[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 10 Chapter 3 เบิกเนตร Part 3

ตอนที่ 10 Chapter 3 เบิกเนตร Part 3

Part 3  

“แน่ใจเหรอครับไปบอกลาเขาแบบนั้น?”

 

ทริสถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

 

“อืม มันเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก ไม่จำเป็นต้องให้ฮิโระมามีส่วนร่วมเช่นนี้”

 

เขาเป็นคนที่ชอบธรรมในตัวเองไม่ว่าจะไปที่แห่งไหน เขาก็คงจะสู้ตราบจนวินาทีสุดท้าย นั่นเป็นเหตุผลที่เธออยากให้เขามีชีวิตอยู่ ความเมตตานั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถใช้ที่นี่ได้

 

“พวกมันมากันแล้ว!!”

 

เมื่อลิซตะโกนใส่มวลสีดำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า มันก็ย้อมท้องฟ้าจนมีแต่หมอกควัน วิธีที่มันตกลงมาเหมือนกับห่าฝนที่ถล่มลงมา

 

“ย่อตัวลงและยกโล่ขึ้น”

 

“โอ้วววว!”

 

ทันใดนั้นลูกธนูหลายพันลูกก็ตกลงสู่พื้น เสียงคำรามครอบงำทั้งสนามรบราวกับว่ามีก้อนลูกเห็บตกลงมา ลูกธนูจำนวนมากทะลุโล่ของทหารราบเกราะหนัก

 

“สร้างแนวป้องกัน!”

 

ลิซกระโดดลงมาและให้คำแนะนำ จากนั้นทหารราบหกคนที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารราบเกราะหนักผลักโล่และเตรียมพร้อมสำหรับศัตรูที่พุ่งมาจากด้านหน้า

 

ตอนนี้สนามรบที่พวกเรารบกันอยู่คือผืนดินแคบๆระหว่างหน้าผาทั้งสองด้าน

 

――สิ่งแรกที่ต้องทำคือใช้ข้อดีของพื้นที่เพื่อเอาชนะด้านจำนวนของอีกฝั่ง แม้ว่าจะมีสามพันนาย แต่ก็ไม่สามารถข้ามผ่านหน้าผาเล็กๆได้

 

ดังนั้นจึงกลายเป็นการต่อสู้ทางจุดยุทธศาสตร์ ลิซขว้างหอกใส่ศัตรูที่กำลังเข้ามาใกล้

 

“อ๊ากกกกกกกกกห์!”

 

แม้ว่ามันจะโดนเป้าหมาย แต่ศัตรูใหม่ก็ก้าวข้ามศพมา

 

“พลธนู ยิงได้!”

 

ทันทีที่ดาบภูติจักรพรรดิเพลิงฟาดไปในแนวตั้ง ลูกธนูที่ยิงในระยะประชิดก็เข้าเป้าทุกนัด

 

แนวหน้าของศัตรูกลายเป็นซากศพ ขัดขวางการเข้ามาและทำให้ทหารศัตรูในแนวหลังล้มลง อย่างไรก็ตาม การกระทืบพวกเขาลงไป ทหารศัตรูเองก็เริ่มจะเสียการทรงตัว

 

“โอ้ววววววววว!”

 

เสียงตะโกนดั่งก้องไปทั่วอากาศทำให้แก้วหูสั่นสะเทือน

 

“เจ้าหญิง ถอยออกมาครับ!”

 

ทหารราบเกราะหนักกัดฟันแน่นขณะที่เกร็งแขนการเปลี่ยนทิศทางของลมทำให้ฝุ่นปกคลุมเหล่าทหาร ครู่ต่อมาก็เกิดการปะทะกัน

 

“ฮ๊ากกกกกกกกกกห์!”

 

หลังจากฝุ่นที่ถูกพัดมาด้วยแรงลม ลิซตวัดดาบภูติจักรพรรดิเพลิงไปรอบๆเพื่อกำจัดฝุ่น ในขณะนั้นเองศัตรูก็โถมเข้ามาโจมตีพร้อมๆกัน

 

เมื่อลมอันรุนแรงพัดผ่านทำลายวิสัยทัศน์ สภาพแวดล้อมตรงหน้าลิซก็เต็มไปด้วยซากศพ ห่างออกไปไม่ไกลมีทริสที่กำลังฆ่าศัตรูด้วยหอก

 

“เจ้าหญิง ท่านอยู่ไกลเกินไปแล้ว รีบกลับมาเร็วเข้า!”

 

“แค่นั้นมันไม่ไหวหรอก เดี๋ยวฉันจะจัดการศัตรูตรงนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

 

ศัตรูเข้าหาลิซและขณะที่ผลักศัตรูลงจากทางเดินแคบๆ

 

“อุว๊ากกกกกกกกกห์!”

 

“ไม่มีทางที่การโจมตีแบบนั้นจะมาถึงตัวฉันหรอก.”

 

“อ๊ากกกกกกกกห์!”

 

เธอฟันทหารเหล่านั้นด้วยดาบในมือของเธอ

 

“กร๊อดดดดดดดดดด!”

 

“ก๊าซซซซซซซซซซซ!”

 

เซอร์เบอรัสเองกระโดดเข้างับคอศัตรู กระโดดใส่ศัตรูทีละคนเพื่อล่าเหยื่อ ขนสีขาวของเซอร์เบอรัสเปลี่ยนเป็นสีแดงในพริบตา

 

ลิซใช้ขาขวาเป็นศูนย์กลางพร้อมกับฟาดฟันดาบภูติจักรพรรดิเพลิงไปทางซ้าย

 

“ฟิ้ววววววววว!”

 

เธอฟันแขนของศัตรูที่พยายามเข้ามาจากด้านหลังเธอ

 

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!”

 

เธอเพิกเฉยต่อพวกปลาสิวปลาสร้อย เธอแทงศัตรูที่เข้ามาในระยะและฆ่าพวกมันอย่างไร้ความปราณี เธอใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์สังหารพวกเขา

 

“อั่กกกกกกกกก!”

 

ในที่สุดเธอก็ตัวหัวศัตรูที่เสียแขนข้างหนึ่งไป

 

“ฉันจะเป็นคนซื้อเวลาให้เอง.”

 

เปลวไฟออกมาจากคมดาบสีแดงเข้มและกลืนกินพื้นที่

 

“อ๊ากกกกกกกกกกกกก!”

 

“เฮ้ยถอยเร็ว”

 

ทันทีที่กดดันศัตรูด้วยเปลวเพลิงทำให้ศัตรูส่วนใหญ่ต้องล่าถอยเพราะเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ จนกลิ่นเหม็นไหม้กระจายไปทั่ว

 

ลิซวิ่งฝ่าวงล้อมและฆ่าศัตรูที่ขวางทางเธอและกลับไปรวมกลุ่ม เมื่อเธอมาร่วมกลุ่มกับทริส เส้นทางที่เต็มไปด้วยซากศพก็ถูกสร้างขึ้นมา

 

“องค์หญิงได้รับบาดเจ็บไหมครับ?”

 

“เฮ้อฉันไม่เป็นไรหรอก ยังมีศัตรูอีกมากมาย เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับศึกถัดไป”

 

มีเวลาคิดเพียงเล็กน้อย ลิซก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงฮิโระ มันเป็นการจากลาที่แย่มาก เมื่อเธอนึกถึงใบหน้าอันแสนเจ็บปวดของฮิโระ เธอก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก ถ้าเธอได้พบเขาอีกครั้ง เธออยากจะขอโทษเขาจากใจจริง แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะมาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้การต่อสู้มันยังไม่จบ

 

(สงครามมันเพิ่งจะเริ่ม…)

 

ลิซหัวเราะเช่นนั้นพร้อมกับลูบหัวเซอร์เบอรัส เธอตัดสินใจว่าเธอจะเอาชีวิตรอดต่อไปยังไง

 

“ศัตรูบุกเข้ามาแล้ว!”

 

“ไปเตะก้นพวกมันให้ลงนรกกันไปเลย พลธนู ยิง ทหารราบเกราะหนัก เดินหน้า!”

 

แถวแรกของทหารราบเกราะหนักเคลื่อนที่ไปพร้อมกับโล่โดยไม่มีช่องว่างให้แทรก ตรงระหว่างช่องว่างของโล่มีพลธนูเล็งเป้าหมายไปทางศัตรู ศัตรูที่เห็นเช่นนั้นก็ต่างพากันตกใจ แต่ว่าพวกนั้นก็ยังรุดหน้ามาต่อ เพราะถ้าหยุดเดินก็จะโดนพันธมิตรที่อยู่ด้านหลังเหยียบย่ำเป็นบันได

 

เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน ทหารราบเกราะหนักยังคงรักษาแนวป้องกัน ในขณะที่มีหองสีเงินซัดฝ่ายศัตรูที่พยายามเข้ามา สุดท้ายก็เป็นเหล่าทหารราบเกราะหนักปลิดชีพศัตรู

 

เมื่อทหารเห็นกองทัพศัตรูพังทลายลงก็เปิดแนวป้องกัน ลิซ ทริส และทหารราบเกราะเบาก็บุกเข้าโจมตี กำจัดศัตรูที่ได้รับบาดเจ็บ และตัดกำลังรบจำนวนมาก

 

ในขณะเดียวกัน ทหารราบเกราะหนักแถวที่สองก็เข้าร่วมด้วย

 

“ได้เวลาโต้กลับ !”

ไม่มีอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าที่ผู้บัญชาการรบออกไปสู้แนวหน้าด้วยตัวเองอีกแล้ว ในความเป็นจริงไม่มีความกลัวอยู่บนหน้าของพวกเขา พวกเขาเพียงแค่อยากจะปกป้องเทพธิดาองค์นี้

 

แม้ว่าจะเสียเปรียบด้านจำนวน แต่พวกเขาก็แสดงความมุ่งมั่นอันกล้าหาญ จากมุมมองของศัตรูแล้วไม่มีอะไรลำบากไปกว่าการเจอทหารที่มีใจสู้

 

อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่น่ากลัวสำหรับพวกเขาก็คือไม่รู้ว่าจะถูกศัตรูล้อมรอบเมื่อไร

 

“…ไม่มีทาง.”

 

ลิซสังเกตเห็นและพึมพำขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ใบหน้าเธอซีด เพราะทหารราบเกราะเบาเริ่มเคลื่อนพลไปข้างหน้าโดยทิ้งผู้บัญชาการไว้เบื้องหลัง

 

ทริสที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงหันกลับมาด้วยความสงสัย

 

“องค์หญิงได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึครับ!” (T/N: ขอสลับไปใช้องค์หญิงบ้างนะครับเพราะพิมพ์ง่ายกว่า)

 

“ทริส ข้างบน”

 

เสียงนั้นตะโกนก้องราวกับกรีดร้อง

 

“เร็วเข้ารีบตั้งโล่เร็ว เซอร์เบอรัสมานี่!”

 

เธอกอดเซอร์เบอรัสด้วยมือซ้ายและโบกแขนขวาเพื่อส่งสัญญาณให้พันธมิตรยกโล่ขึ้นตั้งรับ แต่ก็สายเกินไปแล้ว ทหารราบเกราะเบาต่างจ้องมองไปที่ท้องฟ้าด้วยความงุนงง  

 

ไม่กี่นาทีต่อมา ลูกธนูจำนวนมากก็ลอยมา การโจมตีของศัตรูไม่สนว่าจะโดนพันธมิตรหรือไม่เป็นเหมือนการกวาดล้างฝ่ายตัวเองไปในตัว ทำให้สนามรบวุ่นวายไปหมด ลูกธนูปักเต็มพื้นและกระจายไปทั่วทั้งสนามรบ จำนวนมันเยอะมากจนไม่รู้ว่าโดนมิตรหรือศัตรูไปกี่คนแล้ว

 

ความจริงที่ว่าไม่มีใครเคลื่อนไหวหมายความว่าทหารราบเกราะเบาสันนิษฐานได้ว่าถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น

 

“องค์หญิงไม่เป็นไรนะครับt?!”  

 

ลูกธนูสองสามลูกปักหลังของทริส แต่จากการเคลื่อนไหวดูจะไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงหนัก สถานการณ์รบเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและทหารราบเกราะหนักก็เข้าใจว่าสถานการณ์รบเริ่มหนักหน่วง

 

ทริสตะโกนก้องเพื่อให้กำลังใจเหล่าทหาร

 

“เหล่าทหารราบเกราะหนักรวมกำลังตั้วขบวนรบใหม่ เสริมความแข็งแกร่งไปทางด้านหน้าและยับยั้งศัตรูที่รุกรานเข้ามา!”

 

“ฮ่ะ!”

 

เขาลืมความเจ็บปวดที่แล่นผ่านหลังและออกคำสั่งและวิ่งเข้าไปหาลิซ

 

“พวกเราไม่ทันตั้งตัวเลย…”

ลิซแสดงสีหน้าเจ็บปวด และเธอดึงลูกศรที่ปักแขนซ้ายของเธอมาด้วยมือขวาโยนทิ้งไป ขณะที่เซอร์เบอรัสมองเลือดที่ล้นออกมาอย่างกังวล ลิซก็ลูบหัวเพื่อปลอบใจ ทหารราบเกราะหนักเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้าและสร้างกำแพงเหล็กอย่างรวดเร็ว

 

“พวกเราต้องรักษาเขาทันที…”

 

“ไม่ต้องแค่พันแผลก็พอ ไม่เป็นไรหรอก นอกจากนี้กังวลเรื่องความเสียหายมากกว่า…”

 

“ฝากให้คนอื่นจัดการทีนะ.”

 

“หัวหน้าทริส!”

 

หนึ่งในทหารราบเกราะหนักเข้ามาขัดจังหวะ ทริสหันหลังกลับไปด้วยความโกรธที่โดนขัดจังหวะ

 

“มีอะไร?!”

 

“ศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวแปลกๆครับ!”

 

เส้นเลือดปรากฏขึ้นบนหน้าผากของทริส เพราะรายงานมันดูไร้จุดหมายเกินไป

 

“ลงรายละเอียดให้มันชัดเจนหน่อยสิวะ!”

 

“แต่ว่า ดูนั่นสิครับ!”

 

ทหารชี้ไปยังฉากที่เข้าใจได้ยาก ทหารจักรวรรดิสองร้อยคนเรียงรายเป็นแถว แขนของพวกเขาถูกมัดไว้รอบหลัง

 

ชายคนหนึ่งจางกองกำลังศัตรูก้าวมาข้างหน้าผ่านช่องว่าง

 

“ชื่อของข้าคือ ไวน์ นาร์เมล ลิชไทน์(Vile Narmel Lichtine) และมีสิ่งน่าสนใจให้พวกแกได้รับชม.”

 

“มันคิดจะทำบ้าอะไร…”

 

ชายคนนั้นดึงดาบออกมาจากเอว และวางมันไว้บนไหล่ของทหารจักรวรรดิที่บังคับให้ก้มศีรษะอยู่ ทันทีที่ดาบเหล่านั้นฟาดฟัน ศีรษะของทหารจักรวรรดิก็กลิ้งไปตามพื้น

 

ชายคนนั้นเตะซากศพที่ตายไปแล้วและมองไปทางลิซด้วยรอยยิ้มบนมุมปาก

 

“โอ๊ะ องค์หญิงลำดับที่หกนี่! หากเจ้ายอมจำนนอย่างเงียบๆ ข้าจะหยุดการประหารชีวิตเจ้าพวกนี้ หากคิดขัดขืน ข้าจะตัดหัวพวกมันทั้งหมดทิ้ง!”

 

“มึงล้อกันเล่นใช่ไหมฮะ.”

 

ทริสที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ ลิซฟังอย่างเงียบๆ ราวกับเธอจะร้องไห้

 

“ข้าไม่สนใจหรอกว่าจะต้องทำวิธีไหนเพื่อให้ได้ตัวเจ้ามา ข้าจะจับเจ้ามาเป็นทาสของข้าให้ได้ และข้าจะคอยเอ็นดูตั้งแต่เช้าจรดเย็น แม้ในยามค่ำคืน ข้าก็จะไม่ให้เจ้าพักเลยล่ะ!”

 

หัวของทหารจักรวรรดิถูกตัดออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันเป็นการแสดงปาหี่ที่ทำให้เหล่าทหารเสียกำลังรบ

 

“เอาล่ะเลือกซะสิ ! องค์หญิงลำดับที่หก เซเลีย เอสทรีย่า!”

 

ดาบเปื้อนเลือดส่องประกายท่ามกลางแสงแดด

 

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset