[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 37 Volume 2 Chapter 4 มังกรตาเดียว Part 1

ตอนที่ 37 Volume 2 Chapter 4 มังกรตาเดียว Part 1

Chapter 4  มังกรตาเดียว

Part 1

ภายใต้แสงแดดที่แผดเผากองทัพจักรวรรดิที่สี่เผชิญหน้ากับกองทัพปลดแอคหกพันนาย กองทัพปลดแอคได้จัดตั้งแนวหอกในแถวแรกและแถวที่สองประกอบด้วยทหารทาส ในขณะที่แนวหลักและด้านข้างประกอบด้วยทหารอูฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารรับจ้าง การก่อตัวมีลักษณะคล้ายทัพปลายหอก

(T/N:ทัพปลายหอกจะคล้ายๆทัพตรีศูล แต่เป็นเหมือนกับลูกศร  ↑ มากกว่า)

 

ในทางตรงกันข้าม กองทัพจักรวรรดิที่สี่ทักทายพวกเขาด้วยกองทัพปีกมังกร ซึ่งแนวหน้าประกอบด้วยทหารสองพันห้าร้อยนายในศูนย์กลาง ตามด้วยหนึ่งพันนายในแนวหลัก และสองพันนายในแต่ละปีกมีบทบาทสำคัญในการล้อมศัตรู (T/N:การเรียงทัพจะคล้ายกับข้างบนแต่ในจำนวนมากกว่า)

 

ทั้งสองด้านของสายหลักจะมีแถวที่สามที่มีทหารกองละห้าร้อยนายและแถวที่สี่เตรียมพร้อมอยู่ด้านหลัง

 

“ยิงลูกธนูออกไป!”

 

ชายผู้บัญชาการกองทัพจักรวรรดิที่สี่ตะโกน เขาเป็นผู้บัญชาการคนที่สอง ชื่อ คิกุย มาร์คาร์ ฟอน ซูราคิ

 

“ให้ทาสที่หิวโหยมันได้กินลูกธนูอย่างหน่ำใจไปเลย!”

 

คิกุยโบกแขนเพื่อส่งสัญญาณให้คนถือธง ธงขนาดใหญ่ถูกชักขึ้นด้วยเหตุนี้ พลธนูแถวแรกจึงปล่อยลูกธนูใส่กองทัพศัตรู

 

ศัตรูหลายคนที่ฝังลงไปกับกองทราย แต่นั่นไม่ได้หยุดสถานการณ์รบ ในไม่ช้าเสียงปะทะกันของดาบก็ดังขึ้น อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เก่าๆของพวกทาสนั้นไร้ประโยชน์ที่จะต่อกรกับกองทัพจักรวรรดิที่สี่ พวกเขาถูกสังหารทีละคนต่อหน้านักดาบที่ฝึกมาอย่างดี

 

อย่างไรก็ตาม ทาสก็มีเจตจำนงเป็นของตัวเอง พวกเขาผลักดันจุดศูนย์กลางของแนวหน้าด้วยจิตวิญญาณของพวกเขา

 

“พวกมันเป็นเพียงแค่ทาสกลัวอะไรกัน?”

 

คิกุยเฝ้าดูด้วยใบหน้าโกรธเกรี๊ยวขณะที่ศูนย์กลางกำลังจะแตกพ่าย ในอัตรานี้กองทัพอูฐจะเข้ามาได้

 

“หยุดพวกมันด้วยทุกอย่างที่มี!”

 

แต่เสียงของคุกุยไปไม่ถึงแนวหน้า ทหารอูฐกำลังหลั่งเข้ามาในแนวหน้า อูฐบดขยี้ทหารราบที่หุ้มเกราะหนัก เสียงตะโกนของทาสเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ คิกุยหยิบเครื่องรางภูติออกมาจากกระเป๋าแล้วเตะท้องม้า

 

“ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าจะไปหยุดพวกมันเอง!”

 

อูฐปรากฏตัวต่อหน้าเขา คนที่ขี่คือชายร่างใหญ่ผิวสีม่วงซึ่งเป็นเผ่าซลอร์ตต้า

 

“นี่เหรอปีศาจที่องค์หญิงพูดถึง?!”

 

คิกุยที่ควรจะหนีทันที แต่เขาตัดสินใจจะไม่หนีเพราะเครื่องรางภูติที่อยู่ในมือ เมื่อเขาขว้างมันออกไปลูกไฟก็ปรากฏขึ้น

 

“หะ เล่นปาหี่อะไรวะเนี่ย?”

 

ปีศาจตนนั้นหัวเราะออกมาเบาๆและบดขยี้มัน

 

คิกุยกระวนกระวายใจ แต่เขาขว้างเครื่องรางภูติออกไปอีกอัน ก้อนน้ำแข็งตกลงมา ลมกรรโชก ฟ้าผ่าตกลงมาสู่พื้น แต่กาด้าก็ไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

 

“มีดีแค่นี้งั้นเรอะ?”

 

“อะไรไม่มีทางแกเป็นสัตว์ประหลาดรึไง?”

 

กาด้าเข้าปิดระยะห่างและเหวี่ยงดาบใหญ่ไปข้างหน้า

 

“ฟุ———–ไอ้ปีศาจ”

 

นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเขา ศีรษะของเขาขาด เลือดสดๆกระจายไปทั่ว และร่างก็ร่วงลงจากหลังม้า กาด้าไม่ได้มองด้วยซ้ำราวกับไม่สนใจ

 

“ข้าจะฝ่าวงล้อมตรงกลางและเปิดทางให้พวกเจ้า และเด็ดหัวผู้บัญชาการของมันมา!”

 

ทหารม้าของจักรวรรดิเข้ามาสะกัดกั้นกาด้า ขณะที่เขามองไปข้างหน้า ทุกคนต่างมีสีหน้าโกรธและฟันใส่เขาจากทุกด้าน

 

“หืมมมมมมมม”

 

กาด้าสะบัด “เบเบนสเลฟ”ของเขาเบาๆราวกับว่าจะเป่าศัตรูให้ย่อยยับไปทางด้านขวาและด้านซ้าย ข้างหน้า ทหารม้าห้านายเสียชีวิตจากการสะบัดดาบของเขา แต่พวกทหารจักรวรรดิก็ไม่ถอย พวกเขาภูมิใจที่ได้ต่อสู้ในศึกอันมีเกียรติ ทหารอูฐเข้าปะทะกับเหล่าทหารม้า

 

“…เอาล่ะไปคว้าชัยชนะกันเถอะ ตามข้ามา”

 

กาด้าขึ้นเสียงและกำลังทำลายล้างกองทัพจักรวรรดิที่สี่ ในขณะนั้นเองที่ปลายสายตาของเขาเห็นเปลวเพลิงสีแดงที่คล้ายกับกระสุนพุ่งเข้าหาเขา

 

“หืม แม่หนู คราวนี้มันไม่ง่ายเหมือนกับครั้งก่อนหรอกนะ.”

 

“ฉันเองก็ขอพูดคำนั้นกลับให้กับนายเหมือกัน!”

 

ลิซหายไปจากม้าและโบยบินไปบนอากาศ

 

“นั่นเป็นความกล้าหาญที่งดงามมากข้าไม่มีรสนิยมชอบข้าเด็ก ถ้าถอยตอนนี้ยังไม่สายนะ.”

 

มีการโจมตีเธอขณะที่เธอกำลังลอยไปในอากาศ แต่กาด้าสะบัดดาบใหญ่ปัดป้อง

 

ประกายไฟเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองและหายไปขณะที่เขาหลบกาด้าสั่งให้อูฐไปข้างหน้า เขาเล็งไปตอนที่ลิซลงจอด พุ่งเข้าหาเธอและเล็งดาบใหญ่ไปที่หน้าของลิซ

 

เธอแทบจะรับการโจมตีไม่ทัน ซึ่งถ้าช้ากว่านี้นิดเดียวคงได้เป็นแผลหนัก ระยะห่างระหว่างทั้งสองเปิดกว้างขึ้น

 

“ยังไม่สายเกินไปที่เจ้าจะหนี ข้าจะไม่ไล่ตามเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากมาจบชีวิตในที่แบบนี้หรอก.”

 

กาด้าเตือนเธอ แต่ลิซยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว

 

“ใช่ ฉันเองก็ไม่อยากจะมาตายที่ตรงนี้หรอก.”

 

กาด้าเบิกตากว้างเมื่อเห็นลิซผ่อนคลายมากขึ้น มันไม่ใช่ความกลัวหรือการดูถูกเลย สิ่งเดียวที่แสดงออกมาคือความมุ่งมั่นราวกับว่าต้องปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จ

 

“นี่เจ้ามองความต่างของพลังไม่ออกงั้นรึ เจ้าไม่ประมาทเกินไปหน่อยเหรอ.”

 

“ถ้าฉันหนีไปตอนนี้ ก็ต้องเจอกับอุปสรรคอันใหญ่หลวง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันหนีไม่ได้”

 

ลิซปัดผมสีแดงของเธอและเตรียมลิเวียธานให้พร้อม

 

“ข้าเข้าใจล่ะ ถึงเหตุผลที่ดาบภูตินั่นเลือกเจ้าให้เป็นผู้ถือครอง”

 

เธอมีจิตใจที่สูงส่ง งดงาม และบริสุทธิ์ แม้ว่าเธอจะเผชิญกับความยากลำบาก แต่เธอก็ไม่คิดจะหนี นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าน่าเสียดาย ชีวิตของเธอมีค่ามากกว่านั้นมากกว่ามาจบในสถานที่แบบนี้

 

ยังไงก็ตามกาด้ามีเหตุผลเหมือนกันที่เขาถอยไม่ได้

 

“ถ้างั้นมายุติเรื่องนี้กันเถอะแม่หนู?”

 

“ฉันเองก็คิดเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่อย่าได้คิดดูถูกกันล่ะ!”

 

ลิซฝังนิ้วเท้าของเธอลงไปบนทรายแล้วสะบัดขึ้น ควันทรายบดบังวิสัยทัศน์โดยรอบของกาด้าจากนั้นลิซก็สวัดลิเวียธานของเธอไปที่คอของกาด้าเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้

 

“ข้าจะไม่บอกว่าลูกเล่นตุกติกแบบนี้เป็นการกระทำที่ขี้ขลาด แต่เจ้าเองก็สมควรได้รับโทษจากการกระทำอันไม่เหมาะสมนี่!”

 

กาด้าก้มล้มดาบ เป็นความคล่องแคล่วที่ไม่เหมาะกับรูปลักษณ์

 

ลิซแสดงความตกใจเล็กน้อย ในขณะเดียวกันกาด้าวางมือลงบนพื้นและปล่อยพลังเวทย์

 

ทรายพันรอบขาลิซ เธอเสียการทรงตัวและล้มไปข้างหน้า ลิซพยายามลุกขึ้น แต่เท้าถูกฝังอยู่ในทราย และเธอไม่สามารถสลัดให้หลุดได้

 

“อึก!?”

 

เงาขนาดใหญ่ตกลงมาเหนือศีรษะของลิซ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เจอกาด้าที่ยกดาบใหญ่

 

“ฉันไม่ยอมหรอกน่า!”

 

เมื่อลิซตะโกนก้องกระแทกกำปั้นลงไปที่พื้นฝุ่นจำนวนมากก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ดาบใหญ่ของกาด้าซึ่งไม่ทันตั้งตัวจากการกระทำของลิซเหวี่ยงลงมาห่างจากจุดที่ลิซเคยอยู่

 

ลิซหลบไปด้านข้างกระโดดข้ามศีรษะของกาด้าและเข้าทางด้านหลังเขา

 

“ฮ๊ากกกกกกกกกกห์!”

 

ลิซฟันลิเวียธานออกไป

 

“ไม่เพียงแค่หนึ่งแต่ถึงสองครั้งเชียวรึ!”

 

ทันทีที่กาด้ารู้สึกได้เขาก็หันหลังกลับและสกัดมันในทันที ครู่ต่อมาดาบทั้งสองปะทะกัน และเสียงคำรามก็ดังขึ้น

 

“ฉันจะทำให้มันจบในคราวนี้นี่แหละ!”

