[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 30 Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ Part 1

ตอนที่ 30 Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ Part 1

Chapter 2 เจ้าชายทมิฬ

Part 1

 

ห้องบัลลังก์ที่มีเพดานโค้งและพื้นหินออก——พรมแดงยื่นเป็นเส้นตรงผ่านตรงกลางห้องทางด้านซ้ายและขวา เสาเรียงรายไปที่บัลลังก์ และขุนนางมากมายเข้าแถวเพื่อเติบเต็มช่องว่าง นอกจากนี้ยังมีใบหน้าที่คุ้นเคยในหมู่พวกเขาคือเจ้าชายแซทโทเบล

 

ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ยังเด็กมากจนยากที่จะเชื่อว่าเขาอายุมากกว่าหกสิบปี และถัดจากเขาคืออธิการบดีกิลล์

 

ห้องบัลลังก์เต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักหน่วงจนทำให้คนธรรมดาต้องเป็นลม แต่ฮิโระเดินไปข้างหน้าบนพรมโดยไม่กลัว แกว่งชายเสื้อแบล็คคามิเลีย

 

“…เขาเป็นทายาทของจักรพรรดิองค์ที่สองจริงๆน่ะเหรอ?”

 

“ยังดูเด็กอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ถึงกระนั้น นั่นมันแบล็คคามิเลีย?”

 

“โอ่ว———–ชายหนุ่มคนนั้นมีสไตล์ของราชันจริงๆ?”

 

“ไม่มีความกดดันและไม่มีข้อบ่งชี้ว่าถูกครอบงำ ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขามั่นใจได้ขนาดนั้น เขาเป็นคนหยาบคาย หรือไม่รู้มารยาทกันแน่?”

 

เสียงกระซิบมากมายในหมู่ขุนนาง

 

ฮิโระหยุดห่างจักรพรรดิไม่ไกลและคุกเข่าลงแตะหน้าอกซ้ายด้วยมือขวา การเคลื่อนไหวนั้นไร้ที่ติทำให้ขอบชายเสื้อปลิวไสว

 

“――เริ่มได้”

 

จักรพรรดิกล่าวเช่นนั้นขณะมองลงมาที่ฮิโระด้วยดวงตาที่เหมือนกับหยก อธิการบดีก้าวไปข้างหน้าอย่างเคร่งขรึมและกางแผ่นกระดาษ

 

“เจ้าชายลำดับที่หนึ่งแซทโทเบล เจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์ โทษของพวกท่านได้ถูกตัดสินแล้ว ก้าวออกมาข้างหน้า.”

 

ร่างใหญ่ๆของเจ้าชายแซทโทเบลคุกเข่าทางด้านขวาของฮิโระและโค้งคำนับ ตามมาด้วยเจ้าชายคนลำดับที่สามบลูทาร์ ชายที่มีหัวโล้นและดวงตาชั่วร้ายคุกเข่าทางด้านซ้ายของฮิโระ

 

“เจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์ไม่มีความผิด.”

 

โอ้วววว เสียงร้องของขุนนางที่สนับสนุนเจ้าชายลำดับที่สามดังขึ้น

 

“ต่อไปเจ้าชายลำดับที่หนึ่งแซทโทเบล เนื่องจากประสบความสำเร็จในการนำทัพไปต่อสู้กับเฟลเซ็น แต่ว่าก็มีความผิด โทษคือถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านเป็นเวลาสามเดือน.”

 

มีการถอนหายใจด้วยความโล่งอกของขุนนางที่สนับสนุนเจ้าชายแซทโทเบลที่ได้รับโทษสถานเบา

 

แม้แต่ฝ่ายตรงข้ามเจ้าชายบลูทาร์ก็ไม่บ่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโทษของบลูทาร์ก็ไม่มีเลย มีเพียงเสียงขุนนางพึมพำไม่ทราบฝ่าย

 

“น่าขันยิ่งนัก หมอนั่นพยายามฆ่าน้องสาวตัวเองเลยนะ!”

 

“เป็นเพราะเขาถือครองมิย็อลล์นีร์เหรอ?”

 

“เขาควรถูกลดลำดับการสืบทอดบัลลังก์และริบอำนาจจากกองทัพจักรวรรดิที่หนึ่ง.”

 

ท่ามกลางความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ อธิการบดีกิลล์พูดต่อ

 

“หุบปาก ! พวกแกอยู่หน้าฝ่าบาทยังทำตัวหยาบคายแบบนี้ได้อีกเรอะ!”

 

ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ แต่ความเกลียดชังและความโกรธที่สะสมไม่สามารถลบล้างได้

 

(เฮ้อ….คิดอะไรกันอยู่เนี่ยแบบนี้จะสร้างความบาดหมางมากขึ้นไปอีกนะ)

 

โทษของเจ้าชายทั้งสองนั้นไม่สมเหตุสมผล ไม่น่าแปลกใจที่เหล่าขุนนางต่างๆไม่พอใจ แต่ว่าจะสามารถกำจัดประกายไฟแห่งความเกลียดชังที่ถูกจุดขึ้นมาแล้วได้ในภายหลังจริงเหรอ

 

“ต่อมา ท่านฮิโระ จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายทหารชั้นสามสำหรับความสำเร็จของท่านในสงครามกับราชอาณาจักรลิชไทน์.”

 

ฮิโระคิดว่ามันเหมาะสม แต่คำพูดของอธิการบดีไม่ได้มีแค่นั้น

 

“นอกจากนี้ ตามพินัยกรรมของจักรพรรดิองค์แรก ได้รับการยอมรับให้เป็นเจ้าชายลำดับที่สี่แห่งราชวงศ์แกรนท์ และจะเป็นเจ้าชายลำดับที่ห้าในการชิงบัลลังก์ครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของท่านในอนาคต ว่าท่านทำผลงานได้มากน้อยเพียงใดในการเลื่อนตำแหน่งขึ้นครองบัลลังก์”

 

ฮิโระเกือบจะเงยหน้ากับคำตัดสินที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นเพราะเขาคิดว่าเขาจะได้รับเป็นหนึ่งในราชวงศ์และได้รับดินแดนเล็กๆน้อยๆ

 

ทั่วทั้งห้องต่างเงียบไม่มีใครพูด

 

ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง อธิการบดีก็ดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา กระดาษสีขาวที่ส่องแสงออกมา

 

“กระผมได้รับหลักฐานพิสูจน์จากมิโกะแห่งวิหารราชันภูติแล้วว่าเขาเป็นทายาทของจักรพรรดิองค์ที่สอง ตัวจริง เสียงจริง และยิ่งไปกว่านั้นแบล็คคามิเลียยังยอมให้เขาสวมใส่.”

 

สายตาของขุนนางต่างจับจ้องไปยังจดหมายของมิโกะวิหารราชันภูติกับตัวฮิโระ

 

“ท่านฮิโระ ต่อจากนี้ไปท่านจะเป็นที่รู้จักกันในนามของ ฮิโระ ชวาร์ตช ฟอน แกรนท์.”

 

ทันทีที่อธิการบดีปรบมือสองครั้งสาวใช้หลายคนปรากฏตัวขึ้นและกางธงขนาดใหญ่ ธงสีดำที่มีมังกรถือดาบสีน้ำเงิน

 

“ท่านได้รับอนุญาตให้ใช้ธงสัญลักษณ์ของจักรพรรดิองค์ที่สอง จงรับใช้เพื่อเป็นเกียรติแด่บรรพบุรุษของท่าน”

 

สิ่งของส่วนใหญ่ที่เป็นของเขาถูกส่งคืนกลับมาหมด ฮิโระได้แต่ยิ้ม

 

(ตาแก่เจ้าเล่ห์นี่…)

 

หากเจ้าชายถูกลิดรอนสิทธิในการสืบราชบัลลังก์หรือลดระดับขุนนางที่สนับสนุนเจ้าชายลำดับที่หนึ่งและสามอาจจะเกิดสงครามกลางเมือง อย่างไรก็ตามการลงโทษสถานเบา ที่ไม่คาดคิดทำให้เหล่าขุนนางไม่พอใจ นอกจากนี้ยังมีการถือกำเนิดของเจ้าชายองค์ใหม่ทำให้พวกเขาต้องสับสนไปตามๆกัน

 

สองทางเลือกที่เข้าไปในหัวของขุนนางในตอนนี้คือ สนับสนุนเจ้าชายคนใหม่ หรือ ควรรอดูสถานการณ์

 

เพราะเจ้าชายคนใหม่เป็นทายาทของ “เทพเจ้าแห่งสงคราม” หากพวกเขาเข้ากับฝ่ายนี้ พวกเขาจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมาก

 

(ก็ดีคิดจะโยนภาระมาให้ทางนี้สินะ…)

 

ในเรื่องนี้ขุนนางที่ไม่มีฝ่ายที่ไม่พอใจกับการลงโทษในครั้งนี้จะสามารถเข้าหาฮิโระได้อย่างง่ายดายและเอาชนะเหล่าขุนนางทรงอำนาจทั้งหลายและควบคุมกลายเป็นสามขั้วอำนาจขนาดใหญ่ นั่นจะทำให้พวกเขาคิดแต่จะเอาชนะกัน โดยไม่มีการก่อกบฏเกิดขึ้น

 

(แต่ว่านี่ก็เป็นโอกาสดีสำหรับชั้น)

 

ในอนาคตคนทุกประเภทจะเข้ามาประจบประแจงเขาอยู่แล้ว

 

(ถ้างั้นทางฝั่งนี้เองก็จะขอใช้เป็นหมากตัวหนึ่งเหมือนกัน.)

 

ฮิโระยิ้มมุมปากด้วยความขบขัน

 

“ถ้างั้นมาจัดงานเลี้ยงฉลองกันต่อ ลอร์ดและขุนนางทุกท่านได้โปรดเพลิดเพลินอย่างเต็มที่”

 

หลังจากพูดเช่นนั้นอธิการบดีก็ออกจากห้องบัลลังก์พร้อมจักรพรรดิ

 

เจ้าชายลำดับที่หนึ่งและเจ้าชายลำดับที่สามก็ออกจากห้องบัลลังก์โดยมีข้ารับใช้ตามไป ในทางกลับกันเหล่าเมดและพ่อบ้านก็เข้ามาเพื่อเตรียมงานเลี้ยงฉลอง

 

จากนั้นออร่าก็เข้าหาฮิโระที่อยู่ตัวคนเดียว

 

“เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเหรอคะ…?”

 

ออร่ามองราวกับสำรวจ

 

“เอ๋ หมายความว่าไงเหรอ?”

 

“…ทุกคนคงจะประหม่าเมื่ออยู่หน้าพระพักตร์จักรพรรดิขนาดขุนนางผู้ทรงอำนาจยังไม่สามารถเดินได้อย่างใจเย็นเช่นเดียวกับท่านหรอกนะคะ แต่ว่าวิธีการเดินและการเข้าเฝ้าเหมือนกับท่านคุ้นเคยมันอย่างดี.”

 

“ไม่หรอก จริงๆก็ประหม่านะ รู้ไหม? บางทีอาจจะเป็นเพราะผ้าปิดตานี่ ทำให้เธอไม่เห็นสีหน้าของชั้น.”

 

“ถ้าจะยืนกรานแบบนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ”

 

บางทีเธอคนนี้ที่ฉลาดมากๆอาจจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของฮิโระแล้วก็ได้ ฮิโระถอนหายใจและลดเสียงต่ำ

 

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจู่ๆคนในอดีตโผล่มาในอนาคตกันล่ะ?”

 

ด้วยดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อย ออร่าหยุดชั่วครู่ก่อนจะเลือกตอบ

 

“…นั่นเป็นสมมุติฐานเหรอคะ?”

 

“ใช่สมมุติฐานเธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะออร่า?”

 

“ตัวอย่างเช่น ถ้า [วีรบุรุษเมื่อพ้นปีที่แล้ว] ปรากฏตัวในวันนี้ หลายคนคงคิดว่าเขาเป็นอุปสรรคแน่นอนค่ะ”

 

“ใช่ไหมล่ะ.”

 

ฮิโระที่เห็นด้วยกับออร่าที่ยังพูดต่อไป

 

“ประชาชนจะยินดีปรีดาที่วีรบุรุษกลับมา แต่สำหรับเหล่าผู้มีอำนาจไม่มีอะไรมากกว่าความน่ารำคาญ การปรากฏตัวของบุคคลอันตรายเช่นนี้จะถูกบดขยี้ให้สิ้นซาก เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น มันสมเหตุสมผลที่จะซ่อนพลังที่แท้จริงของท่านเอาไว้ และปิดบังตัวตนที่แท้จริง และเรียกตัวเองว่าทายาทของเทพแห่งสงครามใช่ไหมคะ”

 

“ใช่เลยแบบนั้นแหละ…”

 

“ถ้างั้นท่านควรบอกว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อว่าท่านเป็นพระเจ้ามากกว่าค่ะ”

 

“นั่นสินะ.”

 

“แต่ว่าท่านก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ควรเตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจะดีกว่าค่ะ.”

 

“ใช่อย่างที่เธอพูดเลย”

 

ในขณะที่ฮิโระคิดอย่างมุ่งมั่น ออร่าจ้องเขม็ง

 

“มันคือสมมุติฐานไม่ใช่เหรอคะ ไม่เห็นต้องทำสีหน้าจริงจังแบบนั้นเลยนี่”

 

“……นะนะนั่นสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า.”

 

ออร่ายิ้มให้ฮิโระที่กำลังเกาหัวเพื่อกลบเกลื่อน (TN:กลบไม่มิดล่ะ ตั้งแต่ที่เอ็งบอกว่าสมมุติฐานอะ)

 

นี่คือช่วงเวลาที่วงดนตรีได้บรรเลงเพลง การแสดงของนักดนตรีที่แสดงในห้องโถง เมื่อฮิโระมองไปรอบๆก็พบว่าเตรียมการเสร็จแล้วและเหล่าเมดกับพ่อบ้านก็ยืนข้างกำแพง

 

ถัดไปคือทางเข้าห้องโถงขุนนางจำนวนมากเข้ามา

 

ฮิโระมองฉากตรงหน้าและหายใจเข้าลึกๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

(นี่คือสมรภูมิ ชั้นต้องค้นหาคนที่ไว้วางใจได้และใครที่ไว้ใจไม่ได้)

 

เพื่ออนาคตมันจะดีกว่าที่เขาจะติดต่อตระกูลโครนด้วย

 

(ถึงกระนั้นรอให้ฝ่ายนั้นเป็นฝ่ายมาทักเองดีกว่า.)

 

ถ้าชั้นไปติดต่อฝ่ายนั้นก่อน มันอาจจะเกิดข่าวลือแปลกๆ

 

หากมีข่าวลือว่าทายาทของจักรพรรดิองค์ที่สองสนับสนุนโดยตระกูลโครน ก็คงเป็นสาเหตุที่เขาจะเสียพันธมิตร

 

(อืม เดาว่าพวกนั้นคงไม่อยู่ในงานเลี้ยงนี้หรอก)

 

ฝ่ายเจ้าชายแซทโทเบลไม่สามารถเข้าร่วมงานได้เพราะโดนกักบริเวณ นอกจากนี้ ถึงเวลาที่เขาจะต้องลงมือแล้วไม่ใช่มายืนแข็งทื่อ มิฉะนั้นได้โดนชิงไปหมดแน่  

 

(แต่ชั้นแน่ใจว่าเจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์และขุนนางฝ่ายตะวันตกต้องมางาน)

 

ขณะที่เขาคิดไตร่ตรองแขนเสื้อก็ถูกดึง

 

“ฮิโระ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

“หืมมมม?”

 

ฮิโระหยุดคิดและหันไปมองออร่า

 

“ถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันนานกว่านี้จะถูกสงสัย ถึงเวลาที่ดิฉันต้องขอตัวค่ะ”

 

แน่นอนว่าเธอเป็นคนของกองทัพจักรวรรดที่สาม ถ้าเธออยู่กับฮิโระซึ่งกลายเป็นเจ้าชายลำดับที่สี่ จะเกิดทฤษฏีมากมาย

 

เธออาจถูกสงสัยว่าจะเปลี่ยนฝ่าย นี่เป็นโอกาสดีสำหรับฝ่ายที่เกลียดชังจะมารับตำแหน่งแทนเธอ พวกเขาจะกล่าวหาใส่ร้ายเธอ

 

“นั่นคงจะดีกว่า ชั้นไม่อยากทำให้เธอต้องมาตกอับด้วย เพราะงั้นรีบไปเถอะ.”

 

“…อืม ไว้เจอกันนะคะ.”

 

ฮิโระมองออร่าที่กำลังจากไปด้วยความเสียใจ

 

(เจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์ถูกหลอกล่อด้วยคำพูดได้ง่ายจากบริวารของเขา อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่จัดการได้ง่าย นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าฝ่ายของเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว)

 

เมื่อเขาเห็นเจ้าชายลำดับที่สามบลูทาร์ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าชายคนนี้น่าสงสัย

 

นั่นเป็นข้อได้เปรียบสำหรับฮิโระ นี่เป็นเพราะถ้าคำพูดของฮิโระสามารถหลอกลวงเจ้าชายลำดับที่สามได้ ฮิโระก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ หากมีอุปสรรคอะไรก็คงเป็นพวกขุนนางมากอำนาจ

 

(แล้วจะเข้าหาเขายังไงดีล่ะเนี่ย?)

 

เมื่อพันปีที่แล้วเขาเป็นฝ่ายที่หนีงานเลี้ยงซะส่วนใหญ่ เขาอยู่แนวหน้าเสมอและกลับไปที่ปราสาทไม่กี่ครั้ง ค่าใช้จ่ายในการที่เขาหนีงานเลี้ยงนั้นสูงลิ่ว ดังนั้นเขาเลยเลือกทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่และกลับโลก

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะทำผิดพลาดเพราะขาดประสบการณ์เข้าสังคมก็เถอะ  

 

(ทำตัวเองนี่หว่าช่วยไม่ได้ ตอนนี้ต้องทำมันให้สำเร็จ.)

 

หลังจากตั้งสติเขาคว้าแก้วน้ำที่บริกรนำมาและมุ่งหน้าไปยังโต๊ะยาวที่มีอาหารหรูหรา

 

เมื่อเห็นแบบนี้ ขุนนางหลายคนก็เข้ามาหาฮิโระ ทุกคนสวมเครื่องประดับงดงามและเสื้อผ้าแฟนตาซี

 

(…ดูเหมือนพวกนี้ต้องการจะอวดอ้างสรรพคุณตัวเองนะ.)

 

นั่นคือความประทับใจแรกพบ จากนั้นขุนนางระดับสูงก็โผล่ออกมาจากกลุ่ม

 

“ฝ่าบาทฮิโระ ชวาร์ตช ยินดีที่ได้พบกับท่าน”

 

“อ่าขอบคุณครับ”

 

“กระผม――.”

 

หลังจากจับมือกันการแนะนำตัวอันยาวนานที่เหมือนร่ายสุนทรพจน์

 

“――ถ้างั้นก็ขอจากเพียงตรงนี้ ขอแสดงความนับถือ.”

 

สรุปง่่ายๆเขาคือขุนนางที่มีอาณาเขตทางฝั่งตะวันตก ขุนนางฝั่งตะวันตกสนับสนุนเจ้าชายบลูทาร์ แม้ว่าครั้งนี้จะไม่มีการสอบถามใดๆ แต่ในอนาคตน่าจะมีปัญหา

 

ดังนั้น ตอนนี้เขาต้องทำความรู้จักกับขุนนางมากหน้าหลายตาให้ครบก่อน

 

“เอาล่ะ จำหน้าและชื่อได้แล้ว”

 

ในฐานะคนที่ไม่น่าไว้วางใจ เก็บไว้ในคอลเลคชั่นในหัวของฮิโระ จากจุดนั้นขุนนางมากมายก็เข้าหามากขึ้น เขารายล้อมไปด้วยขุนนางมากมาย เช่นผู้ที่แนะนำลูกสาวให้เป็นคู่ครอง ผู้ที่แนะนำลูกชายให้มาเป็นลูกน้องของเขา

 

จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็สามารถหนีจากสถานการณ์ได้

 

ฮิโระพยายามที่จะไม่แสดงความเหนื่อยล้า จึงนั่งลงบนโซฟาใกล้กำแพง

 

(โดนรุมมากกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย…)

 

เขาดื่มน้ำไปหนึ่งแก้วและมองไปทั่วทั้งห้อง มีขุนนางจำนวนมากมาสอดแนมสถานการณ์ ดูเหมือนว่าจะต้องทักทายอีกเยอะ

 

(แต่อีกครั้ง ขุนนางใหญ่ๆอย่างตระกูลหลักโครนไม่ได้มาเข้าร่วม.)

 

เขาไม่แปลกใจเพราะเป็นไปตามที่คิด ถึงกระนั้นก็น่าผิดหวังเช่นกัน เขาเตรียมตัวมาหลายอย่าง นอกจากนี้ขุนนางที่พบมากที่สุดคือขุนนางตะวันออก

 

(ดูเหมือนว่าจะสูญเสียสายสัมพันธ์หลังจากหัวหน้าตระกูลเคลไฮนต์เสียชีวิต.)

 

สิ่งที่เขารู้สึกได้จากเหล่าขุนนางตะวันออกคือไม่พอใจต่อคนรักษาการหัวหน้าตระกูลดัชเชสเคลไฮนต์ ในทางกลับกันมีหลายคนเข้าร่วมกับดัชเชส และทั้งสองก็แบ่งออกเป็นสองฝั่ง

 

(นั่นคือจุดที่ตระกูลโครนซึ่งสนับสนุนเจ้าชายลำดับที่หนึ่งใช้ประโยชน์)

 

กล่าวกันว่าตระกูลโครนอยู่ในเงื้อมมือเพื่อยึดครองขุนนางฝ่ายตะวันออก ตระกูลเคลไฮนต์ซึ่งเสียหัวหน้าตระกูลไปแแล้วมีแนวโน้มที่จะถูกยีดโดยตระกูลโครนในอนาคตอันใกล้

 

ถ้าชั้นทำเพียงแต่นั่งมองแซทโทเบลจะได้ขึ้นครองบัลลังก์

 

(…เอาล่ะทำยังไงดี.)

 

เงาตกลงมาเหนือศีรษะของเขาฮิโระที่กำลังคิดไตร่ตรองอยู่

 

“ขอโทษนะ ไม่ทราบว่าฉันขอนั่งข้างๆคุณได้ไหม?”

 

โดนแน่ฮิโระ

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset