[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก 1 ปฐมบท

ตอนที่ 1 ปฐมบท

เสียงเชียร์ดังล้อมรอบชายหนุ่ม ทุกเสียงเชียร์ต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความยินดี เสียงของเหล่าผู้คนที่ดังกึกก้องอยู่ทั่วลานกว้างพระราชวัง ไม่มีอะไรนอกจากรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา ทุกคนต่างจับจ้องมาทางชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนระเบียง

 

ประเทศที่เคยถูกต้อนจนมุมจนเกือบจะถูกทำลายล้างไปแล้ว ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณเขาคนนี้ที่ฟันฝ่าความสิ้นหวัง สถานการณ์อันแสนยากลำบากจนพลิกกลับมาชนะได้

 

“…เจ้าจะกลับไปจริงๆยังงั้นเหรอ?”

 

ชายหนุ่มแสดงความลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าพร้อมแสดงท่าทีเศร้าโศก

 

“…อืม แม้ว่าจะเสียใจ แต่ยังไงก็ต้องกลับไปน่ะ.”

 

ชายหนุ่มคนแรกและคนสุดท้ายที่เป็นดั่งสหายคู่ใจของกษัตริย์คนนี้ กษัตริย์พระองค์นี้มิเคยมีเพื่อนร่วมรบและเพื่อนที่ไว้วางใจได้เท่าเขาคนนี้อีกแล้ว หากใช้คำพูดคำจาตามปกติกับราชวงศ์ก็คงต้องโทษประหารชีวิตได้ง่ายๆ

 

“ข้าหวังว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้ซะอีกนะ เจ้าเป็นถึงวีรบุรุษของประเทศเรา ข้าจะเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้ตามที่เจ้าต้องการ ประเทศของเราจะมั่นคงยิ่งขึ้นไปหากมีเจ้าอยู่ ถึงกระนั้นก็ยังจะกลับไปงั้นเหรอ?”

 

“ถ้าแบบนั้นมันก็ไม่ควรมีชั้นอยู่ในสมการที่ว่าเลยสักนิด นายก็รู้นี่ว่า สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจและบริหารการเมืองภายในประเทศ นายจะต้องมีลูกน้องที่มีหัวคิดมากกว่าตัวชั้นที่เป็นได้เพียงแค่ดาบไว้ปกป้องผู้คน ตอนนี้สิ่งที่นายต้องทำที่สุดคือกำจัดพวกข้าราชการเห็นแก่ตัวให้หมดไป.”

 

เมื่อชายหนุ่มพูดเช่นนั้น ความขมขื่นก็แสดงออกทางสีหน้าของกษัตริย์

 

“เจ้าจะไปจริงๆรึ?”

 

“อืม.”

 

“…เข้าใจแล้ว”

 

พวกเขาร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน ความอัปยศอดสูที่โดนกดขี่มานั้นไม่ธรรมดา เขาก็เป็นแบบนี้อยู่เสมอ เป็นชายที่ดื้อรั้นและจะฝ่าฟันทุกสถานการณ์เพื่ออนาคตที่ดีที่สุด ต่อสู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขจนสามารถกอบกู้ประเทศของตัวเองจากเพื่อนบ้านที่รุนรานมาได้ด้วยกัน เขาเป็นสหายร่วมรบ เพื่อนที่ดีที่สุด และครอบครัวที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้ พวกเขาสองคนต่างรู้ไส้รู้พุงกันจนหมด

 

ความรู้สึกของชายหนุ่มนั้นไม่สั่นคลอน กษัตริย์องค์นี้จึงได้ยื่นมือไปข้างหน้าและมอบสิ่งหนึ่งให้กับเขา “ถ้าอย่างนั้น อย่างน้อยเจ้าก็รับสิ่งนี้ไว้เถอะ.”

 

กษัตริย์คนนั้นได้ยื่นไพ่สีขาวธรรมดาใบหนึ่งให้กับชายหนุ่มคนนั้น เขารับมันด้วยท่าทางสงสัยจากนั้นกษัตริย์องค์นั้นก็ยิ้มติดตลก

 

“ถ้าเจ้าไม่ต้องการ งั้นก็จงอยู่ที่นี่ซะ.”

 

“ฮะฮ่า อย่ามาพูดบ้าๆน่า แต่ว่าเจ้านี่มันไพ่อะไรกันเนี่ย ชั้นไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะ.”

 

“ในไม่ช้าก็เร็วนี้เจ้าจะได้พบกับคำตอบ จากที่ข้าได้ยินมาดูเหมือนว่าเจ้าจำเป็นจะต้องใช้สิ่งนี้ในโลกแห่งนั้น”

 

เมื่อพูดจบเช่นนั้น เขาก็เดินสวนทางกันกับชายหนุ่มคนนั้น ขณะที่กษัตริย์คนนั้นเดินจากไปเรื่อยก็หยุดตรงหน้าเขาและพูดข้างหู

 

“ถึงเวลาที่ข้ากับเจ้าต้องบอกลากันแล้วเหรอเนี่ย ข้าล่ะไม่ชอบเรื่องราวอันแสนขมขื่นแบบนี้เลยนะ?”

 

ทั้งสองต่างลังเลไปชั่วครู่ก่อนที่จะบอกลากันอีกครัง

 

“…เฮ้อ ข้าไม่ไปส่งเจ้าหรอกนะ รักษาสุขภาพด้วยล่ะ.”

 

“อืม นายเองก็ด้วยล่ะ ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดีๆที่ได้ใช้ร่วมกัน”

 

“อืม ข้าเองก็มีความสุขเช่นกัน”

 

และแล้วเรื่องราวของวีรบุรุษก็มาถึงจุดจบ――.

 

—————————————————————————————————————————

 

“――ชั้นเองก็เคยฝันเห็นอะไรแบบนี้สินะ.”

 

ชายหนุ่มที่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง คือ โอกุโระ ฮิโระ

 

ปีนี้เขาก็ย่างเข้าอายุสิบเจ็ดปีแล้ว เป็นนักเรียนปีสอง ของโรงเรียนมัธยมปลายที่พบได้ทั่วไป

 

“งั้นเหรอ… ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ.”

 

ฟุคุทาโร่ เพื่อนสมัยเด็กของฮิโระรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เขาได้ยิน แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นนักเรียนม.ปลาย ปีสอง แต่ร่างกายของฟุคุทาโร่ใหญ่กว่าฮิโระมาก

 

“ไม่เชื่อชั้นล่ะสิท่า?”

 

“มันก็แค่ความฝันไม่ใช่เหรอไง? ถึงจะเชื่อก็ทำอะไรไม่ได้นี่?”

 

“เอ่อ อืมนั่นสินะ.”

 

เมื่อคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น ก่อนที่บรรยากาศจะอึดอัดไปกว่านี้ ฮิโระตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง

 

“เอ่อ ชั้นได้ยินมาจากแม่นายว่า นายได้รับการทาบทามจากมหาวิทยาลัยใช่ไหม?”

 

ยัยแก่นั่น….หลังจากฟุคุทาโร่พูดแบบนั้นก็ยักไหล่และพูดด้วยความสับสนเล็กน้อย

 

“แต่ว่านี่ก็เพิ่งจะเข้าม.ปลายเองนะเห้ย.”

 

“ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนี่ ก็เอ็งมันตัวท็อปของชมรมจูโดไม่ใช่เหรอไง.”

 

“มันเร็วเกินไปน่ะสิโว้ย…ฟิลลิ่งวัยรุ่นม.ปลาย ชั้นยังไม่ได้ลิ้มรสเลยจะให้โดดไปเด็กมหาลัยแล้วงั้นเรอะ”

 

หลังจากเกาหัวแกรกๆ ฟุคุทาโร่ก็มองฮิโระ

 

“เออช่างเรื่องของชั้นเถอะน่า แล้วเอ็งล่ะไม่คิดจะกลับไปเข้าชมรมบ้างรึไง?”

 

“เอ็งก็รู้นี่หว่า หมอบอกว่าชั้นห้ามทำกิจกรรมที่ใช้แรงน่ะ.”

 

หลังจากได้ยินคำพูดของฮิโระ ฟุคุทาโร่ก็มองมาด้วยความเป็นห่วง

 

“เรื่องราวมันก็ผ่านมาตั้งสามปีแล้วนะ ถึงเวลาแล้วรึยังที่เอ็งจะออกกำลังกายแบบเบาๆได้แล้วน่ะ แล้วผลวินิจฉัยเมื่อวานว่าไงบ้างล่ะ?”

 

มีเหตุผลที่ว่าทำไมหมอถึงวินิจฉัยอาการของฮิโระ

 

เมื่อสามปีก่อน ฮิโระมีส่วนเกี่ยงข้องกับเหตุการณ์ลึกลับ จนกระทั่งวันก่อนเกิดเหตุเขาดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปสุขภาพแข็งแรง แต่ในวันรุ่งขึ้นเมื่อแม่ของฮิโระมาปลุกเขา ก็ต้องกรีดร้องเพราะพบลูกชายของเธอนอนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าพร้อมกับกล้ามเนื้อที่แน่นขึ้น

 

ถ้าแค่นั้นมันยังคงดีไปด้วยซ้ำ แต่ร่างกายของเขาเปรอะเปรื้อนไปด้วยโคลนและผมของเขาก็ยาวขึ้นภายในวันเดียว จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

 

ผลการวินิจฉัยคือ : ไหล่เคลื่อน กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกแตกสองสามจุด และแม้ว่าแผลฉีกขาดจะได้รับการดูแลรักษาแต่การเย็บแผลนั้นก็ทำให้เขามีรอยเย็บที่ต้องมีติดตัวไปตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีผลตรวจว่ามีเชื้อปนเปื้อนอยู่หลายครั้งและเข้ารักษาที่ห้องฉุกเฉิน

 

โชคไม่ดีสำหรับพ่อและแม่ของเขา ตัวเขาสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านั้นทั้งหมดและที่โรงพยาบาลก็ได้มีการวินิจฉัยว่าเกิดจากได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง พวกเขาต่างถูกสอบปากคำเกี่ยวกับลูกชายของตัวเองและได้รับบาดแผลทางใจมากมาย

 

“อืมมันก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย.”

 

ความทรงจำของเขาไม่เคยกลับมา แต่ถ้าพูดถึงด้านร่างกายของเขาเพียงอย่างเดียว แพทย์ที่รับผิดชอบบอกว่าช่วงนี้เขาสามารถออกกำลังกายหนักๆได้เป็นช่วงเวลาหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความลับบางอย่าง ฮิโระไม่เข้าร่วมชมรมเลย แม้แต่หมอก็ไม่ทราบเหตุผลเหล่านั้น จนกระทั่งสามปีต่อมา ผลที่ตามมาก็คือยังเป็นเหมือนเดิมและเมื่อเขาตระหนักถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา

เขาไม่อยากให้เพื่อนสนิทและครอบครัวต้องกังวลอีกต่อไป

 

“งั้นเหรอ ขอโทษด้วยนะ…”

 

ฟุคุทาโร่เงียบไปชั่วครู่หนึ่งบางทีอาจจะกังวลที่ตัวเองไร้ความรู้สึก แต่ครั้งต่อไปเขาก็พูดออกมาว่า

 

“แต่ตอนนั้นน่าตกใจมากเลยนะ เอ็งเหมือนคนละคนเลยอะ แม้แต่ผมที่ยาวของแกก็กลายเป็นเหมือนดั่งนักรบ.”

 

“บอกตามตรงตอนนั้นมันยาวถึงเอวชั้นเลย แม่เองก็ตกใจมาก.”

 

“แถมร่างกายหลังจากวันนั้นแกก็ดูล่ำขึ้นอย่างบอกไม่ถูกทำอะไรฟะวันนั้น?”

 

“อ๋อพอดีชั้นมีสกิลพิเศษเมื่อนอนหลับเป็นเวลาหนึ่งวัน ก็กลายเป็นสูตรโกงเดินได้ซะแล้ว”

 

“ไอ้บ้าเอ้ยยยยยยยย!”

 

ฟุคุทาโร่หัวเราะและพยายามผลักฮิโระ ในตอนนั้นเองก็รู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างอยู่ในใจเขาฮิโระหลบหมัดของฟุคุทาโร่โดยไม่รู้ตัวโดยขยับตัวไปด้านซ้าย ไม่เพียงแค่นั้นยังกระทืบพื้นและกระโดดเตะยอดอกของฟุคุทาโร่ด้วย

 

”…อย่างที่คิดเลยร่างกายแกมันตอบสนองเร็วจนผิดปกติเลยเห้ย.”

 

และริมฝีปากของฟุคุทาโร่ก็สั่นโดยตื่นตระหนก กำปั้นของฮิโระวางอยู่บนคางของฟุคุทาโร่

 

“…อะเอ่อ ขอโทษนะ!”

 

เขารีบถอยกลับ――.

 

“หืม?”

 

ฮิโระสังเกตเห็นว่าบางสิ่งมันแปลกไป ฟุคุทาโร่ตัวแข็งทื่อไม่ขยับ

 

“หืมมม?……นี่เอ็งทำบ้าอะไรของเอ็งเนี่ย?”

 

ฮิโระยิ้มอย่างขมขื่น ดูเหมือนจะเจอมุขตลกที่แม้แต่เด็กปัจจุบันเขาก็ไม่ทำกันแล้ว เขาโบกมือต่อหน้าฟุคุทาโร่ แต่เขาก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

 

“เฮ้อช่างมันเถอะ ถ้ามัวแต่เล่นเดี๋ยวก็สายเอาหรอกนะ”

 

เขาพยายามสลัดความหงุดหงิดที่มีอยู่ในใจทิ้งไป แต่มันก็ไม่ได้ผล

 

“จะทำบ้าๆแบบนั้นไปอีกนานแค่ไหน หัดละอายใจตัวเองบ้างสิ”

 

จากนั้นฮิโระก็มองไปรอบๆและเห็นภาพแปลกๆตรงหน้า

 

――ทั้งโลกนั้นหยุดลง

 

ไม่เพียงแค่ฟุคุทาโร่ที่หยุดเคลื่อนไหว แม้แต่คนที่สัญจรไปมาก็หยุดเคลื่อนที่แม้แต่อีกาที่อยู่บนกองขยะ แมวที่กำลังขู่นักเรียนประถม จอฉายภาพที่ค้างอยู่หน้าเดิม แม้แต่เมฆบนท้องฟ้าก็ไม่เคลื่อนไหว

 

ทิวทัศน์ในชีวิตประจำวัน ทุกอย่างล้วนหยุดลง

 

“……..หาาาา”

 

ฮิโระไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า มันไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไป ทุกอย่างหยุดลงจากนั้นเขาก็พยายามเข้าหานักเรียนหญิงที่อยู่ใกล้ๆ

 

“นี่มันล้อกันเล่นรึเปล่าเนี่ย?”

 

ได้แต่ถามแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา แต่คิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรอีก

 

“…..”

 

ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่ได้คำตอบกลับมา เมื่อคิดดูแล้วมันก็ไม่น่าจะใช่ปรากฏการณ์ที่จะแกล้งกันเล่นใส่นักเรียนม.ปลายเพียงคนเดียว

 

“ก่อนหน้านั้น มีเหตุผลอะไรให้ทำแบบนั้น?”

 

ไม่ว่าจะมองไปรอบๆมากแค่ไหน ทุกอย่างก็หยุดนิ่ง

 

“เหอะ เหอะ นี่มันบ้าอะไรกัน?”

 

ตอนนี้หัวของเขาเริ่มโล่ง เท้าของเขาเริ่มไม่มั่นคง และหัวใจก็เต้นเร็วขึ้น เขาต้องทำอะไรบางอย่าง

 

ความวิติกกังวลพุ่งทะยานเหนือตัวเขาและน้ำตาเริ่มไหล

 

(ในเวลาแบบนี้ชั้นต้องทำยังไง?)

 

หัวใจของชั้นมันกำลังกรีดร้องให้กับการต่อสู้ที่ผ่านมามากมาย

 

(นายจะพูดยังไงถ้าเห็นชั้นอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชขนาดนี้?)

 

จะหัวเราะและปลอมโยนกันรึเปล่า? หรือจะเยาะเย้ยตัวชั้นที่่มันน่าสมเพช

 

(นี่ชั้นกำลังพูดอยู่กับใคร? ไม่รู้เลย———————–ตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังคิดอะไรอยู่)

 

ราวกับว่าอาการง่วงนอนเข้าหาเขา วิสัยทัศน์ของฮิโระเริ่มจางหาย

 

――หากมีข้อสงสัย จงพึ่งพาข้า ข้าเองก็จะพึ่งพาเจ้า ท้ายที่สุดแล้วเราก็เป็นสหายร่วมรบกัน

 

ชั้นจำเสียงนายได้ ใบหน้าของนาย คำพูดของนายเคยพูดกับชั้น และเรื่องราวมันกำลังประติดปะต่อกันอย่างรวดเร็ว

 

――บางครั้งเจ้าก็เป็นพี่ชายบางครั้งเจ้าก็เป็นน้องชาย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเรายังเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ

 

คนที่อาศัยอยู่ที่โลกแห่งนั้น เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่ชั้นรู้จัก

 

――จงหาหนทางรอด ขอความช่วยเหลือ ไม่มีอะไรที่เจ้าต้องละอายใจ

 

(แต่ว่านายเองก็ไม่ได้อยู่ที่โลกนั้นอีกต่อไปแล้ว แล้วชั้นจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร?)

 

ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง และกลับมายังโลกปัจจุบัน

 

มันจะดีเหรอที่ชั้นจะต้องค้นหาทางอยู่รอดแบบนั้น? คำถามดังกล่าวเข้ามาในใจเขา

 

――ชั้นจะไปกับนาย พวกเราเผชิญความยากลำบากมากมายในอนาคต แต่จะไม่มีใครทลายสายสัมพันธ์ของเราได้

 

ทันทีที่ชายหนุ่มคนนั้นปรากฏตัวขึ้น ฮิโระก็หมดสติในทันที

 

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

[LN] เรื่องเล่าขานตำนานวีรบุรุษต่างโลก

Score 10
Status: Completed
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกขนานนามกันว่า “วีรบุรุษแห่งสงคราม.” ณ ต่างโลกที่ซึ่งถูกเรียกว่า อเลเทีย ชายหนุ่มที่ช่วยอาณาจักรที่กำลังจะล่มสลายโดยประเทศข้างเคียง ได้ทำการเข้ากอบกู้และก่อตั้งจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาและทิ้งมันเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังและกลับโลกที่เขาจากมา เหลือทิ้งไว้ความทรงจำ สามปีผ่านไป ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันก็ถูกเรียกกลับไปต่างโลกอีกครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สิ่งที่รอเขาอยู่คือ อเลเทียในอีก 1,000 ปีข้างหน้าเสียแล้ว ชายหนุ่มที่เคยรุ่งโรจน์ได้กลายเป็น “เทพนิยาย”ที่ถูกเล่ากันเป็นตำนานในฐานะ “คู่หูราชาวีรบุรุษทมิฬ”

Options

not work with dark mode
Reset