[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 32 Volume 2 Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ End Chapter

ตอนที่ 32 Volume 2 Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ End Chapter

Part 3

ห้องที่ถูกตกแต่งไปด้วยภาพวาดขนาดใหญ่ทั่วผนังและเฟอร์นิเจอร์จากทั่วทุกมุมโลก ห้องนี้เป็นห้องที่แสดงถึงอำนาจ โดยทุกชิ้นล้วนเป็นงานศิลปะจากมากฝีมือทั่วโลก นี่คือห้องของจักรพรรดิ ซึ่งเป็นห้องที่จักรพรรดิอาศัยอยู่ และยังเป็นห้องที่มีเพียงอธิการบดีเท่านั้นที่รู้

 

อธิการบดีกิลล์อยู่ตรงนั้น นั่งอยู่ข้างหน้าจักรพรรดิเกรย์ไฮต์ลำดับที่ 48

 

“มีอะไรอยากจะพูดไหม?”

 

จักรพรรดิหันไปมองอธิการบดี

 

“ทำแบบนี้มันจะดีต่อเจ้าชายลำดับที่หนึ่งจริงๆเหรอครับ? หากคิดจะใช้ท่านฮิโระ คงไม่มีปัญหาในการลดทอนอำนาจของเจ้าชายคนอื่นๆในการสืบทอดราชบัลลังก์.”

 

“ถ้าทำแบบนั้นมันก็จะรบกวนแผนการในอนาคตของข้าใช่ไหมล่ะ?”

 

“นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราต้องทำให้ตระกูลโครนอ่อนแอลงสินะครับ”

 

“พวกขุนนางแก่ดักดานพวกนั้นห่วงอำนาจมากเกินไป ตระกูลโครนนี่แหละตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ชาติชั่วของแท้เลยล่ะ แม้มันจะเป็นหมาแก่ แต่หากมันลอบกัดพวกเราก็เจ็บตัวได้เช่นกัน เพราะงั้นต้องล่อมันด้วยเหยื่อให้มันเข้ากรง ทำให้มันอ่อนแอลงและค่อยๆตัดหางปล่อยวัด”

 

“มันจะดีกว่าถ้าพวกเราขังมันไว้ในกรงก็พอนะครับ…”

 

“ดังนั้นก็เลยให้พวกนั้นได้ริเริ่มแผนการ อย่าให้พวกนั้นรู้เจตนาของเราและค่อยๆล่อลวงให้พวกมันตายใจ หากขั้วอำนาจเก่าของขุนนางล่มสลาย ขุนนางใหม่ก็จะเข้ามาแทนที่และมหาจักรวรรดิก็จะได้รับการฟื้นฟู”

 

เมื่อได้กลิ่นหอมของไวน์จักรพรรดิก็วางแก้วลงบนพื้น เสียงแตกดังเพล้ง ของเหลวสีแดงกระจัดกระจายในพรมแดงราคาแพง รอยยิ้มของจักรพรรดิยิ่งมั่นใจขึ้นขณะที่มองฉากตรงหน้า

 

“ข้าน่ะไม่ชอบความเบื่อหน่าย เจ้าก็รู้”

 

จักรพรรดิหยุดอธิการบดีที่พยายามจะเก็บแก้วที่แตก

 

“ไม่เป็นไร ปล่อยมันไว้อย่างงั้นแหละ ที่สำคัญกว่านั้นลูกชายคนใหม่ของข้ามีความสามารถมากแค่ไหนกัน?”

 

“อย่างที่กล่าวมาคนๆนี้อาจจะรู้ลึกมากกว่ากระผม”

 

ขณะที่อธิการบดีปรบมือชายคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนนักเดินทางก็มาทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

 

ชายคนนั้นพูดขณะคุกเข่าลง

 

“…บอกตามตรงเลยว่าเป็นชายที่คาดเดาไม่ได้ครับ”

 

คิ้วของอธิการบดีกระตุกขึ้น ชายที่ปลอมตัวเป็นหนึ่งในนักเดินทางเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจมากที่สุดในองค์กรลับของตระกูลชาร์ม “ซีเคร็ท เน็ก(Secret Neck)” เขาไม่เคยประเมินความแข็งแกร่งของใครผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย อธิการบดีพูดด้วยความผิดหวัง

 

“มีความแตกต่างความชำนาญกับเจ้าขนาดนั้นเชียว…?”

 

“ขออภัยด้วยครับ”

 

ชายคนนั้นก้มลงด้วยความเสียใจ เขาใช้เวลาทั้งวันศึกษาสถานที่นั้นและขัดเกลาทักษะจนชำนาญที่สุดเพื่อกำจัดเป้าหมายตามที่ได้รับสั่ง

 

งานแรกของเขาคือการตรวจสอบความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นคำของ่ายๆสำหรับเขาที่มีประสบการณ์โชกโชน

 

“ชายหนุ่มคนนั้นหายตัวไป ชาวนาที่ถูกจ้างโดนจับได้ นั่นคือทั้งหมดที่กระผมทราบ”

 

“พอๆ ไว้จัดการในภายหลัง สำหรับตอนนี้เจ้าไปพักก่อน”

 

“ครับ…”

 

จากนั้นเขาก็หายตัวไปในเงามืด

 

อธิการบดีถอนหายใจและโค้งคำนับต่อจักรพรรดิ

 

“ดูเหมือนกระผมจะเลือกคนไม่เหมาะกับงาน ขออภัยด้วยฝ่าบาท.”

 

“อย่ากังวลไปเลยน่า ข้ารู้ว่าซีเคร็ทเน็กทำอะไรได้บ้าง”

 

จักรพรรดิหลับตาลงและหายใจออกเล็กน้อย

 

“ถ้างั้นคราวนี้ให้ซีเคร็ทเน็กแทรกซึมเข้าไปในป้อมเบิร์ก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าครั้งนี้จะไม่ล้มเหลว”

 

“ทราบแล้วครับ.”

 

ด้วยเหตุนี้อธิการบดีจึงออกจากห้องของจักรพรรดิ

 

 

 

***

 

 

 

――เช้าวันต่อมา

 

ฮิโระนี่หลับอยู่บนเตียงถูกปลุกด้วยแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาบนใบหน้าของเขา ไม่มีวี่แววเจ้าของห้องที่นอนอยู่ข้างๆ ดูเหมือนเธอจะออกไปแต่เช้าตรู่แล้ว

 

(แล้วชั้นควรจะไปล้างหน้าที่ไหนเนี่ย…?)

 

เขาเดินเข้าใกล้ประตูโถงทางเดินเพื่อหาอ่างล้างหน้า อย่างไรก็ตาม ประตูถูกเปิดจากอีกด้านหนึ่ง คนที่ปรากฏตัวคือโรซ่าที่เปล่งประกายด้วยบรรยากาศเย้ายวนใจ หน้าอกของเธอถูกรัดแน่นในเครื่องแบบทหารของเธอ

 

“อืม ตื่นแล้วงั้นเหรอคะ”

 

“พึ่งตื่นเมื่อกี้เลยและตอนนี้อยากจะล้างหน้าน่ะ”

 

โรซ่าชี้นิ้วหัวแม่มือไปด้านหลังฮิโระที่กำลังถาม

 

“แต่ว่าก่อนหน้านั้นมีแขกมาหานะคะ.”

 

เขาได้แต่สงสัยขณะมองไปทางเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรูปร่างสูงยาวและผอม นั่นคืออธิการบดีกิลล์

 

“ขออภัยที่มาเยี่ยมเยือนตั้งแต่เช้านะครับ.”

 

เขาโค้งคำนับฮิโระได้แต่งงว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่

 

“ทำไมท่านอธิการบดีมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”

 

“กระผมมาเพื่อส่งจดหมายจากองค์จักรพรรดิให้ท่าน กระผมไม่สามารถให้คนอื่นรับหน้าที่นี้ได้ ก็เลยต้องมาหาท่านด้วยตัวเอง”

 

“จดหมายจากฝ่าบาทเหรอครับ?”

 

“ครับ ได้โปรดเปิดอ่านตอนที่อยู่คนเดียวนะครับ”

 

หลังจากส่งจดหมายอธิการบดีกิลล์ก็มองไปที่โรซ่าและโค้งคำนับและจากไป

 

ขณะที่เฝ้าดูเขาจากไป โรซ่าก็ตระหนักได้ถึงจดหมาย

 

“อยากอ่านเหรอ?”

 

“ก็ถ้าคุณอยากให้ฉันอ่านดิฉันก็เต็มใจค่ะ”

 

โรซ่ายักไหล่เดินไปตามทางเดินและหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว

 

“หลังจากอ่านจดหมายเสร็จแล้วรบกวนมาที่ห้องอาหารได้ไหมคะ อาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้ว และถ้าต้องการล้างหน้าให้ไปที่บ่อน้ำพุในลานกว้างค่ะ.”

 

หลังจากโบกมือให้เขาเธอพูดว่า “ดิฉันจะรออยู่ที่ห้องอาหารนะคะ” โรซ่าเลี้ยวที่มุมโถงทางเดิน ฮิโระก้มลงมองจดหมายและถอนหายใจ เนื้อหาในจดหมายเขาพอจะคาดเดาได้

 

(…ก่อนหน้านั้นไปล้างหน้าก่อนดีกว่า)

 

เมื่อฮิโระไปถึงลานกว้างเขาเดินไปที่บ่อน้ำพุเพื่อล้างหน้า อย่างไรก็ตามเขาไม่มีผ้าขนหนู เขามองไปรอบๆเพื่อหาบางอย่างที่ดูเหมือนผ้า

 

(ไม่มีก็ไม่ต้องใช้…)

 

ขณะที่เขากำลังยอมแพ้ เดินไปที่ห้องอาหารเขารู้สึกว่ามีบางอย่างถูกวางไว้บนศีรษะเขา เขาหยิบผ้าขนหนูผืนสีขาวขึ้นมาเช็ดหยดน้ำออกจากใบหน้าก่อนที่เขาจะเห็นว่าใครหยิบมาให้

 

“ขอบคุณมากนะครับ――.”

 

ฮิโระพยายามจะกล่าวขอบคุณแต่พูดไม่ทันจบ เพราะออร่าที่ยืนอยู่ตรงนั้นกำลังโกรธจัด

“เจ้าชายทมิฬ……..สนุกมากไหมคะเมื่อวาน?”

 

มีหลายสิ่งที่เขาอยากจะถามออร่าว่าทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ แต่

 

“――อะไรคือเจ้าชายทมิฬ?”

 

“พวกขุนนางลือกันให้ทั่วเลยค่ะเกี่ยวกับเรื่องของท่าน”

 

“เกี่ยวกับชั้น?”

 

“ใช่ พวกเขาบอกว่าเจ้าชายทมิฬฉวยโอกาสจากแม่ม่ายและพาเธอไปยังคฤหาสน์.”

 

“นั่นมันไร้สาระน่า นอกจากนี้ชั้นเป็นฝ่ายโดนจับตัวมานะI?”

 

“ไม่ต้องห่วงดิฉันคิดไว้อยู่แล้วค่ะ”

 

“…อย่าทำให้ชั้นกลัวได้ไหม”

 

“จริงๆแล้วเหตุผลที่เขาเรียกคุณว่าเจ้าชายทมิฬเพราะท่านเกลี้ยกล่อมสตรีเหล็กกล้าได้ค่ะ”

 

“สตรีเหล็กกล้า?”

 

“ก็นามแฝงของดัชเชสเคลไฮนต์ไงคะ เธอถูกเรียกแบบนั้นเพราะปฏิเสธการหมั้นหมายจากตระกูลต่างๆนับร้อยตระกูล”

 

ออร่ามองมาที่ชั้นด้วยแววตาเหยียดหยาม

 

“ท่านสามารถเกลี้ยกล่อมเธอได้ในเวลาเพียงแปปเดียวแล้วหายตัวไปด้วยกันในคฤหาสน์ของเธอ ไม่น่าแปลกใจที่มันจะกลายเป็นข่าวลือ ขุนนางหลายนายอยากจะเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้จากท่านเลยนะคะ”

 

“…ชั้นไม่รู้เลยนะว่ามีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น”

 

ไม่ใช่ว่าเขาไม่คาดหวัง แต่เขาไม่คิดว่ามันจะลือกันแบบมั่วมากขนาดนี้ ฮิโระได้แต่กุมขมับว่าจะทำยังไงต่อไป

 

จากนั้นออร่าก็เข้ามาหาเขาและเงยหน้ามองด้วยดวงตากลมโต

 

“ดิฉันบอกท่านไปแล้วนะคะให้ระวังตัวให้ดีโดยเฉพาะพวกผู้หญิง”

 

“นั่นสินะ ขอโทษด้วยครับ”

 

“แถมยังเป็นตระกูลเคลไฮนต์อีก ข่าวลือมันเลยแพร่สะบัดอย่างรวดเร็วแบบนี้ ไม่มีทางที่ตระกูลอื่นจะกล้าพูดอะไร หากท่านโดนผู้หญิงอืนจากตระกูลธรรมดาทั่วไปล่อลวงแบบนี้ เขาจะว่าท่านว่าเป็นเจ้าชายหน้าโง่ที่ถูกแม่ม่ายล่อลวงและชื่อเสียงของท่านก็จะตกต่ำลง”

 

“เอ่อ ขอโทษครับ.”

 

“แต่ว่าเธอทำในทางตรงกันข้าม แพร่กระจายข่าวลือเพื่อเพิ่มชื่อเสียงตัวเธอ ดิฉันอยากจะชื่นชมในทักษะของตัวเธอคนนี้ แต่ดิฉันขอสาปส่งท่านค่ะ.” (T/N: ก็นะคนที่เธอคลั่งไคล้ขนาดนั้นโดนสาวลวงง่ายๆก็คงโกรธ)

 

“…ชั้นไม่โทษเธอหรอกที่จะคิดแบบนั้น ดังนั้นในตอนนี้ชั้นคิดหาหนทางจะไปข้างหน้าดีกว่า”

 

“ต่อจากนี้ไป ช่วยระมัดระวังตัวให้มากขึ้นด้วยค่ะ”

 

ออร่าถอนหายใจและมองไปที่แบล็คคามิเลีย

 

“หลังจากนั้นแบล็คคามิเลียได้ทำอะไรไหมคะ ไม่ใช่ว่านางเผลอลงมือทำอะไรเพราะเจ้านายตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยงหรอกนะคะ?”

 

“ไม่หรอกเธอไม่ทำอะไร และตอนนี้เธอไม่น่าจะฟังฉันไปสักพักเลยล่ะ”

 

“ดิฉันคิดว่าแบล็คคามิเลียมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเองค่ะ”

 

“ถูกแล้ว ถ้าเธอรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายเมื่อไร เธอจะปกป้องชั้น”

 

“เป็นภูติที่ดูย้อนแย้งดีนะคะ”

 

“…รู้อยู่แล้วน่า”

 

เมื่อพันปีก่อนๆที่ชั้นจะเป็นที่โปรดปรานของเอ็กซ์คาลิเบอร์ เธอค่อนข้างเชื่อฟัง แต่ว่าหลังจากชั้นได้ถือครองเอ็กซ์คาลิเบอร์แล้ว แม่นางก็ดูเจ้าอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ (T/N: เผื่อคนงงภูติที่อาศัยอยู่ในแบล็คคามิเลีย เป็นเพศหญิงนะครับ)

 

(และชั้นเองก็ทิ้งเธอให้โดดเดี่ยวกว่าพันปี.)

 

เมื่อเขาคิดได้เช่นนั้น เขาก็พอเข้าใจได้ที่เธอจะโกรธเขามาก เธอจะฆ่าเขาตอนไหนก็ไม่แปลกเลยและตอนนี้มันเหมือนกับปาฏิหาริย์ที่เขาสวมใส่เธอได้ ฮิโระมองไปที่เครื่องแบบของเขา ขณะที่ออร่าจ้องมองจดหมายในมือเขา

 

“จดหมายจากใครเหรอคะ?”

 

“เอิ่ม จดหมายจากองค์จักรพรรดิน่ะ”

 

“ยังไม่เปิดอ่านเหรอคะ?”

 

“ก็พยายามมาล้างหน้าเพื่อให้หายง่วงก่อน นอกจากนี้ชั้นพอจะเดาเนื้อหาในจดหมายได้น่ะ”

 

ออร่าพยักหน้าให้กับคำพูดของฮิโระ

 

“มันน่าจะเขียนเกี่ยวกับการโจมตีราชอาณาจักรลิชไทน์ใช่ไหมคะ”

 

“ถ้าพวกเราไม่ตอบโต้ ประชาชนจะอ้างว่าเราอ่อนแอ และขุนนางจะโวยกัน สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นคือบางประเทศอาจจะเข้าร่วมกับราชอาณาจักรลิชไทน์เพื่อต่อต้านมหาจักรวรรดิ”

 

ฮิโระรับช่วงต่อจากที่ออร่าเกริ่นนำ หยิบจดหมายออกมาจากซองแล้วก็เป็นไปตามที่คิด แต่มีบางสิ่งที่ดึงดูดใจเขา

 

“…ฟุมุ”

 

“ตามที่คาดเลยเหรอคะ?”

 

“ใช่ เขาหวังจะให้ชั้นได้ทำผลงานบ้างน่ะ”

 

“เป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกันดีกับศึกครั้งแรกของท่านฮิโระเลยนะคะ”

 

ราชอาณาจักรลิชไทน์อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตั้งแต่พ่ายแพ้สงครามเมื่อวันก่อน ในขณะที่ระดมทหารมากถึงหนึ่งหมื่นห้าพันนาย พวกเขาไม่สามารถสร้างผลงานใดๆได้เลย ด้วยเหตุนี้ อำนาจในการต่อกรของฝั่งราชอาณาจักรลิชไทน์จะลดลงอย่างมาก ถ้าข่มขู่เพียงเล็กน้อยขุนนางส่วนใหญ่น่าจะยอมยกธงขาวกัน

 

“ดูเหมือนนายพลไคโลที่เป็นแม่ทัพของกองทัพจักรวรรดิที่สี่กำลังนำทหารหมื่นนายเดินทัพไปยังราชอาณาจักรลิชไทน์ ดูเหมือนว่าลิซจะเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย”

 

อันเป็นผลมาจากความผิดพลาดเมื่อเร็วๆนี้ นายพลโลอิ่งถูกกักบริเวณเช่นเดียวกับเจ้าชายแซทโทเบล

 

“แล้วท่านฮิโระจะเอายังไงดีคะ?”

 

“เขาบอกให้ชั้นเข้าร่วมโดยเร็วที่สุด เดาว่าหน้าที่ของชั้นคือการไปปิดฉากสงครามหลังจากนายพลไคโลได้ทำให้ศัตรูอ่อนกำลังลง.”

 

“มันจะไม่แย่เอาเหรอคะที่จัดฉากแบบนั้น.”

 

“นั่นน่ะสิ เขาต้องการให้ชั้นไปควบคุมทางตอนเหนือของราชอาณาจักรลิชไทน์และใช้สิ่งนั้นเป็นแรงจูงใจในการสร้างสันติภาพขึ้นมา”

 

“ถ้างั้นก็พอเข้าใจได้ค่ะ หากเราทำลายราชอาณาจักรลิชไทน์ จะไม่มีประเทศที่เหลือวงจรค้าทาสอีกต่อไป”

 

“ก็รู้สึกเสียใจแทนราชอาณาจักรลิชไทน์ที่ต้องอยู่เป็นเครื่องมือแบบนั้นนะ”

 

เขายักไหล่มองที่จดหมายอีกครั้ง สิ่งที่รบกวนเขาคือประโยคสุดท้ายในจดหมายที่ไม่ได้บอกกับออร่า

 

(แล้วทำไมอธิการบดีถึงอยากให้ชั้นอ่านตอนอยู่คนเดียว?)

 

เขาไม่คิดว่าออร่าจะบอกคนอื่นอยู่แล้ว แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะไปรั่วไหลที่ไหน เขาเก็บจดหมายโดยพยายามไม่คิดอะไรเกินความจำเป็น

 

จากนั้นฮิโระก็ถามคำถามที่คาใจเขามานาน

 

“แล้วทำไมออร่าถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

 

เธอเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชาการของเจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์ มีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มมีข่าวลือที่เธอมายังบ้านของตระกูลเคลไฮนต์

 

“มันไม่ใช่สิ่งที่ท่านฮิโระคิดหรอกนะคะ”

 

“งั้นเธอมาที่นี่แบบลับๆงั้นเหรอ?”

 

“ดิฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรงี่เง่าแบบนั้นหรอกค่ะ.”

 

ออร่าตอบฮิโระที่กำลังงง

 

“ณ ตอนนี้ พระราชวังหลวงเต็มไปด้วยข่าวลือของท่านฮิโระ ไม่มีปัญหาสำหรับฉันที่จะไปไหนมาไหนก็ได้ในตอนนี้ เพราะข่าวลือของท่านช่วยกลบให้มิดเลยค่ะ.”

 

“จะบอกว่าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยเหรอ?”

 

“จะว่าแบบนั้นก็ได้ค่ะ ตัวอย่างเช่นมีข่าวลือว่าดิฉันเปลี่ยนไปรับใช้ท่านฮิโระ ทุกคนจะต้องปกป้องดิฉันอยู่แล้ว ขุนนางที่ขาดอำนาจในการตัดสินใจก็จะย้ายข้างมาฝั่งตระกูลเคลไฮนต์จดหมดค่ะ.”

