Part 5
ขณะเดียวกันที่ป้อมเบิร์ก เหล่าผู้บัญชาการที่คอยดูก็รู้สึกถึงสิ่งแปลกๆบนท้องฟ้าเช่นกัน ผมสีแดงเข้มพัดไปตามสายลมที่รุนแรงขึ้น ลิซจับผมด้วยมือข้างหนึ่งแล้วหันไปหาฮิโระ
“ออร่าและพรรคพวกนี่สุดยอดไปเลยนะ ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะไปถึงค่ายหลักของศัตรูแบบนั้น”
ลิซชี้ไปที่กองทัพตรีศูลที่กัดเซาะศัตรูมุ่งไปด้านหน้า
“ถูกต้องแม้จะแตกต่างจากที่คิด แต่ก็ทำได้ดีเลยทีเดียว.”
“จริงเหรอ?”
“ถ้าหากเป็นเรื่องจริงฝ่ายเราจะฝ่ากองทัพศัตรูจำนวนมากด้วยกองทหารราบก่อน แต่ออร่าฝ่าทะลวงด้วยกองทัพทหารม้าเกราะหนัก มันไม่ง่ายอย่างที่คิดจริงๆ ถ้าสถานการณ์มันแย่ลงและคาดการณ์ผิดเพียงนิดเดียว พวกนั้นโดนกวาดล้างแน่นอน.”
หากจำนวนทหารมีไม่เท่ากันการทำแบบนี้อาจจะได้ผล และต้องชมเชยเหล่าทหารที่ได้รับการฝึกเหล่านั้นมาเป็นอย่างดี
หลังจากมารวมกลุ่มโดยไม่มีอะไรติดขัดแล้ว ก็มุ่งหน้าไปโดยไม่ต้องลังเลและทะลวงศัตรูจากภายใน เมื่อศัตรูมันตื่นตระหนกจะต้องถอยทัพกลับ ความเป็นผู้นำของออร่าเองก็เปี่ยมล้นเช่นกัน
นี่คือสิ่งที่สามารถพูดได้เพราะพวกเขาเป็นพันธมิตรกับฝั่งเรา แต่มีบางสิ่งที่ศัตรูไม่อาจต้านทานได้เช่นกัน
“พวกเขาจะชนะได้ไหม?”
“ถ้าทุกอย่างไปได้สวย ก็น่าจะเอาชนะได้.”
เขาไม่พูดถึงความกังวลของเขา อย่างน้อยตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พวกเขาจะมุ่งหน้าโจมตีค่ายหลักของศัตรูต่อไป กำจัดนายพลของศัตรูแล้วก็ถอยออกมา
สิ่งเดียวที่ต้องทำคือทำลายเหล่าทหารที่ไร้ซึ่งผู้นำที่ตกอยู่ในความตื่นตระหนก แต่มีบางอย่างที่ฮิโระกังวล
(กรณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของนายพลฝั่งศัตรูด้วย…)
ในอดีตเมื่อเขาใช้กลยุทธ์นี้มีนักรบอันแสนดุร้ายถูกเรียกกันว่า “ห้าขุนพลดำแห่งสวรงสวรรค์”เป็นเพราะอยู่ในระดับแนวหน้าของการต่อสู้ทำให้สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้
แต่ว่ามันจะมีรึเปล่าบุคคลที่เหี้ยมโหดเหมือนสัตว์ป่าเหล่านั้นในกองทัพออร่า
(นอกจากนี้…)
เขามองไปบนท้องฟ้า ความวิตกกังวลยิ่งเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เมื่อก่อนหน้านี้ ท้องฟ้าเริ่มเกิดฟ้าร้องและทำให้สนามรบมันเปียก
ทหารม้าเกราะหนักที่มีความคล่องแคล่วต่ำกว่าพลังทำลายล้างที่มีจะทำให้เสียเปรียบเพราะสภาพสมรภูมิรบ เมื่อฮิโระมองไปที่สนามรบ แนวฝั่งศัตรูถูกฉีกออกจากศูนย์กลางโดย “กองทัพอัศวินดำจักรวรรดิ” ที่นำโดยออร่า ชวนให้นึกถึงมังกรดำที่โผลบินขึ้นสู่สวรรค์ดึงดูดตาผู้ชม
“ลิซ ในระหว่างนี้ช่วยบอกคุณคิออร์กหน่อยได้ไหมว่าให้เตรียมตัวให้พร้อม?”
หากมีอะไรฉุกเฉินพวกเราควรรีบเข้าไปช่วยทันที ทุกคนล้วนแต่มีผิดพลาดกันได้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ หากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดพวกเราจะสังเกตเห็นได้ทันที ศัตรูที่เห็นโอกาสนั้นจะไม่พลาดเช่นกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากตายทั้งนั้น
“เอาล่ะ.”
ลิซพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร สถานะปัจจุบันของเธอนั้นไม่มีทางเลือก
“ขอบคุณนะ ฝากด้วยล่ะ.”
ฮิโระพึมพำขอบคุณก่อนที่จะมองเธอกลับไปหาคิออร์ก เมื่อเขาเงยหน้าเหนือศีรษะของเขาเห็นมวลท้องฟ้าที่เหมือนพายุจะเข้า
***
สนามรบตกอยู่ในความวุ่นวาย แม้ว่าจะเป็นช่วงเช้า แต่ดวงอาทิตย์ก็ถูกเมฆฝนบดบัง กองทัพในสนามรบถูกผลักดันด้วยกองทหารม้าเกราะดำที่ด้อยกว่าพวกเขาหลายเท่าตัว
เสียงเกือกม้าที่ดังก้องไปทั่วเหยียบย่ำศัตรู แถวเส้นตรงที่เดินทัพมาอย่างมุ่งมั่นเพื่อหวังจะถึงค่ายของศัตรูอย่างไรก็ตามความเร็วของมันค่อยๆตกลงเนื่องจากฝนเม็ดเล็กๆที่ตกลงมาในสนามรบ
ก่อนที่เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน ฝนจำนวนมากก็เริ่มทำให้กองทัพของ “อัศวินดำจักรวรรดิ”เริ่มสั่นคลอน
สปิตซ์ที่เป็นผู้บังคับบัญชาการผมสีน้ำตาลกับหัวหน้าผู้บัญชาการกำลังวิ่งไปด้วยกัน
“ท่านออร่าพวกเราควรทำยังไงดีครับ?”
“นายพลฝั่งศัตรูอยู่ตรงหน้าเรา พวกเราจะเด็ดหัวมันมาและหลบหนีไปยังป้อมเบิร์ก.”
“มีเพียงหนทางเดียวเหรอครับ…?”
“ไม่ต้องมุ่งมั่นถึงขนาดนั้น หากไปได้ไม่สวยพวกเราจะถอยทัพกลับทันที”
“ฮ่ะ!”
ออร่ามองไปที่ค่ายของศัตรูเพื่อค้นหาตัวนายพล ทัศนวิสัยเองก็ย่ำแย่เพราะฝนตก แต่เธอวิเคราะห์อย่างสิ้นหวังจากสายตาของเธอเพื่อค้นหาชัยชนะ
เธอไม่ได้ใส่ชุดเกราะให้ม้าด้วยซ้ำเมื่อพุ่งออกมาจากฐานที่มั่น และโฟกัสอยู่กับฝั่งศัตรู ทหารคนหนึ่งชี้ไปที่ตัวเธออย่างตื่นตระหนก ใบหน้าของทหารต่างดูน่ากลัวขึ้น ทหารที่เฝ้าดูเองก็เริ่มแสดงความดุร้ายออกมา
เธอโฟกัสจนทุกอย่างออกนอกสายตา――.
จากนั้นเธอก็เห็นมันในชั่วพริบตานั้น
“เจอแล้ว ตามฉันมา!”
ออร่าใช้เสียงที่ผิดปกติเล็กน้อย ไม่เพียงแค่นั้น เธอยกยังอาวุธภูติขึ้นงอย่างกล้าหาญและพุ่งนำทัพไป
สปิตซ์ที่ตกใจก็รีบตามไปอย่างรวดเร็วและไล่ตามออร่าสุดกำลัง
เขาเปลี่ยนจากดาบเป็นหอก
“อัศวินดำแห่งจักรวรรดิทุกนาย ตามท่านออร่ามา!”
เขาตะโกนเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ อัศวินต่างตอบรับด้วยการโจมตีอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาสังหารทหารราบฝ่ายศัตรูที่อยู่รอบตัวเขาและก่อซากศพขึ้นไปบนท้องฟ้า ออร่ารู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณอันเร่าร้อนที่ตามหลังเธอมา
ตัวเธอที่ได้รับพรจากอาวุธภูติ ออร่า ตัดคอทหารที่ป้องกันนายพลเอาไว้ ทหารศัตรูเริ่มรักษาระยะห่างเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกม้าเหยียบตาย
พวกเขาเป็นทหารที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น เป็นเพียงพวกที่ข้ามพรมแดนมาเพื่อแสวงหาทาส พวกมันไร้ซึ่งอุดมการณ์และไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่มีที่ว่างให้กับคนแบบนี้ที่จะเหยียบดินแดนของจักรวรรดิ
“ข้าพเจ้าของอุทิศชัยชนะนี้แด่ฝ่าบาทชวาร์ตช.”
อาวุธภูติของออร่าเปล่งประกาย ใบหน้าของนายพลศัตรูเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความสิ้นหวัง คมดาบของอาวุธภูติที่ออร่าปล่อยออกมาตัดหัวนายพลของศัตรู ความรู้สึกน่าขนลุกผุดขึ้นที่มือของเธอ และในขณะเดียวกัน เธอก็ใช้จังหวะนี้พุ่งตัวออกไป
ร่างที่ใหญ่นั้นล้มลง ออร่าผู้สังเกตเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ชูอาวุธภูติขึ้นไปในอากาศ
“หัวนายพลของศัตรูหลุดออกจากบ่าเป็นที่เรียบร้อย สงครามสิ้นสุดลงแล้ว”
เสียงเชียร์ปะทะขึ้นจากพันธมิตรที่อยู่ด้านหลังเธอ และความปั่นป่วนก็ปรากฏขึ้นรอบตัวของศัตรูใบหน้าของออร่าที่ตึงเครียดมาจนถึงตอนนี้คลายลงด้วยความสุข
“ลอร์ดสปิตซ์ ไปเก็บหัวมันมา!”
ไม่มีประโยชน์ที่จะฆ่านายพลศัตรูเพื่อยุติสงครามนี้ หากการตายของเขาถูกปกปิด พวกเขาจะต้องจัดการกับทหารศัตรูเกือบหมื่นนาย พวกเขาต้องรีบเก็บหัวนายพลและแจ้งสถานการณ์ให้ทั้งสนามรบได้ทราบ
“หาาาา―!?”
ดวงตาของออร่าเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเธอหันหลังกลับ นี่เป็นเพราะนายพลที่ควรจะหัวขาดไปแล้วลุกขึ้นมาอย่างสงบพร้อมกับหยิบหัวของตัวเองขึ้นมา ร่างกายของออร่าเต็มไปด้วยความกลัว มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว เคลื่อนไหวได้ทั้งๆที่ไร้หัวเนี่ยนะ
ออร่าตัดสินใจอย่างรวดเร็วจากในหัว ว่า “ถอนตัว” ทันที คอของเธอแน่นขึ้นและเปล่งเสียงออกมาสุดเสียง
“ไวเคานต์ สปิตซ์ ถอนตัวเดี๋ย―?!”
ออร่าไม่สามารถตะโกนได้จนจบ เป็นเพราะนายพลฝั่งศัตรูนั้นกระโจนมาด้วยความโหดเหี้ยมใส่เธอ พร้อมอาวุธหน้าตาแปลกประหลาด เธอรีบนำอาวุธภูติเข้าต่อกรและขับไล่การโจมตีของฝั่งตรงข้ามซึ่งส่งเสียงแหลมสูง ร่างของออร่าปลิวไปในอากาศจากนั้นก็กลิ้งไปกับพื้น
ม้าของเธอหัวขาดพร้อมกับเกราะทั้งหมดล้มลงด้านข้าง มุมมองของชายที่จ้องออร่านั้นไม่คงที่ และเขาอ้าปากขณะที่มองดูความว่างเปล่า
“อย่ามาขวางทางกันนะไอ้เด็กเปรต!”
เขาเข้าใกล้ออร่าด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับดาบสุดแฟนตาซีในมือ
“ท่านออร่า!”
สปิตซ์รีบวิ่งเข้าไปและแทงหอกใส่ศัตรู แต่มันติดอยู่งที่สีข้างของชายคนนั้น
“หาาาาาา-!”
จากนั้นก็ถูกยกขึ้นสปิตซ์ล้มลงกับพื้นในขณะเดียวกันน้ำก็สาดไปทั่ว
“~~~~~?!”
นายพลฝั่งศัตรูกระแทกส้นเท้าของเขาใส่สปิตซ์ที่หอบหายใจลำบาก เลือดจำนวนมากพุ่งออกจากปากของสปิตซ์ ในขณะที่โดนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพื่อช่วยหัวหน้าผู้บัญชาการที่กำลังจะถูกฆ่าทหารเกราะหนักได้บุกเข้าโจมตี
“โอร่าาาาาาาาาาาา――!”
“ไอ้พวกหนอนแมลงเอ้ย!”
นายพลศัตรูแทงดาบของเขาเข้าไปที่ใบหน้าของทหารในพริบตา ทหารคนนั้นหมดสติล้มลงจากม้า ทหารหนึ่งนายตายและช่วยสปิตซ์ที่หมดสติลงไปได้ ฝนตกลงมาบนหน้าของเขาซึ่งมันเต็มไปด้วยเลือด
ตอนนั้นเองออร่าลุกขึ้นมาอย่างไม่มั่นคง แขนซ้ายของเธอซึ่งจับด้วยมือขวาที่ห้อยลงมา และเศษซากโคลนที่หยดออกจากข้อมือ แขนของเธอหัก สีหน้าของเธอนั้นแสดงให้ออกเห็นถึงความเจ็บปวดอันรุนแรง
“…อาวุธภูติ?”
ออร่ามองไปที่ดาบในมือของชายร่างใหญ่
(ถ้างั้นไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแน่?)
มันไม่มีพรจากภูติที่สามารถฟื้นฟูร่างกายของคนที่โดนตัดคอได้หรอกนะ หากมีอะไรแบบนั้น มันจะต้องเป็นดาบภูติในตำนานแน่นอน
(หรือแม้แต่สมบัติอันยิ่งใหญ่ทั้งห้าของมหาจักรวรรดิ ก็ไม่ได้ทรงพลังขนาดนี้)
ในขณะที่เธอกำลังคิดทหารศัตรูเข้าล้อมออร่า “อัศวินดำจักรวรรดิ” กำลังล้อมตัวเป็นวงกลมเพื่อข่มขู่ศัตรู แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้นาน ไม่ว่าจะเป็นคนที่เก่งกาจแค่ไหน แต่พวกเขาเคลื่อนไหวไม่ได้มากท่ามกลางสายฝน
นอกจากนี้ยังเสียเปรียบด้านจำนวน ไม่มีอะไรที่ล่าง่ายไปกว่าศัตรูที่รวมกันเป็นกลุ่มเดียว ข้อได้เปรียบที่เคยมีหายไปโดยสิ้นเชิง
นายพลฝั่งศัตรูขยับตาทั้งสองข้างแยกจากกันและมองไปรอบๆด้วยท่าทางน่าขนลุกทำให้ออร่ารู้สึกคลื่นไส้
“ดูจากทหารที่ไม่ทอดทิ้งแกแล้ว แกจะต้องเป็น “เทพธิดาแห่งสงคราม”ใช่ไหม?”
ริมฝีปากสีม่วงของนายพลฝั่งศัตรูแยกเป็นรูปจันทร์เสี้ยวและฟันโผล่ออกมาให้เห็น
“ฟุฟุ น่าเสียดายที่แกไม่ใช่ไทป์ที่ข้าชอบซะด้วย แต่ข้าจะเอากลับไปด้วยก็ได้ ข้าเองก็ไม่ใช่ปีศาจหรอก ไว้ข้าจะปล่อยตัวเจ้าในภายหลังๆจากที่เจ้าทำเงินได้มากพอล่ะนะ.”
เมื่อนายพลศัตรูโบกอาวุธภูติ คมดาบตัดผ่านอากาศและทำให้เลือดหลั่งไหล
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!?”
ทหารที่ยืนหยัดต่อต้านนายพลศัตรูอย่างกล้าหาญถูกฆ่าตาย
“หลังจากที่หารของพวกแกถูกใช้เป็นของเล่น เมื่อนั้น!”
เพื่อช่วยเหลือนายเหนือหัวของพวกเขา “อัศวินดำแห่งจักรวรรดิ”ก็เข้าหาศัตรูไม่ยอมให้แตะต้องออร่า ด้วยจิตวิญญาณเช่นนั้น พวกเขาเข้าโจมตีด้วยความโกรธ
“ได้โปรดรอสักครู่ พวกเราจะเบิกทางให้ท่านได้หนีสุดชีวิต!”
“ช่างกล้าเสียเหลือเกินนะ ใครอยากตายก็ดาหน้าเข้ามาเลย ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งขึ้นเพราะอาวุธภูติ.”
ออร่าไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเพราะคำพูดของนายพลฝั่งศัตรู แม้ว่าอาวุธภูติจะมอบพรให้แก่ผู้ถือครอง แต่พลังที่รู้สึกได้นั้นมันไม่ใช่มาจากอาวุธภูติไหนๆที่เธอเคยรู้จัก
อย่างไรก็ตามฉากที่ไม่น่าเชื่อปรากฏตรงหน้าของออร่า แม้ว่าข้อมือจะถูกตัด แขนจะขาด หัวจะหลุดจากบ่า แต่มันก็ไม่มีผลเลยสักนิด
“โอร่าาาา เข้ามา เข้ามา มีใครจะเอาชนะข้าได้งั้นเรอะ!”
“อย่าถอยหลังกลับ พวกเราจะทำให้แน่ใจว่าช่วยเทพธิดาของเราไว้ได้!”
ลูกน้องของออร่ายังสู้ต่อไปเปล่งเสียงอย่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าสหายจะถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี
“เซอ้ากกกกกกกกกกกห์!”
“ฮ๊ากกกกกกกกกกกห์”
ทหารคนสุดท้ายถูกแทงอกและตกลงจากม้า
“ฟุวะฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันได้เหงื่อดีจริงๆ.”
นายพลศัตรูเงยหน้าขึ้น ส่ายไหล่และเริ่มหายใจเข้า มีกองศพจำนวนมากอยู่ข้างๆซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า “อัศวินดำจักรวรรดิ”ถูกกำจัดจนหมดสิ้น บาดแผลของนายพลฝั่งศัตรูที่ควรถึงแก่ชีวิตก็สมานลงอย่างง่ายๆ
ออร่าชี้ไปที่อาวุธภูติของนายพลศัตรูและถามออกมา
“…อาวุธบ้านั่นมันมอบพลังอะไรให้กับแกกันแน่”
“หมายถึงเจ้าอาวุธภูตินี่น่ะรึ?”
ไม่เคยมีการกล่าวถึงว่าราชอาณาจักรลิชไทน์ค้นพบหินภูติ เหตุผลเดียวก็เพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นทะเลทราย แม้จะมีโอเอซิสงดงามหลายแห่ง แต่สถานที่ๆเหล่าภูติควรจะสถิตย์อยู่ก็ถูกมนุษย์แย่งชิงไปหมดแล้ว
สำหรับภูติที่ชอบความวงบไม่มีอะไรนอกจากความเจ็บปวดสำหรับพวกเขา เหนือสิ่งอื่นใดภูติไม่ชอบบรรยากาศมืดมนถูกเอาเราเอาเปรียบเรื่องทาส
บางทีอาจจะซื้อมาจากประเทศอื่น แต่ราชอาณาจักรลิชไทน์มีงบมากขนาดนั้นเลยเหรอ เหตุผลก็คือหินภูติหนึ่งก้อนก็ทำให้มนุษย์คนหนึ่งอยู่ได้ทั้งชีวิตแบบฟุ่มเฟือย
อาวุธภูตินั้นเป็นของใช้สิ้นเปลืองไม่นานวันมันก็พังลง พวกมันจะพังได้หลังผ่านการต่อสู้มาสักสองสามศึก หากถูกหลอมแบบผิดๆก็ไม่ต่างอะไรจากหินธรรมดา
แม้ว่าพลังของหินภูติจะน่าสนใจ แต่การปรับปรุงอุปกรณ์ทางการทหารจะได้ผลมากกว่าที่จะทุ่มงบให้คนๆเดียว ดังนั้นแม้ในมหาจักรวรรดิแกรนท์ ที่ยิ่งใหญ่ คนที่มีสิทธิ์ถือครองสิ่งเหล่านั้นมีเพียงราชวงศ์เท่านั้น
“แม้ว่าจะสนใจว่าแกได้อาวุธภูติมาได้ยังไง แต่สิ่งที่ฉันกังวลใจมากกว่าคือ “พลัง” ที่แก่ได้รับ.”
“อย่ามาพูดอะไรไร้สาระน่า แกจะได้ประโยชน์อะไรจากการซื้อเวลาครั้งนี้?”
“นี่ไม่ได้ตระหนักถึงสภาพของตัวเองจริงๆเหรอ? แม้ว่าจะรู้ตัว ก็ไม่คิดว่ามันผิดแปลกไปหน่อยเหรอ?.”
“ข้าไม่มีเวลามาพูดคุยกับเจ้าหรอกนะ ถ้ายังพล่ามมากอีก เดี๋ยวก็ฆ่าซะหรอก และมองไปรอบๆทหารของแกกำลังจะตายจนหมด!”
พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นความโกลาหลเพราะ “อัศวินดำจักรวรรดิ”เริ่มถูกลากลงจากม้า พวกเขาพยายามดิ้นรนแต่อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า พวกเขาถูกล้อมและถูกฆ่าเป็นคนๆ เลือดจำนวนมากหลั่งไหลจนพื้นที่ย้อมไปด้วยสีแดง
“อีกไม่นานก็ถึงเวลาที่แกจะได้ใช้ปากนั่นด้วยความสุข ข้าจะเล่นกับเจ้าจนกว่าจะถึงตอนนั้น!”
นายพลศัตรูเหวี่ยงดาบใส่ออร่า ออร่าตั้งรับด้วยอาวุธภูติในมือของเธอ แต่ร่างเล็กๆนั่นก็ถูกซัดปลิวไป เธอล้มลงกับพื้นจากนั้นนายพลศัตรูก็แทงเธอจากด้านข้าง
ก่อนที่เธอจะคำรามปากของเธอก็โดนยัดไปด้วยโคลนและยังคงกลิ้งไปบนพื้นสองสามครั้ง เมื่อธอหยุดอยู่กับพื้นเธอก็เกือบจะตายไปแล้ว
“อ๊ากกกกกกกก…”
ลูกน้องของเธอยังต่อสู้ดิ้นรน เธอไม่สามารถยอมแพ้ได้ง่ายๆ มันเป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอ เมื่อเธอพยายามลุกขึ้นก็สูญเสียแรงที่ข้อศอก
ขณะที่หน้าเธอจุ่มลงไปในทะเลเลือด ออร่าสังเกตเห็นสิ่งที่ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
เธอกำลังร้องไห้? เธอคิด แต่เธอไม่สามารถบอกได้เพราะฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง นายพลฝั่งศัตรูเข้ามาใกล้ คว้าผมของออร่าให้เงยหน้าขึ้น
“อะไรกันโดนแค่นี้ก็จะหมดสติแล้วเรอะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดูจะมีความสุขเกินไปไหม? จากนี้แกจะกลายเป็นของเล่นให้กับผู้ชายนับพัน.”
“………………”
“ไม่ต้องห่วง พวกข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างอ่อนโยนเพื่อให้สามารถเรียกร้องเงินค่าไถ่ได้ ดังนั้นพวกเราจะเล่นกันแบบพอดีๆ ไม่เอาเจ้าถึงตายหรอก.”
“………………”
ออร่าไม่พูดอะไร เธอแค่หันไปมองรอบๆ เมื่อนายพลศัตรูปล่อยมือของเธอ ศีรษะของออร่าก็กระแทกลงไปในโคลน จากนั้นก็โดนเมินหยิบอาวุธภูติของออร่าที่ตกอยู่ใกล้ๆ
“ข้าจับตัว “เทพธิดาแห่งสงคราม” และได้อาวุธภูติมาถึงสองชิ้น พี่ชายที่โง่เง่าของข้าได้เสียหนึ่งในนั้นไป แต่มันก็เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์”
เขาไม่ทันได้สังเกตเห็น ไม่สิ ไม่มีทางสังเกตเห็นหรอก
“ต้องขอบคุณหมอนั่นจริงๆ.”
นายพลศัตรูกางแขนราวกับแสดงความยินดี ในขณะเดียวกันอาวุธภูติของออร่าก็ตกลงพื้นพร้อมข้อมือของเขา
“หืมมม ? อะไรกัน?”
เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากจุดที่ข้อมือได้หลุดออก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใส่ใจ สายตาของเขาถูกดึงดูดไปยังอาวุธภูติชิ้นเดียวที่ปรากฏต่อหน้าเขา
“…นั่นมันอาวุธภูติที่ข้ามอบให้พี่ชายของข้า ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่?”
มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นเบื้องหลังนายพลศัตรูที่กำลังประหลาดใจ มีแสงสีขาวคดเคี้ยวผ่านสนามรบที่เต็มไปด้วยกองทัพขนาดใหญ่
ราวกับว่ามันกำลังบินผ่านท้องนภาและ “มัน” กำลังเข้าใกล้นายพลฝั่งศัตรู มันคู่ควรกับชื่อสายฟ้าแลบ ไม่มีคำอื่นที่เหมาะกว่านี้อีกแล้ว
ความเปล่งประกายของดาบที่ถูกชักออกมาตัดผ่านความมืดมิดและความสิ้นหวังที่หยุดนิ่ง――,
――ทันใดนั้น “สายฟ้าสีขาว” ได้จุติลงบนพื้นดิน