King propose 3 สับเปลี่ยน Part 5/7

ตอนที่ 3 สับเปลี่ยน Part 5/7

ตอนนี้ทำตามที่คุโรเอะพูดน่าจะดีกว่า 

 

มุชิกิทิ้งโทโมเอะที่จนถึงตอนนี้ก็ยังหวาดกลัวกับแม่มดที่มองไม่เห็น แล้วเดินตามคุโรเอะไป

 

ทว่า──ในตอนนั้น มุชิกิก็รู้สึกตัว

 

ในหมู่นักเรียนที่มีทั้งส่วนที่กำลังยิ้มแห้งให้กับโทโมเอะที่ทำพฤติกรรมน่าอับอาย และส่วนที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก 
มีคนหนึ่งกำลังจ้องมาทางมุชิกิด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

 

「ทะ ทะทะทะทะทะทะทะทะทะ……」

 

เด็กสาวจอมเวทย์อัจฉริยะ หนึ่งในรายชื่อของ〈กองอัศวิน〉องค์กรที่อยู่ภายใต้อาจารย์ใหญ่โดยตรง น้องสาวที่อยู่แยกกันของมุชิกิ

ฟุยะโจว รูริลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงดัง กะตั๊ก แล้วชี้มาที่มุชิกิ

 

「──ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ มุชิกิ…..!」

 

เสียงตะโกนที่ดังขึ้นกระทันหัน ทำให้เหล่าเพื่อนร่วมชั้นตกใจหันไปมองรูริเป็นตาเดียว แล้วเลื่อนสายตาตามปลายนิ้วของรูริมาที่มุชิกิ

 

「เอ๊ะ อะไรอะ……คนรู้จัก?」

 

「ตอนเช้าเผลอเดินชนกันตรงทางแยกไรงี้ป่ะ?」

 

ท่ามกลางเสียงของเหล่านักเรียนที่กำลังพูดติดตลกกันเซ็งแซ่ 

ฮิฟุมิที่นั่งอยู่ใกล้ๆกับรูริก็ตาเบิกโพลงขึ้นเหมือนนึกอะไรได้

 

「พอคิดว่าเคยได้ยินชื่อจากที่ไหนมาก่อน หรือว่าจะเป็นคุณพี่ชายของรูริจัง……?」

 

「เอ๊ะ? พี่ชายของรูริเนี่ย ที่เกิดเดือนเมษานั่นน่ะหรอ?」

 

「ที่ว่าจริงๆแล้วรูริเกิดเดือน 3 ก็เลยอายุห่างกันตั้ง 1 ปี แต่ก็เรียนอยู่ชั้นเดียวกัน นั่นน่ะหรอ?」

 

「ที่ว่าให้ของขวัญเป็นกรอบรูปที่ทำจากเปลือกหอยในงานวันเกิด 5 ขวบของรูริ นั่นน่ะหรอ?」

 

「ที่ว่ามีไฝสเน่ห์อยู่ที่ต้นคอ นั่นน่ะหรอ?」

 

「เอ๊ะ ทำไมคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกถึงรู้เรื่องผมละเอียดขนาดนั้นล่ะ?」

 

อย่างอันหลังสุดเนี่ย แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้เลย มุชิกิขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

พอได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็หันกลับไปมองรูริเหมือนเป็นการตอบคำถาม──ราวกับเป็นการชี้ตัวผู้เปิดเผยข้อมูล

 

「…………」

 

ทว่ารูริ เหมือนจะไม่ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้าง เดินกระทืบเท้าโอนเอนเข้ามาหยุดตรงหน้ามุชิกิ

จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นจ้องมุชิกิด้วยสายตาที่ดูอันตราย

 

「──จะถามอีกรอบ ทำไมนายถึงมาอยู่ใน〈อุทยาน(ที่นี่)〉ได้? ไม่สิ──ก่อนหน้านั้น ทำยังไงถึงรู้สึกถึงการมีอยู่ของที่แห่งนี้? แมวมองของฝ่ายบริหารเหรอ? หรือว่าคนของทางนี้(ฟุยะโจว)ไปพูดอะไรไม่เข้าท่าเข้า?」

 

รูริใช้แรงกดดันมหาศาลถามเข้ามา

 

จิตสังหาร จิตวิญญานแห่งการต่อสู้ และจิตวิญญานแห่งดาบ───แรงกดดันที่มองไม่เห็นที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแม้สีหน้าจะต่างกัน

 

วินาทีนั้น มุชิกิรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งนั้นผ่านร่างกายตัวเอง แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นก็คงรู้สึกเหมือนกัน เลยปิดปากเงียบกันเรียบร้อยแล้ว

เทียบกับตอนที่คุยในร่างไซกะเมื่อวานราวกับเป็นคนละคน ความรู้สึกที่เหมือนกับสัญชาตญาณที่สูญหายจากการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขภายใต้อารยธรรมกำลังถูกปลุกขึ้นมา ตัวเองในตอนนี้ กำลังเผชิญหน้ากับนักล่าที่อยู่บนจุดสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้มุชิกิที่ไม่รู้อะไรยังสัมผัสได้ รูริน่ะ เป็น『ของจริง』

 

「รูริ──」

 

แน่นอนว่า จะตอบกลับไปตรงๆไม่ได้เด็ดขาด เพราะนั่นถือเป็นการหักหลังไซกะ และทำให้ร่างกายนี้ยิ่งตกอยู่ในอันตราย

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะโกหกไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ถ้าคิดจะหลอกแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ จะต้องถูกรูริจับได้อย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้น──มุชิกิจึงตัดสินใจพูดความในใจออกไป

 

「ดีใจที่ได้กลับมาเจอกันนะ」

 

「──อุฟ้าา!?」

 

พอมุชิกิพูด รูริก็ร้องเสียงแปลกๆออกมาแล้วบิดร่างกาย

หน้าถูกย้อมเป็นสีแดงแจ๋ สายตาแหวกว่ายไปมาเหมือนปลาย้ายถิ่น

แต่ว่า ด้วยพลังใจอันแข็งแกร่งทำให้รูริกลับมารักษาท่าทางได้อีกครั้งแม้จะหอบแฮ่กๆ

ไม่รู้เพราะเหงื่อหรือเปล่า แต่ผมด้านหน้าติดหน้าผากอยู่หลายเส้น

 

「…… กะ กลบเกลื่อนไปก็เปล่าประโยชน์น่า ตอบมาดีๆซะ──」

 

「ไม่เจอกันแปปเดียว กลายเป็นสาวสวยไปแล้วนะ」

 

「กุเอ๊ แค่ก แค่ก แค่ก…..!」

 

รูริ สำลักออกมาด้วยท่าทีที่ดูไม่สมเป็นสาวสวยเท่าไหร่ พร้อมกับทรุดหมอบลงไปตรงนั้น

มุชิกิเลิกลั่ก งอเข่าลงไปลูบหลังให้

 

「เป็นอะไรหรือเปล่า? นี่ก็เพราะรีบพูดเกินไปไงล่ะ──」

 

「………..!」

 

ในตอนนั้น ร่างกายของรูริกระตุกขึ้นมาวูบหนึ่ง แล้วรีบเตะพื้นหนีออกจากมือมุชิกิ

จากนั้นก็ใช้ใบหน้าที่แดงก่ำเป็นมะเขือเทศ กับดวงตาที่มีน้ำตาเล็ดออกมา จ้องเขม็งไปที่มุชิกิ

 

「ยะ อย่าคิดว่าทำแค่นี้แล้วจะชนะเชียวนะ─!? ยังไงฉันก็ไม่ยอมรับหรอก! จะต้อง จะต้องไล่ตะเพิดออกจาก〈อุทยาน〉ให้ได้เลยคอยดูสิ!」

 

พอตะโกนเสร็จ ก็กระแทกเปิดประตูวิ่งหายไปในโถงทางเดิน

แล้วห้องเรียนที่กำลังถูกครอบงำด้วยบรรยากาศอ้ำอึ้ง ก็มีเสียงแจ้งหมดคาบโฮมรูมดังขึ้น

 

 

───หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที

 

คาบเรียนที่ 1 ก็เริ่มขึ้นภายใต้การสอนของอาจารย์คุริเอดะ โทโมเอะที่ในที่สุดก็กลับมาสงบสติอารมณ์ได้

 

「หรือก็หมายความว่า แม้ว่ายุคสมัยจะถูกเปลี่ยนแปลงจากการค้นพบครั้งใหม่ ก็ไม่ได้หมายความว่าวิชาดั้งเดิมจะกลับกลายเป็นไร้ความหมาย ตรงกันข้าม──」

 

โทโมเอะบรรยายวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนต์ด้วยกระดานดำไฟฟ้าเหมือนกับเมื่อวาน

ไม่สิ พูดว่าเหมือนกับเมื่อวานก็คงจะดูแย่ไปสำหรับเธอ ต่างจากเมื่อวานที่กำลังสั่นกลัวกับตัวตนของไซกะ ตอนนี้โทโมเอะกำลังยืนสอนด้วยท่าทีสง่างาม

ยืดอก บรรยายได้อย่างคล่องแคล่ว มีการหยอดมุกเพื่อเรียกเสียงหัวเราะของนักเรียนเป็นช่วงๆ อย่างนี้นี่เอง นี่คือห้องเรียนที่แท้จริงของโทโมเอะสินะ

แม้แต่บรรยากาศห้องเรียน ก็ถือว่าค่อนข้างรื่นรมย์เมื่อเทียบกับเมื่อวาน

ไม่ใช่ว่ามุชิกิจะไม่ถูกใครจับตามองเลย แต่อย่างน้อยทุกคนก็ดูใจเย็นลงกว่าเมื่อวาน อย่างน้อยก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกใครจ้องทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหว

──อ่า จริงๆแล้วในนั้น ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ส่งสายตาทิ่มแทงเข้ามาเรื่อยๆ

ใช่แล้ว รูริที่วิ่งหายจากห้องไปเมื่อกี้ พอถึงเวลาจวนที่คาบแรกจะเริ่มก็กลับเข้ามาเรียนปกติ

แน่นอนว่าตกเป็นเป้าสายตา แต่ก็ไม่ได้ดูสนใจอะไรเป็นพิเศษ จิตใจแข้มแข็งดั่งเหล็กกล้า

 

「…..คุณมุชิกิ」

 

คงเพราะข้องใจกับสายตานั่นล่ะมั้ง ระหว่างที่ฟังบรรยายโทโมเอะอยู่ คุโรเอะที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กระซิบเข้ามา

 

「อะไรหรือครับ คุโรเอะ」

 

「ก็เคยได้ยินว่าเป็นพี่น้องกับอัศวินฟุยะโจวอยู่หรอกค่ะ แต่ว่า…..ความสัมพันธ์ย่ำแย่ขนาดนี้เลยหรือคะ?」

 

「คิดว่าไม่น่าใช่นะครับ…..เมื่อก่อนก็สนิทกันดีด้วย」

 

「ถ้างั้นทำไมถึงถูกจ้องแบบนั้นล่ะค่ะ?」

 

「นั่นมันก็…..」

 

พอมุชิกิตอบพร้อมกับเหงื่อตกที่ข้างแก้ม โทโมเอะที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะผู้สอนก็ชี้มาที่มุชิกิ

 

「นี่คุกะคุง เรียนคาบแรกจะรู้สึกตื่นเต้นก็เข้าใจอยู่หรอก แต่แอบพูดกันเองนี่ไม่ไหวเลยนะ」

 

「อ๊ะ──ขอโทษครับ」

 

「โธ่ เจ้าเด็กไม่เอาไหนคนนี้นี่ ดูเหมือนจะต้องทำโทษสักหน่อยสินะ หลังเลิกเรียนมาที่──」

 

「โอยะ」

 

โทโมเอะพูดยังไม่ทันขาดคำ คุโรเอะก็ทำท่าเหมือนเห็นอะไรสักอย่างแล้วมองไปที่ทางเดิน

พอเห็นแบบนั้น โทโมเอะก็สะดุ้งไหล่สั่น รู้สึกหวาดระแวงรอบตัวขึ้นมา

 

「เอ๊ะ…..ไม่มาใช่ไหม? ใช่ไหม?」

 

โทโมเอะเปิดประตูห้องเรียนอย่างกล้าๆกลัวๆ ตรวจสอบโถงทางเดินอย่างระมัดระวัง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเดินกลับที่

จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วหันกลับมาหามุชิกิ

 

「อะ เอาเถอะ──ถ้างั้น…มุชิกิคุง ถึงกับว่างพอมานั่งคุยได้เนี่ย แปลว่าเข้าใจบทเรียนแจ่มแจ้งแล้วสินะ ตอบมาซิ?」

 

「อ๊ะ ไม่เข้าใจเลยครับ」

 

พอตอบกลับไปอย่างกระทันหัน โทโมเอะก็เหงื่อตกที่หน้าผาก ยิ้มแห้งๆ

 

「ต่อให้ไม่เข้าใจ ก็ช่วยทำเป็นสำนึกหน่อยเถอะ…..」

 

「ขอโทษครับ เดิมทีตั้งแต่ศาสตร์เวทย์คืออะไรก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลยน่ะครับ….」

 

พอมุชิกิพูดแบบนั้น เหล่านักเรียนรอบข้างก็พากันส่งเสียงฮือฮา บ้างก็ทำเสียงขึ้นจมูก

ทั้งที่เนื้อหาที่พูดไม่ได้ต่างจากเมื่อวานแท้ๆ ดูเหมือนแค่เปลี่ยนคนพูดจากไซกะเป็นมุชิกิ ก็ทำให้การตอบสนองเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้

 

「เฮ้ยเฮ้ย เอาจริงดิ ทำไมพวกมือใหม่สมัครเล่นแบบนี้ถึงเข้ามาอยู่ใน〈อุทยาน〉อันทรงเกียรตินี้ได้ฟะ?」

นักเรียนชายตัวสูงยักไหล่แล้วพูดออกมา

จะว่าไป เจ้านี่คือคนที่พูดเสียงสั่นว่า「ช่างเป็นคำถามที่ล้ำลึกอะไรเช่นนี้……」ตอนถามแบบเดียวกันเมื่อวาน

 

「แย่เลยนะแบบนี้…..คงหลงคิดว่าพวกเราก็เป็นระดับเดียวกันสิเนี่ย」

ส่วนนี่มาจากนักเรียนหญิงที่ใส่แว่น

จะว่าไป คนนี้เมื่อวานเห็นพูดว่า「ศาสตร์เวทย์คือ……พลังเวทย์คือ…….ฮะว้าว้า~~~!」แล้วกุมหัวด้วย

 

「หึ…….. สายลมที่ยังไร้มลทินอย่างงั้นรึ แบบนี้ก็น่าสนุกไปอีกแบบ…」

นักเรียนชายที่นั่งซุกอยู่ริมหน้าต่าง เสยผมหน้าแสนยาวขึ้นแล้วพูดพึมพำ

จะว่าไป เจ้านี่คือคนที่พูดประจบ「สะ สุดยอดไปเลยฮ้าบ! ท่านแม่มด!」พร้อมนวดมือตัวเองเมื่อวานล่ะนะ

 

จากนั้น──

 

「─────อ๋า? 」

 

ไม่รู้เพราะรับการตอบสนองของพวกนักเรียนเข้าไปหรือเปล่า เสียงที่เย็นเยือกไปถึงไขสันหลังก็ดังก้องในห้องเรียน

รูริขมวดคิ้วเป็นปม เส้นเลือดปูดโผล่ที่กลางหน้าผาก แล้วจ้องตาแดงก่ำไปทั่วห้อง

 

『………..!?』

 

เหล่านักเรียนที่กำลังหัวเราะเยาะมุชิกิอยู่เมื่อกี้ สะดุ้งไหล่สั่นเพราะสายตาเสียดแทง

แต่รูริก็ไมได้พูดอะไรต่อจากนั้น

เพราะบอกว่าจะไล่ตะเพิดมุชิกิออกจาก〈อุทยาน〉ก็เลยจะไม่พูดอะไรที่เป็นการปกป้องมุชิกิ แต่ถ้าถูกใครนอกจากตัวเองพูดไม่ดีใส่ก็ทนไม่ได้──สภาพที่รูริเป็นอยู่ตอนนี้ เหมือนกับพวกตัวละครคู่แข่งในโชวเนนมังกะไม่มีผิด

 

「ระ รูริจัง รูริจัง…..」

 

ฮิฟุมิพูดขึ้นมาอย่างลนลาน แล้วสะกิดไหล่รูริ

รูริในที่สุดก็ละความสนใจ ส่งเสียงฮึออกจมูกแล้วหันกลับไปที่หน้าชั้นเรียน

 

「…….เอ คือว่า……ขอสอนต่อได้ไหม…..?」

 

คงรู้สึกได้บรรยากาศที่ไม่ปกติ โทโมเอะเหงื่อตกและถามออกมา

พอได้ยินแบบนั้น รูริก็ตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน

 

「แน่นอนค่ะ ช่วยรีบๆสอนต่อด้วย เป็นงานไม่ใช่เหรอ」

 

「อื้อ…..」

 

พอถูกพูดใส่หน้าแบบนั้น โทโมเอะก็กลับมาสอนต่อด้วยหน้าตาขมขื่น

Options

not work with dark mode
Reset