 

อิทธิพลของออร่านั้นรุนแรงมาก ความสำเร็จของเธอในการต่อกรกับเฟลเซ็น ตลอดจนสงครามที่เธอทำมาจนถึงตอนนี้นั้นน่าตื่นเต้นในสายตาของขุนนาง นั่นเป็นเหตุผลที่พวกขุนนางไม่กล้าสร้างข่าวลือแปลกๆเกี่ยวกับตัวเธอ เหตุผลก็คือมันจะไปสร้างแรงกระตุ้นให้ขุนนางที่ยังไม่มีฝ่ายเริ่มเลือกฝ่ายนั่นเอง

 

“อาจจะเป็นเมื่อวานนี้ แต่วันนี้เป็นช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน ไม่มีใครคิดจะไปแหวกหญ้าให้งูตื่นหรอกค่ะ”

 

ออร่าพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจ

 

“เหตุผลที่ดิฉันมาที่นี่ก็เพราะดิฉันจะออกเดินทางในครึ่งชั่วโมงนี้ มากล่าวอำลาค่ะ.”

 

“…ไปตะวันตกงั้นเหรอ?”

 

“ใช่ค่ะ เศษซากของอาณาจักรเฟลเซ็นกระจายไปทั่ว ฝ่าบาทเลยสั่งให้ดิฉันไปบดขยี้พวกมันให้สิ้นซาก”

 

“หวังว่าจะให้เธอพาเดินรอบๆเมืองหลวงซะหน่อย แต่ดูเหมือนพวกเราทั้งคู่จะยุ่งพอตัวเลย.”

 

“ขอโทษด้วยค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าดิฉันจะพาชมแน่นอน”

 

ออร่าก้มศีรษะและจากไป “ไว้ดิฉันจะเขียนจดหมายหาท่านใหม่นะคะ”

 

ฮิโระอยากจะไปบอกลาสปิตซ์เช่นกัน แต่ดูเหมือนจะรีบมาก และฮิโระต้องไปป้อมเบิร์กในทันทีด้วย ตัดสินใจเข้าไปในคฤหาสน์และถามเมดว่าห้องอาหารไปทางไหนและมุ่งหน้าไปที่นั่น มีเมดยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่เมื่อฮิโระพยักหน้า พวกเธอก็เปิดประตูให้

 

“ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนาน”

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เชิญนั่งตรงนี้ได้เลย.”

 

โรซ่าส่ายหัวและชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเธอ

 

ทันทีที่ฮิโระนั่งลง โรซ่าก็ปรบมือและเมดก็ออกมาจากประตูทิศตะวันตกซึ่งเชื่อมกับห้องครัวพร้อมกับอาหารในมือและจัดเรียงโดยไร้ซึ่งเสียงใดๆ ฮิโระหันไปมองโรซ่าก่อนจะลงมือทานอาหาร

 

“ในจดหมายเขียนว่าชั้นควรจะไปเข้าร่วมการโจมตีราชอาณาจักรลิชไทน์ นั่นเป็นเหตุผลที่ชั้นต้องขอตัวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ”

 

“งั้นเหรอคะ ถ้าเช่นนั้น ให้ดิฉันได้ไปส่งท่านอย่างสมเกียรติด้วยเถอะค่ะ”

 

โรซ่าพยักหน้าราวกับเธอรู้ล่วงหน้าโดยไม่ต้องถาม

 

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ฮิโระก็ออกจากคฤหาสน์และได้รับการต้อนรับจากขุนนางจำนวนมาก ทันทีที่ฮิโระปรากฏตัวขุนนางทุกคนต่างคุกเข่าลงพร้อมกัน ความจริงที่ว่าขุนนางผู้มากชื่อก้มหัวให้กับเด็กคนหนึ่งทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง ในความเป็นจริงยามที่เฝ้าสังเกตการณ์จากระยะไกลยังตกใจ

 

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสน ฮิโระหันมาสนใจโรซ่าที่อยู่ในเครื่องแบบทหาร

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ดิฉันเพิ่งรวบรวมขุนนางฝั่งตะวันออกที่อยู่ทั่วมหาจักรวรรดิมาค่ะ”

 

“…จำนวนค่อนข้างเยอะเลยนะเนี่ย”

 

ถ้าเธอไม่เรียกมาล่วงหน้า เธอคงไม่สามารถรวมคนได้มากขนาดนี้ ฮิโระสงสัยว่าโรซ่าไปเตรียมตัวตอนไหน และเขาชื่นชมทักษะของเธอที่สามารถเคลื่อนย้ายขุนนางจำนวนมากให้มารวมกันที่คฤหาสน์ของเธอได้ โรซ่าวางมือลงบนไหล่ของฮิโระและกล่าว

 

“เอาล่ะ ไปกันเถอะค่ะ เจ้าชายทมิฬ”

 

ฮิโระที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วทันที รถม้าสุดหรูปรากฏตัวต่อหน้าฮิโระ ขุนนางคนหนึ่งลุกขึ้นและเปิดประตูให้เขา

 

“เชิญครับ ฝ่าบาท.”

 

ฮิโระนั่งลงบนโซฟาและพูดพร้อมกับถอนหายใจ

 

“มีคำถามอยากจะถามน่ะ”

 

มีเพียงคนเดียวที่เขาหันมามอง โรซ่าที่นุ่งเครื่องแบบทางการทหาร เธอนั่งฝั่งตรงข้ามของรถม้าและนั่งไขว้ขาด้วยใบหน้าสงบและถามออกมา

 

“มีอะไรงั้นเหรอคะ?”

 

ทุกท่วงท่าต่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ประณีตและงดงาม สมกับที่เป็นอดีตเจ้าหญิงลำดับที่สาม

 

“นี่เธอใช้เวลาวางแผนขนาดใหญ่นี้มานานแค่ไหนแล้ว?”

 

ดวงตาของฮิโระจ้องมองราวกับจะเค้นความจริงจากเธอ โรซ่าที่เห็นเช่นนั้นก็ยักไหล่เล็กน้อย

 

“ก็วันเดียวกันหลังจากที่ได้รับจดหมายจากลิซ ดิฉันคิดว่ามันเป็นโอกาส การเจรจาแต่งงานที่น่ารำคาญก็จะหมดลงไปสักที และตระกูลเคลไฮนต์ก็รอดมาได้ด้วย.”

 

“แล้วเธอจะทำยังไงหากชั้นไม่ใช่ทายาทตัวจริง?”

 

“ก็เตรียมตัวที่จะสนับสนุนลิซเหมือนเดิมค่ะ”

 

“แล้วเรื่องสามีล่ะ?”

 

“ก็แสร้างทำรับเด็กกำพร้าโดยบอกว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสของสามีดิฉัน ดิฉันบอกแล้วว่าดิฉันไม่ได้ไร้หัวคิดขนาดนั้น.”

 

“ดังนั้นเธอเลยตัดสินใจที่จะสนับสนุนชั้นในตอนนี้เนื่องจากเรื่องที่เราตกลงกันเมื่อวานเหรอ”

 

“รู้สึกตัวด้วยเหรอคะเนี่ย?”

 

“รู้อยู่แล้วล่ะ เล่นใหญ่ซะขนาดนี้ไม่รู้ตัวก็แปลกแล้ว”

 

เมื่อฮิโระมองไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

ดูเหมือนว่าโรซ่าจะสั่งพวกเขาล่วงหน้า และกองทัพส่วนตัวของขุนนางตะวันออกก็เข้าร่วมกับพวกเขา ทหารทุกคนสวมชุดเกราะที่มีสัญลักษณ์ของตระกูลขุนนาง และมีธงหลากหลายถูกชูไปตามสายลม

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่โดดเด่นที่สุดไม่พ้นธงพื้นหลังสีดำที่มีมังกรสีทองถือดาบสีเงินขาว ธงมังกรถูกชูเหนือขึ้นกว่าใครบนท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆหมอก

 

“คิดอย่างไรกับมหาจักรวรรดิแกรนท์ในปัจจุบันคะ?”

 

โรซ่ามีสีหน้าจริงจังเมื่อเธอกลับเข้ามาในรถม้า

 

“…ชั้นคิดว่าพวกเขาแข็งแกร่ง เพียงแต่ว่าขยายอำนาจมากเกินไป.”

 

“ฝ่าบาททรงตั้งเป้าจะรวมทวีปกลางให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อขยายมหาจักรวรรดิต่อไปค่ะ.”

 

“ชั้นคิดว่าดินแดนในปัจจุบันก็มากพอแล้วนะ หากขยายอำนาจของมหาจักรวรรดิมากเกนไป การป้องกันจะไปถึงเขตชายแดนเหรอ หรือมันมีอยู่แล้ว”

 

“นั่นคือสิ่งที่จักรพรรดิองค์ก่อนท่านปู่ได้ทำไว้แล้ว แต่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันกระตือรือร้นที่จะเป็นเทพเจ้าองค์ที่สิบสามในเทพสิบสองพระองค์ของแกรนท์ค่ะ.”

 

“เขาคิดว่าตัวเองเหมาะสำหรับการยกย่องให้เป็นพระเจ้างั้นเหรอ?”

 

“ประวัติศาสตร์สร้างได้ด้วยมือของผู้คน เทพเจ้าเองก็ไม่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม การทำให้เป็นเทพนั้นจะทำแบบครึ่งๆกลางๆไม่ได้ แม้จะเป็นตัวจักรพรรดิเองก็ตาม.”

 

“ดังนั้นเงื่อนไขสำหรับสิ่งนั้นคือการรวมทวีปกลางให้เป็นหนึ่งเดียว?”

 

“จักรพรรดิองค์แรกถูกนับถือให้เป็นเทพองค์แรกในการก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมา และจักรพรรดิองค์ที่สองก็กลายเป็นเทพแห่งสงครามเพื่อยุติโลกที่ปั่นป่วนแห่งนี้ ด้วยเหตุผลอื่นๆ จักรพรรดิเหล่านี้มีส่วนอย่างมากในการก่อตั้งจักรวรรดิ”

 

มีข้อยกเว้นบางประการที่ไม่ใช่จักรพรรดิแต่เป็นเทพธิดา โรซ่ากล่าวเสริม

 

“ความสำเร็จที่จักรพรรดิสืบทอดมา มันไม่นับว่าเป็นผลงานของตัวเอง จักรพรรดิองค์ปัจจุบันตั้งเป้าที่จะเป็นเทพ”

 

“และนั่นคือเหตุผลที่โรซ่าซัพพอร์ตชั้นเหรอ?”

 

“จักรพรรดิ ไม่ได้มีชีวิตอยู่ตลอดไป เขาอาจจะจากไปก่อนที่ความฝันจะสำเร็จ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ดิฉันทำก็แค่การเตรียมพร้อมอย่างหนึ่ง”

 

โรซ่ากางแขนออกและพูดถึงเหตุผลที่เธอซัพพอร์ตฮิโระ

 

“มันมีที่ดินมากเกินไปสำหรับจักรวรรดิ แม้ว่าเราจะขยายอาณาเขตไปเรื่อยๆ แต่ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะรักษามันเอาไว้ เราไม่ควรหวังอะไรที่มันมากเกินไปไม่ช้าก็เร็วที่ไหนสักแห่งจะเริ่มล่มสลาย มันจะเป็นประกายไฟที่จุดชนวนสงครามกลางเมืองในจักรวรรดิค่ะ.”

