[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 18 Chapter 4 เทพธิดาแห่งสงคราม End Chapter

ตอนที่ 18 Chapter 4 เทพธิดาแห่งสงคราม End Chapter

Part 5

ขณะเดียวกันที่ป้อมเบิร์ก เหล่าผู้บัญชาการที่คอยดูก็รู้สึกถึงสิ่งแปลกๆบนท้องฟ้าเช่นกัน ผมสีแดงเข้มพัดไปตามสายลมที่รุนแรงขึ้น ลิซจับผมด้วยมือข้างหนึ่งแล้วหันไปหาฮิโระ

 

“ออร่าและพรรคพวกนี่สุดยอดไปเลยนะ ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะไปถึงค่ายหลักของศัตรูแบบนั้น”

 

ลิซชี้ไปที่กองทัพตรีศูลที่กัดเซาะศัตรูมุ่งไปด้านหน้า

 

“ถูกต้องแม้จะแตกต่างจากที่คิด แต่ก็ทำได้ดีเลยทีเดียว.”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ถ้าหากเป็นเรื่องจริงฝ่ายเราจะฝ่ากองทัพศัตรูจำนวนมากด้วยกองทหารราบก่อน แต่ออร่าฝ่าทะลวงด้วยกองทัพทหารม้าเกราะหนัก มันไม่ง่ายอย่างที่คิดจริงๆ ถ้าสถานการณ์มันแย่ลงและคาดการณ์ผิดเพียงนิดเดียว พวกนั้นโดนกวาดล้างแน่นอน.”

 

หากจำนวนทหารมีไม่เท่ากันการทำแบบนี้อาจจะได้ผล และต้องชมเชยเหล่าทหารที่ได้รับการฝึกเหล่านั้นมาเป็นอย่างดี

 

หลังจากมารวมกลุ่มโดยไม่มีอะไรติดขัดแล้ว ก็มุ่งหน้าไปโดยไม่ต้องลังเลและทะลวงศัตรูจากภายใน เมื่อศัตรูมันตื่นตระหนกจะต้องถอยทัพกลับ ความเป็นผู้นำของออร่าเองก็เปี่ยมล้นเช่นกัน

 

นี่คือสิ่งที่สามารถพูดได้เพราะพวกเขาเป็นพันธมิตรกับฝั่งเรา แต่มีบางสิ่งที่ศัตรูไม่อาจต้านทานได้เช่นกัน

 

“พวกเขาจะชนะได้ไหม?”

 

“ถ้าทุกอย่างไปได้สวย ก็น่าจะเอาชนะได้.”

 

เขาไม่พูดถึงความกังวลของเขา อย่างน้อยตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พวกเขาจะมุ่งหน้าโจมตีค่ายหลักของศัตรูต่อไป กำจัดนายพลของศัตรูแล้วก็ถอยออกมา

 

สิ่งเดียวที่ต้องทำคือทำลายเหล่าทหารที่ไร้ซึ่งผู้นำที่ตกอยู่ในความตื่นตระหนก แต่มีบางอย่างที่ฮิโระกังวล

 

(กรณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของนายพลฝั่งศัตรูด้วย…)

 

ในอดีตเมื่อเขาใช้กลยุทธ์นี้มีนักรบอันแสนดุร้ายถูกเรียกกันว่า “ห้าขุนพลดำแห่งสวรงสวรรค์”เป็นเพราะอยู่ในระดับแนวหน้าของการต่อสู้ทำให้สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้

 

แต่ว่ามันจะมีรึเปล่าบุคคลที่เหี้ยมโหดเหมือนสัตว์ป่าเหล่านั้นในกองทัพออร่า

 

(นอกจากนี้…)

 

เขามองไปบนท้องฟ้า ความวิตกกังวลยิ่งเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เมื่อก่อนหน้านี้ ท้องฟ้าเริ่มเกิดฟ้าร้องและทำให้สนามรบมันเปียก

 

