่งความมืดและกองทัพอีกาดำ

 

เขารายล้อมไปด้วยผู้มากพรสวรรค์ เขาสามารถฝ่าฟันความยากลำบากเหล่านั้นไปได้ อำนาจในตอนนั้นของตัวเขาที่แทบจะเอื้อมมือไปถึงสวรรค์ กลืนกินโลกใบนี้

 

“ชั้นจะต้องทำมันอีกครั้ง”

 

เวลาแห่งสวรรค์ สมดุลแห่งโลก ความสามัคคีของผู้คน ทุกอย่างขาดหายไป เมื่อเธอมีมันทั้งหมดแล้วเธอจะยิ่งใหญ่กว่าใคร

 

เช่นเดียวกับดวงจันทร์ที่เต็มดวงส่องแสงสว่างเฉิดฉายไปทั่วค่ำคืนที่มืดมิด มันปกคลุมสวรรค์เฉกเช่นเดียวกับดวงดารา เธอจะเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ ฮิโระหันไปมองยังเต็นท์ของลิซ

 

“ไม่นานหรอกในอนาคตนี้ แต่ตอนนี้ต้องสลัดความสัมพันธ์อันไม่จำเป็นทิ้งไป.”

 

ฮิโระหันหลังกลับชายเสื้อคลุมสีดำสยายในยามค่ำคืน เขากลับไปที่เต็นท์ซึ่งมีลมหนาวๆพัดผ่านราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังคำรามอยู่ด้านนอก

 

เมื่อรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิลดลง ฮิโระจึงสวมฮู้ดและหวังว่าอากาศจะดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นชายคนหนึ่งก็เข้ามา เขาสวมชุดเกราะที่คล้ายกับชุดเกราะของกองทัพจักรวรรดิที่สี่แต่แตกต่างออกไปเล็กน้อยมันเป็นการเลียนแบบอย่างประณีต ถ้าเป็นตอนกลางวัน ใครๆก็คงสังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาด แต่ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมองความแตกต่าง

 

“แกเป็นหน่วยข่าวกรองของราชอาณาจักรลิชไทน์ใช่ไหม?”

 

ชายคนนั้นไม่ตอบคำถามของฮิโระ แต่ทหารที่อยู่ข้างๆพยักหน้า เขาวางข้อศอกลงบนเก้าอี้และนั่งเท้าคาง ฮิโระสังเกตชายคนนั้นอย่างละเอียด สิ่งที่เขาอ่านออกคือความกล้าในการเผชิญกับความตาย ซึ่งดูชำนาญการมอง

 

“เท่าที่ดูแล้วคงภักดีต่อราชอาณาจักรลิชไทน์มากเลยสินะ?”

 

ฮิโระหยิบกระเป๋าจากกองบนโต๊ะทำงานของเขา เขาชูกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมาและแสดงให้ชายคนนั้นดู

 

“ในนี้มีเหรียญทองแกรนท์ สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างฟุ่มเฟือยได้เป็นเวลาสองปี.”

 

“…หมายความว่าไง?”

 

“ไม่ต้องห่วง ไม่ได้พยายามจะติดสินบนหรอกนะ แค่ต้องการตอบแทนในความภักดีของแกก็เท่านั้น”

 

ฮิโระขว้างถุงเงินโดนหน้าอกชายคนนั้น เหรียญจำนวนมากกระจายอยู่ตรงหน้า

 

“สามารถเอามันกลับไปได้และกลับไปรายงานนายพลของแกว่า ชั้นนับถือในหัวใจของเขา.”

 

รอยยิ้มของเขาขยายขึ้น ฮิโระลุกขึ้นจากเก้าอี้ เข้าหาสายลับและวางมือบนไหล่เขา

 

“นั่นไม่ได้หมายความว่าแกควรจะไปหรอกนะ และถ้าตอบใช่ ชั้นจะให้ข้อมูลบางอย่างแก่แกด้วย ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากกับการตรวจสอบตำแหน่งของกองทัพจักรวรรดิที่สี่ จะบอกทุกอย่างที่แกอยากรู้ให้เอง.”

 

“…วางแผนอะไรกันแน่?”

 

“จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ ทำตามที่ใจแกปรารถนาเถอะ”

 

ฮิโระนั่งลงและลดเสียงต่ำลง

 

“พวกเราจะเปิดฉากจู่โจมกลางดึกเข้าหาพวกแก นั่นคือเหตุผลที่พวกเราเตรียมทหารอูฐหนึ่งพันห้าร้อยคนอยู่ด้านนอก นอกจากนี้กองทัพจักรวรรดิเหนื่อยกว่าที่พวกแกคิด ดังนั้นหากโจมตีในกลางคืน พวกเขาจะสู้ไม่ไหว นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราหยุดพักเพื่อให้ดูเหมือนว่าอยู่ภายใต้การคุ้มกันอันเข้มงวด.”

 

ต่อหน้าสายลับที่ตกตะลึง ฮิโระหยิบเหรียญทองแกรนท์ทีละเหรียญและใส่มันเข้ากระเป๋า

 

“เมื่อกลับไปรายงาน อย่าได้บอกว่าชั้นเป็นคนบอก มิฉะนั้นจะทำให้แกโดนสงสัยได้ อ่า ถ้าต้องการสามารถเดินตรวจสอบค่ายได้ตามสบายเลย ด้วยวิธีนี้แกก็จะวางใจได้ว่าสิ่งที่ชั้นพูดนั้นเป็นความจริง.”

 

ยัดถุงเงินใส่กระเป๋าของสายลับฮิโระก็นั่งลงบนเก้าอี้ของเขา

 

“ปล่อยเขาไป”

 

ทหารต่างตกใจเมื่อได้ยินคำสั่งให้ปล่อยตัว

 

“แน่ใจเหรอครับท่าน? พวกเราควรฆ่าเขา…”

 

“ก็ไม่รังเกียจหรอกที่จะทำแบบนั้น แต่อย่าคิดว่าแม้ชั้นจะไม่เห็นแล้วพวกแกจะทำอะไรตามใจชอบได้ เพราะงั้นพาเขาออกไป”

 

“…..ครับท่าน”

 

ทหารคนนั้นก้มศีรษะพูดว่า “ตามข้ามา” และพาสายลับออกไป

 

ฮิโระนั่งเข้าไปในเก้าอี้และรอให้สายลับคนต่อไปเข้ามา

 

“คิดอะไรอยู่กันแน่?”

 

คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาโดยไร้ซึ่งเสียงคือพลทหารชั้นสองดริกส์

 

ฮิโระมองด้วยความสงสัยเริ่มไม่แน่ใจว่าความสามารถในการซ่อนตัวของเขาเหมือนไม่ใช่ที่ปรึกษาทั่วไปและกลมกลืนกับที่มุมเต็นท์

 

นอกเหนือจากนี้ เขาภักดีจนเกินไป เขาทำสิ่งที่ฮิโระพูดโดยไม่สงสัย ความจริงที่ฮิโระเป็นทายาทของจักรพรรดิองค์ที่สองนั้นก็ดูจะเป็นข้อแก้ตัวที่มากเกินไป

 

อย่างไรก็ตาม ฮิโระตอบกลับโดยพยายามมไม่ให้รู้ว่าฮิโระสงสัยในตัวเขา

 

“มันยากเกินไปที่จะติดสินบนสายลับคนนั้น ดังนั้นก็เลยน่าละอายที่จะฆ่าเขา.”

 

“กระผมไม่คิดว่านั่นเป็นปัญหาในการฆ่าเขาเลยนะครับ พวกเรายังมีเหลืออีกตั้งสามคน”

 

“การลดจำนวนลงไม่ใช่สิ่งที่ดี ถ้ามาร์ควิสรังกิลล์เชื่อรายงานของพวกเขา ยิ่งมากเท่าไรมันก็น่าสนุกใช่ไหมล่ะ”

 

“ฟุมุ แต่ท่านจะทำอย่างไรให้พวกเขาเชื่อท่านเหรอครับ? มาร์ควิสรังกิลล์อาจจะเห็นเป็นโอกาสและบุกโจมตีก็ได้.”

 

“เรื่องนั้นเตรียมการไว้พร้อมแล้ว และต้องการให้พวกเขาเป็นฝ่ายบุกเข้ามา ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือฝากคำพูดเดียวๆกันให้กับเหล่าสายลับ อ่านั่นสินะ แต่————–จะมีผู้เสียสละเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ข้อมูลไม่ตรงกับคนอื่น———ถ้าป้อนข้อมูลเดียวกันหมดอาจจะเจอจุดจบเดียวกันหมดเลยก็ได้”

 

มีการหยุดคิดชั่วครู่ ดริกส์ดูเหมือนจะมั่นใจ

 

“ดังนั้น เลยพยายามสร้างความสงสัยให้แก่มาร์ควิสรังกิลล์เหรอครับ?”

 

“หากมีความคลาดเคลื่อนในรายงานคนที่รายงานผิดก็จะพยายามยืนยันในสิ่งที่เขาพูดอย่างแน่นอน”

 

ฮิโระลูบผ้าปิดตาและมองไปที่ดริกส์

 

“แล้วถ้าเป็นนายจะคิดยังไงถ้ามีสามคนมีรายงานเช่นเดียวกันกับอีกคนที่ต่างออกไป?”

 

“…ก็สงสัยว่าเขาคนนั้นคงจะถูกฝ่ายศัตรูซื้อตัวไป.”

 

“และตรงนั้นแหละคือสิ่งสำคัญที่สุด”

 

ฮิโระหันไปหาถุงเงินเล็กๆสามถุงบนโต๊ะทำงานของเขา

 

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพบเหรียญทองในกระเป๋าของสปายเหล่านั้นกันล่ะ?”

 

“ถ้าเป็นผม จะตัดคอพวกมันทิ้งทันที แต่มีบางครั้งที่ต้องซ่อนสิ่งต่างๆเหนือสิ่งอื่นใด จะทำอย่างไรถ้าพวกเขาไปตัวเปล่า? พวกเขาสามารถโยนทิ้งระหว่างที่กลับค่ายไปก็ได้นะครับ.”

 

“เพราะแบบนั้นชั้นเลยทำให้พวกเขาหมกมุ่นเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง คนที่พร้อมจะตายน่ะจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกต่างคิดกันเป็นเรื่องปกติ การให้เหรียญทองกับพวกเขาจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะพวกเขาสามารถการันตีการมีชีวิตที่มั่นคง แถมเงินนั่นก็ไม่ใช่น้อยๆที่จะซ่อนและโยนทิ้งโดยไม่เสียดายหรอกนะ ดังนั้นพวกเขาก็ต้องพกติดตัวไปแน่นอน”

 

“เช่นเดียวกับสิ่งที่ตรงข้ามสินะครับ…”

 

“ถูกต้องแล้ว ผลลัพธ์ก็เหมือนกันไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม นอกจากนี้ ราชอาณาจักรลิชไทน์เองก็ใกล้ล่มสลาย แม้ว่าจะเอาชนะเราได้ แต่ก็ไม่มีความแน่นอนในอนาคตของพวกเขา ด้วยเหตุนี้พวกเขาไม่มีเหตุผลให้ต้องทิ้งเหรียญทอง เพราะนั่นคือหลักประกันในการใช้ชีวิตอย่างมั่นคง.”

 

“เข้าใจแล้วครับ…”

 

เขาอาจจะถามคำถาม แต่เขาจะไม่ปฏิเสธคำถามเหล่านั้น เขาได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากฮิโระและเก็บมันไว้ในสมองของเขา อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่หมกมุ่นในการงานสุดๆ แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ใช่เหตุผลเดียว

 

ฮิโระพึมพำกับดริกส์ที่กำลังก้มหน้าลงด้วยความไม่สบายใจ

 

“นายทหารชั้นสองดริกส์”

 

“มีอะไรหรือครับ?”

 

”――ช่วยพาคนถัดไปหามาชั้นได้ไหม?”

 

ไม่มีเวลาหรือหลักฐานมาจะตรวจสอบเขาที่นี่ ฮิโระคงต้องปล่อยให้เขามีอิสระจนกว่าจะถึงเวลา

 

“ครับท่าน”

 

“แล้วก็ช่วยขอให้ใครสักคนพาสวิฟเดรคมาให้ชั้นได้ไหม?”

 

“แน่นอนครับ”

 

ดริกส์กล่าวทักทายก่อนออกไป

 

(เดาว่าคงจะทำงานให้กับใครสักคน ไม่มีปัญหาตอนนี้ชั้นจะปล่อยเขาไปก่อน.)

 

ฮิโระถอนหายใจและวางตัวบนพนักพิง ขวัญกำลังใจของฝ่ายตรงข้ามถึงจุดต่ำสุด ในตอนกลางวัน ตอนนี้ต้องมีทหารที่หลบหนี ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือสร้างความกดดันให้ศัตรูที่ลังเลและลดจำนวนให้ได้มากที่สุด

 

สงครามจะจบลงเมื่อนายพลไคโลและผู้ติดตามของเขาถูกจัดการทิ้งทั้งหมดในการต่อสู้วันพรุ่งนี้

 

“ใช่ ชั้นเองก็ต้องส่งข้อความให้พวกเขาด้วย”

 

พวกเขาน่าจะอยู่ที่นี่แล้ว นี่คือแผนการที่เขาคิดไว้นานแล้วตั้งแต่มาที่นี่ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะได้เฉิดฉาย

 

“วาระสุดท้ายของพวกแก มาถึงแล้ว”

 

เขาลูบผ้าปิดตา ฮิโระมองไปที่ทางเข้าเต็นท์

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset