Part 1
พระอาทิต์ยกำลังจะตกดิน ลมร้อนๆที่พัดมาก็เริ่มเย็นลง
มีแคมป์ไฟจำนวนมากถูกก่อขึ้น มีเต็นท์มากกว่าห้าร้อยหลังเบียดเสียดราวกับเมืองๆหนึ่ง นี่คือค่ายของกองทัพจักรวรรดิที่สี่ ตรงกลางค่ายมีเต็นท์ขนาดใหญ่ที่มีธงดอกลิลี่บนพื้นหลังสีแดง อย่างไรก็ตาม ไม่มีวี่แววของผู้บัญชาการอยู่ข้างใน เจ้าหญิงลำดับที่หก ลิซ กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจของทหาร
ไม่ไกลจากเต็นท์มีเต็นที่ถูกตั้งขึ้นเพื่ออบรมวินัยทางทหาร
บนหัวโต๊ะนั้นมีเจ้าชายลำดับที่สี่ฮิโระนั่งอยู่ นายพลไคโลและที่ปรึกษาของเขานั่งอยู่รอบโต๊ะซึ่งกำลังช่วยเหลือเขา คนแรกที่เริ่มพูดคือฮิโระ
“เหตุผลในการจัดการประชุมครั้งนี้……….ก็อย่างที่พวกแกได้ทราบกันดี.”
ใบหน้าของที่ปรึกษาต่างซีด เมื่อฮิโระเคาะกองรายงานสูงเป็นภูเขาและพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้น พวกเขารู้ว่ากำลังจะเกิดหายนะขึ้น
“นายพลไคโล เริ่มจากแกก่อนเลย ไอ้สวะ.”
นายพลไคโลมองไปที่ฮิโระด้วยความตกใจราวกับว่าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินชื่อจากปากเขา
“ต้องการอะไรจากข้าหะ?”
“ในรายงานเขียนระบุไว้ว่าได้สั่งให้ทหารหลายหน่วยบุกปล้นสะดมผลผลิตจากหมู่บ้านงั้นเรอะ.”
“มันเป็นกฏพื้นฐานของสงครามในการจัดหาอาหารในพื้นที่ศัตรูไม่ใช่เหรอไง?”
“มันก็ใช่ แต่ว่ามันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน สมองอะมีไหมในการทำสงครามต่อให้เราเป็นฝ่ายบุกและขาดแคลนอาหาร ก็ไม่มีสิทธิ์ไปปล้นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงคราม สิ่งที่ต้องทำกับพวกเขาคือการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม คิดไม่ได้รึไง”
“ถึงจะพูดจาสวยหรูแต่นี่เป็นสิ่งที่ทุกประเทศเขาทำกัน”
“มหาจักรวรรดิแกรนท์นั้นเคารพวินัยทางการทหารมาก หากแกที่มียศนายพล ยังไม่มีสมองคิด ก็อย่าเป็นเลย การกระทำของแกที่ขัดกับวินัยทางการทหารของมหาจักรวรรดิสมควรที่จะได้รับโทษ”
ฮิโระพูดต่อโดยไม่ลังเล
“ดังนั้น ชั้นจะขอปลดยศนายพลของแกออกไปซะ”
“ไม่ได้หรอก แม้ว่าแกจะเป็นสมาชิกของราชวงศ์ ก็ไม่มีสิทธิ์เช่นนั้น มีอำนาจอะไรใหญ่โตมาจากไหนถึงจะทำแบบนั้น?!”
“ใช่ ชั้นไม่มีอำนาจก็จริง แต่ถ้ารายงานให้สภาความมั่นคงของมหาจักรวรรดิ(Ministry of War)ก็คงจะทำแบบเดียวกัน”
(T/N กรณีในสมัยก่อนนั้นจะเรียกกันว่ากระทรวงสงคราม แต่ประเทศไทยไม่มี จะใช้กระทรวงกลาโหมแทน แต่ในที่นี้ผมขอใช้สภาความมั่นคง เนื่องจาก อยู่ในช่วงยุคจักรวรรดิ ซึ่งเป็นสมัยสงครามนะครับ)
“นั่น…”
“ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น ก็วางยาพิษหรือฆ่าชั้นโดยไม่เหลือร่องรอย แกก็จะรอดได้นะ.”
“อย่ามาพูดอะไรไร้สาระน่า.”
ใบหน้าของนายพลไคโลมีความเครียดปรากฏขึ้น มันเป็นปฏิกิริยาที่แสดงให้เห็นว่าฮิโระมองสิ่งที่เขาคิดออกหมดเลย ฮิโระคิดว่าหมอนี่เป็นคนเข้าใจง่ายชะมัด แต่เขายังคงพยักหน้าและดำเนินการต่อ
“ดูเหมือนจะหยอกล้อแรงไปหน่อย ขอโทษด้วย ลืมมันไปเถอะ”
“หวังว่าจะไม่เข้าใจข้าผิด ข้าไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด.”
“ใช่ ใช่ เพราะแกเป็นถึงชายผู้มีเกียรติเลยนี่นะ”
ฮิโระยกย่องนายพลไคโล
“เพราะแบบนั้นก็ควรตระหนักรู้ได้แล้วว่าทำไมที่นี่ถึงมีเพียงคนของแกที่คอยพยักหน้ารับใช้อย่างหมาที่คอยเลียแข้งเลียขาประจบประแจงเจ้าของ”
ดวงตาของนายพลไคโลเบิกกว้าง และเขามองไปรอบๆก็พบเห็นใบหน้าของเหล่าที่ปรึกษาที่คิดเช่นนั้น
“จริงเหรอ”
“ถ้างั้นก็คงเข้าใจสิ่งที่ชั้นคนนี้จะสื่อแล้วใช่ไหม”
“…นะแน่นอน”
ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ฮิโระรู้สึกผิดหวังกับความคิดที่ว่าชายคนนี้ขึ้นมาเป็นนายพลได้ยังไง ไหวพริบก็ไม่มี
“แกอาจจะไม่เชื่อก็ได้แต่ชั้นจะบอกให้เอาบุญ――.”
ฮิโระยิ้ม ยกมือขึ้นและชูนิ้วชี้ขึ้นมา
“ถ้าพวกแกทำตามคำแนะนำของชั้น อนาคตของพวกแกจะสดใสแน่นอน”
“หือ?”
“มันคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายใช่ไหมล่ะ ชั้นสามารถสนับสนุนคนอย่างแกเข้าไปที่ศูนย์กลางได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งจะช่วยเลื่อนขั้นให้เป็นจอมพลยังไงล่ะ”
“…เรื่องจริงงั้นเหรอ?”
“มันน่าเสียดายสำหรับนายพลผู้ยอดเยี่ยมอย่างแกที่จะมาถูกลดยศในที่แบบนี้”
ฮิโระถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว
“ยังไงก็ตาม จำนวนครั้งที่ละเมิดวินัยทางทหารนั้นมีมากจนเกินไป ต่อให้ปกปิดยังไงก็ไม่หมด ดูเหมือนจะมีข่าวลือแพร่กระจายไปยังหน่วยที่แกควักกระเป๋าจ่ายด้วย.”
“อะไรนะ…”
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนายพลไคโล แต่ชั้นต้องการให้นายไปอยู่แนวหน้าในการต่อสู้ศึกตัดสินวันพรุ่งนี้”
“นั่นมัน…”
นายพลไคโลแสดงความตกใจออกมา อัตราการบาดเจ็บล้มตายในแนวหน้านั้นสูงลิ่ว หากยิ่งเป็นผู้บัญชาการแล้ว จะตกเป็นเป้าของศัตรูมากมาย เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมรับมันได้ง่ายๆ
เพราะงั้นฮิโระจึงตัดสินใจสร้างแรงกดดัน
“มีพวกเราตั้งมากมาย ไม่มีอะไรต้องกังวล ไม่ใช่ว่าชั้นต้องการให้แกไปยังแนวหน้าโดยไม่คิดหรอกนะ ชั้นอยากให้นายได้ผลงาน มีคุณค่ากับเขาบ้าง การต่อสู้ศึกสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ ยังไงก็ชนะแน่นอน แต่ถ้าแกไม่ยอมไปแนวหน้าก็จะไม่ได้ผลงานมากับเขาหรอกนะ และถ้าเป็นแบบนั้นชั้นเองก็ไม่สามารถช่วยให้เข้าไปศูนย์กลางได้”
“นั่นก็จริงแหะ.”
“ตอนนี้เข้าใจรึยัง ชั้นต้องการคนมากความสามารถแบบแกมาเป็นนายพลให้กับชั้น.”
“….ให้แน่ใจว่าฝ่าบาทจะทรงรับทราบ”
“แน่นอน แน่นอน ชั้นคงนี้ขอสัญญา”
ในรายงานมีเขียนไว้ว่า “นายพลไคโลถูกฆ่าตายระหว่างอยู่ในสนามรบ” ถูกเขียนเอาไว้ ฮิโระยิ้มและยื่นมือขวาออกมา นายพลไคโลรับมันเอาไว้อย่างมีความสุข
“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่”
“ดีใจที่ได้ร่วมงานกับแก เรื่องอดีตก็ให้มันเป็นอดีต”
“นั่นสินะ”
หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว ฮิโระก็พูดกับที่ปรึกษาทั้งหมด
“พวกแกเองก็ต้องเข้าร่วมหน่วยแนวหน้าด้วยเข้าใจไหม?”
นายพลไคโลจะเป็นแนวนำหน่วยแนวหน้า ไม่มีทางที่พวกเขาจะปฏิเสธได้
“ในอีกสองเดือน พวกแกทุกคนที่นี่จะได้รับการต้อนรับในฐานะวีรบุรุษของมหาจักรวรรดิแกรนท์”
นี่คือบทสรุปของเรื่องราว ที่ปรึกษาต่างพยักหน้าให้กัน ฮิโระอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา—————-จากนั้นเขาลูบผ้าปิดตาเพื่อปกปิดสีหน้า
“ถ้างั้นพวกแกก็ไปพักผ่อนซะเถอะ.”
“ฮ่ะ แน่นอนว่าจะไปนำผลงานมาให้ท่านฝ่าบาทฮิโระ!”
นายพลไคโลออกจากเต็นท์พร้อมกับน้ำเสียงร่าเริง ที่ปรึกษาทุกคนเช่นกัน เมื่อไม่มีใครอยู่ในสายตา ฮิโระจึงหันไปมองที่มุมมืด ก็มีคนค่อยๆปรากฏตัวขึ้นมาและผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามา มันคืออดีตสมาชิกที่เคยเข้าร่วมกับนายพลไคโล เมื่อเขาเข้าใกล้ฮิโระก็คุกเข่าลง
“พวกเราแทรกซึมเข้าไปในค่ายศัตรูได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังเตรียมอูฐร้อยห้าสิบตัวไว้นอกค่ายตามคำแนะนำของฝ่าบาทครับ”
“ตรงตามกำหนดเวลาเลยนะ แล้วสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่นั่นล่ะเป็นเช่นไร?”
“ไม่มีปัญหาเช่นกันครับ พวกเขากำลังระมัดระวังตัวอย่างมากและได้ทำหลุมขึ้นมาครับ.”
“มีข่าวกรองของฝั่งศัตรูที่แทรกซึมมาฝั่งนี้ไหม?”
“พวกเราได้รับรายงานว่าพบคนน่าสงสัยสี่นายครับ.”
“ถ้างั้นสั่งให้คนของเราจับกุมพวกเขาเอาไว้.”
“ได้ครับท่าน.”
ฮิโระหยุดดริกส์ที่กำลังจะจากไป
“มีอะไรต้องการอีกเหรอครับท่าน?”
“ช่วยแพร่กระจายข่าวในหมู่ทหารว่านายพลไคโลและผู้ติดตามของเขากำลังพักผ่อน?”
“แน่นอนครับ.”
สีหน้าของเขาบอกฮิโระว่าเขาจะทำเช่นนั้นโดยฮิโระไม่จำเป็นต้องสั่ง
“เอาล่ะ ถ้างั้นขอตัวก่อนนะครับ”
คราวนี้ไม่มีใครเหลืออยู่อีกแล้ว ฮิโระหายใจเข้าลึกๆและหลับตาลงความอื้อฉาวที่ว่านายพลไคโลและผู้ติดตามของเขาแอบพักผ่อนก่อนเหล่าทหารจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกันลิซที่ไม่ได้พักผ่อนเลยและทำงานอย่างหนักเพื่อเหล่าทหาร สิ่งนี้จะช่วยลดจำนวนผู้ที่ไม่พอใจในตัวลิซได้มาก เพราะแบบนี้ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารจะเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงโดยจะย้ายฝั่งมาอยู่ฝั่งของลิซจนหมด
“ที่เหลือที่ชั้นต้องทำคือลดจำนวนศัตรูลง.”
ฮิโระยืนขึ้นและออกไปข้างนอก สายลมยามค่ำคืนที่สั่นสะเทือนกองไฟลูบไล้แก้มของฮิโระ เขาหันเท้าไปยังสถานที่ๆกาด้าถูกคุมตัวอยู่
ทหารหลายคนเฝ้าอยู่นอกเต็นท์ ฮิโระให้กำลังใจพวกเขาและเข้าไปข้างใน
ชลอร์ตต้า กาด้าที่สังเกตเห็นฮิโระก็เงยขึ้นจากที่ซ่อนตัว
“มาคนเดียวเหรอ?”
“ใช่ชั้นเอง มีสิ่งสำคัญอยากจะบอกนาย ชั้นไม่สามารถคุยเรื่องนี้้ในที่สาธารณะได้พอจะเข้าใจไหม?”
“อืมเจ้านี่ดำมืดยิ่งกว่าขุมนรกอีกนะเนี่ยทันทีที่ข้ามองเจ้าข้าแทบจะไม่เห็นอะไรในตัวเจ้าเลย.”
“หยาบคายยังเลยนะ”
“ยังไงก็ตามมิลล์ปลอดภัยดีใช่ไหม?”
“เธอปลอดภัยดี ชั้นให้เธอแกล้งทำเป็นเมดส่วนตัวของลิซและตอนนี้เธอก็อยู่ข้างๆลิซ.”
“งั้นเหรอ ถ้าแบบนั้นข้าก็วางใจหน่อย สิ่งที่เจ้าอยากจะพูดถึงคืออะไรล่ะ?”
ฮิโระมองไปที่กาด้าครู่หนึ่งแล้วตัดเชือกที่ผูกมัดเขาเอาไว้ เมื่อมองลงไปในเชือกที่ถูกตัด กาด้ามองฮิโระด้วยความสงสัย
“วางแผนบ้าๆอะไรอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย?”
“ก็ถ้าอยู่ในสภาพนั้นเราก็คุยกันไม่รู้เรื่องพอดี”
“แกนี่แปลกคน ประพฤติตนกลับเชลยศึกได้แปลกดีนะ”
“จะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกัน”
ฮิโระนั่งลงบนพื้นและหยิบขวดเหล้าจากในเสื้อคลุมสีดำ
“นั่นเวทมนตร์เหรอ?”
“เปล่าก็แค่พรสวรรค์ในการเก็บสิ่งของเท่านั้นเอง”
ฮิโระยักไหล่โยนขวดเหล้าให้กาด้า กาด้าเอียงคอด้วยความสงสัย
“ไม่ดื่มงั้นเหรอ เจ้าน่ะ?”
“พอดีชั้นดื่มไม่ได้น่ะสิ และก่อนที่จะสงสัยในตัวชั้น ชั้นขอบอกว่าไม่ได้วางยาพิษไว้หรอกนะ”
“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเลยสักนิด ถ้าเจ้าจะฆ่าข้าเจ้าทำไปนานแล้ว”
กาด้าเปิดฝาขวดและกระดกเหล้าเข้าปาก
“แล้วต้องการอะไรล่ะ พยายามให้ข้าทำอะไรกันแน่?”
“ถ้าไม่รังเกียจที่ชั้นพูด กองทัพปลดแอคจะเข้าร่วมการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้”
ราวกับคิดไว้แล้ว กาด้าไม่แสดงท่าทีอะไรและถามต่อ
“ไม่มีทางที่พวกเราจะร่วมมือกันได้หรอก ข้าเกรงว่าข้าจะไปขวางทางเจ้ามากกว่า หรือเจ้าวางแผนอะไรไว้?”
กาด้าจ้องมองเขา ฮิโระยิ้มง่ายๆก่อนจะพูดต่อ
“ชั้นอยากจะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
“ถ้างั้นเจ้าจะให้กองทัพปลดแอคเป็นฝ่ายสู้เพียงฝ่ายเดียว ไม่เพียงแต่บางคนจะหนี แต่พวกเขาอาจจะเข้าโจมตีเจ้าด้วยนะ”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น พรุ่งนี้จะมีแนวหน้าของกองทัพจักรวรรดิที่สี่ออกไปสู้ก่อน จะมีประมาณหนึ่งพันคน จากนั้นก็จะมีคำครหาน้อยลง.”
“…อืม”
“และสิ่งที่ชั้นจะให้เป็นการตอบแทน เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง จะช่วยปลดปล่อยทาสทุกคนให้เป็นอิสระ และรวมถึงทหารรับจ้างด้วย จะให้ที่อยู่อาศัยไม่ต้องสร้างความเดือดร้อนให้ใครอีก.”
“นั่นมันของโครตจะดี แต่คงมีเบื้องหลังอยู่สินะ”
“แน่นอนแต่มันไม่ได้ยากเลยสักนิด”
“มันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เจ้าจะขอ”
หลังจากวางขวดเหล้าลงบนพื้น มองไปที่ฮิโระอย่างจริงจัง พยายามไม่พลาดการเคลื่อนไหวของเขา ฮิโระหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากกระเป๋าและยื่นให้กาด้า
“ชั้นอยากให้นายฆ่านายพลไคโลและผู้ติดตามของเขาที่จะขึ้นนำทัพแนวหน้าในวันพรุ่งนี้ รายละเอียดระบุไว้ในกระดาษหมดแล้วรวมถึงเหล่าคนที่นายต้องฆ่า.”