Kill the Hero 085
ตอนที่คิมวูจินก้าวออกมาจากดันเจี้ยนเกท คนที่เขาพบก็ไม่ใช่ใครนอกจากกองทัพเกาหลีเหนือ
กองทัพพร้อมปืนไรเฟิลจู่โจม ไทป์-88 และเครื่องแบบทหาร ใครก็ตามที่ไม่ได้สวมเครื่องแบบจะโดดเด่นมากอย่างแน่นอน
“โอ้!”
แน่นอนว่าพวกเขามีปฏิกิริยาทันทีที่เห็นคิมวูจิน พวกเขามีปฏิกิริยาทันที แต่ไม่มีความศัตรู
ตรงกันข้าม ทันทีที่คิมวูจินปรากฏตัว ทหารหน้าตาดุร้ายถือปืนเดินเข้ามาหาคิมวูจินอย่างสุภาพ และส่งวิทยุให้เขา
เขาเข้าใจสถานการณ์ทันทีเมื่อเห็นวิทยุเครื่องนั้น
‘พวกเขาจะรีไซเคิลมันไปเรื่อย ๆ จนกว่าฉันจะตาย’
วิทยุที่ชาวเกาหลีส่งให้คิมวูจินนั้น ดูคุ้นเคยราวกับเป็นหนึ่งในทหารโครงกระดูกของเขา
เขาเปิดวิทยุอย่างไม่รีบร้อน
– อ่า
ทันทีที่เปิดวิทยุ เสียงของโอเซชานก็ดังออกมาทันที
– ทำไมนายถึงแตะต้องเขา?
แต่ความรู้สึกในน้ำเสียงของโอเซชานไม่ใช่สิ่งที่คิมวูจินเคยได้ยินจากเขา
โอเซชานมีอารมณ์ร่วมน้อยที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา
เคยได้ยินแต่เสียงของหุ่นยนต์ที่เริ่มเหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตอนที่เขาได้ยินเสียงของโอเซชานกลับก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเครื่องจักรกล
– ฉันหวังว่านายจะไม่ตอแหลว่า ‘ฉันไม่รู้ว่า ซุซุกิ เอจิ เป็นใคร’ นะ
แม้เขาจะพูดมากขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ในน้ำเสียงของเขา
อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของเขาชัดเจนมาก
บทสนทนาที่พวกเขาต้องคุยกัน ไม่ใช่เรื่องตลกหรือจะล้อเล่นได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคืออย่าใส่อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปในนั้น
“เขาเป็นหมาล่าเนื้อของสมาคมเมสสิอาห์”
ดังนั้นคิมวูจินจึงไม่ได้ล้อเล่นหรือแก้ตัวแบบขอไปที
“เพราะงั้นฉันก็เลยฆ่าเขา”
หลังจากที่เขาได้ยินแบบนี้ โอเซชานก็เงียบไปนาน คิมวูจินไม่ได้ปิดวิทยุ และรอให้โอเซชานพูด
– อ่า โทษที
ไม่นานโอเซชานก็ทำลายความเงียบ
– ฉันอึ้งไปพักหนึ่ง เพราะไม่คิดว่าจะตอบกลับมาเร็วขนาดนั้น
น้ำเสียงของโอเซชาน ตอนที่เขาทำลายความเงียบในที่สุด มันแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
– จริง ๆ แล้ว ฉันเคยเห็นอะไรแบบนี้ในหนัง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองใช้มันในชีวิตจริง มันทำยากกว่าที่คิด และมันก็เหมือนกับคนโง่เลย อ่า ฉันไม่ได้บอกว่าฉันพยายามจะเป็นคนโง่ มันฟังดูโง่ไปหน่อย ใช่ไหม?
เมื่อเสียงของโอเซชานดังมาทางวิทยุ คิมวูจินก็ยิ้มเล็กน้อย
‘ฉันอยากเจอเขาสักครั้ง’
เขาคิดว่าอยากเจอโอเซชานด้วยตัวเอง และคุยกัน
ขณะที่คิมวูจินคิดเช่นนี้ เสียงของโอเซชานยังคงดังต่อไป
– ด้วยความสัตย์จริง ฉันรู้เจตนาของนาย นายพยายามแสดงให้ฉันเห็นว่านายไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับสมาคมเมสสิอาห์ ด้วยการฆ่าหมาล่าเนื้อตัวโปรดของพวกเขา เพื่อบอกว่าสมาคมเมสสิอาห์เป็นศัตรูของนาย
สมมติฐานของเขาถูกต้อง
– นอกจากนี้นายอยากตรวจสอบว่าฉันอยู่ข้างสมาคมเมสสิอาห์ไหม ถ้าฉันอยู่ข้างเดียวกับพวกเขา ฉันจะต้องเจาะหัวนายด้วยกระสุนปืนไรเฟิล ไม่ใช่ให้วิทยุนาย
นี่เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ถูกต้อง
– และเช่นกัน นายกำลังพิสูจน์ว่านายรู้ว่าพวกสมาคมเมสสิอาห์ไม่ใช่ฮีโร่ที่พยายามจะกอบกู้โลกจริง ๆ
และแน่นอนว่าสิ่งสุดท้ายที่เขาพูดก็ถูกต้องเช่นกัน
– ฉันยังเชื่อใจนายไม่ได้ซะทีเดียว พวกที่เล่นเป็นผู้กอบกู้โลกที่จะกลืนกินโลก พวกเขาจะสร้างพันธมิตรที่น่าเชื่อถืออย่างนายเพื่อไล่ล่าหัวฉัน
ตอนที่โอเซชานพูดแบบนี้ คิมวูจินก็ไม่แปลกใจ แต่เขาพยักหน้าแทน
“การระมัดระวังตัวไม่ได้ผิดอะไร”
– ฉันไม่ได้ระมัดระวังขนาดนั้น แต่กับคู่ต่อสู้แบบนี้ ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากซ่อนตัวไว้ อย่างน้อยก็ในความคิดของฉัน สมาคมเมสสิอาห์คือตัวร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
คิมวูจินคิดไว้แล้วว่าโอเซชานอาจจะพูดอะไรแบบนี้
‘เขารู้ดี’
จากทุกคนในโลก โอเซชานน่าจะเป็นคนที่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของสมาคมเมสสิอาห์มากที่สุด
ด้วยเหตุนี้ คิมวูจินจึงไม่กังวลเลย
ถ้าเขารู้จักหน้าตาที่แท้จริงของสมาคมเมสสิอาห์ดี เขาก็จะไม่ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ
– แต่จากมุมมองของฉัน ฉันไม่แนะนำให้นายเมินทหารที่มาทักทายนาย ท้ายที่สุดพวกเขาก็ทำงานร่วมกับเรา สายตาของโลก สายตาที่มองหาความจริง วิธีจัดการกับศัตรูของเราเหมือนสัตว์ร้ายในตำนานเมือง
ตอนนั้นเอง
– สัตว์ป่ามันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ แค่ขนมันไม่เหมือนกันเท่านั้น แต่การที่เราจะใช้โทรศัพท์สาธารณะพูดคุยกันมันก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป การสนทนาสั้น ๆ ใช้วิทยุจะดีกว่า มาทำให้จบเถอะ จะได้กินข้าวกันซะที ฉันไม่ได้กินอะไรมาสามชั่วโมงแล้ว
– นายคุยเสร็จรึยัง?
จากวิทยุเขาได้ยินเสียงของลีจินอา
– เฮ้! พวกนายกำลังพูดเรื่องสำคัญสินะ หา! อ่า โทษที ไอ้บ้านั่นมาวุ่นวายนิดหน่อย แล้วมาคุยเรื่องนี้กัน ตอนที่นายกลับมาแล้ว ถ้านายจะล่าสมาชิกคนสำคัญของสมาคมเมสสิอาห์ นายควรได้รับรางวัลที่ตรงกับสิ่งนั้น ฉันจะเป็นรัศมีใหม่ของนาย ให้มากับให้กลับ นายจะพูดอะไรนะ?
ได้รางวัลจากการล่าบุคลากรของสมาคมเมสสิอาห์
จากมุมมองของคิมวูจินไม่มีเหตุผลที่เขาจะปฏิเสธ
“งั้นค่าหัวของ ซุซุกิ เอจิ นี่เท่าไร?”
แน่นอนว่าคิมวูจินตั้งใจจะรับส่วนแบ่งจาก ซุซุกิ เอจิ ขณะที่เขาอยู่ที่นี่
– เขาเป็นหมาล่าเนื้อที่ดีที่สุดของสมาคมเมสสิอาห์ที่สามารถเคลียร์ดันเจี้ยนสองชั้นได้อย่างง่ายดาย แต่เพราะมันเป็นดันเจี้ยนสองชั้น และเพราะมันไม่ได้มีการจองล่วงหน้า ฉันอาจจะให้นายเพิ่มอีกสักหน่อย … (โอเซชาน)
– ฮะ จริงเหรอ? ว้าว นี่มันสองมาตรฐานชัด ๆ! ให้ฉันด้วยสิ!
– เฮ้ จริง ๆ เลย เฮ้! ลีจินอา! ออกไป! ไสหัวไปไอ้บ้านี่!
ตอนที่เขาได้ยินเสียงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง คิมวูจินก็ยังไม่ตอบสนอง
‘อะไรก็ช่าง’
ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธสิ่งที่มอบให้กับเขา
‘ไม่ว่าเขาจะให้อะไรฉัน เขาอาจจะได้รับมากกว่านั้น’
ขณะเดียวกัน เขาก็ต้องพอใจกับสิ่งที่เขาได้รับ
‘เพราะต่อจากนี้ มันจะยากมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว’
การฆ่า ซุซุกิ เอจิ มัยเป็นคนละเรื่องกับยังจีฮุน และคิมแจฮุน ในสายตาของสมาคมเมสสิอาห์ การเสียชีวิตของยังจีฮุน และคิมแจฮุนอาจถือว่าเป็นอุบัติเหตุได้
แต่ ซุซุกิ เอจิ นั้นแตกต่างออกไป
เขาคือหมาล่าเนื้อที่พระเมสสิอาห์เลี้ยงดูเป็นพิเศษ โดยปกติแล้วความระมัดระวังของพวกเขาจะสูงขึ้นมาก เมื่อมีการข้ามพรมแดน
ภายใต้การเฝ้าระวังเช่นนี้ คิมวูจินจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก เพื่อจะบรรลุสิ่งที่เขาต้องการ
‘การจับลีเซจุนยังไม่เพียงพอ’
จริง ๆ แล้ว เขายังห่างไกลจากการจับเป้าหมายที่แท้จริงของเขา ลีเซจุน
ถ้าเขาทำใจเรื่องที่เคยเป็นหมาล่าเนื้อของลีเซจุนได้ เขาคงจะไม่เริ่มการแก้แค้นตั้งแต่แรก
“มาทำข้อตกลงกันเถอะ”
– ข้อตกลงเหรอ?
“ฉันจะรับรางวัลล่วงหน้าได้ไหม ถ้าตัดสินใจจะล่าใครบางคน?”
– นายอยากให้ฉันจ่ายเงินล่วงหน้าก่อนที่จะได้ผลลัพธ์งั้นเหรอ?
โอเซชานความประหลาดใจ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม
– มีเหตุผลอะไร?
จากมุมมองของโอเซชาน ข้อเสนอของคิมวูจินนั้นค่อนข้างยากที่จะเข้าใจ
ถ้าคุณทำได้ดี การได้รับโบนัสหลังจากจบภารกิจมันก็ดีกว่า ถ้าคุณมีดีจริง คุณอาจจะได้รับสิ่งที่ดียิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของโอเซชาน คิมวูจินเป็นสัตว์ประหลาดที่จะไม่ถูกคุกคามในดันเจี้ยนสองชั้นอีกต่อไป
เขาคิดว่าคิมวูจินกำลังพยายามขาดทุน เพื่อจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ถึงแม้ว่ามันจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่มันก็ยังค่อนข้างแปลกอยู่ดี
คำตอบของคิมวูจินเรียบง่าย
“มีผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันต้องฆ่าให้ได้”
โอเซชานลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูด
– …ฉันไม่อยากยอมรับข้อเสนอนี้ แต่ครั้งนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเช่นกัน ฉันจะให้รางวัลใหญ่สำหรับ ซุซุกิ เอจิ และจะเพิ่มให้อีกเล็กน้อย
โอเซชานลังเลที่จะยอมรับคำขอของคิมวูจิน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
– สมาคมเมสสิอาห์ส่งจดหมายให้ไอแซค อิวานอฟ
นั่นเป็นเพราะจดหมายของสมาคมเมสสิอาห์มาถึงแล้ว