[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 27 Volume 2 Chapter 1 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง Part 2

ตอนที่ 27 Volume 2 Chapter 1 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง Part 2

Part 2

T/N:ขอกลับมาใช้ “ “ เหมือนเดิมแทน [] เพราะมันใช้เวลานานมากในการแก้

 

เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับเมฆเบาๆเล็กน้อยป้อมเบิร์กก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

 

“อุมุ…”

 

หลังจากส่งฮิโระไป ทริสก็อยู่ในห้องของเจ้าหน้าที่แม้ว่าเขาจะเป็นทหารเก่าแก่ แต่บรรยากาศที่กล้าหาญถูกแพร่ออกมาจากร่างกายที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีของเขาแข็งแกร่งพอๆกับเด็กหนุ่ม

 

ชายที่กลายเป็นครูสอนปีศาจในตอนนี้กำลังส่งเสียงดังและแสดงสีหน้าซับซ้อน

 

“――ทำไมมมมมมมมมมมม กันนนนนนนนนน!”

 

สายตาของทหารจ้องไปที่ทริสเมื่อจู่ๆก็มีคนเริ่มกรีดร้อง อย่างไรก็ตาม ทริสฟุ้งซ้านกับบางสิ่งบางอย่างจนคิดอะไรไม่ออก หญิงสาวคนหนึ่งหดหู่มากจนวิญญาณออกจากร่าง นั่นคือลิซเอง

 

‘โดนทิ้งซะแล้วววววววว ฮิโระทิ้งฉันง่าาาาาาาาาาาาาาาาาา”

 

ขณะที่พึมพำ ลิซนั่งตรงข้ามโต๊ะยาวตรงข้ามกับทริสเข้าหากัน ลิซที่น่ารักมากจากเมื่อก่อนจนถึงตอนนี้เธอไร้ซึ่งชีวิตชีวา

 

อย่างที่คิดเขาอดไม่ได้ที่จะเรียกเธอ

 

“มุ เป็นอะไรไปเหรอครับ?”

 

“เค้าหาฮิโระไม่เจอง่าาาาาาาาา”

 

“…งั้นเหรอครับ”

 

“ฉันคิดว่าเขาน่าจะไปที่บ้านลุงของฉัน ฮิโระขี่ม้าไม่เป็นด้วย ดังนั้นก็เลยคิดว่าเขาจะใช้รถม้า”

 

ม้านั้นไวต่อความรู้สึกของมนุษย์ หากพวกเขาไม่ชอบใคร พวกมันก็จะแกล้งคนๆนั้น หากคนขับกลัว พวกมันก็จะไม่ให้ขี่ แต่ถ้ามอบความรักและเสน่หาให้แก่พวกมัน มันก็จะยอมให้ออกคำสั่ง กลายเป็นคู่หู่ที่น่าเชื่อถือ

 

ในกรณีของฮิโระไม่มีปัญหาด้านเทคนคิ เขาสามารถขี่ได้เป็นธรรมชาติเหมือนกับฝึกฝนมานาน เพียงแต่ม้าไม่ยอมฟังคำสั่งด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าเขาโดนสะบัดลงจากม้า ม้าจะหนีทันที

 

“โอ้วว พอมาพูดถึงม้า…”

 

ทริสตัดสินใจที่จะแบ่งปันความกังวลของเธอกับเขาอย่างดี ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับม้าเท่านั้น เกี่ยวกับฮิโระด้วย

 

“องค์หญิงเคยขี่สวิฟเดรคมาก่อนรึเปล่าครับ?”

 

“ไม่เคยขี่เลย พวกมันเป็นเชื้อสายเดียวกับมังกรไม่ใช่เหรอ มีบุคลิกค่อนข้างก้าวร้าวและไม่คิดว่ามันจะยอมให้มนุษย์ขี่หลังได้ง่ายๆด้วย ได้ยินว่ามีไม่กี่คนที่ขี่มันได้.”

 

ใช่แล้ว ฮิโระแสดงให้เห็นกับทริสว่าเขาสามารถขี่มันได้

 

ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือน “สวิฟเดรก” จะจงรักภักดีถึงขั้นก้มหัวให้ด้วย

 

“ยังไงก็ตามแต่ ไม่ใช่ว่าป้อมปราการนี้ก็มีอยู่หนึ่งตัวเหรอ เช่นเดียวกับที่เราจับมันได้ที่หมู่บ้านตอนอาละวาด.”

 

“ก็มีอยู่หรอกครับ แต่เจ้าหนูนั่นขี่มันไปแล้ว”

 

“เหหหหห เดี๋ยวนี้ทริสก็ยังล้อเล่นเป็นกับเขาด้วย.”

 

“ไม่ได้ล้อเล่นครับ ! เห็นมันสองตาคู่นี้เลย เจ้าหนูนั่นขี่เดรคที่ว่องไวก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ข้าไม่ได้ล้อเล่น!”

 

เขาเผลอหลุดปากออกไปจนได้

 

“เหรอออออออออออ? เล่าให้ฟังโดยละเอียดสิทริสสสสสสสสส”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นทริสก็หน้าซีดเป็นไก่ต้ม น้ำเสียงของลิซที่เต็มไปด้วยความโกรธ

 

“ฮี้ ได้โปรดให้อภัยกระผมด้วย”

 

ครู่หนึ่งหลังจากเสียงกรีดร้องเล็กๆออกมาจากปากทริส เสียงกรีดร้องก็ดังไปทั่วห้องพักเจ้าหน้าที่

 

 

 

***

 

 

 

วันที่ 14 เดือนเจ็ด ปีจักรวรรดิ 1023 แสงส่องลงมาอย่างไม่ลดละบนต้นไม้เขียวขจีจากดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆและอากาศแจ่มใส มีสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งวิ่งผ่านอากาศของทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นของพืช

 

แม้ว่ามันจะมีรูปร่างเล็กกว่าม้า แต่ความเร็วของมันก็เหลือเชื่ออย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คนที่ขี่บนหลังคือชายหนุ่มที่สวมเครื่องแบบสีดำ

 

(แม้แต่ชั้นก็ขี่มันได้ และเร็วมากเลยนะเนี่ย!)

 

ลมพัดผ่านแก้มของเขา ทำให้กลีบดอกไม้พัดผ่านตามหลัง รู้สึกว่าเขาได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

 

สิ่งมีชีวิตที่เขาได้รับจากทริสคือสวิฟเดรค ซึ่งน่าจะเป็นแบบนั้นภายใต้แสงแดดที่สาดส่อง นักผจญภัยจำนวนมากได้จับมันที่เกาะ ไชตัน และพวกมันก็ได้อพยพหนีมาทำให้พวกมันมาโผล่ในทวีปกลาง

 

 

“เอาเลยมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ของท่านคิออร์ก!”

 

หลังจากรู้สึกดีขึ้นฮิโระก็สั่งให้เดรก วิ่งไปตามท้องถนนที่เรียงรายไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และแผงลอยก็เรียงรายตั้งแต่เช้าตรู่

 

สงครามผ่านพ้นไปแล้ว และดูเหมือนว่าเมืองจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

เมื่อฮิโระมาถึงคฤหาสน์ เขาก็กระโดดลงจากเดรคและวิ่งไปหาคนที่ยืนเฝ้าประตู

 

“ท่านฮิโระยินดีที่ได้พบครับ ขอบคุณสำหรับการเดินทางอันยาวนานในครั้งนี้”

 

“ก็นานมาแล้วนะครับ เคิร์ตซังใช่ไหมครับ?”

 

เคิร์ต ฟอน เทอร์เมียร์ เป็นผู้ช่วยของคิออร์กซัง ซึ่งได้รับการดูแลระหว่างการมาเยี่ยมเยือนครั้งล่าสุด เขายังเป็นผู้ดูแลเหล่าคนรับใช้ในคฤหาสน์

 

“ใช่มันเป็นเวลานานแล้ว แม้ว่าจะมีเรื่องหลายๆอย่างอยากจะคุยด้วย แต่ได้โปรดเชิญมาทางนี้ นายเหนือหัวรออยู่ทางนี้”

 

เคิร์ตรีบพาฮิโระเข้าไปในคฤหาสน์และพาเขาไปที่ห้องพักชั้นหนึ่ง

 

กำแพงสีขาวไร้ซึ่งคราบล้อมรอบคฤหาสน์ทุกด้านและหน้าต่างทางด้านตะวันตกมองเห็นทางตอนเหนือของบ้านที่ชนชั้นสูงอาศัยอยู่ ฮิโระนั่งบนโซฟารูปตัว L  

 

คิออร์กนั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะเขาอีกด้านหนึ่ง

 

“รถม้าไปยังเมืองหลวงงั้นเหรอ…?”

 

เมื่อได้ยินคำขอของฮิโระ เขาก็จิบชาที่เมดนำมาให้และยิ้ม

 

“ไว้ข้าจะจัดเตรียมให้ในทันที วางแผนจะออกเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ?”

 

“ถ้าเป็นไปได้ อยากจะไปวันนี้เลย ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร?”

 

“รีบมากขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับการได้หยุดพักก่อนล่ะ.”

 

“แม้ว่าจดหมายของจักรพรรดิจะไม่ได้เจาะจงวันเวลาที่แน่นอน แต่ชั้นคิดว่าเป็นการดีที่สุดที่จะไปให้ถึงเร็วที่สุด.”

 

“นั่นสินะครับ.”

 

คิออร์กพยักหน้า จากนั้นยิ้ม และปรบมือเข้าหากันเล็กน้อย

 

“เคิร์ต เอาปากกาและกระดาษหนังมาหน่อยสิ”

 

“รับทราบแล้วครับนายท่าน.”

 

หลังจากโค้งคำนับเคิร์ตก็ปิดประตูอย่างเงียบๆและหายไปจากห้อง คิออร์กเริ่มค้นกระเป๋าต่อหน้าฮิโระ

 

“ตอนนี้ ต้องการใช้รถม้าขนส่งแบบด่วนจี๋เลยสินะ มันจะใช้เวลาประมาณห้าวันไปถึงมหานครหลวงของจักรวรรดิ ไม่คิดว่าจะไปโดยปราศจากอาหารและเครื่อมดื่มได้ .”

 

เขาหยิบถุงเงินเล็กๆมาวางไว้ตรงหน้าเขา

 

“ทีนี้ก็ใช้สิ่งนี้ซื้ออาหารและน้ำตุนเอาไว้.”

 

“ไม่ได้หรอกครับ ชั้นรับจำนวนขนาดนี้ไว้ไม่ไหวหรอก…”

 

ก่อนที่ฮิโระจะออกเดินทางเขาก็ได้รับเงินจากทริสแล้ว เขาได้เงินมาประมาณแปดดราซ์ หากใช้ดีๆก็น่าจะไปถึงมหานครหลวงของจักรวรรดิได้ อย่างไรก็ตาม ที่คิออร์กหยิบให้มันมากกว่านั้น

 

ฮิโระปฏิเสธอย่างสุภาพ คิออร์กยื่นมือออกมา

 

“ไม่ต้องเขินอายไปหรอก ข้าเป็นหนี้เจ้ามากมาย และที่สำคัญเจ้าช่วยชีวิตหลานสาวข้าเอาไว้ บุญคุณนี้ให้ใช้ยังไงก็ไม่หมดหรอก?”

 

คิออร์กยิ้ม แต่มีความตั้งใจแน่วแน่ไม่ยอมแพ้ หากโดนอีกฝ่ายกดดันซะขนาดนี้ เขาก็มีแต่จะต้องรับ

 

“…ขอบคุณมากครับ.”

