[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 22 Chapter 5 การลืมตาตื่นของเทพเจ้าแห่งสงคราม Part End

ตอนที่ 22 Chapter 5 การลืมตาตื่นของเทพเจ้าแห่งสงคราม Part End

Part 4

ฮิโระตื่นขึ้นมาในที่แปลกๆหลังจากถูกสายฟ้าผ่าของแซทโทเบลทำให้เขาหมดสติ พื้นที่สีขาสบริสุทธิ์ โลกที่ไร้ซึ่งสีสัน และความสับสนที่เกิดขึ้นในใบหน้า

 

มีคนเรียกฮิโระจากด้านหลัง

 

“ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ แสดงว่าเจ้ากลับมายังอเลเทียแล้วสินะสหายข้า?”

 

ฮิโระหันกลับไปมองด้วยความตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มผมบลอด์ตาสีทอง

 

“ก็ผ่านมาสักพักแล้ว บางทีอาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้ ไม่รู้หรอกว่าที่อเลเทียผ่านมากี่ปีแล้วตั้งแต่ที่เจ้ากลับไปยังโลก.”

 

ดวงตาของฮิโระเบิกกว้างเขาพูดอะไรไม่ออก บัลลังก์ทองคำประดับด้วยอัญมณีอาจกล่าวได้ว่าหรูหรามาก ชายหนุ่มนั่งอยู่บนบัลลังก์

 

รูปลักษณ์ที่ดูดีของเขาราวกับว่าหลุดออกมาจากภาพวาด หากผู้หญิงได้เห็นก็คงไม่วายกรี๊ดออกมาเพราะว่าหล่อโดนใจพวกเธอแน่ๆ เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่แม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังต้องอิจฉา

 

รูปร่างที่สูงเด่น หุ่นเพรียวบาง นั่งไขว่ห้าง และสง่างามทำให้บัลลังก์ที่ดูเทอะทะนั่นเหมาะสมกับเขาอยากน่าประหลาด เมื่อฮิโระสงบสติอารมณ์ได้ก็พูดกับชายหนุ่มดวงตาสีทองด้วยความประทับใจ

 

 

 

“นั่นอัลทิอุสจริงๆเหรอ?”

 

ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ฮิโระก็อยากเข้าไปตั๊นหน้าอยู่หรอกแต่ต้องอดกลั้นเอาไว้ เขามองไปรอบๆเพื่อลบความหงุดหงิดของตัวเอง อย่างที่ฮิโระคิด มันเป็นห้วงมิติที่ถูกสร้างขึ้นมา

 

หายไปไหนมาตลอด? จากนั้นฮิโระหันกลับมามองอัลทิอุส แต่เขายังคงยิ้มอย่างมีความสุข

 

“อืม มันเป็นเพียงแค่ความฝันอย่าคิดมาก.”

 

ฮิโระมั่นใจในตัวเอง เขาควรจะอยู่ในสนามรบในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดหมอนี่ไม่มีทางมีอายุยืนยาวถึงพันปีหรอก

 

บางทีอาจจะจากโลกนี้ไปนานแล้ว นี่คืออีกฟากหนึ่งของโลกงั้นเหรอ นั่นจะอธิบายได้ว่าทำไมอัลทิอุสถึงอยู่ที่นี่

 

เมื่อฮิโระเริ่มกังวล อัลทิอุสก็ยิ้มเจื้อนๆ

 

“ฮิโระ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงได้สับสน แต่ข้าเข้าใจได้ว่าเจ้าอยากจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่อย่างที่เจ้ารู้――.”

 

หลังจากหยุดพูดไปสักพัก อัลทิอุสชี้ไปที่อกของฮิโระ เมื่อเขามองลงไปก็มีแสงสว่างจางๆโผล่มาจากอกเขา

 

“นี่มัน…”

 

ปลดกระดุมเครื่องแบบออกและขุดเข้าไปในกระเป๋าด้านใน เขาพบไพ่ธรรมดาๆ นี่คือไพ่ที่อัลทิอุสมอบให้กับเขาก่อนจะกลับไปยังโลก

 

“…ขอโทษที่ต้องถามในความฝันนะ เจ้านี่คือเครื่องรางภูติงั้นเหรอ?”

 

“ถูกต้องแล้วมันคือเครื่องรางภูติ”

 

“แต่ว่าชั้นเองก็หาข้อมูลอ้างอิงมาจากหลายๆแห่ง แต่ไม่เคยเห็นเครื่องรางภูติแบบนี้เลยนะ”

 

“ข้าไปขอกับราชันภูติให้สร้างเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมาให้กับเจ้า ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เจ้าจะไม่รู้เรื่อง.”

 

“ชั้นเองก็ฝันแปลกๆด้วย สิ่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องรึเปล่า?”

 

“ข้าใส่ความคิดลงไปในเครื่องรางภูติ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ายังคงมีความทรงจำในวันนั้นจนกระทั่งฮิโระกลับไปที่โลก การที่เจ้ากลับมาถึงที่นี่หมายความว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขการเรียกใช้เครื่องรางภูตินี้ มันต้องมีบางอย่างผิดพลาด และหากเป็นแบบนั้นจริงๆข้าก็คงไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไป”

 

เพียงชั่วขณะก็ทำให้อัลทิอุสมีสีหน้าเศร้าๆ จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาดังๆ

 

“แล้วเจ้าถูกเรียกตัวมาในยุคไหนล่ะเนี่ย เจอเซอร์ไพร์สมากมายเลยใช่ไหม?”

 

“ก็นะ โดนอัญเชิญมาหลังจากพันปีให้หลัง จะไม่เซอร์ไพร์สได้ไงฟะ?”

 

“ฮะฮะฮ่าาาา ยอดเลย!  ห่างจากยุคข้าไปไกลเหมือนกันนะเนี่ย!”

 

“ไม่เห็นดีสักนิด ชั้นยังไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ”

 

“เข้าใจแล้ว ปรากฏตัวมาในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ใช่ไหมล่ะ”

 

“หือ ? ช่วงเปลี่ยนผ่าน?”

 

ฮิโระถามกลับ แต่อัลทิอุสไม่สนใจ

 

“มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานเชียวล่ะ ข้าเองก็อยากจะร่วมไปกับเจ้า แต่ข้าไม่มีร่างเนื้อดังนั้นข้าคงไปกับเจ้าไม่ได้ด้วยหรอกนะ”

 

“อย่ามาเมินกันสิฟะ และชั้นเองก็ไม่เข้าใจสิ่งนี่นายพูดด้วย บอกชั้นมาเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้น”

 

“ไม่ต้องห่วงไปหรอกสหาย ในไม่ช้าเจ้าจะรู้เอง.”

 

“เพราะนายเป็นแบบนี้ตลอดไงชั้นถึง….”

 

“ข้าก็เป็นแบบนี้มานานนมแล้ว แต่ว่าที่ข้าพูดได้อย่างมั่นใจที่สุดคือเจ้าคือสหายคนสำคัญของข้า นั่นคือที่ข้าบอกเจ้าได้!”

 

ลุกขึ้นจากบัลลังก์ อัลทิอุสเงยหน้าขึ้นมองไปยังพื้นที่สีขาวและกางแขนออกมา

 

“โลกนั้นกว้างใหญ่ไพศาล นั่นเป็นเหตุผลที่มีความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด ในช่วงชีวิตอันต่ำต้อยของเจ้า เจ้าอาจจะคิดว่าโลกนี้มันคับแคบเสียเหลือเกิน ชีวิตนั้นเจ้าเลือกเดินได้อย่างอิสระ จะโลภมากจนปกครองโลกก็แล้วแต่เจ้า!”

 

อัลทิอุสเข้าหาฮิโระและกดกำปั้นของเขาไว้ที่หน้าอกฮิโระ

 

”น้องชายที่รักของข้าเอ๋ย เจ้าไม่ใช่คิดคิดการเล็กหรอกใช่ไหม อย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไป นั่นน่ะคือข้อเสียของเจ้า จงมีอำนาจยิ่งกว่าใครๆ จงหยิ่งพยองกว่าราชันองค์ไหน จงแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิทุกองค์และเพื่อการนั้นข้าจะมอบทางเลือกอันแสนมากมายให้แก่เจ้า”

 

อัลทิอุสพูดอย่างมีความสุขขณะตบไหล่ฮิโระ

 

“ข้าจะเฝ้ามองมันจากตรงนี้ มาดูกันว่าน้องชายของข้าจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางใด ไคว่คว้าอนาคตแบบไหนมาไว้ในกำมือ”

 

ไม่ใช่ว่าเขาพอใจกับความจริงที่ว่าเขาสามารถพูดอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ อัลทิอุสนั่งลงบนบัลลังก์อย่างหยิ่งผยอง

 

เขาค่อยๆเหยียดแขนขวาออกและหันฝ่ามือมาทางฮิโระ

 

“เอาล่ะ ถึงเวลาที่เจ้าต้องตื่นแล้ว”

 

“…กะทันหันเกินไปแล้ว ไอ้บ้านี่ สิ่งที่นายทำก็มีแต่พ่นเรื่องไร้สาระแล้วผลักภาระให้คนอื่นแบบนี้น่ะเหรอ นี่น่ะเหรอคำจากลาของนายที่มีให้กับชั้น.”

 

“You understand me a little better now?”

 

ฮิโระยักไหล่ให้กับอัลทิอุสที่หัวเราะคิกคัก ซึ่งมันแทงใจดำ ไม่มีทางที่เขาจะโต้แย้งได้

 

เมื่อพันปีที่แล้ว ฮิโระตัดสินใจกลับไปที่โลก อัลทิอุสพยายามห้ามอย่างสิ้นหวัง และฮิโระก็ถูกส่งกลับมาอย่างไร้เหตุผล

 

มีหลายสิ่งหลายอย่างกวนใจเขา แต่ถ้าเขากลับไปใช้ความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของเขา ถามคำถามสำคัญที่สุดออกไป

 

“นี่คือการบอกลากันจริงๆแล้วสินะ สหายl?”

 

“ข้าไม่คิดว่าพวกเราจะมารวมหัวกันได้อีกแล้วล่ะน้องชาย ข้าอยู่ที่นี่เพียงเพราะความทรงจำที่ถูกบันทึกในเครื่องรางภูติ.”

 

“…เข้าใจล่ะ”

 

“ใช่ ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วก็ตาม แต่――.”

 

อัลทิอุสถอนหายใจขณะที่พูดออกมา

 

“ดูเหมือนเวลาของข้าจะหมดลงแล้วนะ”

 

เขาชี้นิ้วไปยังสรวงสวรรค์ ฮิโระเงยหน้าขึ้นไปมอง ความมืดสีดำปรากฏขึ้นบนพื้นที่สีขาวและมันค่อยๆรุกล้ำมาอย่างรวดเร็วและทำให้โลกแห่งนี้กลายเป็นสีดำ

 

อัลทิอุสยิ้มและบอกฮิโระ

 

“ความจริงแล้ว――เจ้า――. ――กำลังเข้าใจผิด――จงมองเจตนา――, อย่างแน่นอน――.”

 

มันยากที่จะได้ยินอย่างชัดเจน เนื่องจากคำพูดถูกขัดจังหวะ วิสัยทัศน์ของฮิโระค่อยๆมืดลงอย่างรวดเร็วและร่างของอัลทิอุสก็หายไป

 

(ลาก่อนพี่ชายของชั้น)

 

――ฮิโระลืมตาตื่นและเพดานที่ไม่คุ้นเคยก็เข้ามาในสายตา

 

กลิ่นของสารเคมีกระทบเข้าจมูกทำให้เขาได้สติในทันที ความรู้สึกนุ่มนวลที่ปกคลุมร่างของเขา และในขณะที่เขาเสียใจเขายกร่างกายส่วนบนขึ้น

 

เมื่อเขามองไปรอบๆเห็นได้ว่าสีกลับมาเติมเต็มอีกครั้ง และชั้นวางของที่มีสารเคมีก็ส่องสว่างด้วยแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา

 

หลังจากโน้มตัวเองขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องพยาบาลหรืออะไรสักอย่าง เขาสังเกตเห็นลิซนอนอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้ามีความสุข เธอยิ้มและเป็นคนคลุมผ้าห่มให้กับเขา เขาเอาผ้าห่มๆให้เธอ

 

ฮิโระคิดว่าเขาตื่นจากความฝันแล้ว พยายามลุกจากเตียง คิดกับตัวเองราวกับมันเป็นฝันของคนอื่น แต่นั่นคือตอนที่เขาวางเท้าลงกับพื้นโลกก็สั่นคลอน

 

วิสัยทัศน์ของเขาดูสับสนหลังของเขากระแทกพื้นด้วยเสียงรุนแรง

 

“อ๊ากกกกกก!?”

 

เขาหยุดหายใจและคร่ำครวญ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างลอยขึ้นมาจากหน้าอกของเขาและกดปากลง

 

“อ๊ากกกกกกกกก!”

 

เขาไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป เขาอาเจียนออกมาเลือดไหลออกมาจากหน้าฮิโระลมหายใจเขาเริ่มเฉื่อยชา

 

(มีบางอย่างเกิดขึ้นกับตาของชั้นงั้นเหรอ…)

 

ข้อมูลจำนวนมากถูกส่งไปยังสมองของเขาผ่านตาซ้าย เขาไม่สามารถหยุดมันได้ เขาต้องรับข้อมูลทุกอย่างที่เข้ามาในสมองและคงสภาพจิตใจไว้

 

แม้จะหลับตาลงแล้ว เขาก็ยังคงเห็นสิ่งต่างๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แม้ว่ามันจะเป็นร่างกายของเขาเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

“ฮิโระ!?”

 

ลิซที่ดูเหมือนจะตื่นแล้ว เธอสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ แต่ฮิโระไม่มีเวลามาตอบ ลิซวิ่งมาหาฮิโระที่กำลังดิ้นรนและลูบหลังของเขา

 

“แข็งใจไว้ ? ใครก็ได้ช่วยเรียกหมอที”

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ทริสที่รออยู่ด้านนอกก็เข้ามา

 

เขามองไปที่ลิซและฮิโระ เขาตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นจากนั้นเขาก็วิ่งออกไป

 

“เดี๋ยวข้าไปตามหมอมาให้!!”

 

“ขอร้องล่ะ รีบพามาไวๆเลย!”

 

เขาอาเจียนไปแถวหน้าอกของลิซ ลิซจับศีรษะของเขาก้มต่ำลง อย่างไรก็ตามเธอไม่สนใจว่าเขาจะเป็นยังไงเธอจับเขานอนบนตัก

 

ลิซหยิบผ้าออกมาและเริ่มเช็ดปากของฮิโระ

 

“ไม่เป็นไรใจเย็นๆค่อยๆหายใจเข้า…”

 

ฮิโระที่อาเจียนออกมา แต่ไม่มีอะไรจะออกมาแล้ว อาหารทั้งหมดในกระเพราะถูกอาเจียนมาจนหมด

 

“ฮิโระ นายได้ยินฉันไหม?”

 

เธอต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของฮิโระ ในความเป็นจริงฮิโระตอบสนองกับเธอเหมือนกับแม่ที่กำลังเห็นอกเห็นใจลูก

 

ดวงตาสีแดงของเขาหันมาที่ลิซ รูม่านตาซ้ายของเขาขยายใหญ่ขึ้นและแดงก่ำอย่าน่าประหลาด

 

“หืออออ?!”

 

ลิซเกือบจะกรีดร้องออกมาเธอกลั้นปากของเธอเอาไว้ ความรู้สึกของการถูกมองเข้าไปในจิตใจของเธอทำให้เธอสั่นสะเทือนไปทั้งตัว แต่เธอจะกลัวไม่ได้ เธอต้องขจัดความเจ็บปวดของฮิโระให้ได้มากที่สุด

 

ลิซพยายามทำตัวร่าเริงให้มากที่สุด

 

“ฉันตกใจมากเลยล่ะครั้งแรกที่เราได้พบกันฮิโระ.”

 

ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันในป่าอันฟาง หลังจากลิซที่อาบน้ำเสร็จเธอก็เห็นเขาถูกเซอร์เบอรัสข่มขู่ไว้ ชายหนุ่มผมสีดำ ตาสีดำ ราวกับว่า――.

 

“นายน่ะดูเหมือนจักรพรรดิองค์ที่สองที่ฉันเคยวาดฝันเอาไว้”

 

จักรพรรดิองค์ที่สองเป็นจักรพรรดิองค์เดียวที่ไม่มีภาพเหมือนเหลือเอาไว้ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง ผู้คนได้แต่จินตนาการถึงสิ่งที่เขียนเอาไว้ในตำนาน

 

แม้แต่รูปปั้นของจักรพรรดิองค์ที่สองก็ถูกสร้างขึ้นตามตำนาน

 

“ฝ่าบาทชวาร์ตช ที่ฉันชื่นชมมาตลอด.”

 

แม้ว่าเธอจะเป็นสาวนิสัยทอมบอยมาโดยคลอด เธอสนใจดาบมากกว่าตุ๊กตา ก่อนเข้านอนเธอจะร้องขอให้แม่เล่านิทานเรื่องเทพเจ้าสิงสององค์แห่งแกรนท์

 

ความนิยมของจักรพรรดิองค์ที่สองนั้นมหาศาลมากโดยเพราะในกองทัพทหารมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะสนใจในตัวจักรพรรดิองค์ที่สอง

 

“ฉันพยายามอย่างหนักมาตลอด ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ฉันไม่สนใจอะไรและดูไม่มีค่า เพียงเพราะฉันเป็นผู้หญิง.”

 

ตอนแรกเธออยากจะเป็นทหาร จากนั้นก็กลายมาเป็นนายพล จากนั้นก็กลายเป็นขุนพล ทุกอย่างก้าวที่เธอทำ ความฝันของเธอได้เติบโตขึ้น

 

ไม่มีใครหัวเราะให้กับลิซ แต่แล้วสิ่งต่างๆก็เริ่มพังทลายลง

 

――เธอดันเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิเพลิง

 

คนแรกที่เข้าหาเธอคือตระกูลเคลไฮน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในขุนนางอันยิ่งใหญ่

 

ด้วยอิทธิพลของเธอทั่วภูมิภาคตะวันออกขุนนางขนาดเล็กและขนาดกลางล้วนให้การสนับสนุนลิซ เธอมีอำนาจเกินกว่าทายาทคนอื่นๆ ทำให้บัลลังก์นั้นสั่นคลอน แต่หัวหน้าตระกูลเคลไฮน์ ถูกลอบสังหารโดยฝีมือของใครบางคนทำให้ อำนาจของลิซพังทลายลงเหลือเพียงทริสกับดิออส

 

“แล้ว มีคนบอกฉันว่าฉันถูกลดยศ และฉันต้องเปลี่ยนเขตการรบ ดังนั้นก็เลยไปอาบน้ำที่ป่าอันฟาง.”

 

ตอนนั้นเธอก็ได้พบกับเขา เด็กชายที่ดูเหมือนจักรพรรดิองค์ที่สองที่เธอชื่นชม

 

ลิซยิ้มขณะที่วางมือบนแก้มของฮิโระ ฮิโระยังหอบหายใจด้วยความเจ็บปวด แต่บางทีเขาอาจจะสงบลงเล็กน้อย สายตาของฮิโร่หรี่ต่ำลง และเขาจ้องมองหน้าของลิซ

 

“ฉันน่ะ มีความฝัน.”

 

นั่นคือตอนที่เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก

 

“เร็วเข้า ไอ้หนูนั่นกำลังจะตายแล้ว”

 

“อย่าให้คนแก่ต้องวิ่งสิเห้ย!”

 

“ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวแบกไปเอง”

 

“ฮี้้้?”

 

ลิซหัวเราะและเอาปากของเธอแนบกับหูของฮิโระเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้ยินทุกอย่างที่เธอบอก เธอพึมพำ ไม่มีความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของฮิโระ ราวกับว่าฮิโระรู้ถึงเรื่องนั้น

 

มันเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ และไม่ใช่เส้นทางที่ง่ายดายนัก เมื่อเธอถอยห่างจากฮิโระแสจันทร์ก็ส่องสว่างบนใบหน้าของเธอทำให้ความงามเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น

 

 

 

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset