Part 4
ฮิโระตื่นขึ้นมาในที่แปลกๆหลังจากถูกสายฟ้าผ่าของแซทโทเบลทำให้เขาหมดสติ พื้นที่สีขาสบริสุทธิ์ โลกที่ไร้ซึ่งสีสัน และความสับสนที่เกิดขึ้นในใบหน้า
มีคนเรียกฮิโระจากด้านหลัง
“ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ แสดงว่าเจ้ากลับมายังอเลเทียแล้วสินะสหายข้า?”
ฮิโระหันกลับไปมองด้วยความตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มผมบลอด์ตาสีทอง
“ก็ผ่านมาสักพักแล้ว บางทีอาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้ ไม่รู้หรอกว่าที่อเลเทียผ่านมากี่ปีแล้วตั้งแต่ที่เจ้ากลับไปยังโลก.”
ดวงตาของฮิโระเบิกกว้างเขาพูดอะไรไม่ออก บัลลังก์ทองคำประดับด้วยอัญมณีอาจกล่าวได้ว่าหรูหรามาก ชายหนุ่มนั่งอยู่บนบัลลังก์
รูปลักษณ์ที่ดูดีของเขาราวกับว่าหลุดออกมาจากภาพวาด หากผู้หญิงได้เห็นก็คงไม่วายกรี๊ดออกมาเพราะว่าหล่อโดนใจพวกเธอแน่ๆ เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่แม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังต้องอิจฉา
รูปร่างที่สูงเด่น หุ่นเพรียวบาง นั่งไขว่ห้าง และสง่างามทำให้บัลลังก์ที่ดูเทอะทะนั่นเหมาะสมกับเขาอยากน่าประหลาด เมื่อฮิโระสงบสติอารมณ์ได้ก็พูดกับชายหนุ่มดวงตาสีทองด้วยความประทับใจ
“นั่นอัลทิอุสจริงๆเหรอ?”
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ฮิโระก็อยากเข้าไปตั๊นหน้าอยู่หรอกแต่ต้องอดกลั้นเอาไว้ เขามองไปรอบๆเพื่อลบความหงุดหงิดของตัวเอง อย่างที่ฮิโระคิด มันเป็นห้วงมิติที่ถูกสร้างขึ้นมา
หายไปไหนมาตลอด? จากนั้นฮิโระหันกลับมามองอัลทิอุส แต่เขายังคงยิ้มอย่างมีความสุข
“อืม มันเป็นเพียงแค่ความฝันอย่าคิดมาก.”
ฮิโระมั่นใจในตัวเอง เขาควรจะอยู่ในสนามรบในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดหมอนี่ไม่มีทางมีอายุยืนยาวถึงพันปีหรอก
บางทีอาจจะจากโลกนี้ไปนานแล้ว นี่คืออีกฟากหนึ่งของโลกงั้นเหรอ นั่นจะอธิบายได้ว่าทำไมอัลทิอุสถึงอยู่ที่นี่
เมื่อฮิโระเริ่มกังวล อัลทิอุสก็ยิ้มเจื้อนๆ
“ฮิโระ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงได้สับสน แต่ข้าเข้าใจได้ว่าเจ้าอยากจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่อย่างที่เจ้ารู้――.”
หลังจากหยุดพูดไปสักพัก อัลทิอุสชี้ไปที่อกของฮิโระ เมื่อเขามองลงไปก็มีแสงสว่างจางๆโผล่มาจากอกเขา
“นี่มัน…”
ปลดกระดุมเครื่องแบบออกและขุดเข้าไปในกระเป๋าด้านใน เขาพบไพ่ธรรมดาๆ นี่คือไพ่ที่อัลทิอุสมอบให้กับเขาก่อนจะกลับไปยังโลก
“…ขอโทษที่ต้องถามในความฝันนะ เจ้านี่คือเครื่องรางภูติงั้นเหรอ?”
“ถูกต้องแล้วมันคือเครื่องรางภูติ”
“แต่ว่าชั้นเองก็หาข้อมูลอ้างอิงมาจากหลายๆแห่ง แต่ไม่เคยเห็นเครื่องรางภูติแบบนี้เลยนะ”
“ข้าไปขอกับราชันภูติให้สร้างเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมาให้กับเจ้า ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เจ้าจะไม่รู้เรื่อง.”
“ชั้นเองก็ฝันแปลกๆด้วย สิ่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องรึเปล่า?”
“ข้าใส่ความคิดลงไปในเครื่องรางภูติ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ายังคงมีความทรงจำในวันนั้นจนกระทั่งฮิโระกลับไปที่โลก การที่เจ้ากลับมาถึงที่นี่หมายความว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขการเรียกใช้เครื่องรางภูตินี้ มันต้องมีบางอย่างผิดพลาด และหากเป็นแบบนั้นจริงๆข้าก็คงไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไป”
เพียงชั่วขณะก็ทำให้อัลทิอุสมีสีหน้าเศร้าๆ จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาดังๆ
“แล้วเจ้าถูกเรียกตัวมาในยุคไหนล่ะเนี่ย เจอเซอร์ไพร์สมากมายเลยใช่ไหม?”
“ก็นะ โดนอัญเชิญมาหลังจากพันปีให้หลัง จะไม่เซอร์ไพร์สได้ไงฟะ?”
“ฮะฮะฮ่าาาา ยอดเลย! ห่างจากยุคข้าไปไกลเหมือนกันนะเนี่ย!”
“ไม่เห็นดีสักนิด ชั้นยังไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ”
“เข้าใจแล้ว ปรากฏตัวมาในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ใช่ไหมล่ะ”
“หือ ? ช่วงเปลี่ยนผ่าน?”
ฮิโระถามกลับ แต่อัลทิอุสไม่สนใจ
“มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานเชียวล่ะ ข้าเองก็อยากจะร่วมไปกับเจ้า แต่ข้าไม่มีร่างเนื้อดังนั้นข้าคงไปกับเจ้าไม่ได้ด้วยหรอกนะ”
“อย่ามาเมินกันสิฟะ และชั้นเองก็ไม่เข้าใจสิ่งนี่นายพูดด้วย บอกชั้นมาเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้น”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกสหาย ในไม่ช้าเจ้าจะรู้เอง.”
“เพราะนายเป็นแบบนี้ตลอดไงชั้นถึง….”
“ข้าก็เป็นแบบนี้มานานนมแล้ว แต่ว่าที่ข้าพูดได้อย่างมั่นใจที่สุดคือเจ้าคือสหายคนสำคัญของข้า นั่นคือที่ข้าบอกเจ้าได้!”
ลุกขึ้นจากบัลลังก์ อัลทิอุสเงยหน้าขึ้นมองไปยังพื้นที่สีขาวและกางแขนออกมา
“โลกนั้นกว้างใหญ่ไพศาล นั่นเป็นเหตุผลที่มีความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด ในช่วงชีวิตอันต่ำต้อยของเจ้า เจ้าอาจจะคิดว่าโลกนี้มันคับแคบเสียเหลือเกิน ชีวิตนั้นเจ้าเลือกเดินได้อย่างอิสระ จะโลภมากจนปกครองโลกก็แล้วแต่เจ้า!”
อัลทิอุสเข้าหาฮิโระและกดกำปั้นของเขาไว้ที่หน้าอกฮิโระ
”น้องชายที่รักของข้าเอ๋ย เจ้าไม่ใช่คิดคิดการเล็กหรอกใช่ไหม อย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไป นั่นน่ะคือข้อเสียของเจ้า จงมีอำนาจยิ่งกว่าใครๆ จงหยิ่งพยองกว่าราชันองค์ไหน จงแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิทุกองค์และเพื่อการนั้นข้าจะมอบทางเลือกอันแสนมากมายให้แก่เจ้า”
อัลทิอุสพูดอย่างมีความสุขขณะตบไหล่ฮิโระ
“ข้าจะเฝ้ามองมันจากตรงนี้ มาดูกันว่าน้องชายของข้าจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางใด ไคว่คว้าอนาคตแบบไหนมาไว้ในกำมือ”
ไม่ใช่ว่าเขาพอใจกับความจริงที่ว่าเขาสามารถพูดอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ อัลทิอุสนั่งลงบนบัลลังก์อย่างหยิ่งผยอง
เขาค่อยๆเหยียดแขนขวาออกและหันฝ่ามือมาทางฮิโระ
“เอาล่ะ ถึงเวลาที่เจ้าต้องตื่นแล้ว”
“…กะทันหันเกินไปแล้ว ไอ้บ้านี่ สิ่งที่นายทำก็มีแต่พ่นเรื่องไร้สาระแล้วผลักภาระให้คนอื่นแบบนี้น่ะเหรอ นี่น่ะเหรอคำจากลาของนายที่มีให้กับชั้น.”
“You understand me a little better now?”
ฮิโระยักไหล่ให้กับอัลทิอุสที่หัวเราะคิกคัก ซึ่งมันแทงใจดำ ไม่มีทางที่เขาจะโต้แย้งได้
เมื่อพันปีที่แล้ว ฮิโระตัดสินใจกลับไปที่โลก อัลทิอุสพยายามห้ามอย่างสิ้นหวัง และฮิโระก็ถูกส่งกลับมาอย่างไร้เหตุผล
มีหลายสิ่งหลายอย่างกวนใจเขา แต่ถ้าเขากลับไปใช้ความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของเขา ถามคำถามสำคัญที่สุดออกไป
“นี่คือการบอกลากันจริงๆแล้วสินะ สหายl?”
“ข้าไม่คิดว่าพวกเราจะมารวมหัวกันได้อีกแล้วล่ะน้องชาย ข้าอยู่ที่นี่เพียงเพราะความทรงจำที่ถูกบันทึกในเครื่องรางภูติ.”
“…เข้าใจล่ะ”
“ใช่ ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วก็ตาม แต่――.”
อัลทิอุสถอนหายใจขณะที่พูดออกมา
“ดูเหมือนเวลาของข้าจะหมดลงแล้วนะ”
เขาชี้นิ้วไปยังสรวงสวรรค์ ฮิโระเงยหน้าขึ้นไปมอง ความมืดสีดำปรากฏขึ้นบนพื้นที่สีขาวและมันค่อยๆรุกล้ำมาอย่างรวดเร็วและทำให้โลกแห่งนี้กลายเป็นสีดำ
อัลทิอุสยิ้มและบอกฮิโระ
“ความจริงแล้ว――เจ้า――. ――กำลังเข้าใจผิด――จงมองเจตนา――, อย่างแน่นอน――.”
มันยากที่จะได้ยินอย่างชัดเจน เนื่องจากคำพูดถูกขัดจังหวะ วิสัยทัศน์ของฮิโระค่อยๆมืดลงอย่างรวดเร็วและร่างของอัลทิอุสก็หายไป
(ลาก่อนพี่ชายของชั้น)
――ฮิโระลืมตาตื่นและเพดานที่ไม่คุ้นเคยก็เข้ามาในสายตา
กลิ่นของสารเคมีกระทบเข้าจมูกทำให้เขาได้สติในทันที ความรู้สึกนุ่มนวลที่ปกคลุมร่างของเขา และในขณะที่เขาเสียใจเขายกร่างกายส่วนบนขึ้น
เมื่อเขามองไปรอบๆเห็นได้ว่าสีกลับมาเติมเต็มอีกครั้ง และชั้นวางของที่มีสารเคมีก็ส่องสว่างด้วยแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา
หลังจากโน้มตัวเองขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องพยาบาลหรืออะไรสักอย่าง เขาสังเกตเห็นลิซนอนอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้ามีความสุข เธอยิ้มและเป็นคนคลุมผ้าห่มให้กับเขา เขาเอาผ้าห่มๆให้เธอ
ฮิโระคิดว่าเขาตื่นจากความฝันแล้ว พยายามลุกจากเตียง คิดกับตัวเองราวกับมันเป็นฝันของคนอื่น แต่นั่นคือตอนที่เขาวางเท้าลงกับพื้นโลกก็สั่นคลอน
วิสัยทัศน์ของเขาดูสับสนหลังของเขากระแทกพื้นด้วยเสียงรุนแรง
“อ๊ากกกกกก!?”
เขาหยุดหายใจและคร่ำครวญ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างลอยขึ้นมาจากหน้าอกของเขาและกดปากลง
“อ๊ากกกกกกกกก!”
เขาไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป เขาอาเจียนออกมาเลือดไหลออกมาจากหน้าฮิโระลมหายใจเขาเริ่มเฉื่อยชา
(มีบางอย่างเกิดขึ้นกับตาของชั้นงั้นเหรอ…)
ข้อมูลจำนวนมากถูกส่งไปยังสมองของเขาผ่านตาซ้าย เขาไม่สามารถหยุดมันได้ เขาต้องรับข้อมูลทุกอย่างที่เข้ามาในสมองและคงสภาพจิตใจไว้
แม้จะหลับตาลงแล้ว เขาก็ยังคงเห็นสิ่งต่างๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แม้ว่ามันจะเป็นร่างกายของเขาเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ฮิโระ!?”
ลิซที่ดูเหมือนจะตื่นแล้ว เธอสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ แต่ฮิโระไม่มีเวลามาตอบ ลิซวิ่งมาหาฮิโระที่กำลังดิ้นรนและลูบหลังของเขา
“แข็งใจไว้ ? ใครก็ได้ช่วยเรียกหมอที”
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทริสที่รออยู่ด้านนอกก็เข้ามา
เขามองไปที่ลิซและฮิโระ เขาตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นจากนั้นเขาก็วิ่งออกไป
“เดี๋ยวข้าไปตามหมอมาให้!!”
“ขอร้องล่ะ รีบพามาไวๆเลย!”
เขาอาเจียนไปแถวหน้าอกของลิซ ลิซจับศีรษะของเขาก้มต่ำลง อย่างไรก็ตามเธอไม่สนใจว่าเขาจะเป็นยังไงเธอจับเขานอนบนตัก
ลิซหยิบผ้าออกมาและเริ่มเช็ดปากของฮิโระ
“ไม่เป็นไรใจเย็นๆค่อยๆหายใจเข้า…”
ฮิโระที่อาเจียนออกมา แต่ไม่มีอะไรจะออกมาแล้ว อาหารทั้งหมดในกระเพราะถูกอาเจียนมาจนหมด
“ฮิโระ นายได้ยินฉันไหม?”
เธอต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของฮิโระ ในความเป็นจริงฮิโระตอบสนองกับเธอเหมือนกับแม่ที่กำลังเห็นอกเห็นใจลูก
ดวงตาสีแดงของเขาหันมาที่ลิซ รูม่านตาซ้ายของเขาขยายใหญ่ขึ้นและแดงก่ำอย่าน่าประหลาด
“หืออออ?!”
ลิซเกือบจะกรีดร้องออกมาเธอกลั้นปากของเธอเอาไว้ ความรู้สึกของการถูกมองเข้าไปในจิตใจของเธอทำให้เธอสั่นสะเทือนไปทั้งตัว แต่เธอจะกลัวไม่ได้ เธอต้องขจัดความเจ็บปวดของฮิโระให้ได้มากที่สุด
ลิซพยายามทำตัวร่าเริงให้มากที่สุด
“ฉันตกใจมากเลยล่ะครั้งแรกที่เราได้พบกันฮิโระ.”
ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันในป่าอันฟาง หลังจากลิซที่อาบน้ำเสร็จเธอก็เห็นเขาถูกเซอร์เบอรัสข่มขู่ไว้ ชายหนุ่มผมสีดำ ตาสีดำ ราวกับว่า――.
“นายน่ะดูเหมือนจักรพรรดิองค์ที่สองที่ฉันเคยวาดฝันเอาไว้”
จักรพรรดิองค์ที่สองเป็นจักรพรรดิองค์เดียวที่ไม่มีภาพเหมือนเหลือเอาไว้ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง ผู้คนได้แต่จินตนาการถึงสิ่งที่เขียนเอาไว้ในตำนาน
แม้แต่รูปปั้นของจักรพรรดิองค์ที่สองก็ถูกสร้างขึ้นตามตำนาน
“ฝ่าบาทชวาร์ตช ที่ฉันชื่นชมมาตลอด.”
แม้ว่าเธอจะเป็นสาวนิสัยทอมบอยมาโดยคลอด เธอสนใจดาบมากกว่าตุ๊กตา ก่อนเข้านอนเธอจะร้องขอให้แม่เล่านิทานเรื่องเทพเจ้าสิงสององค์แห่งแกรนท์
ความนิยมของจักรพรรดิองค์ที่สองนั้นมหาศาลมากโดยเพราะในกองทัพทหารมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะสนใจในตัวจักรพรรดิองค์ที่สอง
“ฉันพยายามอย่างหนักมาตลอด ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ฉันไม่สนใจอะไรและดูไม่มีค่า เพียงเพราะฉันเป็นผู้หญิง.”
ตอนแรกเธออยากจะเป็นทหาร จากนั้นก็กลายมาเป็นนายพล จากนั้นก็กลายเป็นขุนพล ทุกอย่างก้าวที่เธอทำ ความฝันของเธอได้เติบโตขึ้น
ไม่มีใครหัวเราะให้กับลิซ แต่แล้วสิ่งต่างๆก็เริ่มพังทลายลง
――เธอดันเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิเพลิง
คนแรกที่เข้าหาเธอคือตระกูลเคลไฮน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในขุนนางอันยิ่งใหญ่
ด้วยอิทธิพลของเธอทั่วภูมิภาคตะวันออกขุนนางขนาดเล็กและขนาดกลางล้วนให้การสนับสนุนลิซ เธอมีอำนาจเกินกว่าทายาทคนอื่นๆ ทำให้บัลลังก์นั้นสั่นคลอน แต่หัวหน้าตระกูลเคลไฮน์ ถูกลอบสังหารโดยฝีมือของใครบางคนทำให้ อำนาจของลิซพังทลายลงเหลือเพียงทริสกับดิออส
“แล้ว มีคนบอกฉันว่าฉันถูกลดยศ และฉันต้องเปลี่ยนเขตการรบ ดังนั้นก็เลยไปอาบน้ำที่ป่าอันฟาง.”
ตอนนั้นเธอก็ได้พบกับเขา เด็กชายที่ดูเหมือนจักรพรรดิองค์ที่สองที่เธอชื่นชม
ลิซยิ้มขณะที่วางมือบนแก้มของฮิโระ ฮิโระยังหอบหายใจด้วยความเจ็บปวด แต่บางทีเขาอาจจะสงบลงเล็กน้อย สายตาของฮิโร่หรี่ต่ำลง และเขาจ้องมองหน้าของลิซ
“ฉันน่ะ มีความฝัน.”
นั่นคือตอนที่เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
“เร็วเข้า ไอ้หนูนั่นกำลังจะตายแล้ว”
“อย่าให้คนแก่ต้องวิ่งสิเห้ย!”
“ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวแบกไปเอง”
“ฮี้้้?”
ลิซหัวเราะและเอาปากของเธอแนบกับหูของฮิโระเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้ยินทุกอย่างที่เธอบอก เธอพึมพำ ไม่มีความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของฮิโระ ราวกับว่าฮิโระรู้ถึงเรื่องนั้น
มันเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ และไม่ใช่เส้นทางที่ง่ายดายนัก เมื่อเธอถอยห่างจากฮิโระแสจันทร์ก็ส่องสว่างบนใบหน้าของเธอทำให้ความงามเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น