ทหารม้าเกราะหนักที่มีความคล่องแคล่วต่ำกว่าพลังทำลายล้างที่มีจะทำให้เสียเปรียบเพราะสภาพสมรภูมิรบ เมื่อฮิโระมองไปที่สนามรบ แนวฝั่งศัตรูถูกฉีกออกจากศูนย์กลางโดย “กองทัพอัศวินดำจักรวรรดิ” ที่นำโดยออร่า ชวนให้นึกถึงมังกรดำที่โผลบินขึ้นสู่สวรรค์ดึงดูดตาผู้ชม

 

“ลิซ ในระหว่างนี้ช่วยบอกคุณคิออร์กหน่อยได้ไหมว่าให้เตรียมตัวให้พร้อม?”

 

หากมีอะไรฉุกเฉินพวกเราควรรีบเข้าไปช่วยทันที ทุกคนล้วนแต่มีผิดพลาดกันได้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ หากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดพวกเราจะสังเกตเห็นได้ทันที ศัตรูที่เห็นโอกาสนั้นจะไม่พลาดเช่นกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากตายทั้งนั้น

 

“เอาล่ะ.”

 

ลิซพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร สถานะปัจจุบันของเธอนั้นไม่มีทางเลือก

 

“ขอบคุณนะ ฝากด้วยล่ะ.”

 

ฮิโระพึมพำขอบคุณก่อนที่จะมองเธอกลับไปหาคิออร์ก เมื่อเขาเงยหน้าเหนือศีรษะของเขาเห็นมวลท้องฟ้าที่เหมือนพายุจะเข้า

 

 

 

***

 

 

 

สนามรบตกอยู่ในความวุ่นวาย แม้ว่าจะเป็นช่วงเช้า แต่ดวงอาทิตย์ก็ถูกเมฆฝนบดบัง กองทัพในสนามรบถูกผลักดันด้วยกองทหารม้าเกราะดำที่ด้อยกว่าพวกเขาหลายเท่าตัว

 

เสียงเกือกม้าที่ดังก้องไปทั่วเหยียบย่ำศัตรู แถวเส้นตรงที่เดินทัพมาอย่างมุ่งมั่นเพื่อหวังจะถึงค่ายของศัตรูอย่างไรก็ตามความเร็วของมันค่อยๆตกลงเนื่องจากฝนเม็ดเล็กๆที่ตกลงมาในสนามรบ

 

ก่อนที่เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน ฝนจำนวนมากก็เริ่มทำให้กองทัพของ “อัศวินดำจักรวรรดิ”เริ่มสั่นคลอน

 

สปิตซ์ที่เป็นผู้บังคับบัญชาการผมสีน้ำตาลกับหัวหน้าผู้บัญชาการกำลังวิ่งไปด้วยกัน

 

“ท่านออร่าพวกเราควรทำยังไงดีครับ?”

 

“นายพลฝั่งศัตรูอยู่ตรงหน้าเรา พวกเราจะเด็ดหัวมันมาและหลบหนีไปยังป้อมเบิร์ก.”

 

“มีเพียงหนทางเดียวเหรอครับ…?”

 

“ไม่ต้องมุ่งมั่นถึงขนาดนั้น หากไปได้ไม่สวยพวกเราจะถอยทัพกลับทันที”

 

“ฮ่ะ!”

 

ออร่ามองไปที่ค่ายของศัตรูเพื่อค้นหาตัวนายพล ทัศนวิสัยเองก็ย่ำแย่เพราะฝนตก แต่เธอวิเคราะห์อย่างสิ้นหวังจากสายตาของเธอเพื่อค้นหาชัยชนะ

 

เธอไม่ได้ใส่ชุดเกราะให้ม้าด้วยซ้ำเมื่อพุ่งออกมาจากฐานที่มั่น และโฟกัสอยู่กับฝั่งศัตรู ทหารคนหนึ่งชี้ไปที่ตัวเธออย่างตื่นตระหนก ใบหน้าของทหารต่างดูน่ากลัวขึ้น ทหารที่เฝ้าดูเองก็เริ่มแสดงความดุร้ายออกมา

 

เธอโฟกัสจนทุกอย่างออกนอกสายตา――.

 

จากนั้นเธอก็เห็นมันในชั่วพริบตานั้น

 

“เจอแล้ว ตามฉันมา!”

 

ออร่าใช้เสียงที่ผิดปกติเล็กน้อย ไม่เพียงแค่นั้น เธอยกยังอาวุธภูติขึ้นงอย่างกล้าหาญและพุ่งนำทัพไป

 

สปิตซ์ที่ตกใจก็รีบตามไปอย่างรวดเร็วและไล่ตามออร่าสุดกำลัง

 

เขาเปลี่ยนจากดาบเป็นหอก

 

“อัศวินดำแห่งจักรวรรดิทุกนาย ตามท่านออร่ามา!”

 

เขาตะโกนเสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ อัศวินต่างตอบรับด้วยการโจมตีอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาสังหารทหารราบฝ่ายศัตรูที่อยู่รอบตัวเขาและก่อซากศพขึ้นไปบนท้องฟ้า ออร่ารู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณอันเร่าร้อนที่ตามหลังเธอมา

 

ตัวเธอที่ได้รับพรจากอาวุธภูติ ออร่า ตัดคอทหารที่ป้องกันนายพลเอาไว้ ทหารศัตรูเริ่มรักษาระยะห่างเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกม้าเหยียบตาย

 

พวกเขาเป็นทหารที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น เป็นเพียงพวกที่ข้ามพรมแดนมาเพื่อแสวงหาทาส พวกมันไร้ซึ่งอุดมการณ์และไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่มีที่ว่างให้กับคนแบบนี้ที่จะเหยียบดินแดนของจักรวรรดิ

 

“ข้าพเจ้าของอุทิศชัยชนะนี้แด่ฝ่าบาทชวาร์ตช.”

 

อาวุธภูติของออร่าเปล่งประกาย ใบหน้าของนายพลศัตรูเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความสิ้นหวัง คมดาบของอาวุธภูติที่ออร่าปล่อยออกมาตัดหัวนายพลของศัตรู ความรู้สึกน่าขนลุกผุดขึ้นที่มือของเธอ และในขณะเดียวกัน เธอก็ใช้จังหวะนี้พุ่งตัวออกไป

 

ร่างที่ใหญ่นั้นล้มลง ออร่าผู้สังเกตเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ชูอาวุธภูติขึ้นไปในอากาศ

 

“หัวนายพลของศัตรูหลุดออกจากบ่าเป็นที่เรียบร้อย สงครามสิ้นสุดลงแล้ว”

 

เสียงเชียร์ปะทะขึ้นจากพันธมิตรที่อยู่ด้านหลังเธอ และความปั่นป่วนก็ปรากฏขึ้นรอบตัวของศัตรูใบหน้าของออร่าที่ตึงเครียดมาจนถึงตอนนี้คลายลงด้วยความสุข

 

“ลอร์ดสปิตซ์ ไปเก็บหัวมันมา!”

 

ไม่มีประโยชน์ที่จะฆ่านายพลศัตรูเพื่อยุติสงครามนี้ หากการตายของเขาถูกปกปิด พวกเขาจะต้องจัดการกับทหารศัตรูเกือบหมื่นนาย พวกเขาต้องรีบเก็บหัวนายพลและแจ้งสถานการณ์ให้ทั้งสนามรบได้ทราบ

 

“หาาาา―!?”

 

ดวงตาของออร่าเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเธอหันหลังกลับ นี่เป็นเพราะนายพลที่ควรจะหัวขาดไปแล้วลุกขึ้นมาอย่างสงบพร้อมกับหยิบหัวของตัวเองขึ้นมา ร่างกายของออร่าเต็มไปด้วยความกลัว มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว เคลื่อนไหวได้ทั้งๆที่ไร้หัวเนี่ยนะ

 

ออร่าตัดสินใจอย่างรวดเร็วจากในหัว ว่า “ถอนตัว” ทันที คอของเธอแน่นขึ้นและเปล่งเสียงออกมาสุดเสียง

 

“ไวเคานต์ สปิตซ์ ถอนตัวเดี๋ย―?!”

 

ออร่าไม่สามารถตะโกนได้จนจบ เป็นเพราะนายพลฝั่งศัตรูนั้นกระโจนมาด้วยความโหดเหี้ยมใส่เธอ พร้อมอาวุธหน้าตาแปลกประหลาด เธอรีบนำอาวุธภูติเข้าต่อกรและขับไล่การโจมตีของฝั่งตรงข้ามซึ่งส่งเสียงแหลมสูง ร่างของออร่าปลิวไปในอากาศจากนั้นก็กลิ้งไปกับพื้น

 

ม้าของเธอหัวขาดพร้อมกับเกราะทั้งหมดล้มลงด้านข้าง มุมมองของชายที่จ้องออร่านั้นไม่คงที่ และเขาอ้าปากขณะที่มองดูความว่างเปล่า

 

“อย่ามาขวางทางกันนะไอ้เด็กเปรต!”

 

เขาเข้าใกล้ออร่าด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับดาบสุดแฟนตาซีในมือ

 

“ท่านออร่า!”

 

สปิตซ์รีบวิ่งเข้าไปและแทงหอกใส่ศัตรู แต่มันติดอยู่งที่สีข้างของชายคนนั้น

 

“หาาาาาา-!”

 

จากนั้นก็ถูกยกขึ้นสปิตซ์ล้มลงกับพื้นในขณะเดียวกันน้ำก็สาดไปทั่ว

 

“~~~~~?!”

 

นายพลฝั่งศัตรูกระแทกส้นเท้าของเขาใส่สปิตซ์ที่หอบหายใจลำบาก เลือดจำนวนมากพุ่งออกจากปากของสปิตซ์ ในขณะที่โดนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

เพื่อช่วยหัวหน้าผู้บัญชาการที่กำลังจะถูกฆ่าทหารเกราะหนักได้บุกเข้าโจมตี

 

“โอร่าาาาาาาาาาาา――!”

 

“ไอ้พวกหนอนแมลงเอ้ย!”

 

นายพลศัตรูแทงดาบของเขาเข้าไปที่ใบหน้าของทหารในพริบตา ทหารคนนั้นหมดสติล้มลงจากม้า ทหารหนึ่งนายตายและช่วยสปิตซ์ที่หมดสติลงไปได้ ฝนตกลงมาบนหน้าของเขาซึ่งมันเต็มไปด้วยเลือด

 

ตอนนั้นเองออร่าลุกขึ้นมาอย่างไม่มั่นคง แขนซ้ายของเธอซึ่งจับด้วยมือขวาที่ห้อยลงมา และเศษซากโคลนที่หยดออกจากข้อมือ แขนของเธอหัก สีหน้าของเธอนั้นแสดงให้ออกเห็นถึงความเจ็บปวดอันรุนแรง

 

“…อาวุธภูติ?”

 

ออร่ามองไปที่ดาบในมือของชายร่างใหญ่

 

(ถ้างั้นไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแน่?)

 

มันไม่มีพรจากภูติที่สามารถฟื้นฟูร่างกายของคนที่โดนตัดคอได้หรอกนะ หากมีอะไรแบบนั้น มันจะต้องเป็นดาบภูติในตำนานแน่นอน

 

(หรือแม้แต่สมบัติอันยิ่งใหญ่ทั้งห้าของมหาจักรวรรดิ ก็ไม่ได้ทรงพลังขนาดนี้)

 

ในขณะที่เธอกำลังคิดทหารศัตรูเข้าล้อมออร่า “อัศวินดำจักรวรรดิ” กำลังล้อมตัวเป็นวงกลมเพื่อข่มขู่ศัตรู แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้นาน ไม่ว่าจะเป็นคนที่เก่งกาจแค่ไหน แต่พวกเขาเคลื่อนไหวไม่ได้มากท่ามกลางสายฝน

 

นอกจากนี้ยังเสียเปรียบด้านจำนวน ไม่มีอะไรที่ล่าง่ายไปกว่าศัตรูที่รวมกันเป็นกลุ่มเดียว ข้อได้เปรียบที่เคยมีหายไปโดยสิ้นเชิง

 

นายพลฝั่งศัตรูขยับตาทั้งสองข้างแยกจากกันและมองไปรอบๆด้วยท่าทางน่าขนลุกทำให้ออร่ารู้สึกคลื่นไส้

 

“ดูจากทหารที่ไม่ทอดทิ้งแกแล้ว แกจะต้องเป็น “เทพธิดาแห่งสงคราม”ใช่ไหม?”

 

ริมฝีปากสีม่วงของนายพลฝั่งศัตรูแยกเป็นรูปจันทร์เสี้ยวและฟันโผล่ออกมาให้เห็น

 

“ฟุฟุ น่าเสียดายที่แกไม่ใช่ไทป์ที่ข้าชอบซะด้วย แต่ข้าจะเอากลับไปด้วยก็ได้ ข้าเองก็ไม่ใช่ปีศาจหรอก ไว้ข้าจะปล่อยตัวเจ้าในภายหลังๆจากที่เจ้าทำเงินได้มากพอล่ะนะ.”

 

เมื่อนายพลศัตรูโบกอาวุธภูติ คมดาบตัดผ่านอากาศและทำให้เลือดหลั่งไหล

 

“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!?”

 

ทหารที่ยืนหยัดต่อต้านนายพลศัตรูอย่างกล้าหาญถูกฆ่าตาย

 

“หลังจากที่หารของพวกแกถูกใช้เป็นของเล่น เมื่อนั้น!”

 

เพื่อช่วยเหลือนายเหนือหัวของพวกเขา “อัศวินดำแห่งจักรวรรดิ”ก็เข้าหาศัตรูไม่ยอมให้แตะต้องออร่า ด้วยจิตวิญญาณเช่นนั้น พวกเขาเข้าโจมตีด้วยความโกรธ

 

“ได้โปรดรอสักครู่ พวกเราจะเบิกทางให้ท่านได้หนีสุดชีวิต!”

 

“ช่างกล้าเสียเหลือเกินนะ ใครอยากตายก็ดาหน้าเข้ามาเลย ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งขึ้นเพราะอาวุธภูติ.”

 

ออร่าไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเพราะคำพูดของนายพลฝั่งศัตรู แม้ว่าอาวุธภูติจะมอบพรให้แก่ผู้ถือครอง แต่พลังที่รู้สึกได้นั้นมันไม่ใช่มาจากอาวุธภูติไหนๆที่เธอเคยรู้จัก

 

อย่างไรก็ตามฉากที่ไม่น่าเชื่อปรากฏตรงหน้าของออร่า แม้ว่าข้อมือจะถูกตัด แขนจะขาด หัวจะหลุดจากบ่า แต่มันก็ไม่มีผลเลยสักนิด

 

“โอร่าาาา เข้ามา เข้ามา มีใครจะเอาชนะข้าได้งั้นเรอะ!”

 

“อย่าถอยหลังกลับ พวกเราจะทำให้แน่ใจว่าช่วยเทพธิดาของเราไว้ได้!”

 

ลูกน้องของออร่ายังสู้ต่อไปเปล่งเสียงอย่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าสหายจะถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี

 

“เซอ้ากกกกกกกกกกกห์!”

 

“ฮ๊ากกกกกกกกกกกห์”

 

ทหารคนสุดท้ายถูกแทงอกและตกลงจากม้า

 

“ฟุวะฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันได้เหงื่อดีจริงๆ.”

 

นายพลศัตรูเงยหน้าขึ้น ส่ายไหล่และเริ่มหายใจเข้า มีกองศพจำนวนมากอยู่ข้างๆซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า “อัศวินดำจักรวรรดิ”ถูกกำจัดจนหมดสิ้น บาดแผลของนายพลฝั่งศัตรูที่ควรถึงแก่ชีวิตก็สมานลงอย่างง่ายๆ

 

ออร่าชี้ไปที่อาวุธภูติของนายพลศัตรูและถามออกมา

 

“…อาวุธบ้านั่นมันมอบพลังอะไรให้กับแกกันแน่”

 

“หมายถึงเจ้าอาวุธภูตินี่น่ะรึ?”

 

ไม่เคยมีการกล่าวถึงว่าราชอาณาจักรลิชไทน์ค้นพบหินภูติ เหตุผลเดียวก็เพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นทะเลทราย แม้จะมีโอเอซิสงดงามหลายแห่ง แต่สถานที่ๆเหล่าภูติควรจะสถิตย์อยู่ก็ถูกมนุษย์แย่งชิงไปหมดแล้ว

 

สำหรับภูติที่ชอบความวงบไม่มีอะไรนอกจากความเจ็บปวดสำหรับพวกเขา เหนือสิ่งอื่นใดภูติไม่ชอบบรรยากาศมืดมนถูกเอาเราเอาเปรียบเรื่องทาส

 

บางทีอาจจะซื้อมาจากประเทศอื่น แต่ราชอาณาจักรลิชไทน์มีงบมากขนาดนั้นเลยเหรอ เหตุผลก็คือหินภูติหนึ่งก้อนก็ทำให้มนุษย์คนหนึ่งอยู่ได้ทั้งชีวิตแบบฟุ่มเฟือย

 

อาวุธภูตินั้นเป็นของใช้สิ้นเปลืองไม่นานวันมันก็พังลง พวกมันจะพังได้หลังผ่านการต่อสู้มาสักสองสามศึก หากถูกหลอมแบบผิดๆก็ไม่ต่างอะไรจากหินธรรมดา

 

แม้ว่าพลังของหินภูติจะน่าสนใจ แต่การปรับปรุงอุปกรณ์ทางการทหารจะได้ผลมากกว่าที่จะทุ่มงบให้คนๆเดียว ดังนั้นแม้ในมหาจักรวรรดิแกรนท์ ที่ยิ่งใหญ่ คนที่มีสิทธิ์ถือครองสิ่งเหล่านั้นมีเพียงราชวงศ์เท่านั้น

 

“แม้ว่าจะสนใจว่าแกได้อาวุธภูติมาได้ยังไง แต่สิ่งที่ฉันกังวลใจมากกว่าคือ “พลัง” ที่แก่ได้รับ.”

 

“อย่ามาพูดอะไรไร้สาระน่า แกจะได้ประโยชน์อะไรจากการซื้อเวลาครั้งนี้?”

 

“นี่ไม่ได้ตระหนักถึงสภาพของตัวเองจริงๆเหรอ? แม้ว่าจะรู้ตัว ก็ไม่คิดว่ามันผิดแปลกไปหน่อยเหรอ?.”

 

“ข้าไม่มีเวลามาพูดคุยกับเจ้าหรอกนะ ถ้ายังพล่ามมากอีก เดี๋ยวก็ฆ่าซะหรอก และมองไปรอบๆทหารของแกกำลังจะตายจนหมด!”

 

พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นความโกลาหลเพราะ “อัศวินดำจักรวรรดิ”เริ่มถูกลากลงจากม้า พวกเขาพยายามดิ้นรนแต่อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า พวกเขาถูกล้อมและถูกฆ่าเป็นคนๆ เลือดจำนวนมากหลั่งไหลจนพื้นที่ย้อมไปด้วยสีแดง

 

“อีกไม่นานก็ถึงเวลาที่แกจะได้ใช้ปากนั่นด้วยความสุข ข้าจะเล่นกับเจ้าจนกว่าจะถึงตอนนั้น!”

 

นายพลศัตรูเหวี่ยงดาบใส่ออร่า ออร่าตั้งรับด้วยอาวุธภูติในมือของเธอ แต่ร่างเล็กๆนั่นก็ถูกซัดปลิวไป เธอล้มลงกับพื้นจากนั้นนายพลศัตรูก็แทงเธอจากด้านข้าง

 

ก่อนที่เธอจะคำรามปากของเธอก็โดนยัดไปด้วยโคลนและยังคงกลิ้งไปบนพื้นสองสามครั้ง เมื่อธอหยุดอยู่กับพื้นเธอก็เกือบจะตายไปแล้ว

 

“อ๊ากกกกกกกก…”

 

ลูกน้องของเธอยังต่อสู้ดิ้นรน เธอไม่สามารถยอมแพ้ได้ง่ายๆ มันเป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอ เมื่อเธอพยายามลุกขึ้นก็สูญเสียแรงที่ข้อศอก

 

ขณะที่หน้าเธอจุ่มลงไปในทะเลเลือด ออร่าสังเกตเห็นสิ่งที่ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ

 

เธอกำลังร้องไห้? เธอคิด แต่เธอไม่สามารถบอกได้เพราะฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง นายพลฝั่งศัตรูเข้ามาใกล้ คว้าผมของออร่าให้เงยหน้าขึ้น

 

“อะไรกันโดนแค่นี้ก็จะหมดสติแล้วเรอะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดูจะมีความสุขเกินไปไหม? จากนี้แกจะกลายเป็นของเล่นให้กับผู้ชายนับพัน.”

 

“………………”

 

“ไม่ต้องห่วง พวกข้าจะปฏิบัติกับเจ้าอย่างอ่อนโยนเพื่อให้สามารถเรียกร้องเงินค่าไถ่ได้ ดังนั้นพวกเราจะเล่นกันแบบพอดีๆ ไม่เอาเจ้าถึงตายหรอก.”

 

“………………”

 

ออร่าไม่พูดอะไร เธอแค่หันไปมองรอบๆ เมื่อนายพลศัตรูปล่อยมือของเธอ ศีรษะของออร่าก็กระแทกลงไปในโคลน จากนั้นก็โดนเมินหยิบอาวุธภูติของออร่าที่ตกอยู่ใกล้ๆ

 

“ข้าจับตัว “เทพธิดาแห่งสงคราม” และได้อาวุธภูติมาถึงสองชิ้น พี่ชายที่โง่เง่าของข้าได้เสียหนึ่งในนั้นไป แต่มันก็เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์”

 

เขาไม่ทันได้สังเกตเห็น ไม่สิ ไม่มีทางสังเกตเห็นหรอก

 

“ต้องขอบคุณหมอนั่นจริงๆ.”

 

นายพลศัตรูกางแขนราวกับแสดงความยินดี ในขณะเดียวกันอาวุธภูติของออร่าก็ตกลงพื้นพร้อมข้อมือของเขา

 

“หืมมม ? อะไรกัน?”

 

เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากจุดที่ข้อมือได้หลุดออก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใส่ใจ สายตาของเขาถูกดึงดูดไปยังอาวุธภูติชิ้นเดียวที่ปรากฏต่อหน้าเขา

 

“…นั่นมันอาวุธภูติที่ข้ามอบให้พี่ชายของข้า ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่?”

 

มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นเบื้องหลังนายพลศัตรูที่กำลังประหลาดใจ มีแสงสีขาวคดเคี้ยวผ่านสนามรบที่เต็มไปด้วยกองทัพขนาดใหญ่

 

ราวกับว่ามันกำลังบินผ่านท้องนภาและ “มัน” กำลังเข้าใกล้นายพลฝั่งศัตรู มันคู่ควรกับชื่อสายฟ้าแลบ ไม่มีคำอื่นที่เหมาะกว่านี้อีกแล้ว

 

ความเปล่งประกายของดาบที่ถูกชักออกมาตัดผ่านความมืดมิดและความสิ้นหวังที่หยุดนิ่ง――,

 

――ทันใดนั้น “สายฟ้าสีขาว” ได้จุติลงบนพื้นดิน

 

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset