Kill the Hero 089
เมื่อผู้เล่นจากสมาคมต่าง ๆ เข้าสู่ดันเจี้ยนพร้อมกัน ปฏิกิริยาของพวกเขาจะเหมือนกันเสมอ
หลังจากที่ได้รับการแจ้งเรื่องเงื่อนไขในการเคลียร์ชั้นแรก พวกเขาก็จะรวมตัวกับสมาชิกของสมาคม และเริ่มคุยกัน
แม้ว่าจะไม่มีอะไรให้พูดคุยเป็นพิเศษ
ระวังคนนี้ ระวังคนนั้น กำจัดคนนู้น อย่ายุ่งกับหมอนั่น อย่าช่วยหมอนี่
[การผ่านชั้นแรก ต้องตัดต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่า]
สมาชิกทั้งหมด 100 คน ที่เข้าสู่ดันเจี้ยนจิ้งจอกไฟ ได้รวมตัวกันในช่วงเวลาที่ได้รับข้อความเตือน
“ต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่า?”
“มันเป็นภารกิจค้นหา”
“นี่ไม่ได้แย่นัก เราจะได้ปรับตัวก่อนที่จะไปชั้นต่อไป”
แต่ปฏิกิริยาของสมาคมเมสสิอาห์ และผู้เล่นที่พวกเขาเชิญมานั้นแตกต่างจากกรณีปกติ
ประการแรก ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
“ใครมีความคิดเห็นบ้าง?”
“มีใครต้องการล่ามไหม?”
“ถ้าคุณไม่รู้จักสัญญาณทั่วไป ก็เรียนรู้เดี๋ยวนี้!”
แทนที่จะกระซิบกันภายในกลุ่มของตัวเอง ทุกคนต่างพูดเสียงดังราวกับกำลังแข่งว่าใครพูดดังกว่ากัน
ภาษาเกาหลี อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น ผสมปนเปกันอย่างยุ่งเหยิง ราวไร้คนจัดการ
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พวกเขาจะแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
“ถ้าเจอปัญหา อย่าลืมขอความช่วยเหลือ!”
“ถ้าต้องการอะไร กรุณาถาม!”
นี่คือพลังของสมาคมเมสสิอาห์
พวกเขาทำให้กำแพงแห่งเชื้อชาติ สถานะ และภาษาของคนที่พวกเขารวบรวมมา ไร้ความหมาย
ด้วยวิธีนี้ทุกคนจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อเคลียร์ดันเจี้ยน
‘มันผ่านมานานแล้ว’
นี่คือการปรากฏตัวของสมาคมเมสสิอาห์ ที่คิมวูจินเต็มใจสละชีวิตให้
ผู้ที่พยายามช่วยโลกอย่างกระตือรือร้น ถึงแม้ว่าจะหมายถึงการเสียสละชีวิตก็ตาม
นั่นคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในที่นี้เป็นเช่นนั้น
คนส่วนใหญ่ในที่นี้ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่พวกเขาก็ยังเต็มใจจะสละชีวิต เพื่อให้คนอื่นได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
‘มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง’
ดังนั้นอารมณ์ของคิมวูจินจึงแย่ลงเรื่อย ๆ
เขารู้สึกทุกข์ใจมาก ที่ความมุ่งมั่นอันสูงส่งของคนเหล่านี้เป็นได้แค่การช่วยพัฒนาความทะเยอทะยานของพวกขยะ
แน่นอนว่าคิมวูจินไม่ได้แสดงความรู้สึกอันน่าสังเวชของเขาออกมา
สิ่งที่เขาต้องทำที่นี่ไม่ใช่การแสดงความรู้สึกแย่ ๆ ของเขาหรือการหมกมุ่นอยู่กับการคิดถึงอดีต
Kuohh!!
Kuaah!!
“นั่นออร์ค!”
ทันใดนั้น ราวกับว่ากำลังรอแขกมาเยือนอยู่แล้ว พวกออร์คเริ่มปรากฏตัวออกมาจากรอบ ๆ
ตอนนั้นเอง คิมวูจินได้มองไปยังลีจินอาที่พยักหน้าให้
การล่าเริ่มขึ้นแล้ว
…
สมาคมเมสสิอาห์เป็นสมาคมที่มีการปกปิดมากกว่าที่คนส่วนใหญ่คิด
จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มอีก ในเมื่อสมาชิกถูกบอกว่า อย่าไว้ใจใครนอกจากคนในสมาคมของพวกเขาเอง ทั้ง ๆ ที่พวกเขาร่วมมือกัน?
เมื่อสมาคมเมสสิอาห์ส่งจดหมายมา นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังร้องขอความช่วยเหลือ
ข้อกำหนดในการรับจดหมายเหล่านี้ คือความสามารถของผู้รับต้องเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในสมาคมของตัวเอง ( AD : ความสามารถในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่ “ทักษะ” เท่านั้น แต่มันครอบคลุมกว่า )
นี่คือสาเหตุที่จดหมายของสมาคมเมสสิอาห์มีชื่อเสียงมาก
“วันนี้เรามาแสดงพลังให้สมาคมเมสสิอาห์เห็นกันเถอะ!”
“พวกเราจะไม่แพ้ ต่อให้ตาย เราก็ต้องตายก่อน!”
“เพื่อสมาคมเมสสิอาห์!”
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ผู้ที่ได้รับจดหมายจากสมาคมเมสสิอาห์ถึงรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้แสดงพลังของตัวเอง
โดยปกติแล้ว การต่อสู้ครั้งแรกจะเป็นผู้เล่น 40 คนที่ได้รับคำเชิญจากสมาคมเมสสิอาห์ แทนที่จะเป็นสมาชิกของสมาคมเมสสิอาห์เอง
“นั่นกลุ่มออร์ค”
“ราว 200 ตัว”
ออร์คหลายพันตัวเต็มชั้นแรกของดันเจี้ยน ผู้เล่นที่ได้รับเชิญก็เตรียมตัวเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่น่ากลัวเหล่านั้น
“อย่ามัวแต่หลบอยู่ข้างหลัง!”
“แสดงทักษะของพวกคุณให้เราเห็น!”
ทุกคนออกไปแข่งกันล่ามอนสเตอร์
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นค่อนข้างจะน่าตื่นเต้น
โดยไม่รู้ว่าการถอยคืออะไร ผู้เล่นที่ไม่คิดจะถอยกลับมาได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และพลังมากกว่าปกติ
พวกเขาดึงพลังออกมาถึง 120% ในขณะที่ต่อสู้กับออร์ค
การแข่งกันระหว่างพวกเขาค่อนข้างดี
Rattle!
จนกระทั่งคิมวูจินเรียกโครงกระดูกทั้งเก้าออกมา
“อัญเชิญโครงกระดูก”
สถานการณ์ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เกิดขึ้นทันทีที่จำนวนโครงกระดูกกลายเป็นสิบตัว
ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังต่อสู้อยู่ คิมวูจินกับโครงกระดูกของเขาก็เริ่มเข่นฆ่ามอนสเตอร์อย่างจริงจัง
‘โอ้พระเจ้า’
‘นี่มันเป็นไปได้ยังไง?’
มันยากจะเชื่อ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็น ๆ กันอยู่
ในสถานการณ์ที่น่าตกใจนี้ คิมวูจินยังคงก้าวไปข้างหน้าในขณะที่คิดอยู่
‘ตอนนี้จำนวนทหารโครงกระดูกที่ฉันเรียกได้คือ 30 ตัว’
เพราะแหวนพลัส จำนวนโครงกระดูกที่เขาเรียกได้เพิ่มขึ้นเป็น 30 ตัว และ 10 ตัว ก็แค่การเริ่มต้นเท่านั้น
ถ้าให้เปรียบเทียบ มันก็เหมือนกับรถยนต์ที่วิ่งได้ 300 กม. / ชม. กำลังเคลื่อนที่แค่ 100 กม. / ชม.
และคิมวูจินยังมีของขวัญที่สมาคมเมสสิอาห์มอบให้
“อัญเชิญโกเลม”
[อัญเชิญโกเลม]
โกเลมตัวนี้คือของขวัญ
แน่นอนว่าด้วยตัวของมันเอง โกเลมไม่ได้มีพลังต่อสู้มากนัก
ไม่ว่ามันจะแพงมากแค่ไหน มันก็ไม่ต่างอะไรจากโล่เดินได้
แต่การปรากฏตัวของโกเลมมีผลกระทบมากกว่าโครงกระดูกทั้งสิบตัว
‘โอเค’
ทันทีที่โกเลมปรากฏตัว ลีจินอาที่ทำหน้าที่เป็นแทงค์ก็เริ่มหันไปโจมตีทันที
“สปาซิบา!”
ลีจินอา โล่ที่กลายเป็นหอกมีพลังล้นเหลือ เขาพุ่งตัวเข้าหาออร์คกลุ่มใหญ่อย่างไม่ลังเล และเริ่มบดขยี้หัวพวกมันด้วยกำปั้นของเขา
บูม!
ตัวที่หลุดรอดจากการโจมตีของลีจินอาก็จะถูกจัดการโดยทหารโครงกระดูก
เมื่อจำนวนโครงกระดูกกลายเป็นยี่สิบตัว มันก็ไม่ใช่การแข่งขันอีกต่อไป
“พวกเขาอยู่คนละโลกกับเราเลย”
“นั่นคือนักล่างูเข็มคนแรก”
แทนที่จะแข่งกัน พวกเขากลับเต็มไปด้วยความหวัง
‘ถ้ามีสัตว์ประหลาดแบบนี้ เราสามารถกำจัดจิ้งจอกไฟได้’
‘เราเคลียร์ได้แน่นอน’
คิมวูจินกับลีจินอา ด้วยคนทั้งสองนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะเคลียร์ดันเจี้ยนได้ด้วยการเสียสละเพียงเล็กน้อย
ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในหัวของทุกคน
‘มันยังไม่พอ’
มีแค่คิมวูจินเท่านั้นที่ไม่กล้าเชื่อว่าเขาจะล่าจิ้งจอกไฟได้ด้วยระดับที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้
‘ฉันต้องรวบรวมศพอย่างน้อย 3,000 ศพในชั้นที่หนึ่ง’
ดังนั้นคิมวูจินจึงไม่หยุดก้าวไปข้างหน้า
( AD : เปลี่ยนคนแปลนะคะ พี่คนแปลนอยด์ เลิกแปลไปแล้ว ตอนนี้ AD ที่ปกติเป็นคนลงนิยายให้คนแปลรับแปลเอง จะพยายามแปลให้เหมือนเดิมนะคะ AD ไม่ค่อยว่างนะ อ่านหนังสือสอบ )