 

เพื่อตอบสนองต่อจิตวิญญาณของลิซ เปลวไฟปะทุขึ้นจากลิเวียธาน

 

“ชิ!”

 

กาด้าพยายามถอยหลังแต่ลิซใช้โอกาสนี้โจมตีหลอกล่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางครั้งก็ใช้หมัดสวนต่อไปด้วย บางครั้งก็หลบการโจมตี และเมื่อพลาดเป้าเธอก็ยังรุกคืบต่อไป กาด้าถอนหายใจด้วยความชื่นชมในการเคลื่อนไหวที่ถูกขัดเกลาอย่างประณีต

 

“…ช่างเป็นศัตรูที่ยอดเยี่ยมจริงๆ การเคลื่อนไหวของเจ้าดีกว่าเมื่อวานอีกนะ”

 

ยิ่งความปรารถนาของเจ้าของมากเพียงใดดาบภูติก็จะมอบพลังให้มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งดึงพลังของดาบภูติออกมาได้มากแค่ไหนมันก็สะท้อนให้เห็นถึงจิตใจของผู้ถือครองมากเท่านั้น

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งเธอก้าวข้ามขีดจำกัด

 

เธอดิ้นรนเพื่อสลัดความเป็นคนธรรมดาทิ้งไป เธอก้าวข้ามขีดจำกัดตัวตนของเธอเมื่อวาน ลิซได้เริ่มต้นสู่เส้นทางวีรชนด้วยตัวของเธอเอง

 

“ไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะเติบโตได้ขนาดนี้ในระยะเวลาสั้นๆ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกมนุษย์นั้น่ากลัว พวกเขาสามารถก้าวข้ามกำแพงที่เรียกว่าขีดจำกัดได้อย่างง่ายดาย”

 

แต่กาด้าเองก็ยอมแพ้ไม่ได้เช่นกัน เขาจะต้องชนะ

 

“ข้าเองก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้ นอกจากนี้เพื่อตัวของมิลล์เอง!”

 

พลังเวทย์ถูกปลดปล่อยออกจากร่างของกาด้าและหินเวทย์บนหน้าผากก็เปล่งประกาย

 

“ห๊ะ――.”

 

ลิซหยุดเคลื่อนไหว และท่าทางของเธอต่างไปจากเดิม นี่เป็นเพราะร่างกายของกาด้ามีขนาดใหญ่ขึ้น

 

“ถึงคราวของข้าแล้ว ใช้เวลาเล่นกับเจ้ามากเกินไปหน่อย ณ ตอนนี้กองทัพปลดปล่อยจะถูกบดขยี้เอา.”

 

กาด้าฟันดาบใหญ่ออกมาสุดแรง ลิซที่แทบจะหลบไม่ทัน แต่สถานที่ๆเธอเคยอยู่นั้นถูกถล่มลงอย่างหนักด้วยการโจมตีของดาบใหญ่

 

“ดูพลังของเผ่าซลอร์ตต้าซะครั้งหนึ่งที่เคยกวาดล้างทวีปกลาง!”

 

กาด้าเหวี่ยง”เบเบนสเลฟ” ลิซพยายามโจมตีด้วยความสิ้นหวัง แต่ไม่สามารถลดทอนพลังของศัตรูได้ และเริ่มถูกโต้กลับด้วยพลังที่แท้จริง

 

แก้มของเธอถูกเฉือนเล็กน้อยด้วยคลื่นลมเพียงอย่างเดียว มันเป็นบาดแผลเล็กๆที่ได้รับการปกป้องจากดาบภูติ แต่โดยปกติแล้วใบหน้าของเธอจะฉีกเป็นชิ้นๆ

 

ทหารของมหาจักรวรรดิแกรนท์ที่อยู่ใกล้เคียงถูกลมพัดไม่ต่างจากคมดาบสายลมถูกเฉือนเป็นชิ้นๆ

 

“อย่างน้อยก็เล็งมาที่ฉันคนเดียวสิ!”

 

ลิซไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองที่พุ่งเข้าใส่ เมื่อเธอเข้าใกล้กาด้า เธอก็ฟันลิเวียธานออกไป

 

“พลังแค่นั้นหยุดข้าไม่ได้หรอก.”

 

กาด้าจับลิเวียธานด้วยมือของเขาอย่างง่ายดาย

 

“ถึงอย่างงั้นฉันจะโค่นนายให้ได้!”

 

ลิซต่อยไปที่แก้มของกาด้า เสียงทื่อๆราวกับกระแทกกับเหล็กดังก้องไปทั่วในอากาศ

 

“ข้าบอกแล้วไงว่ามันเปล่าประโยชน์ !? และเจ้าเองก็พลังลดต่ำกว่าเดิม รู้ตัวรึเปล่า?”

 

ดวงตาของลิซเต็มไปด้วยความกังวล เธออาจไม่รู้ตัว แต่จิตใจอันสูงส่งทำให้เธอเป็นแบบนั้น

 

ร่างของเธอมีพละกำลังมหาศาล พลังของภูตินั้นหายไปและกระจายออก การโจมตีของเธอไร้ซึ่งความประณีตไม่เหมือนเดิม กล่าวอีกนัยหนึ่งตอนนี้เธอกำลังสู้โดยไร้ซึ่งความใจเย็น การเคลื่อนไหวอันสูญเปล่ามีมากเกินไป และพลังที่เค้นออกมาก็มอบภาระให้กับร่างกาย

 

“น่าเสียดาย ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่รู้วิธีควบคุมพลัง บางทีเจ้าอาจจะก้าวข้ามข้าไปก็ได้.”

 

หลังจากที่พูดแบบนั้นกาด้าก็ปลดปล่อยพลังของเขา ลิซยังคงขัดขืน แต่ในที่สุดเธอก็คุกเข่าลงกับพื้นและเต็มไปด้วยเหงื่อ

 

“จะช่วยส่งเจ้าไปสบายเอง”

 

กาด้าใช้เบเบนสเลฟ ลิซที่ไม่สามารถป้องกันด้วยลิเวียธานอีกต่อไป แต่ถึงกระนั้นเธอสบัดการโจมตีออกได้อย่าง่ายๆ

 

“ยังไม่จบ…….หรอก…”

 

ลิซพยายามจะลุกขึ้น แต่เข่าของเธอนั้นไม่มีแรงเหลือแล้ว และเธอก็ล้มลงกับพื้น เมื่อกาด้าเข้าหาเธอพร้อมกับ “เบเบนสเลฟ”

 

“ข้าไม่มีรสนิยมในการฆ่าผู้หญิงและเด็ก แต่ว่าในสงครามมันไม่มีทางเลือก”

 

ข้าขอโทษด้วย กาด้าพึมพำและเขาเหวี่ยงเบเบนสเลฟลง แต่ไม่สามารถทำได้

 

“――ห๊ะ?”

 

ความหนาวเย็นแล่นไปทั่วร่างกาด้ารีบหันมามองข้างหลังเขา แม้จะเป็นช่วงกลางวัน แต่มีห้วงความมืดมิดอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้โลกใบนี้สูญสิ้นไปซึ่งแสงสว่าง มันกลืนกินแสงทั้งหมดและแปรเปลี่ยนเป็น “ความมืดมิด” ดั่งหายนะ

 

แสงประกายระยิบระยับท่ามกลางความมืดมิด ด้วยเสียงฝีเท้าบนพื้นทราย บางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้น

 

เหงื่อเย็นๆไหลอาบแก้มของกาด้า ในขณะที่เขาตั้งท่าเตรียมพร้อม

 

“แกเป็นใคร?”

 

เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนโยนและผ้าปิดตาที่ไม่สมส่วนปรากฏขึ้นภายใต้ความมืดมิด โดยไร้ซึ่งคำตอบ กาด้าก็เห็นรอยยิ้มที่น่ากลัวของชายหนุ่มปรากฏบนใบหน้า

 

“ช่วยถอยห่างออกจากลิซด้วย!”

 

เมื่อเสียงพึมพำของชายหนุ่มดังก้องสะท้อนแก้วหูของเขา

 

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset