King propose 1 หลอมรวม part 5

ตอนที่ 1 หลอมรวม part 5

หลังจากเหตุการณ์ที่ดาดฟ้า ผ่านไป 30 นาที

มุชิกิถูกพามาที่หน้าประตูขนาดใหญ่ในอาคารเรียนกลาง

 

「คุโรเอะ ที่นี่คือ?」

「ห้องประชุมค่ะ วันนี้เป็นวันประชุมตามกำหนดการของฝ่ายบริหารอุทยาน

―― สถานการณ์แบบนี้ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเมินอยู่หรอกค่ะ แต่จะขาดท่านไซกะไปไม่ได้ก็เลยไม่มีทางเลือก」

 

พอคุโรเอะตอบคำถามของมุชิกิเสร็จก็พูดเตือนต่อ

 

「ตอนนี้ฝ่ายบริหารกับกองอัศวินคงจะมากันครบแล้ว เรื่องการโต้ตอบทางนี้จะพยายามทำอะไรสักอย่างเองค่ะ ระหว่างนี้คุณมุชิกิช่วยพยายามอย่าพูดออกมาด้วยนะคะ」

「เข้าใจแล้วครับ จะทำให้คุณไซกะเสียภาพพจน์ไม่ได้สินะครับ」

「อ่า…ค่ะ ก็ประมาณนั้นแหละ」

 

คุโรเอะแสดงสีหน้าประมาณว่า 「จริงๆแล้วก็ไม่ถูกเสียทีเดียว แต่ปล่อยให้เข้าใจแบบนี้น่าจะสะดวกกว่า 」จากนั้นจึงเคาะประตูห้องแล้วค่อยๆเปิดออก 

เสร็จก็โบ้ยให้มุชิกิเดินเข้าห้องราวกับจะพูดว่า ‘เชิญค่ะ’

มุชิกิทำตามที่ว่า ค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปในห้องประชุมด้วยความประหม่าเล็กน้อย

 

「ว้า…」

 

ทันทีที่มุชิกิก้าวเข้ามาในห้อง ก็เผลอหลุดเสียงออกมาเบาๆทั้งที่ถูกเตือนให้งดพูด

แต่ว่านั่นมันช่วยไม่ได้ ห้องประชุมในตอนนี้มีคนอยู่ประมาณสิบคนแล้ว แต่ทุกคนกลับยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อต้อนรับมุชิกิ

 

「―― ท่านไซกะ เชิญที่ที่นั่งค่ะ」

 

พอเห็นมุชิกิกำลังยืนอึ้ง คุโรเอะก็พูดขึ้นมาเพื่อเตือนให้ไปนั่งที่

ก็จริงที่จะเอาแต่ยืนนิ่งไม่ได้ มุชิกิเดินเก้ๆกังๆไปที่โต๊ะประชุม แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่

แต่ทันใดนั้นพวกฝ่ายบริหารที่ยืนอยู่ก็ทำท่าตกใจเกิดเสียเซ็งแซ่ขึ้น

 

「ทะ ท่านแม่มด……?」

「เป็นอะไรไปครับ?」

「เอ๊ะ……?」

 

พอมุชิกิเอียงคอด้วยความสงสัย คุโรเอะก็เดินเข้ามาข้างหลังแล้วกระซิบที่ข้างหู

 

「―― ที่นั่งของท่านไซกะอยู่ทางนู้นค่ะ」

 

พูดจบก็โบ้ยไปทางที่นั่งที่อยู่ตำแหน่งลึกที่สุดในห้อง

ที่นั่งหัวโต๊ะ หรือที่เรียกกันว่าที่นั่งเจ้าของวันเกิดนั่นเอง แต่เพราะบรรยากาศในห้องตอนนี้ เลยดูเป็นที่นั่งหัวหน้าองค์กรณ์ร้ายมากกว่าแขกกิตติมศักดิ์

 

「อ๊ะ…」

 

มุชิกิพูดด้วยเสียงเบาๆ แล้วรีบเปลี่ยนไปนั่งตรงนั้นอย่างลนลาน

พอทำเช่นนั้น ในที่สุดทุกๆคนก็ทยอยกลับไปนั่ง

 

「…………」

 

มุชิกิมองไปรอบๆโต๊ะด้วยความรู้สึกประหม่าอย่างประหลาด

จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย คนส่วนใหญ่สวมชุดสูทเรียบร้อย แต่ในนั้นมี 2 คนที่แต่งกายดูไม่เข้ากับสถานที่

 

คนแรกคือเด็กผู้หญิงอายุราวสิบปีต้นๆ ไหล่ที่แข็งแรงกับแก้มที่แดงเล็กน้อยช่วยเสริมให้ใบหน้าที่อ่อนเยาว์อยู่แล้วดูอ่อนลงไปอีก ภายนอกใส่เสื้อกาวน์สีขาวยาว แต่ไม่รู้ทำไมข้างใต้กลับมีแต่กางเกงวอร์มและชุดท่อนบนที่มีลวดลายเหมือนชุดชนเผ่า ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังสวมแต่ชุดชั้นใน ดูไม่เข้ากับรูปลักษณ์ภายนอก 

 

「คุโรเอะ เด็กคนนั้นคือ?」

 

พอมุชิกิถามด้วยเสียงเบา คุโรเอะที่ยืนอยู่หลังเก้าอี้ก็พูดราวกับกระซิบกลับมา

 

「อัศวินเอลูลูก้า เฟรเอล่า ถึงจะดูอ่อนเยาว์ก็จริง แต่ในอุทยานแห่งนี้ถือเป็นจอมเวทย์ที่อยู่มานานรองจากท่านไซกะเลยล่ะค่ะ」

「เห……」

 

ตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ มุชิกิส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ

ส่วนอีกคน มุชิกิเลื่อนสายตาไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ 

ถึงจะไม่เด็กขนาดเอลูลูก้าแต่ก็ยังดูอ่อนวัย อายุน่าจะราวๆ 16 ถึง 17 ปีได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยยืนยันคือเครื่องแบบที่สวมเป็นเครื่องแบบแบบเดียวกับพวกนักเรียน

ผมยาวถูกมัดไว้สองข้าง ดวงตาที่คมเรียวกับริมฝีปากที่ปิดสนิทให้ความรู้สึกเป็นคนจิตใจเข้มแข็ง

พอถึงตรงนั้นมุชิกิก็ขมวดคิ้วออกมา

หน้าตาของเด็กสาวคนนี้ รู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

 

「………  หรือว่าจะเป็น…รูริ?」

「―― คะ? มีอะไรหรือคะ ท่านแม่มด」

 

พอมุชิกิพึมพำออกมา เด็กสาวคนนั้น― รูริเอียงก็คอแล้วตอบกลับ ในดวงตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีที่ถูกไซกะเรียกชื่อ

 

「อ๊ะ― เปล่า」

 

ไม่ได้ตั้งใจจะเรียก แต่เหมือนจะถูกได้ยินเข้าซะแล้ว มุชิกิพูดปัดไป

พอเหลือบไปข้างหลังก็เห็นคุโรเอะกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาเคลือบแคลง

แต่ก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะอยู่ๆมุชิกิก็ดันเรียกชื่อเด็กสาวที่ไม่ควรจะรู้จักกันมาก่อน

 

「……!」

 

ในระหว่างที่มุชิกิกำลังคิดว่าจะอธิบายยังไง ประตูของห้องประชุมก็ถูกประแทกเปิดออก

แล้วชายที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลเต็มตัวก็เดินโซซัดโซเซเข้ามา

ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่พอเห็นสายตาอาฆาตที่จ้องมองมาที่มุชิกิ 

―― นี่มันอัศวินที่เจอกันก่อนหน้านี้ อัลเวียต สวานน่านี่นา

พอเห็นสภาพแบบนั้น พวกฝ่ายบริหารก็พากันตาเบิกโพลง

 

「ทะ ท่านสวานน่า! บาดแผลพวกนั้นมัน……!?」

「หรือว่า… ตอนที่ต่อสู้กับปัจจัยแห่งการล่มสลาย!?」

「บ้าน่า แม้แต่จอมเวทย์ระดับS อย่างคุณอัลเวียตเนี่ยนะ!?」

 

อัลเวียตเดาะลิ้นออกมาเหมือนเป็นการบอกให้พวกฝ่ายบริหารเงียบ

 

「……อย่าโวยวายกันสิฟะ อย่างตูไม่มีทางเสียท่าให้กับพวกกระจอกแบบนั้นหรอกเฟ้ย」

「ถะ ถ้างั้นบาดแผลพวกนั้น……」

 

พอถูกชายสวมแว่นถาม อัลเวียตก็ส่งสายตาแค้นเคืองมาทางมุชิกิอีกครั้ง

พอเห็นเช่นนั้น พวกคนจากฝ่ายบริหารก็พากันร้องอ๋อ

 

「อะไรกัน……ท่านแม่มดเองเหรอ」

「ถ้าเป็นท่านแม่มดก็ช่วยไม่ได้นะครับ」

「ยังอุตส่ารอดมีชีวิตมาได้นี่ดีจริงๆนะครับ คุณอัลเวียต」

 

「อย่ายอมรับกันง่ายๆแบบนี้สิว้อย ไอ้พวกบ้านี่!」

 

อัลเวียตพูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วนั่งกระแทกก้นลงบนเก้าอี้ข้างๆเอลูลูก้า

ตอนทำแบบนั้นเหมือนจะเจ็บแผลน่าดู คิ้วบิดเล็กน้อยด้วย แต่ดูท่าจะไม่อยากให้ใครรู้ก็เลยตัวสั่นไม่ส่งเสียงออกมา

 

「ช้ามากค่ะ อัลเวียต ทำไมถึงปล่อยให้ท่านแม่มดรอแบบนี้คะ」

「หนวกหูเฟ้ย แค่ยอมมาให้ก็รู้สึกยินดีไว้ซะ」

 

อัลเวียตส่งเสียงฟึดฟัดขึ้นจมูกกับการเตือนของรูริ

รูริส่ายหน้าก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆโต๊ะ

 

「―― ถ้างั้น ในเมื่อมากันทุกคนแล้วขอเริ่มประชุมตามกำหนดการนะคะ เริ่มจากทางนี้ก่อน」

 

พอพูดจบรูริก็เอื้อมมือไปแตะแผงควบคุมที่อยู่ใกล้ๆ  มีภาพฉายข้อมูลลอยขึ้นมาที่ใจกลางของโต๊ะรูปวงรี

 

「―― นับจากหลังการประชุมครั้งก่อน จำนวนครั้งที่ปัจจัยแห่งการล่มสลายปรากฏขึ้นคือ 2 ครั้ง หมายเลข 52 : Leprechaun  และหมายเลข 206 : Dragon ทั้งสองครั้งสามารถจัดการได้สำเร็จภายในระยะเวลากำจัดเพื่อฟื้นคืน การสูญเสียของฝั่งจอมเวทย์คือ―― 」

 

ด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน งานประชุมก็ถูกดำเนินต่อไป

ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พูด แต่จะแสดงสีหน้าไม่สนใจออกไปก็คงไม่ดี 

มุชิกิทำท่าสนใจกับการพูดของรูริไปพร้อมๆกับพยายามรักษาท่าทางอยู่บนเก้าอี้

หลังจากนั้น ด้วยการดำเนินของรูริ การรายงานก็เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง

 

「―― ขอบคุณมากค่ะ นอกจากนี้มีใครอยากจะแจ้งอะไรอีกมั้ยคะ?」

 

นับจากตอนเริ่มก็ผ่านไปประมาณ 40 นาทีได้ล่ะมั้ง พอทุกคนรายงานกันจบแล้ว รูริก็พูดพลางมองไปที่ทุกคน

ทุกคนต่างตอบกลับด้วยความเงียบ รูริที่รู้สึกได้จากบรรยากาศก็พยักหน้าเบาๆ

 

「ถ้าอย่างงั้น―― 」

 

แต่ว่าในจังหวะนั้น คุโรเอะที่ยืนอยู่ข้างหลังมุชิกิก็ก้าวออกมาก้าวหนึ่ง

 

「―― ขออภัยค่ะ ทางฉันก็มีอยู่เรื่องหนึ่ง ขออนุญาติได้มั้ยคะ」

「เธอคือ?」

「ขออภัยที่ไม่ได้บอกก่อนค่ะ ดิฉันคือผู้รับใช้ของท่านไซกะ ชื่อว่าคาราสุมะ คุโรเอะ เนื่องจากวันนี้ท่านไซกะสภาพร่างกายไม่ค่อยดี ดิฉันจึงตามมาด้วยค่ะ」

「เอ๊ะ!?」

 

รูริเผลอร้องออกมาเพราะคำพูดของคุโรเอะ

 

「สถาพร่างกายไม่ค่อยดี ปะ-เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ!?」

「ค่ะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ใช่มั้ยคะ ท่านไซกะ」

「เอ๊ะ? อา…อืม」

 

คุโรเอะส่งสายตามาเป็นการบอกให้มุชิกิพูดตามน้ำ มุชิกิก็พยักหน้ากลับไป

 

「แล้วยังไงต่อล่ะ? เกิดอะไรขึ้น」

 

เอลูลูก้าตั้งท่าเท้าคางบนโต๊ะแล้วถามกลับมา

คุโรเอะตอบกลับด้วยการพยักหน้าแล้วขยับริมฝีปาก

 

「―― เมื่อวาน ท่านไซกะถูกใครบางคนลอบโจมตีค่ะ คาดว่าน่าจะเป็นจอมเวทย์ แต่ยังไม่สามารถยืนยันรูปร่างได้ มีโอกาสที่ท่านไซกะจะถูกโจมตีอีกครั้ง เพราะฉะนั้น จึงอยากให้เพิ่มระดับการเฝ้าระวังด้วยค่ะ」

「……!?」

 

คำพูดของคุโรเอะทำเอาเหล่าผู้คนโดยรอบใบหน้าแข็งทื่อกันไปหมด

 

「ทะ ท่านแม่มด…ถูกลอบโจมตี!?」

「แล้วยังหนีรอดไปได้โดยสืบตัวจริงไม่ได้ด้วย !?」

「บ้าน่า เรื่องแบบนั้นมัน!」

 

พวกฝ่ายบริหารเผยความหวาดหวั่นออกมา

มุชิกิแอบลดระดับเสียงลงแล้วพูดถามคุโรเอะ

 

「คุโรเอะ เรื่องนี้พูดออกไปจะดีเหรอครับ?」

「―― ขอแค่ไม่รู้สถานการณ์ของท่านไซกะก็ไม่มีปัญหาค่ะ ในทางตรงกันข้าม ขู่ให้กลัวแบบนี้น่าจะช่วยให้ระวังกันมากขึ้น」

 

คุโรเอะจ้องไปยังเหล่าผู้คนที่กำลังลนลาน แล้วพูดออกมาด้วยใบหน้าสงบนิ่ง มุชิกิก็พยักหน้า’อย่างนี้นี่เอง’

ก็จริงที่ถ้าปิดเงียบทุกอย่าง ก็มีโอกาสที่มุชิกิจะถูกอีกฝั่งลอบโจมตีอีกครั้งโดยไร้การป้องกัน

 

「คุ―― ฮ่ะฮ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !」

 

แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเสียขวัญกัน ก็มีคนๆหนึ่งส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา อัลเวียตไงล่ะ

 

「ถูกศัตรูลอบโจมตี แล้วยังปล่อยให้หนีไปได้โดยไม่รู้ตัวจริงเนี่ยนะ? ฮ่ะ ดูไม่ได้เลยนะเว้ย แม้แต่ท่านแม่มดผู้ยิ่งใหญ่ก็เลอะเลือนเป็นเหมือนกันไม่ใช่หรอฟะ?」

 

อัลเวียตพูดแล้วยักไหล่ให้เห็นอย่างจงใจ

พอทำแบบนั้น รูริที่กำลังมองมาทางมุชิกิด้วยความเป็นห่วง ก็จ้องเขม็งไปที่อัลเวียต

 

「โห พูดจาดูใหญ่โตจังนะคะ อัลเวียต ฟังดูไม่เหมือนคนที่ครองสติแพ้ราบคาบให้กับท่านแม่มดเลยนะคะ」

「อ๋า …?」

 

อัลเวียตไหล่กระตุกแล้วจ้องกลับไปที่รูริ

ทว่ารูริกลับไม่ไหวหวั่น และยังเติมเชื้อเพลิงเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

 

「หรือว่าจริงๆแล้วคนร้ายคือนายเองสินะคะ? เพราะสู้ต่อหน้าแล้วเทียบท่านแม่มดไม่ติด สุดท้ายเลยต้องงัดวิธีสกปรกออกมา?」

「หาาาาาา!? นี่แก พูดไม่สวยเลยนะเฟ้ย」

「อาา ขอโทษทีค่ะ เมื่อกี้พูดเกินไปหน่อย อย่างนายคงไม่มีทางเป็นคนลอบโจมตีหรอกค่ะ เพราะถ้าเกิดทำขึ้นมาจริงๆ คงไม่รอดมายืนตรงนี้หรอก 」

「อยากตายหรอฟะแกน่ะ!」

「ก็มาสิคะ― 」

 

อัลเวียตกับรูริถีบเก้าอี้ลุกขึ้นมาประจันหน้ากัน

ในตอนนั้น บรรยากาศรอบๆก็เริ่มสั่นไหว เริ่มมีแสงจางๆไหลวนระหว่างทั้งสองคน

 

「หนวกหูจริง ไปตีกันทีหลัง」

 

เอลูลูก้าที่นั่งอยู่ระหว่างรูริกับอัลเวียตพูดขึ้นมาด้วยความรำคาญ แล้วใช้แขนเสื้อกาวน์ตบหน้าทั้งสองคน

 

「อุ…..」

「……ท่านเอลูลูก้า」

 

แม้ทั้งคู่จะยังไม่สงบลงเต็มที่ แต่ก็ยอมถอยไปนั่งอย่างไม่เต็มใจ พวกฝ่ายบริหารที่อยู่ในห้องพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

「เรื่องรายละเอียดรับทราบแล้ว ทางนี้จะจัดการให้เอง ―― แล้วยังไงต่อล่ะ เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้รึ ?」

 

เอลูลูก้าเลื่อนสายตาไปที่คุโรเอะแล้วถาม

พอทำอย่างนั้น คุโรเอะก็พูดต่ออย่างสงบ

 

「เกี่ยวกับเรื่องนั้น มีข้อเสนอจากท่านไซกะค่ะ」

「โห? ว่ายังไงล่ะ ลองพูดมาซิ」

「ค่ะ ―― อย่างแรก ในตอนนี้ท่านไซกะจะวางมือจากปัจจัยแห่งการล่มสลายระดับพังทลายลงไป รวมถึงการประชุมแบบนี้ ก็จะขอให้ลดจำนวนลงด้วยค่ะ」

「ฮึ่ม…เรื่องนั้นข้าก็ไม่ขัดข้องอะไรหรอก แต่เพราะอะไรกันล่ะ คงไม่บอกว่าได้รับบาดเจ็บจากการลอบโจมตีนั่นหรอกนะ?」

 

เอลูลูก้าจ้องเข้ามายังดวงตาของมุชิกิ

สายตาที่ราวกับเจาะทะลุเข้ามาในจิตใจ มุชิกิรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นแรงขึ้น

แต่แล้ว คุโรเอะก็ส่ายหน้าด้วยท่าทีใจเย็นสุดๆ

 

「เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ การที่จะมีคนสร้างบาดแผลให้ท่านไซกะได้น่ะ」

「รู้อยู่หรอกน่า แค่ล้อนิดหน่อยน่ะ ….แล้วเหตุผลล่ะ?」

「ท่านไซกะบอกว่า มีเรื่องอื่นที่ต้องทำค่ะ」

「เรื่องอื่นที่ต้องทำรึ?」

 

เอลูลูก้าเอียงคอสงสัย

คุโรเอะก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น แล้วประกาศ

 

「ค่ะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ―― ท่านไซกะจะไปโรงเรียนในฐานะนักเรียนค่ะ」

 

「…………หา?」

คำพูดของคุโรเอะ ทำให้ทุกคนในห้องรวมถึงมุชิกิเผลอส่งเสียงโง่ๆออกมา

 

จบบทที่ 1 

Options

not work with dark mode
Reset