 

โรซ่ารู้สึกแน่นหน้าอกเธอจึงปลดกระดุมเม็ดแรกออก

 

“สิ่งที่จักรวรรดิต้องการคือความมั่นคง ต้องเป็นความมั่นคงจากภายใน มิใช่ภายนอก สามีของดิฉันที่หันมาสนับสนุนลิซ เพราะเธอนั้นยังเด็กและมีโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างไรก็ตามเขามองเห็นอนาคตของจักรวรรดิจะไปในทิศทางที่ดีขึ้นหากลิซได้ขึ้นครองบัลลังก์ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสา แม้ว่าจะมีอันตรายรอคอยอยู่ ตราบใดที่มีคนแข็งแกร่งอยู่เคียงข้างเธอมันก็ไม่มีปัญหา เพราะเหตุนั้นเองสามีฉันจึงถูกลอบสังหาร”

 

โรซ่ากำหมัดด้วยความเสียใจและจ้องมองไปนอกหน้าต่างมองไปที่พระราชวังหลวง

 

“พวกมันใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าฝ่ายต่างๆกำลังล่มสลาย และลิซถูกย้ายไปที่อื่น ทำให้ฉันไม่พอใจและผิดหวังกับตัวเองอย่างมาก นั่นเป็นเหตุผลที่ดิฉันรู้สึกขอบคุณที่ช่วยน้องสาวให้รอดจากเงื้อมมือกับดักที่พวกมันวางเอาไว้ เมื่อฉันอ่านจดหมายจากลิซฉันดีใจจนร้องไห้ แล้ว———ฉันก็เกิดความคิดที่จะอยากจะใช้คุณขึ้นมา”

 

“เพื่อนำลิซขึ้นครองบัลลังก์ใช่ไหม.”

 

“ขอโทษสำหรับเรื่องนั้นด้วยนะคะ”

 

“ไม่หรอก ชั้นคิดว่าชั้นเข้าใจเป็นอย่างดีเลย”

 

เพราะฮิโระไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นจักรพรรดิอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้ที่เขาจะกลับไปยังโลกอีก หากใครที่ควรจะขึ้นครองบัลลังก์ก็ควรเป็นลิซมากกว่าเขา

 

โรซ่าหัวเราะกับฮิโระที่เข้าใจเธอ

 

“แต่ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ จักรพรรดิเองก็สร้างด้วยมือของผู้คนเช่นกัน.”

 

ปลายนิ้วสีขาวถูกชี้ไปยังฮิโระ

 

“เมื่อเวลานั้นมาถึง ก็จงเตรียมใจไว้นะคะ”

 

ในขณะเดียวกันหน้าต่างของรถม้าสั่นสะเทือน โรซ่ามองไปนอกหน้าต่างและมีคนต่างโบกมือให้กำลังใจ “เจ้าชายทมิฬ”

 

ผู้คนต่างเข้าแถวทั้งสองฝั่งของถนนกลาง และกลีบดอกไม้จำนวนมากลอยไปในอากาศ แม้แต่พ่อค้าแม่ค้าริมถนนก็ทิ้งงานเพื่อเข้าร่วมอวยพร และทุกคนต่างกระโดดเพื่อจะมองหาเจ้าชายที่พวกเขาตามหา

 

“เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ดิฉันต้องประหลาดใจกับความนิยมอันล้มหลามของเทพแห่งสงคราม แม้ว่าจะเป็นเพียงทายาท แต่ดูเหมือนว่าความนิยมจะไม่ลดลงเลย”

 

โรซ่ากล่าวอย่างภาคภูมิใจ แต่ฮิโระอดไม่ได้ที่จะกังวลกับชื่อ “เจ้าชายทมิฬ” ได้แพร่กระจายไปสู่ผู้คนเป็นที่เรียบร้อย

 

(ไม่ ถูกวางแผนไว้แต่แรกแล้วสินะ ถึงกระนั้นมันจะกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่หากมีคนริเริ่ม.)

 

ตามที่ฮิโระคาดการณ์ไว้เสียงคอรัส “เจ้าชายทมิฬ” ดังขึ้นพร้อมกัน เหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด

 

“งดงามมากเลยใช่ไหมล่ะคะ แต่มันยังคงห่างไกลจากที่หวัง.”

 

โรซ่ามองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“มาคุยเกี่ยวกับอนาคตกันเถอะค่ะ”

 

“…สำหรับชั้นต้องการมุ่งหน้าไปยังราชอาณาจักรลิชไทน์และเข้าโจมตี.”

 

“เป็นห่วงลิซขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

 

“อืม นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ก็กังวลเรื่องอื่นด้วย.”

 

“ถ้าเป็นห่วงลิซ ควรมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกไปยังลิงซ์ แม้จะยังไม่มีกองทัพส่วนตัว แต่ฉันให้สามารถให้กองทัพของฉันไปได้นะคะ?”

 

แม้ว่าฮิโระจะเป็นเจ้าชายลำดับที่สี่ แต่เขาไม่มีอาณาเขตและแหล่งรายได้ในปัจจุบัน เขาจะได้รับอาณาเขตก็ขึ้นอยู่กับผลงานของเขา เงินเดือนที่เขาได้จะต้องเอาไปจ้างเหล่าทหารเพื่อสร้างกองทัพส่วนตัว นอกจากนี้ยังต้องจ้างกองทัพเอกชนที่ไม่เข้าฝ่ายใดมาก่อนแต่ว่าเงินเดือนของนายทหารชั้นสามไม่ได้มากขนาดนั้น

 

ถ้าเขาขออธิการบดี เขาอาจจะกู้เงินจากคลังได้ แต่เขาไม่อยากเป็นหนี้

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจใช้โรซ่า ตระกูลเคลไฮนต์

 

“ชั้นไม่ต้องการคนคุ้มกัน ชั้นต้องการแค่รถม้า”

 

“ความปลอดภัยทางตะวันออกนั้นดีกว่าส่วนอื่นๆของประเทศ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโจรหรือมอนสเตอร์เลยนะคะ ถ้าเป็นห่วงเรื่องเงิน ดิฉันสามารถช่วยได้ค่ะ.”

 

“ถ้าชั้นมีคนคุ้มกัน ชั้นจะไปถึงลิงซ์ช้าเกินไป ชั้นต้องการไปหาลิซโดยเร็วที่สุด.”

 

“แหม ถ้ายืนกรานจะไปหาน้องสาวดิฉันขนาดนี้ก็ไม่มีทางเลือกนะคะ ดิฉันจะเตรียมรถม้าเร็วให้พร้อมโดยไวที่สุด ดิฉันจะให้เงินติดตัวไปด้วย เพราะบางทีน่าจะจำเป็นต้องใช้มัน.”

 

“ขอบคุณมาก เธอนี่ใจดีจริงๆเลยนะ ไว้มีโอกาสชั้นจะมาตอบแทน.”

 

“ดิฉันไม่รังเกียจหรอกค่ะ ตอนนี้ดิฉันได้ในสิ่งที่ต้องการมาเกินพอแล้ว แล้วจะทำอะไรต่อไปคะ?”

 

เธอต้องหมายถึงอนาคตหลังจากจัดการกับราชอาณาจักรลิชไทน์

 

“จะรวบรวมคนที่ไว้วางใจได้และสร้างประเทศเป็นของตัวเอง.”

 

“ฟุมุ ถ้าอย่างงั้นก็ต้องการเงินกับทหารสินะคะ ไม่ต้องลังเลที่จะปรึกษาดิฉัน”

 

เมื่อเห็นโรซ่ายื่นมือให้เขาขนาดนี้ ฮิโระก็คว้าไว้และยิ้มออกมา

 

“จากนี้ไปพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะคะ อย่าชิงตายก่อนซะล่ะ เข้าใจไหม?”

 

ฮิโระพยักหน้ากับคำพูดของโรซ่าแล้วตัดสินใจถามเธอถึงสิ่งที่กวนใจเขา

 

“มาเปลี่ยนเรื่องกันเถอะ โรซ่าคิดยังไงเกี่ยวกับการบุกโจมตีราชอาณาจักรลิชไทน์ครั้งนี้?”

 

“ดิฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นการต่อสู้ที่ง่ายนะคะแต่…”

 

อย่างที่ฮิโระคิด เขาถอนหายใจ ไม่ว่าจะถามใครก็คงได้คำตอบเดียวกัน

 

“พวกเราเอาชนะทหารหนึ่งหมื่นห้าพันนายมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะงั้นไม่มีใครคิดว่ามันจะล้มเหลวสินะ?”

 

“ถูกต้องแล้วค่ะ”

 

“แต่ว่าอย่ามั่นใจเกินไปและลดการป้องกันลง มันเป็นการต่อสู้ที่พวกเราแพ้ไม่ได้หากนึกถึงอนาคต”

 

โรซ่าพอจะเข้าใจความรู้สึกของฮิโระ

 

――มันเป็นการต่อสู้ที่เขาสามารถเอาชนะได้แน่นอน

 

เขาเห็นมันมาหลายครั้งในอดีตเมื่อคนที่มั่นใจมากเกินไปเพราะสามารถชนะศัตรูได้แล้วครั้งหนึ่งเลยประมาทและโดนโต้กลับจนย่อยยับ

 

(นั่นเป็นเหตุผลที่การประมาทเป็นอันตรายถึงตาย)

 

ความคิดฮิโระล่องลอยไปในสถานการณ์ที่ไกลออกไป จักรวรรดิแกรนท์มีศัตรูมากมาย และเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกประเทศอื่นรุกราน จึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ยากลำบาก

 

ในระหว่างนี้ ช่วงเวลาที่มีอย่างจำกัด มีเพียงบางสิ่งที่สามารถทำได้ในสถานการณ์เช่นนี้

 

“มีบางอย่างที่ชั้นต้องการให้โรซ่าช่วยน่ะ.”

 

เพื่อคว้าชัยชนะอันสมบูรณ์แบบ ฮิโระจึงเริ่มแผนการ

 

 

ขอบคุณที่ช่วยกันโดเนทเข้ามานะครับ

 

ป.ล.เมื่อวานหลับสนิทจนเพิ่งตื่นเมื่อ 11 โมงเช้าที่ผ่านมา และกะว่าตอนนี้เสร็จจะไปนอนต่อสักพัก แปลต่อเนื่องหลายวันมันค่อนข้างล้าและปวดหลัง

 

 

สนับสนุน ค่าเล่มนิยาย ค่าข้าว ค่าน้ำ ได้ที่นี่

 

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset