「……….」
──หลังการเปิดใช้วิวรณ์บทที่ 1 ผ่านไปประมาณ 3 นาที
คุโรเอะขมวดคิ้วทำสีหน้าตึงเครียด แล้วลดมือที่ยื่นออกไปข้างหน้าลง
ในเวลาเดียวกัน ตราสัญลักษณ์ที่คอก็เลือนหายไป
「รู้อะไรขึ้นมาหรือเปล่าครับ คุโรเอะ」
「…..ค่ะ ยืนยันร่องรอยพลังเวทย์ของท่านไซกะเรียบร้อย สถานที่เกิดเหตุคือตรงนี้ไม่ผิดแน่ ถึงจะเป็นวิวรณ์บทที่ 4 ที่ใช้สร้างโลกขนาดเล็ก ก็ต้องมีจุดเริ่มต้นอยู่ในโลกที่แท้จริงค่ะ」
คุโรเอะตอบคำถามของมุชิกิ
แต่ว่า ทั้งสีหน้าและคำพูดนั่น ไม่สามารถเรียกได้ว่าชัดเจน
「──แต่ว่า กลับไม่สามารถตรวจสอบพลังเวทย์อื่นได้ค่ะ แน่นอนว่า ยืนยันมานาอ่อนๆที่แจกจ่ายจากโลกได้ แต่ร่องรอยระดับที่ทำให้คิดว่าใช้วิวรณ์บทที่ 4 น่ะ…..」
「เอ…..เพราะคนร้ายลบร่องรอยของตัวเองเหรอครับ หรือว่าจริงๆแล้วไม่ได้ใช้วิวรณ์บทที่ 4 กันแน่…..?」
พอมุชิกิถาม คุโรเอะก็ลูบค้างแล้วตอบกลับ
「ที่คิดได้ก็คงเป็นอย่างแรก…..ล่ะมั้งค่ะ เดาจากสถานการณ์คงคิดเป็นอย่างที่สองลำบากค่ะ แต่ว่า ใช้พลังเวทย์ระดับที่สามารถสร้างวิวรณ์บทที่ 4 แล้วยังสามารถลบร่องรอยจนถึงระดับที่ไม่สามารถตรวจสอบได้…..แล้วยัง──มีเรื่องน่าสงสัยอีกเรื่องค่ะ」
「เรื่องน่าสงสัยเหรอครับ?」
「ค่ะ ──ร่องรอยพลังเวทย์ของท่านไซกะน่ะ เข้มข้นอย่างน่าประหลาดค่ะ จนคิดได้แต่ว่า──ตั้งใจปล่อยให้ท่านไซกะใช้วิวรณ์บทที่ 4 เลยล่ะค่ะ」
「…..เอ๊ หรือก็หมายความว่า คุณไซกะใช้วิวรณ์บทที่ 4 เพื่อต่อสู้กับอีกฝ่ายแล้วแพ้ จากนั้นอีกฝ่ายก็ลบร่องรอยของตัวเอง──? 」
「เรื่องนั้นเป็นไปไมได้หรอกค่ะ」
คำพูดของมุชิกิ ทำให้คุโรเอะที่พยายามหลีกเลี่ยงคำตอบจนถึงตอนนี้ ส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
「ท่านไซกะที่กางวิวรณ์บทที่ 4 แล้วน่ะ ไม่มีทางแพ้ได้อย่างแน่นอนค่ะ」
「นั่นมันก็…..ใช่อยู่หรอกครับ」
พอนึกถึงตอนที่ต่อสู้กับอัลเวียต และกวาดล้างฝูงปัจจัยแห่งการสูญสลาย มุชิกิก็มีเหงื่อซึมออกมา
「แต่ว่า…..ถ้างั้นมันเกิดอะไร」
「…..นั่นสินะคะ ถ้าจะเป็นไปได้ละก็──」
แล้วในวินาทีนั้น
「────มุชิกี่──! คุโรเอะะะะะะะ────!」
ที่ด้านหลัง──จากทางสวนสาธารณะ เสียงฝีเท้ากระหึ่มพร้อมกับเสียงตะโกนก็ลอยเข้ามา
「เสียงนี่มัน…..รูริ?」
「……….!? ท่านแม่มด!?」
ในตอนที่มุชิกิหันกลับไป รูริก็มาอยู่ด้านหลังแล้ว พอเห็นร่างของมุชิกิ──ของไซกะก็ตกใจ ใช้ส้นเท้าเหยียบพื้นเบรกกระทันหันหยุดที่ตรงนั้น ที่ใต้เท้าของรูริมีรอยเบรกจางๆ แถมยังควันขึ้นนิดหน่อยด้วย
「ได้มาพบกันในที่แบบนี้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ! วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ ท่านแม่มด!」
พอรูริเข้ามาทำความเคารพอย่างตื่นเต้น มุชิกิก็ยิ้มให้อย่างคลุมเครือแล้วตอบกลับ
「อะ อา──เดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศนิดหน่อยแหละนะ แล้วรูริมาทำอะไรล่ะ?」
พอมุชิกิถาม รูริก็สะดุ้งเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
「จริงสิ…..! ท่านแม่มด เห็นท่านพี่กับคุโรเอะแถวนี้บ้างไหมคะ!? …..อ๊ะ เรียกว่าท่านพี่คงไม่รู้สินะคะ……แบบว่า เด็กผู้ชายที่ดูเหมือนจะถูกคุโรเอะโจมตีค่ะ! สะกิดสัญชาตญาณความเป็นแม่ เห็นแล้วรู้สึกทนไม่ไหว ประมาณนั้นน่ะค่ะ! 」
「เอ๊ะ? อา…..คือว่า」
ดูเหมือนว่าจะมาตามหาทั้งสองคน มุชิกิไม่รู้จะตอบยังไง จึงหันไปทางคุโรเอะ
แต่ว่า ที่ๆคุโรเอะยืนอยู่จนถึงเมื่อกี้กลับไม่มีใครอยู่ แต่ว่าแทนที่ตรงนั้น ใต้เงากำแพงที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย สามารถยืนยันร่างของคุโรเอะได้ ดูเหมือนจะรู้สึกตัวก่อนว่ารูริกำลังมา แล้วรีบหนีไปซ่อนตัว
เป็นการตัดสินใจที่รวดเร็ว จริงอยู่ที่หากคุโรเอะที่ควรไปห้องน้ำกับมุชิกิมาอยู่กับไซกะ คงจะกลายเป็นเรื่องซับซ้อนน่าดู
「…..、……….」
คุโรเอะ ทำท่าทีกวัดแกว่งมือไม้บอกไบ้มุชิกิ รู้สึกเหมือนจะบอกว่า『กลบเกลื่อนไปก่อนค่ะ』
「ถ้าคุโรเอะละก็ เมื่อกี้เห็นอยู่นะ อา…..รู้สึกเหมือนจะบอกว่า ห้องน้ำสวนสาธารณะคนเยอะ เลยจะไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆน่ะ…..?」
「…..! จะ จริงหรือคะ!?」
พอมุชิกิให้คำตอบที่เหมาะสมกลับไป รูริก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนโล่งอก
「อะไรกัน…..คิดมากไปเองเหรอ…..ฉันมั่นใจว่า…..」
「มั่นใจว่า?」
「อ๊ะ มะ ไม่ค่ะ! ไม่มีอะไรค่ะ!」
รูริหน้าแดงขึ้นแล้วส่ายหน้าไปมา
มุชิกิหันไปทางคุโรเอะอีกที พอทำอย่างนั้น คุโรเอะก็สะบัดร่างกายและมือไม้ไปมาอย่างเว่อวัง คราวนี้รู้สึกจะบอกว่า 『เดี๋ยวจะกลับไปรวม ช่วยซื้อเวลาให้หน่อยค่ะ』ล่ะมั้ง
ดูเหมือนจะมีสิ่งที่อยากตรวจสอบเพิ่มอีก
「คือว่า──รูริ ถ้าไม่ว่าอะไร ช่วยเป็นเพื่อนคุยให้ฉันสักพักนึงได้หรือเปล่านะ?」
「เอ๊ะ!? จะ จะดีหรือคะ!?」
「อา เดินจนเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ กำลังคิดว่าจะพักพอดี อะไรกัน ฉันไม่ไปรบกวนธุระของเธอหรอกน่า」
「ระ รบกวนอะไรไม่มีหรอกค่ะ! ถะ ถ้างั้นเชิญทางนี้ค่ะ!」
รูริโบ้ยไปทางสวนสาธารณะด้วยท่าทีแข็งเกร็ง แล้วมุชิกิก็ไล่ตาม ค่อยๆก้าวเดินอย่างช้าๆ
「สักครู่นะคะ──」
พอมาถึงสวนสาธารณะ รูริก็พูดแบบนั้น แล้ว…..ปูผ้าเช็ดหน้าลงบนม้านั่งที่อยู่ใต้ร่มไม้
「เชิญค่ะ」
「อะ อา ขอบคุณนะ」
ถึงจะรู้สึกว่าทำเกินไปหน่อยก็เถอะ แต่จะปฏิเสธน้ำใจก็รู้สึกผิด เลยตอบรับคำเชิญแล้วนั่งลงตรงนั้น
แต่ว่า ถึงมุชิกิจะนั่งลงบนม้านั่งแล้ว รูริก็ยังยืนตรงอยู่ข้างๆ
มุชิกิที่เดาความคิดของเธอได้ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วพูดเหมือนเป็นไซกะ
「หึหึ รูริก็นั่งสิ แบบนี้ใจเย็นไม่ได้หรอกนะ」
「…..! ถะ ถ้างั้นขออนุญาติค่ะ…..」
แล้วรูริก็นั่งลงข้างมุชิกิอย่างเก้ๆกังๆ ถึงจะนั่งลงแล้ว แต่ก็ยังยืดหลังตรง
คงจะเคารพรักไซกะเอามากๆ สภาพน่าเอ็นดูแบบนั้น ทำให้เผลอผ่อนคลายใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว
「 ท่านแม่มด…..?」
「อา เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ──ที่สำคัญกว่านั้น วันนี้เป็นไงบ้างล่ะ? ออกมาเดินกับพวกคุโรเอะเนี่ย หายากนะ?」
แน่นอน มุชิกิรู้สถานการณ์ตอนนี้อยู่แล้ว แต่ว่า เพื่อให้บทสนทนาในฐานะไซกะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ก่อนอื่นยืนยันสถานการณ์ก่อนน่าจะดีกว่า พอตัดสินใจได้ ก็ยิงคำถามออกไป
พอทำอย่างนั้น รูริก็หน้าแดงขึ้นแล้วเกาหัวแกรกๆ
「ย้า─…..ที่จริงแล้ววันนี้…..ฟุ เฮะเฮะ…..มาเดทกับท่านพี่ล่ะค่ะ…..」
「เอ๊ะ?」
พอรูริพูดขึ้นอย่างขวยเขิน มุชิกิก็ตาเบิกโพลงโดยไม่รู้ตัว
「ทำไมหรือคะ?」
「อ๊ะ เปล่า」
รูริเอียงคอทำท่าทางดูสงสัยออกมา มุชิกิส่ายหน้ากลบเกลื่อน
ก็คิดอยู่ว่าทำไมคุยกันแปลกๆตั้งแต่เมื่อเช้า เข้าใจผิดไปแบบนั้นนี่เอง
「แบบว่า──อะไรกัน เข้าใจเหตุผลที่รูริดูสนุกเลยล่ะ」
「เอ๊ะ? ออกทางสีหน้าขนาดนั้นเลยเหรอคะ!? แย่แล้วแย่แล้ว…..」
รูริพูดอย่างนั้น แล้วเอามือสองข้างขึ้นมานวดแก้ม ราวกับว่า จะแก้สีหน้าที่ผ่อนคลายให้กลับมาเข้าที่
「? มีอะไรที่แย่แล้วรึ? ถ้าสนุกก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงกัน」
「ไม่ค่ะ ไม่ได้หรอก เรื่องสนุกก็สนุกดีหรอกค่ะ…..แต่ให้ท่านพี่รู้เรื่องนั้นคงไม่ดีแน่」
「…..? หมายความว่ายังไงน่ะ?」
พอมุชิกิถาม รูริก็ทำสีหน้าเคร่งเครียด แล้วตอบกลับมา
「แบบว่า…..ตอนที่ท่านแม่มดพักอยู่น่ะค่ะ มีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาห้องเราสองคน…..คนหนึ่งคือคุโรเอะ ส่วนอีกคนคือคุกะ มุชิกิ──เดิมทีเป็นพี่ชายของฉันที่มาจาก『ภายนอก』ค่ะ ก็ไม่รู้ว่าไปรู้เรื่องของ〈อุทยาน〉จากที่ไหนเหมือนกัน…..」
「อา──อย่างงั้นเองเหรอ」
การที่อาจารย์ใหญ่ไม่รู้ว่ามีนักเรียนใหม่เข้ามาอาจจะดูผิดปกติ ยิ่งคนในบทสนทนาคือสาวใช้ของตัวเองคุโรเอะกับมุชิกิด้วย
ไม่ทำเหมือนเพิ่งเคยได้ยินคงดีกว่า มุชิกิตอบกลับอย่างคลุมเคลือเพื่อไม่ให้ถูกจับได้
「แล้วก็…..กับหัวหน้าของ〈อุทยาน〉อย่างท่านแม่มดอ่านจะพูดยากสักหน่อย แต่ว่าฉัน…..ไม่อยากให้พี่กลายเป็นจอมเวทย์ค่ะ….. 」
「……….ฮึ่ม」
เรื่องนั้นรู้อยู่แล้วล่ะ มุชิกิกอดอกแล้วพูดออกไป
「รูริน่ะ…..เกลียดพี่ชายหรือเปล่านะ?」
「ไม่มีทางค่ะ!」
รูริขึ้นเสียงกับคำพูดของมุชิกิอย่างไม่รู้ตัว
แต่ว่า หลังจากนั้นก็ทำหน้าเหมือนรู้สึกตัว แล้วหดไหล่
「ขะ ขอโทษค่ะ…..」
「ไม่เป็นไร ไม่ได้ใส่ใจหรอก ทำสำคัญกว่านั้น──ช่วยอธิบายเหตุผลได้หรือเปล่านะ?」
พอมุชิกิถามออกไป รูริก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วสุดท้ายก็พูดออกมาเหมือนตัดใจ
「เป็นเหตุผลง่ายๆเลยค่ะ ตัวตนที่สามารถทำลายโลกได้──ความเสียหายจากปัจจัยแห่งการสูญสลายน่ะ ยิ่งใหญ่เป็นปกติค่ะ แม้แต่พวกภัยพิบัติระดับเล็ก ก็สามารถคร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นได้ในเวลาสั้นๆอย่างไม่แปลกอะไร ถ้ากำจัดปัจจัยแห่งการสูญสลายได้ในระยะเวลากำจัดเพื่อไหลย้อน ความเสียหายเหล่านั้นจะกลายเป็น『ไม่เคยเกิดขึ้น』ก็จริง แต่ว่า…..กับจอมเวทย์ที่สามารถมองเห็นตัวตนเหล่านั้น บาดแผลหรืออาการบาดเจ็บ,อาการตามหลัง──แล้วก็การตาย จะไม่สามารถหักล้างได้
…..จะไม่โกหกกับท่านแม่มดหรอกค่ะ ถึงจะน่าอายแต่ก็จะพูด
ฉันน่ะ ไม่อยากเห็นท่านพี่ต้องบาดเจ็บค่ะ ไม่อยากจะสูญเสียท่านพี่ไปค่ะ
เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็──มาเป็นจอมเวทย์เพื่อปกป้องท่านพี่ค่ะ」
「────」
คำสารภาพของรูริ ทำมุชิกิพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง
แล้วรูริ ก็พูดต่อด้วยดวงตาที่แน่วแน่
「──ทันทีที่เข้ามาใน〈อุทยาน〉ได้ ก็หมายความว่าสามารถเห็นปัจจัยแห่งการสูญสลายแล้วสินะคะ
แต่ว่า ถ้าเป็นตอนนี้ต้องทันอยู่แน่ค่ะ ถ้าปิดกั้นพลังเวทย์แล้วลบความทรงจำ ต้องยังกลับเป็นคนธรรมดาได้อย่างแน่นอนค่ะ
ที่ไล่ตามฉันเข้ามาใน〈อุทยาน〉น่ะ ก็ดีใจอยู่หรอกค่ะ แต่ว่า…..」
พูดเสร็จ ก็กำหมัดอย่างเร่าร้อนขึ้นมา
รู้สึกเหมือนจะถูกดึงเข้าไปนิดหน่อย…..เอาเถอะ คิดไปเองมั้ง
「แน่นอนว่า เรื่องที่ฝืนลบความจำโดยไม่สนใจความตั้งใจของเจ้าตัวไม่ได้น่ะ ทราบดีค่ะ
แต่ว่า…ฉันจะทำให้ยอมรับให้ได้ เมื่อตอนนั้นมาถึง ช่วยอนุมัติด้วยนะคะ」
จากนั้น ก็จ้องมาที่ตาของมุชิกิตรงๆ
「……….」
มุชิกิถึงกับลืมหายใจไปครู่หนึ่ง อาจจะเพราะถูกความมุ่งมุ่นของรูริสะกดเอาก็ได้
แต่ว่า คำพูดของมุชิกิในตอนนี้คือคำพูดของไซกะ จะยอมอนุมัติเรื่องแบบนั้นง่ายๆไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากมุชิกิคิดวนอยู่พักหนึ่ง──ก็ถอนหายใจแล้วพูด
「…..เมื่อกี้เหมือนจะพูดอะไรเสียมารยาทไป รูริ เธอน่ะ──รักพี่ชายที่สุดเลยสินะ」
「──ค่ะ! เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว!」
รูริฉีกยิ้มกว้างตอบรับคำพูดของมุชิกิ ต่างจากคราวก่อนอย่างสิ้นเชิง
「รูริ」
「ค่ะ อะไรหรือคะ!」
「ขอกอดหน่อยได้หรือเปล่านะ?」
「แน่นอนค่ะ──、ฟุเอ๊ะ…!?」
ใบหน้าของรูริถูกย้อมเป็นสีแดงก่ำ ท่าทีดูลุกลน
เพราะรูริดูน่ารักมากเลยเผลอพูดออกไป แต่ว่า ตอนนี้มุชิกิอยู่ในร่างของไซกะ คงจะกระตุ้นแรงไปหน่อย เลยโบกมือปัดๆบอกว่า「ขอโทษที」
「ไม่ต้องสนใจหรอก แค่เผลอรู้สึกซึ้งใจนิดหน่อยน่ะ」
「มะ ไม่เป็นไรค่ะ…..」
รูริดูโล่งอก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าเหมือนเสียดายเล็กน้อย จากนั้นก็สะดุ้ง แล้วเริ่มส่งสายตาไปรอบๆ
「รูริ? มีอะไรหรือเปล่านะ?」
「อ๊ะ…..เปล่าค่ะ แค่คิดว่าสองคนนั้นคงใกล้กลับมาแล้วหรือเปล่านะ
──ท่านแม่มด เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้ห้ามบอกมุชิกิเด็ดขาดเลยนะคะ ถ้าเกิดรู้เข้าจะต้องไม่ยอมออกจาก〈อุทยาน〉แน่ๆ」
「….. อา ไม่บอกหรอก …..จะไม่พูดเลย」
「ขอร้องล่ะค่ะ อ๊ะ คุโรเอะก็เหมือนกันนะคะ เพราะยังไงสองคนนั้นก็ดูสนิทกะ──」
แล้วในระหว่างที่กำลังพูด รูริก็สั่นคิ้วเหมือนนึกอะไรได้
「──อ๊ะ พูดถึงคุโรเอะ ท่านแม่มด คือว่าสงสัยมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วน่ะค่ะ」
「หืม อะไรรึ?」
「เด็กคนนั้น จ้างมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ?」
「────、เอ๊ะ?」
คำพูดของรูริ ทำให้มุชิกิเผลอกลั้นหายใจ
「หมายความยังไงน่ะ? จ้างมาตั้งแต่เมื่อไหร่…..?」
「ค่ะ ก็แบบว่า คนใช้อะไรเนี่ย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเลยใช่ไหมล่ะคะ?」