Kill the Hero 051
วันที่อันตรายที่สุดในภารกิจเอาชีวิตรอดคือวันที่ 2 วันแรกมีการต่อสู้ขนาดใหญ่ 2-3 ครั้ง เพราะผู้เล่นกับมอนสเตอร์จะใช้เวลาตรวจสอบสภาพแวดล้อมของตัวเอง เมื่อเสร็จสิ้น การต่อสู้ที่แท้จริงก็จะเริ่มขึ้น
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ แม้แต่ในขณะที่ต่อสู้อยู่ ผู้เล่นก็ต้องตื่นตัวกับอันตรายอื่น ๆ อย่างเช่น เวลาต่อสู้กับฝูงก็อบลิน ในระหว่างการต่อสู้มีความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีโดยกลุ่มโคโบลด์หรือออร์ค การต่อสู้ระดับนี้ จะกระตุ้นมอนสเตอร์อื่นที่อยู่ใกล้ ๆ และเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดความบ้าคลั่งหรือที่เรียกกันว่า มอนสเตอร์เวฟ
นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นเลือกที่จะเคลื่อนไหวต่อไปแทนที่จะปักหลักอยู่ที่เดียว
“นี่มันไม่เงียบเกินไปเหรอ? ”
“นั่นสิ…”
ผู้เล่นในดันเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าพวกเขากำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ตรงข้ามกับที่คิดไว้
วันที่ 2 ผู้เล่นได้เตรียมเผชิญหน้ากับการต่อสู้ครั้งใหญ่ แต่กลับพบกับความเงียบแทน
“วันที่ 2 ก็เงียบ แต่วันที่ 3 ก็ด้วยงั้นเหรอ? ”
แม้ว่าวันที่ 3 จะผ่านพ้นไป แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของการเกิดมอนสเตอร์เวฟเลย ความจริงการจะได้เจอกับมอนสเตอร์อื่น ๆ ยังยากเลย
“นี่คือภารกิจเอาชีวิตรอดจริง ๆ ใช่ไหม? ”
“ก็ควรจะเป็นแบบนั้นนะ…”
ไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์
“แน่ใจนะว่าเราอยู่ในดันเจี้ยน A+? ”
ความยากของภารกิจในดันเจี้ยนระดับ A+ ควรจะยากกว่าดันเจี้ยนอื่นมาก และการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนั้นควรจะยากมากด้วยเช่นกัน แต่นี่ไม่มีวี่แววของการสู้รบดังกล่าวเลย
“ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ไม่อย่างนั้นมันก็ไร้เหตุผลมากที่ไม่มีมอนสเตอร์อยู่ในดันเจี้ยนเลย”
“ฉันไม่รู้ เราต้องหาก่อนว่ามีอะไรเกิดขึ้น”
บางคนจึงเริ่มค้นหาเบาะแส
“โอ้ พระเจ้า…นี่มันซากมอนสเตอร์ทั้งหมดเลยใช่ไหม? ”
“มีกี่ตัวที่ตายเนี่ย? ”
“…ฉันว่า…อย่างน้อยก็ 100 ตัว”
บรรดาผู้ที่เริ่มค้นหาได้พบกับที่ที่เต็มไปด้วยศพมอนสเตอร์กองสูงเหมือนภูเขา และมันไม่ได้มีแค่ที่เดียว สถานที่แบบนี้พบได้ทั่วทั้งป่าเลย
“ใครเป็นทำแบบนี้นะ? “
นี่เป็นการพิสูจน์ว่ามีใครบางคนกำลังล่ามอนสเตอร์อยู่
“ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่มันไม่ใช่เรื่องปกติแน่”
“นี่เป็นเหตุการณ์ที่พบได้ยากสินะ? ”
“มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่หายาก ดูนั่น”
“นั่น…หือ? นั่นมันรั้วรึเปล่า? ”
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำด้วยพละกำลังไปซะทั้งหมด
“พวกนั้นสร้างรั้วกับกำแพงเขาวงกต เพื่อทำให้มอนสเตอร์สับสน ดูที่พื้นนี่มีรอยขุดเต็มไปหมด”
“มันเป็นกับดักขนาดยักษ์”
“ตรงนี้ นายไม่น่าจะเรียกมันว่ากับดักนะ มันคือนรก”
กองศพขนาดใหญ่ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการใช้กับดักที่ซับซ้อน ผู้เล่นที่ออกค้นหาทุกคนตัวสั่น ทั้งที่พวกเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
‘พระเจ้าช่วย’
ลีจินอาไม่รู้จะพูดอะไรขณะที่เขามองไปยังร่างของออร์ค ลิซาร์ดแมน และก็อบลินตรงหน้า
พวกมันคือมอนสเตอร์ที่เขาล่า แต่พวกมันไม่ได้ถูกล่าแบบที่เขามักจะทำ
‘นี่คือวิธีล่าของหมอนี่เหรอ? ’
มันเป็นวิธีการของคิมวูจิน
‘นายล่าอย่างกับคนบ้าแบบนี้ได้ยังไง? ’
จากมุมมองของลีจินอา วิธีนี้เป็นวิธีที่เกินคาดไปแล้ว
ตอนที่ลีจินอาล่ามอนสเตอร์ มันเหมือนกับสิงโตล่าหมาป่า เขาจะวางแผน และใช้ไอเทม แต่สุดท้ายมันก็ยังล่าด้วยพลังของเขาเอง
แต่คิมวูจินแตกต่างออกไป
คิมวูจินไม่ได้เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ตรง ๆ ถึงเขาจะฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้กำลัง แต่ก็ไม่ทำ
หลังจากหาสถานที่ที่เหมาะสมแล้ว คิมวูจินก็ใช้กำแพงรั้ว และอุปสรรคทางธรรมชาติในการสร้างเขาวงกตก่อน จากนั้นใช้ทักษะอาวุธเลือด ติดตั้งตะปู ดาบ อาวุธ และกับดักอื่น ๆ ทั่วเขาวงกต เมื่อสร้างเสร็จแล้ว คิมวูจินก็ใช้ทหารโครงกระดูกล่อมอนสเตอร์เข้ามาในเขาวงกต
มอนสเตอร์ที่ถูกล่อมาต้องทนทุกข์ทรมานจากเลือดพิษ รวมทั้งได้รับบาดแผลจากอาวุธเลือด และอาวุธกระดูกที่ติดตั้งในเขาวงกต ก่อนที่จะต้องสู้กับลีจินอา และทหารโครงกระดูกต่อ
ผลที่ได้ก็เหมือนกับที่พวกผู้เล่นเห็นก่อนหน้านี้ ศพกองพะเนินเป็นภูเขา เลือดไหลเป็นสายน้ำ
คิมวูจินใช้ร่างของมอนสเตอร์สร้างอาวุธเลือด และอาวุธกระดูกขึ้นมา
‘เมื่อจำนวนร่างเพิ่มขึ้น หมอนี่ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ‘
ยิ่งพวกเขาต่อสู้กับมอนสเตอร์มากเท่าไร พวกเขาก็ฆ่ามอนสเตอร์มากขึ้นนั้น และคิมวูจินก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
Gulp!
เมื่อเขาคิดได้ ลีจินอาก็หันไปมองคิมวูจินที่ยืนอยู่บนต้นไม้ โดยสวมหน้ากากกริมรีปเปอร์ปิดใบหน้าไว้
ทันใดนั้น เขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อคิมวูจินถอดหน้ากาก และหันมาหา
“เกิดอะไรขึ้น? ”
คิมวูจินตอบขณะที่เขากระโดดลงข้าง ๆ ลีจินอา
“สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว”
“อะไร? “
อะไรที่เปลี่ยนไป?
‘เกิดอะไรขึ้น? ‘
ถ้าคิมวูจินที่เลิกล่ามอนสเตอร์ เพราะการวอร์มอัพธรรมดา ๆ พูดแบบนี้ นั่นหมายความว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างฝูงมอนสเตอร์หรืออะไรทำนองนั้น
ลีจินอาเกร็งขึ้น
“ฮะ? มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งจริง ๆ ปรากฏตัวงั้นเหรอ? หรือผู้เล่นคนอื่นพบตำแหน่งของเราแล้ว และกำลังจะมาฆ่าเรา? ”
แทนที่จะตอบ คิมวูจินกลับเดินเข้าหาภูเขาซากศพ และร่ายมนตร์ใส่ศพออร์คที่อยู่ตรงกลาง
“อัญเชิญโครงกระดูก”
เมื่อคาถาเปิดใช้งาน ผิวหนัง และเนื้อของออร์คก็ละลายเหลือแค่กระดูกที่ลุกขึ้น จากนั้นเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นภายในดวงตาของมัน
ลีจินอาที่เห็นสิ่งนี้ถึงกับงง
“ห๊ะ – อะไรเนี่ย? ”
‘เขาเรียกพวกมันได้แค่ 9 ตัวไม่ใช่เหรอ? ’
เท่าที่ลีจินอารู้ คิมวูจินเรียกทหารโครงกระดูกได้แค่ 9 ตัว แต่ตอนนี้ คิมวูจินอัญเชิญมาเพิ่มอีกหนึ่งเป็น 10 ตัว และนั่นยังไม่หมด ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เรียกตัวที่ 11, 12
“นาย – นายเรียกโครงกระดูกได้ 9 ตัว ไม่ใช้รึไง? ”
ฉากนี้ ทำให้ลีจินอารู้สึกกลัวมาก และเขาก็อดถามไม่ได้
คราวนี้ คิมวูจินตอบ
“ฉันเรียกได้แค่ 9 คน”
เมื่อพูดแบบนั้น เขาก็เรียกทหารโครงกระดูกตัวที่ 13 ออกมา
“จนถึงก่อนหน้านี้”
คิมวูจินจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วได้
[ทุกคนหวาดกลัวคุณ]
[ทูตแห่งนรก ชื่นชมการกระทำของคุณ]
[ทูตแห่งนรก มอบพลังส่วนหนึ่งให้คุณ]
[ระดับทักษะเชี่ยวชาญนักรบโครงกระดูกเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]
เมื่อเขามองไปยังหน้าต่างทักษะหลังจากได้ยินแจ้งเตือน ดวงตาของคิมวูจินก็เบิกกว้าง
[เชี่ยวชาญนักรบโครงกระดูก]
– ระดับ : D
– รายละเอียด : เพิ่มความสามารถของโครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญ และเพิ่มจำนวนสูงสุดที่สามารถอัญเชิญได้ ผลของทักษะจะเพิ่มขึ้นตามระดับทักษะ
– ความสามารถของโครงกระดูกเพิ่มขึ้น 15%
– อัญเชิญทหารโครงกระดูก +8
คิมวูจินยิ้ม
‘โยฮันน์ จอร์จคงจะอิจฉาน่าดู’
กำลังพลมีความสำคัญมากในการรบ และความแตกต่างระหว่าง 9 ตัว กับ 13 ตัว ก็เปลี่ยนยุทธวิธีที่ใช้ได้มาก โดยธรรมชาติแล้ว คิมวูจินรู้วิธีเพิ่มความแตกต่างให้มากที่สุดได้
“นาย 4 ตัว ยิงธนู”
ดังนั้นทหารโครงกระดูกใหม่ทั้ง 4 จึงถูกเปลี่ยนเป็นนักธนู และจำนวนยุทธวิธีที่ใช้ของคิมวูจินก็เปลี่ยนไป
“ไปกันเถอะ”
หลังจากใช้กับดักมาอย่างต่อเนื่อง คิมวูจินก็ตัดสินใจล่ามอนสเตอร์แทนที่จะล่อ และดักจับพวกมัน แต่ถ้าคุณมีอำนาจการยิงเพิ่มขึ้นได้ คุณก็ควรใช้มัน
“ใช่ ไปกันเถอะ”
ลีจินอายินดีกับการเปลี่ยนแปลง
“ไปสู้กัน”
การต่อสู้ที่ดุเดือดนั้นดีที่สุด แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับบาดเจ็บก็ตาม
“ฉันจะแสดงให้นายเห็น ว่าฉัน ลีจินอาฆ่ามอนสเตอร์ได้ยังไง! ”
ใบหน้าของลีจินอาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเขาเริ่มลุกโชนด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
“ฮะ? “
แต่ไฟในแววตาลีจินอาก็หรี่ลงเล็กน้อย
“ทำไมนายยังอยู่ข้าง ๆ ฉันล่ะ? ”
เมื่อเห็นการแสดงออกของลีจินอา คิมวูจินก็เดินมายืนหน้าเขา
“ฉันจะนำเอง”
คิมวูจินผู้ควบคุมสนามรบจากด้านหลังมาจนถึงตอนนี้ ได้ยืนอยู่ด้านหน้าแล้ว
ลีจินอาหัวเราะเสียงดังขณะมองไปยังคิมวูจิน
“นายควรทำให้ดีที่สุดนะ ฉันทนอย่างอื่นได้ แต่ฉันทนไม่ได้ ถ้ามีคนอ่อนแอจะมายืนนำหน้าฉัน”