Part 3
นอกหน้าต่าง ดวงอาทิตย์ตกดินสนิท และดวงดาวก็ส่องระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืนในห้องที่ป้อมปราการเทาเอ็น ฮิโระอยู่ตรงนั้น เขานั่งอยู่บนเตียง
บนโต๊ะข้างๆมีจานที่มีอาหารอยู่ เห็นได้ชัดว่าลิซไม่ได้โกหกฮิโระเขาถูกต้อนรับอย่างดีในฐานะแขก
แม้ว่าเขาจะไม่เคยถูกสอบสวนมาก่อน แต่การกระทำของเขาก็ถูกจำกัด และมีทหารยืนอยู่หน้าประตูอยู่ตลอดเวลา การระมัดระวังอาจจะเห็นแก่ตัว แต่สำหรับฮิโระในโลกที่เขาไม่มีที่มาที่ไปเขาก็ยังต้องระวังอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ในขณะที่เขาพยายามหาว่าจะทำอย่างไรต่อไปแต่ไม่มีความคิดดีๆเลย มันเป็นช่วงเวลาที่ฮิโระกำลังต่อกรกับความง่วงนั้นเอง————————-
“ขอโทษนะที่มารบกวนเวลาพักผ่อน.”
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกและลิซเดินเข้ามา ฮิโระตกใจเล็กน้อยในขณะที่ลิซกำลังเกาแก้มอย่างเขินอาย
“ฉันมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำน่ะ…”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“พวกเราจะออกเดินทางจากที่นี่ และจะออกเดินทางในคืนนี้.”
“…ในอีกความหมายหนึ่ง?”
“พวกเราจะคืนป้อมปราการนี้ให้กับกองทัพจักรวรรดิที่ 1 ดังนั้นฮิโระจึงไม่สามารถจะอยู่ที่นี่ต่อได้.”
“นั่นสินะ เป็นปัญหาแล้วไง.”
จู่ๆก็ถูกโยนมาในดินแดนแปลกๆสถานที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้และในตอนกลางคืน ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้อีกแล้ว
เขาคิดว่าจะทำอย่างไรทีนี้ แต่ ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่ลิซและเห็นว่าเธอมีสีหน้าร้อนใจ บางทีอาจจะไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป
และแล้วฮิโระก็ตัดสินใจ
“จะเป็นไรไหมถ้าชั้นขอตามลิซไปด้วย?”
“เอ๊ะ?”
ลิซกระพริบตาขณะที่ฮิโระยิ้มอย่างขมขื่น
“ได้ไหม?”
“มันจะเป็นการเดินทางที่ยากลำบาก จะตายเอาได้นะถ้าไม่ระวัง แน่ใจนะว่าจะตามฉันไป?”
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ยังไงไปทางไหนก็มีแต่ตายกับตายถ้าออกไปข้างนอกคนเดียวแบบนี้.”
“ฉันไม่ปล่อยนายไปมือเปล่าหรอกน่า รู้ไหมอย่างน้อยฉันก็ให้อุปกรณ์ป้องกันและอาหารได้…”
“เป็นหนี้เธอซะแล้วสิ ไว้มีโอกาสจะตอบแทน แต่ถ้าไม่ว่าอะไรให้ชั้นได้ตามเธอไปเถอะ.”
“นายนี่มันแปลกคนจริงๆนะฮิโระ?”
“อืมโดนบอกแบบนั้นมาบ่อยๆ.”
――ส่วนใหญ่ก็เพราะฟุคุทาโร่อะนะ
ลิซพาเขาไปที่จัตุรัสกลางของป้อมปราการ และที่นั่นกองไฟก็ถูกจุดขึ้นและเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พระจันทร์เต็มดวงโผล่ออกมาจากก้อนเมฆ ส่องแสงที่สงบลงมาบนพื้นดิน
ที่หน้าประตูหลักของป้อมปราการ ทหารจำนวนมากกำลังรออยู่ในชุดเกราะ ชุดเกราะพวกเขาเปล่งแสงหมองคล้ำภายใต้แสงจันทร์ มีดิออสและชายวัยสี่สิบกลางๆยืนอยู่
ชายวัยกลางคนกำลังเข้าหาลิซด้วยการบังคับบังเหียนม้า
“เจ้าหญิงพวกเราพร้อมจะออกเดินทางตลอดเวลา.”
“ขอบคุณนะคะ ถ้างั้นมาออกเดินทางกันเถอะค่ะ.”
หลังจากได้รับบังเหียนจากชายวัยกลางคน ลิซก็ขี่ม้าของเธออย่างกล้าหาญครู่ต่อมาก็มีเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม เมื่อฮิโระหันกลับไปด้วยความประหลาดใจก็เห็นว่ามีทหารหลายนายมาส่งลิซ
“ท่านหญิง เซเลีย เอสทรีย่า ดูแลตัวเองด้วยนะครับ!”
“ทรงพระเจริญ เซเลีย เอสทรีย่า!”
“ทรงพระเจริญมหาจักรวรรดิแกรนท์”
“ขอให้ท่านได้รับการอวยพรจากราชันภูติ!”
“ขอให้เทพทั้งสิบสองพระองค์แห่งมหาจักรวรรดิแกรนท์อวยพรแด่ท่าน”
“ไว้เจอกันใหม่นะครับ!”
ลิซยิ้มและโบกมือให้กับเหล่าทหารที่มาอวยพรและร่ำลา
“เตรียมตัวออกเดินทาง!”
ขณะที่ลิซตะโกนขณะบังคับบังเหียนม้า แตรก็ดังขึ้นส่งสัญญาณว่าพวกเขาจากไปทหารเริ่มก้าวไปข้างหน้า ฮิโระเดินไปข้างหลังม้าของลิซเพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดเธอมากเกินไป
“เมื่อเรามองไม่เห็นป้อมอีกต่อไปพวกเราจะแยกกันออกเดินทาง เพราะฉะนั้นค่อยๆตามฉันมานะฮิโระจะได้ไม่หลงทาง.”
ลิซส่งเสียงเบาๆให้ฮิโระได้ยิน
“อืมเข้าใจแล้ว.”
หลังจากตอบกลับแล้ว ฮิโระก็เดินต่อไปอย่างเงียบๆไม่มีใครพูดแม้แต่คำเดียว มีเพียงเสียงเกราะที่สั่นสะเทือนอากาศยามค่ำคืน รายล้อมไปด้วยความรู้สึกตึงเครียดอันแปลกประหลาด เธอหันกลับมามองและก็พบว่าไม่เห็นป้อมปราการแล้ว
“ทริส ได้โปรดมานำทางพวกเราด้วยค่ะ!”
ลิซตะโกนและกระโดดลงจากม้าของเธอ
“ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าจะตามตาแก่คนนี้ทันรึเปล่านะเจ้าหญิง”
ทริสเริ่มออกวิ่ง
“ฮิโระ ไปกันเถอะ!”
ลิซคว้ามือซ้ายฮิโระและพวกเขาก็เริ่มวิ่งโดยไม่รู้อะไร ข้างหลังพวกเขาถูกแยกทหารออกจากกองทัพและผู้ที่กำลังวิ่งออกมาโดยไร้ซึ่งปัญหาใดๆ
ถัดจากพวกเขาเซอร์เบอรัสวิ่งไปด้วยความเร็วที่มั่นคงพร้อมสีหน้าผ่อนคลาย อิจฉาความว่องไวของหมาป่าเล็กน้อย ฮิโระพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้ขาของเขาพันกัน และติดตามลิซอย่างสิ้นหวัง
ถ้าพูดให้ถูกคือเขาถูกบังคับให้วิ่งต่างหาก――.
เมื่อฮิโระใกล้ถึงขีดจำกัดลิซก็เริ่มเดิน
“ไม่เป็นไรนะฮิโระ?”
ลิซมองเข้าไปในใบหน้าของเขา หน้าผากของเธอโชกไปด้วยเหงื่อ แต่ลมหายใจของเธอยังสงบนิ่ง ฮิโระประหลาดใจเล็กน้แย
“ชั้นไม่เป็นไร,”
ในขณะที่หอบหายใจอย่างรุนแรงเขาก็ฝืนยิ้มให้กับลิซ
“อย่างงั้นเหรอ ถ้ามันลำบากมากก็บอกพวกเราได้นะ พวกเราจะพักกันสักครู่…”
“จะทำแบบนั้นไม่ได้นะครับเจ้าหญิง.”
เป็นทริสเองที่เข้ามาขัดจังหวะ
“ถ้ามัวแต่เอาใจเจ้าหนุ่มนี่มากเกินไป หมอนี่ก็จะกลายเป็นเพียงคนอ่อนแอ ลูกผู้ชายน่ะมักถูกผลักลงนรกเพื่อเติบโตขึ้นมานะครับ.”
เขาอยากจะโต้กลับ แต่ด้วยปากของเขาขาดออกซิเจน ราวกับจะเยาะเย้ยฮิโระ เซอร์เบอรัสวิ่งไปมาอย่างมีความสุข
“ฮิโระยังเป็นเพียงเด็ก ถ้าผลักเขาลงนรกเขาก็ตายกันพอดีสิ”
“ไม่ใช่ว่าหมอนั่นอายุ 16 ปีแล้วหรอกเหรอ ดิออสบอกมาแบบนั้นนะ”
“แต่ว่าภายนอกของเขาก็ยังเป็นแค่เด็กนะคะ ปฏิบัติต่อเขาดีๆหน่อยค่ะ”
“หืมมมม? ก็จริงหน้าและร่างกายดูเด็กมากแม้จะบอกว่าตัวเองอายุ 16 ปี ก็เถอะ เฮ้อไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
ละสายตาจากทริสที่เริ่มหัวเราะ ฮิโระมองไปยังด้านหลังเขา ทหารจำนวนมากที่กำลังเดินทางตามมา แม้ว่าลมหายใจพวกเขาจะโรยรินแต่ก็ยังเดินต่อไปแม้จะแบกสัมภาระที่หนักมากก็ตาม
(พวกเขาต้องได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแน่นอน ถึงกระนั้นก็ยังน่าทึ่งอยู่ดี――.)
เขามองไปที่ทริสอีกครั้ง แม้ว่าจะอายุมากสุดแต่ก็ไม่มีเหงื่อออกเลยด้วยซ้ำ
ถึงยังงั้นก็ตาม――.
“มีใครถูกทิ้งไว้รึเปล่า?”
ลิซพูดอย่างเป็นห่วงและตาแก่คนนั้นก็ดูท่าทางมั่นใจ
“ไม่มีพวกอ่อนแอปวกเปียกหรอก พวกเราไม่ได้ฝึกแบบครึ่งๆกลางๆ.”
โดยไม่ต้องตรวจสอบ ทริสรับรองกับเธอ ดูเหมือนว่าเขาจะวางใจกับกำลังพลของเขามาก
“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็ดีแล้ว…”
ลิซถอนหายใจด้วยความโล่งอกและทริสก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ไปได้สวยเลยทีเดียวถ้ายังไปด้วยความเร็วขนาดนี้พวกเราจะขึ้นตีนเขาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นโดยไม่มีใครเห็น.”
“ตอนนี้คิดว่าดิออสทำอะไรอยู่เหรอคะ?”
“ไม่ต้องห่วงหรอกหมอนั่นแข็งแกร่งจะตายไป.”
ขณะที่ฮิโระฟังการสนทนาของพวกเขา ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว และเขาสามารถมองเห็นภูเขาอันกว้างใหญ่ตรงหน้า ลิซยังคงจับมือฮิโระเอาไว้
เมื่อพวกเราก้าวเข้าไปในทางเดินของหุบเขา ลิซก็เอาหน้ามาใกล้เขามากขึ้น ใบหน้าของฮิโระแดงก่ำเมื่อโดนจู่โจมระยะประชิดอีกครั้ง แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะมองเธออย่างเงียบๆ
“เหนือหุบเขานี้มีประเทศเล็กๆชื่อ บัลม์ เป็นสถานที่ๆปลอดภัย เมืองที่สวยงามเต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติ แต่ว่าไม่มีเวลามาให้หยุดพัก.”
“อย่างน้อยก็อยากจะพาไปเดินรอบๆหน่อย.”ลิซบ่นอุบเล็กน้อยต่อทริส
“ตอนนี้ฉันได้แต่สงสัยว่าพวกพี่ชายจะยื่นมือมายุ่งกับประเทศเล็กๆรึเปล่า?”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก แต่มันก็ไม่แน่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถปฏิเสธว่าอีกฝ่ายจะอ่านเกมขาดได้.”
ทริสทำสีหน้ายุ่งยากขณะที่อธิบายต่อ
“นอกจากนี้เนื่องจากเราไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าจะเคลื่อนทัพผ่านบัลม์ พวกเราจึงต้องมุ่งหน้าไปยังดินแดนของมาร์เกรฟกรินด้าโดยเร็วที่สุด”
“…พูดถูกนะคะ เอ่อ เราก็มีกองกำลังประมาณหนึ่งบางทีเขาคงจะสังเกตเห็นได้นะ.”
“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้แต่พวกเขาก็ทำอะไรกับจักรวรรดิได้ แม้ว่าพวกเขาจะสาบานว่าจงรักภักดีก็ตาม”
“มันทำให้ฉันรู้สึกผิดที่กำลังใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของพวกเขานะคะ.”
“ไว้พวกเราค่อยส่งจดหมายขอโทษหลังจากที่ไปถึงดินแดนของมาร์เกรฟกรินด้าก็ได้ครับ.”
“นั่นสินะ หวังว่าเขาคงจะให้อภัยพวกเราถ้าพวกเขารู้ว่าเรามุ่งหน้าไปที่ไหน.”
หลังจากคุยกันเสร็จ ลิซก็หันหน้ามองขึ้นไปข้างบน เมื่อฮิโระจ้องมองเธอ เขาก็เห็นเนินเขาที่งดงามเต็มไปด้วยต้มไม้ซึ่งเหมาะกับการมาปิคนิค แต่อากาศดันสงบมากจนไม่รู้สึกอะไรเลย
สัตว์ตัวเล็กๆวิ่งขึ้นไปบนเส้นทางของหุบเขาในขณะที่ฮิโระจ้องมองด้วยความอ่อนโยน
“ฟุฟุ ดูเหมือนจะสนุกน่าดูเลยนะคะ.”
ลิซเรียกเขา ฮิโระพยักหน้าขณะที่ยิ้ม
“อืม ได้ยินมาว่าหุบเขาสูงชัน ก็เลยเตรียมตัวเตรียมใจมา แต่ว่าเป็นเนินเขาที่ดีเหมาะกับการงีบหลับเลยล่ะ.”
“เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ เป็นหนึ่งในหุบเขาที่สงบมากในแนวเทือกเขาเกลาซาร์ม แต่มันเต็มไปด้วยมอนสเตอร์จนพ่อค้าแม่ค้าไม่สามารถสัญจรได้”
“มะมะมะมอนสเตอร์เหรอ?”
เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย
“ใช่ค่ะ ยิ่งเข้าใกล้ยอดเขามากเท่าไร มันก็ยิ่งชุมมากขึ้น คราวนี้เราต้องข้ามเขาไปอีกฝั่ง ดังนั้นงานหนักเลยล่ะ?”
มันน่ากลัวที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นมาจากปากสาวสวย แต่ว่าเธอดันทำสีหน้ามั่นใจเสียอย่างงั้น
“ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันจะปกป้องนายเอง เพราะงั้นอยู่ข้างๆฉันและมั่นใจเข้าไว้เถอะ”
“วูลฟ์”
เซอร์เบอรัสเห่าให้กำลังใจ ดูเหมือนว่าเจ้านี่เองก็ช่วยเขาเหมือนกัน
“ถ้างั้นเรามาพักกันตรงนี้ดีไหม?”
ลิซบอกกับทริส ชายคนนั้นพยักหน้าพร้อมกับลูกเครา
“นั่นสินะครับ เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่รอข้างหน้าแล้วพวกเราควรพักผ่อนเพื่อเอาแรง”
“เอาล่ะตัดสินใจแล้ว ทหารทุกนายพักผ่อนตามอัธยาศัยได้!”
ทหารเริ่มลดโล่และดาบลงกับพื้น ขณะที่ได้ฟังสิ่งที่ลิซบอก ฮิโระนั่งลงใต้ร่มเงาของโขดหินใกล้ๆขณะมองไปข้างๆ
(มันไม่ได้ทรมานมาก นี่ชั้นคิดมากเกินไปงั้นเหรอ…)
บางทีอาจจะยังง่ายอยู่เพราะอยู่ตีนเขา แต่ร่างกายของเขารู้สึกว่าทนทานกว่าที่ผ่านมา แม้ว่าพละกำลังกายเขาจะไม่มากเท่าลิซและคนอื่นๆ แต่เขาก็สามารถตามพวกเธอทันได้
มันน่าทึ่งเพราะฮิโระไม่ได้ทำกิจกรรมชมรมตลอดสามปีที่ผ่านมาและสามารถวิ่งได้เท่ากับทหารที่ฝึกฝนเป็นประจำ
(เพราะแบบนั้น ชั้นเลยรู้สึกสนุกไปด้วย.)
ฮิโระอดไม่ได้ที่จะยิ้ม――.
“เฮ้ย ไอ้หนุ่มทำได้ไม่เลวเลยนี่.”
ตาแก่คนนั้นเดินเข้ามาตบไหล่เขาเบาๆ
“แกแข็งแกร่งกว่าที่เห็นนะเนี่ย ข้าคิดว่าแกจะเห่าหอนไปอีกสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงซะอีก”
“ให้ตายสิครับ มันไม่ง่ายเลยนะรู้ไหมเนี่ย.”
ทหารหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมเสียงหัวเราะ จากนั้นตาแก่ก็ส่ายหัวด้วยท่าทางเกินจริง
“ถึงกระนั้นเขาก็ควรจะได้รับคำชมไม่ใช่เหรอครับ อายุแค่นั้นแต่ตามเรามาได้ถึงขนาดนี้?”
“อืม ก็ใช่ สำหรับคนที่อายุเท่าเขาน่ะเรียกว่าฝึกโหดเลยก็ว่าได้.”
ยังไงก็ตามดูเหมือนจะถูกเข้าใจผิดๆแต่ฮิโระก็ปล่อยมันไป
“ก็อย่างที่รู้ๆกัน ชั้นอายุ 16 ปีแล้วนะ?”
“ฮะฮ่ะ ไอ้หนุ่มนี่พูดอะไรของมันฟะเนี่ย ล้อเล่นแรงไปรึเปล่า.”
“นั่นสินะอย่ามาล้อเล่นซะให้ยาก.”
“มันคือเรื่องจริงนะ”
ลิซขัดจังหวะการสนทนา ทหารสองคนต่างตกใจ
“เอ๋ จริงเหรอครับ?”
“ใช่ มันคือความจริง คิดว่าฉันคนนี้จะโกหกเหรอคะ?”
ลิซยิ้มและพยักหน้า จากนั้นทหารพวกนั้นก็เกาหัวราวกับเจอปัญหา
“เปล่า นายหญิงไม่โกหกอยู่แล้ว แต่ว่าเจ้าหนุ่มนี่ยังเด็ก โอ้ยสับสน…”
“ตอนนี้ก็พอเข้าใจแล้วว่าเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน อายุ 16 สินะ .”
ทหารทั้งสองต่างจ้องมองฮิโระตาไม่กระพริบ ลิซเองก็มองมาอย่างมีความสุข
(เอ่อ…..บางทีเธอก็ให้ความสนใจกับชั้นมากเกินไปรึเปล่านะ?)
ชายนิรนามที่ติดตามพวกเขามาในการเดินทาง โดยปกติแล้วพวกทหารคงจะถามว่าหมอนี่ใคร แต่ว่าด้วยการปฏิบัติตัวของลิซทำให้ไม่มีใครกล้าหือ
“เอาล่ะ หมดเวลาพักแล้ว เตรียมออกเดินทางต่อได้!”
ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกขัดจังหวะในช่วงสำคัญของการพูดคุย เขาไม่รู้ว่าการพักครั้งต่อไปจะเป็นเมื่อไหร่ แต่เขาแน่ใจว่าระยะห่างระหว่างเขากับเหล่าทหารน่าจะเริ่มมาสนิทชิดเชื้อกันมากกว่านี้