 

“และเมื่อพิจารณาถึงการลงทุนในอนาคต ข้าคิดว่าลงทุนแค่นี้ ณ สบายๆ.”

 

ฮิโระยิ้มเจื้อนๆ คิออร์กแสดงออกถึงแรงจูงใจแอบแฝง

 

“ชั้นจะพยายามอย่างเต็มที่ให้ได้ตามที่ท่านคาดหวังครับ.”

 

“ฮะฮะ ข้าเองก็ฝากด้วยล่ะ.”

 

เมื่อเคิร์ตกลับมา เขาวางปากกา หมึก และกระดาษหนังไว้ตรงหน้าคิออร์ก เขาพลิกปากกาออกมาอย่างราบรื่นและคุ้นเคย

 

“มอบสิ่งนี้ให้พนักงานขับรถม้า.”

 

หลังจากเขียนเสร็จแล้ว เขาก็หยิบกระดาษหนังที่ยังไม่แห้งดีให้ฮิโระอย่างเร่งด่วน

 

“พวกเขาจะเตรียมรถม้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันอาจจะไม่ใช่รถม้าที่สะดวกสบายที่สุดก็เถอะนะ”

 

ถนนที่รถม้าวิ่งผ่านเป็นถนนของมหาจักรวรรดิเพราะส่วนใหญ่บริหารโดยรัฐ นอกจากการบำรุงรักษาตามปกติแล้ว ยังมีจุดแวะพักเป็นระยะๆซึ่งพ่อค้าแม่ค้าริมทางจะขายอาหารและน้ำ

 

นอกจากนี้ ใกล้เคียงกับป้อมปราการจะมีเหล่าทหารยามลาดตระเวนเพื่อป้องกันโจรและมอนสเตอร์ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงรักที่นี่มากเพราะเป็นสถานที่ปลอดภัยในการเดินทาง

 

“โอ้ และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสวิฟเดรคล่ะ พวกเราจะดูแลมันอย่างดีเลย”

 

อันที่จริงเขาสามารถขี่สวิฟเดรคไปยังมหานครหลวงแห่งจักรวรรดิ แต่เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะหลงแล้วฮิโระจึงตัดสินใจใช้รถม้าแทน

 

“ขอบคุณมากครับ ไว้จะกลับมาใหม่นะครับ”

 

หลังจากคิออร์กมาส่งนอกคฤหาสน์และเริ่มเดินไปยังสถานี แต่สายลมเย็นๆก็พัดผ่านผิวกายของเขาให้ความรู้สึกสบาย

 

ขั้นแรกเขาผ่านโรงแรมแล้วเลี้ยวขวาเข้าทางโรงเตี๊ยมที่เต็มไปด้วยพลเมืองที่ตื่นเต้นกับชัยชนะเมื่อเร็วๆนี้ จากนั้นเขาก็เห็นพื้นที่เปิดโล่ง รั้วสูงๆล้อมรอบสนามหญ้า

 

ข้างในมีม้าที่ดูท่าทางแข็งแรงหลายสิบตัวที่ถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อการลากรถม้า เขาสามารถมองเห็นสถานีที่มีหลังคาสีแดงขนาดใหญ่ได้

 

เมื่อเขาก้าวไปในสถานีของลิงซ์ ฮิโระยื่นกระดาษหนังให้กับคนขับม้า จากนั้นเวลาไม่นาน รถม้าเจ็ดคันก็ปรากฏตรงหน้าเขา

 

(มุ่งหน้าสู่มหานครหลวงของจักรวรรดิ เมื่อพันปีก่อนไม่มีทางที่จะเรียกได้ว่าเมืองหลวง แต่ว่าหลายสิ่งหลายอย่างคงเปลี่ยนไปมาก.)

 

สิ่งต่างๆจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ฮิโระเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในอก เก้าขึ้นไปบนรถม้าด้วยความคาดหวัง

 

ป.ล.ช่วยค่าหนังสือผู้แปลได้ที่นี่

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset