Part 4
(อืมจะโน้มน้าวเธอยังไงดีนะ)
ออร่าเป็นคนหัวแข็ง แต่เธอก็มีสามัญสำนึกในหน้าที่อันซื่อตรงและแน่วแน่ ฮิโระยิ้มเจื้อนๆขณะที่ถอดเครื่องแบบลงตะกร้า
(ถึงกระนั้นก็ตกใจนิดหน่อยนะว่ามีโรงอาบน้ำในที่แบบนี้.)
โรงอาบน้ำนั้นตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของหอคอยป้อมปราการเบิร์ก ดูเหมือนว่าจะถูกใช้โดยเหล่าหัวกะทิขึ้นไป ยิ่งไปกว่านั้นมีน้ำพุร้อนผุดออกมาจากใต้ดินด้วยเรียกว่าเป็นออนเซ็นของแท้
หลังจากชำระล้างร่างกายและแช่ตัวในน้ำร้อนแล้ว ฮิโระถอนหายใจด้วยความชื่นชม――.
“หวาาาา ไอน้ำเต็มไปหมดเลยแฮะ”
“ดูร้อนดีเนอะ”
ฮิโระได้ยินเสียงหญิงสาวที่คุ้นเคย ฮิโระสั่นไหล่และหันหลังกลับไปมอง ไม่ใช่แค่ลิซที่่เปลือยเปล่าแต่ออร่าก็เช่นครับ (T/N: FBI OPEN UP)
“เป็นยังไงบ้างคะ น้ำไม่ร้อนเกินไปใช่ไหม?”
ลิซเข้ามาใกล้อย่างมีความสุข
“…..”
ออร่าแก้มแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นฮิโระ
“อืมนั่นสิน้าาาา พวกเราต้องล้างร่างกายก่อนลงแช่น้ำฟูว้าาาาาาาาาา~.”
ลิซก้มลงวางมือลงในอ่างและเริ่มเทน้ำร้อนลงบนร่างของเธออย่างสุขสันต์
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กันได้เนี่ย?”
“ก็ฉันอยากจะอาบน้ำนี่ไม่ได้อาบมาหลายวันแล้วนะ.”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นเซ่ สิ่งที่ชั้นหมายถึงน่ะ ทำไมพวกเธอต้องเข้ามาตอนที่ชั้นใช้ด้วย.”
“เอ๋ ไม่เห็นเป็นไรเลยก็อยากมาแช่น้ำอุ่นๆกับนาย.”
เขารู้สึกเหมือนว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายอีกแล้ว นี่เธอไม่มองเขาในฐานะเพศตรงข้ามเลยเหรอ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ ออร่าหน้าแดงก่ำเลย เธอพยายามปกปิดร่างกายด้วยท่าทางอันสิ้นหวัง
“เอ่ออ ออร่าเองก็อยากแช่น้ำด้วยกันเหรอ?”
ฮิโระพยายามเรียกเธอ แต่ไม่มีคำตอบกลับมา ลิซกำลังย่างเข้ามาในอ่าง
“หืมมมมมมมม รู้สึกดีชะมัดเลยยย~.”
และเมื่อเธอขยับมาข้างๆฮิโระเธอก็เทน้ำร้อนใส่เขาและหยอกล้อเขา ไม่ว่าจะมีไอน้ำมากแค่ไหนสิ่งที่เห็นได้มันก็ได้เห็นอะนะ
“ออร่าเองก็มาด้วยสิ มันรู้สึกดีมากเลยนะ”
ออร่ามองไปที่ลิซด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ แต่เธอตัดสินใจกระโดดเข้าอ่างอาบน้ำในัทนที
“เฮ้ย อย่างน้อยก็ล้างตัวก่อนสิ!”
ลิซเธอนี่น้า
(ถ้าลิซเปรียบเสมือนแมว ออร่าก็เหมือนสุนัข.)
ฮิโระคิดขณะที่น้ำสาดกระจายไปทั่วอ่าง
***
วันต่อมา อย่างที่คาดไว้ ไม่สามารถโน้มน้าวออร่าได้ ฮิโระและคนอื่นๆก็ยอมแพ้และอยู่บนหลังคาของหอคอยป้อมปราการ
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆพวกเขาสามารถมองสนามรบได้อย่างทั่วถึง แต่แสงแดดที่ร้อนจัดก็เป็นข้อเสีย พวกเขามีเหงื่อปกคลุมไปทั่วร่าง ฮิโระเปลี่ยนความสนใจมองลงจากด่านฟ้าไปยังจัตุรัสกลางและเห็นทหารม้าสามร้อยนายและทหารราบเจ็ดร้อยนายเรียงกันอยู่
หากมีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาคงพร้อมที่จะออกไปช่วยในทันที อีกด้านหนึ่งมีกองทัพสองพันนายที่นำโดยออร่าในรูปแบบที่แปลกประหลาด
“นี่ แบบนั้นจะไม่เป็นไรจริงๆเหรอ…?”
ลิซเปล่งเสียงออกมาด้วยความกังวล
“ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเรายังอยู่ที่นี่ต่อนะ”
“ไม่หรอก คิดแบบนั้นผิดมหันต์เลย ป้อมปราการที่มองจากภายนอกก็รู้แล้วว่าใกล้แตก มันต้านศัตรูไว้ได้ไม่นานมันก็พังลง”
“ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ควรรอให้กองทัพจักรวรรดิที่สี่มาถึงก็ได้นี่”
“แบบนั้นมันยากเกินไป พวกเราไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นจะโผล่มาตอนไหน การไม่คาดหวังถึงมันจะเป็นการดีที่สุดนะ”
“งั้นเหรอ~…”
ลิซดูเศร้าๆเพราะความผิดหวัง แต่เธอก็เงยหน้าขึ้นมาทันที
“ถ้างั้นพวกเราก็ไปแจมกับออร่า ฉันคิดว่าอย่างน้อยพวกเราก็น่าจะมีโอกาสชนะบ้าง.”
“ไม่ได้หรอกพูดถึงทักษะการรบแล้วทหารของมาร์เกรฟกรินด้าและทหารของออร่าฝีมือต่างกันเกินไป ถ้าไปก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วง แต่ถ้าปล่อยให้พวกเขาสู้ด้วยกำลังของตัวเองอาจจะเสียหายน้อยกว่า.”
“ซับซ้อนจังเลยนะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก หากมีทหารจำนวนพอกันมันก็ง่ายๆ แต่ครั้งนี้มันต่างกันหลักพันเลยน่ะสิ.”
แม้มันจะเป็นอะไรที่บ้าบิ่นมากที่จะเอาชนะทหารหนึ่งหมื่นสองพันนายด้วยทหารสองพันคน หากผู้บัญชาการไร้ความสามารถคงโดนกวาดล้างในทีเดียว
แต่เมื่อฮิโระมองกลยุทธ์ที่ออร่าใช้ มุมปากของเขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ทหารสองพันคนทั้งหมดประกอบด้วยทหารเกราะหนัก ตั้งแถวในแนวนอนฝั่งละห้านายและมีทหารอีกหนึ่งร้อยนายเรียงเป็นแถวตอนหนึ่ง และสามคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขา รวมถึงกองกำลังหลักห้ารอยคนเรียงตอนหนึ่ง
หากบุกเข้าชาร์จก็เป็นคนที่โง่เง่าแล้วล่ะถ้าใช้กลยุทธ์นี้…
(อย่างนี้นี่เอง กลยุทธ์ตรีศูล…)
เมื่อเห็นกลยุทธ์เก่าๆ ฮิโระก็รู้สึกได้ว่าเขากลับมาที่อเลเทียจริงๆ สนามรบเริ่มเคลื่อนไหวจากป้อมปราการ
***
จากเหนือจรดใต้ ทหารม้าดำสองพันนายค่อยๆเดินหน้าอย่างช้าๆ พวกเขาคือ “อัศวินดำแห่งจักรวรรดิ” นำโดยออร่าซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นผู้บัญชาการชั้นยอดของกองทัพจักรวรรดิที่สาม
ม้าที่ถูกห่อหุ้มด้วยเกราะทำให้เกิดฝุ่น มันถูกห่อหุ้มไว้อย่างสมบูรณ์ด้วยเหล็ที่แข็งแรง ร่างของอัศวินสวมชุดเกราะสีดำหนักล้วนมีขนาดใหญ่เหมือนกับหมีขี่ม้า
ด้วยลมที่พัดธงตราสัญลักษณ์ดาบและโล่ก็โบกสะบัดในพื้นหลังสีม่วง
เสียงตะโกนกู่ก้องไปทั่วสนามรบความตึงเครียดถูกปลดปล่อยออกมาจากฝั่งศัตรู มันไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่น ออร่าที่อายุสิบเจ็ดปีเป็นถึงเสนาธิการของกองทัพจักรวรรดิที่สามและเป็นที่รู้จักกันในนาม “เทพธิดาแห่งสงคราม” ไม่มีใครในทวีปกลางที่ไม่รู้จักเธอ
กองกำลังศัตรูทิ้งพลธนูไว้ที่แนวหน้าเพื่อรอให้กองทัพของอัศวินดำเข้ามาใกล้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของพวกเขา โดยธรรมชาติแล้วศัตรูของพวกเขาประกอบด้วยทหารม้าหนึ่งนาย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นทหารม้าเกราะหนักที่ไม่มีความคล่องตัว
ลูกธนูจำนวนมากพุ่งออกจากคันศรและปิดกั้นวิสัยทัศน์โดยรอบในทันทีไม่มีทางรู้เลยว่าฉากข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ออร่ายิ้มขณะเธอยื่นมือซ้าย เสียงกลองดังกระหึ่มและกองทัพทั้งหมดก็หยุดลงลูกธนูตกลงแถวหน้ากองทหารม้าแต่ไม่โดนใคร
“เอาล่ะได้โอกาสแล้ว แนวหน้าบุกทะลวง.”
เธอยกมือขวาขึ้นบนท้องฟ้าและเหวี่ยงลง เสียงกลองดังขึ้นสามครั้งเป็นการให้จังหวะ และแนวหน้าก็ควบม้าออกจากถิ่นตรงนี้
หน่วยทหารทั้งห้าที่เรียงกันอยู่ในแนวหตั้งกระจายออกเพื่อสร้างรอยแยกห้าเส้น ธนูถูกยิงจากฝั่งศัตรู แต่เป้าหมายนั้นคลาดเคลื่อนและส่วนใหญ่ก็ลงพื้นพลาดเป้า
จากนั้นพวกนั้นก็เล็งไปที่ม้า แต่ม้าเองก็ใส่เกราะหนักเช่นกัน ไม่มีทางอื่นนอกจากเล็งไปที่ดวงตาหรือเท้า แต่หัวหน้าฝ่ายศัตรูกำลังสับสน และการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มมั่ว
“ท่านออร่า กระผมได้ส่งต่อคำสั่งไปให้กับหัวหน้าหน่วยแต่ละนายแล้ว.”
ข้างๆออร่ามีสปริตซ์ที่ข้าม้าอยู่
“ถ้างั้นก็เดินทัพต่อไปโดยไม่ให้ศัตรูสังเกตเห็น”
“ฮ่ะ!”
สปิตซ์ชูสองนิ้วขึ้นและโบกแขนไปทางด้านข้าง หัวหน้าหน่วยแต่ละคนก็ยืนยันคำสั่งและแนวหลังก็เริ่มรุกคืบ ความจริงที่ว่าพวกเขาสวมชุดเกราะหนักและสวมเกราะให้ม้าไม่ใช่ว่าจะไม่โดนลูกธนู
อย่างน้อยก็โดนเข้าสองสามลูก ทีมรุกคืบสองสามทีมล้มลงกับพื้นและกลายเป็นเป้าหมายของลูกธนูฝั่งศัตรู เมื่อเห็นแบบนั้นออร่าก็หงุดหงิด
“พวกเราจะดำเนินแผนขั้นต่อไป เตรียมสัญญาณกลองให้ดี.”
“ฮ่ะ!”
สปิตซ์ยกแขนขวาขึ้นและทหารม้าที่อยู่ด้านหลังก็เตรียมกลอง
“พวกเราจะเป็นฝ่ายบุกก่อนพวกนั้นจะสงบสติอารมณ์ได้.”
ออร่ากางแขนขวาออกไปด้านข้าง กลองถูกตีออกมาสองครั้งและธงสองธงชักชูขึ้นฟ้า จากนั้นทั้งสองหน่วยก็รวมตัวกันและเริ่มวิ่งเป็นวงกลมไปทางปีกซ้ายของศัตรู
หากพวกเขาสามารถเบี่ยงเบนความสนใจและสร้างความสับสนของทหารศัตรูไปยังปีกขวา
“ต่อไป.”
ออร่ากางแขนซ้ายของเธอออกไปด้านข้าง กลองถูกตีขึ้นสองครั้งและธงสี่ธงก็ยกขึ้น อีกสองหน่วยรวมตัวกันและมุ่งไปยังปีกขวาของศัตรู
“จบกันที”
แขนยาวๆปลิวไสวไปตามสายลมในขณะที่ออร่าจับมือเข้าหากัน ก็มีการตีกลองห้าครั้งและชูธงห้าธง
“จัดการพวกมัน.”
หน่วยสุดท้ายพุ่งเข้าใส่ศูนย์กลางของศัตรูในขณะเดียวกันการโจมตีจากปีกซ้ายและปีกขวาก็เริ่มต้นขึ้น กองกำลังศัตรูพยายามให้พลธนูมาจับดาบแต่ก็ไม่ทันการและตกเป็นเหยื่อของหทารม้าติดหอก
ออร่ามองเห็นโอกาสนี้ ศัตรูกำลังสับสนอยู่
“กองกำลังทั้งหมดบุกเต็มกำลัง.”
เธอชักดาบที่เอวออกมาและชูมันขึ้นสู่สรวงสวรรค์ อาวุธภูติสะท้อนเปล่งประกายในแสงแดด เมื่อเห็นร่างของเทพธิดาแห่งสงคราม สปิตซ์ก็ชักดาบออกมาและชูมันขึ้นไป
“ทุกหน่วยบุกเต็มกำลัง นำชัยชนะมาแด่เทพธิดาแห่งสงครามของผองเรา!”
“โอ้ววววววววววววววววววว!!”
ทหารม้าเกราะหนักต่างขานรับและกระหน่ำโจมตีใส่ศัตรูด้วยหอกและโล่ เมื่อได้ยินเช่นนี้สปิตซ์ก็รีบวิ่งไปที่แนวหน้าและทหารม้าห้าร้อยนายจากด้านหลังก็สร้างแรงกดดันใส่ศัตรู
ปีกซ้ายและปีกขวา เช่นเดียวกับแนวหน้า ถูกเว้นระยะห่างจากกองทัพหลักเป็นวงกลมเพื่อทำการโจมตีแบบก้ามปู (T/N:ให้นึกภาพตรีศูลเอาไว้ตอนแรกเรียงแถวเป็นหนึ่งแล้วค่อยๆแตกออกไปด้านข้างล้อมรอบจนกลายเป็นรูปหอก หากตัดตรงกลางที่เป็นตัว I ออก ก็จะเรียกว่าเป็นการโจมตีแบบก้ามปู)
ทหารม้าหนึ่งพันห้าร้อยนายกำลังพุ่งเข้าใกล้ ทหารศัตรูแนวหน้าที่เริ่มจะตระหนักตัวได้ แต่ถึงกระนั้นฝ่ายศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าการจะส่งข่าวก็จะล่าช้าไปด้วย
――เปร้ง
ทหารศัตรูหลายคนต่างโชว์จุดอ่อนให้เห็นโดยที่กองทัพก้ามปูเริ่มที่จะกัดกินพวกเขาไปทีละนิด ทหารฝั่งศัตรูถูกบดขยี้ไปเรื่อยๆและเลือดกระเซ็นยับ
คราวนี้ก็เหลือที่กองทัพส่วนกลางจะเป็นฝ่ายกดดันแนวหน้าของศัตรูและปีกทั้งสองข้างศัตรูก็พังทลายลงเข้าร่วมกับกองกำลังหลัก
“เดินหน้าต่อไปๆยังแนวหน้าของศัตรูทั้งแบบนี้ ————-ฮะ!?”
สปิตซ์ตะโกนแล้วมองไปรอบๆข้างด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“สปิตซ์ถ้านายผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว ได้ตายกันหมดแน่เข้าใจไหม?”
นั่นเป็นเพราะออร่าที่ควรจะอยู่ที่แคมป์หลัก เธอนำมาอยู่ทัพหน้า
“ทำอะไรครับเนี่ย แนวหน้ามันอันตรายนะครับ!”
“ฉันมีอาวุธภูติอยู่ ดังนั้นฉันแข็งแกร่งกว่านายอีกนะ.”
“ก็จริง แต่ เราไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรอยู่ข้างนอก ท่านรีบกลับไป――.”
สปิตซ์หันหลังกลับและสังเกตเห็นว่าฝ่ายตัวเองเริ่มโดนล้อมแล้ว แม้ไม่มากนัก แต่สำหรับออร่าตัวคนเดียวก็ฝ่าไม่ไหว ปีกซ้ายและปีกขวามารวมกันแล้วสิ่งที่เหลือคือตรงบุกเต็มกำลัง
“อย่างทิ้งกันนะ อย่าทิ้งกันเด็ดขาด!”
มาได้ไกลถึงขนาดนี้แล้วพวกเขามีแต่ต้องฟันฝ่าไป นอกจากนี้ ขวัญกำลังใจพวกเขาน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
เทพธิดาแห่งสงครามอยู่กับเรา ไม่มีทางที่พวกเราจะแพ้ ทหารเหล่านั้นได้รับความสุข ในเวลานั้น แก้มของออร่าโชกไปด้วยเหงื่อ และเธอเงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมกับขมวดคิ้ว
“…ท่าจะแย่แล้วไงล่ะ”
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้ามาจนถึงตอนนี้เริ่มถูกบดบัง ลมอุ่นๆที่พัดพากลิ่นซากศพและสัญญาณของฝนที่กำลังจะตกลง