Kill the Hero 050
หลังจากก้าวเข้าประตูพวกเขาก็ถูกล้อมรอบด้วยแสงสีขาว ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบ ๆ
พวกเขาอยู่ในป่า ชวนให้นึกถึงป่าฝนแอมะซอน อากาศร้อนชื้นที่โอบล้อมพวกเขา
[เอาชีวิตรอดเป็นเวลา 5 วัน]
ตอนนั้นเองที่มีการแจ้งเตือนของภารกิจปรากฏขึ้น ทำให้เกือบทุกคนในดันเจี้ยนอุทาน
“อะไรนะ? ภารกิจเอาชีวิตรอด? ”
“เชี่ย! โคตรจะเลวร้าย!”
“Shit! “
‘ภารกิจเอาชีวิตรอด …ในท้ายที่สุด ถึงแม้ว่าอยากจะออกไป แต่ก็ยังต้องอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 4 วัน’
ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรในชั้นแรก ก็ต้องใช้เวลา 5 วัน แต่สำหรับดันเจี้ยน 2 ชั้น การเคลียร์ชั้นที่ 1 ให้จบโดยเร็วจะดีที่สุด
“ภารกิจเอาชีวิตรอดในดันเจี้ยนระดับ A+ …หมายความว่าอาจจะมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากสินะ”
ภารกิจเอาชีวิตรอดไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าผู้เล่นหลายคนยิ่งกังวลมากขึ้นรวมถึงลีจินอาด้วย
เขาหันไปถามคิมวูจินว่า
“พวกเราจะทำอะไร? “
“เริ่มการทดสอบ”
“ทดสอบ? “
เมื่อลีจินอานึกถึงการทดสอบครั้งสุดท้ายได้ เขาก็หนาวไปถึงกระดูกสันหลังเลย และขาก็สั่นเล็กน้อย
“ฉันต้องทดสอบไอเทมใหม่”
“โอ – โอ้! ใช่! “
มีความโล่งใจอยู่บนใบหน้าของลีจินอา หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มเคลื่อนไหว
Cheoduk!
ก็อบลินผู้โดดเดี่ยวสะดุดล้มลงกับพื้น มีลูกศรยื่นออกมาจากหลังของมัน ก็อบลินที่เพิ่งเดินผ่านพุ่มไม้ตอนนี้นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ลูกศรเพียงดอกเดียวแทงทะลุหัวใจของมัน เป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
“อะไรกันเนี่ย?”
ลีจินอาที่เห็นการสังหารจากด้านข้างแทบจะอ้าปากค้าง
‘เป็นไปได้ไหมที่จะยิงโดนจุดสำคัญจากระยะไกลขนาดนี้? ’
การฆ่าก็อบลินด้วยลูกศรเพียงลูกเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะฆ่าก็อบลินที่เคลื่อนไหวในป่าทั้งที่อยู่ห่างออกไปเกิน 100 เมตรด้วยลูกศรเพียงดอกเดียวนั้นยากจนน่าเหลือเชื่อ
ตอนนั้นเองที่ลีจินอาบอกกับตัวเองอย่างแน่วแน่
‘ไม่ต้องไปสนใจเรื่องนี้มาก’
เขาตัดสินใจจะไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคิมวูจินอีกแล้ว
ในขณะเดียวกัน คิมวูจินที่ล่าจบแล้วยังไม่ขยับ
‘ไม่มีอะไรอยู่ใกล้ ๆ ’
หลังจากยืนยันว่าไม่มีมอนสเตอร์หรือผู้เล่นอยู่ใกล้กับพวกเขาหรือก็อบลินตัวนั้น คิมวูจินก็เข้าไปใกล้เหยื่อที่ตายแล้ว
[อัญเชิญโครงกระดูก]
ทันทีที่มาถึงศพ คิมวูจินก็อัญเชิญโครงกระดูกออกมา
“ฮิฮิ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เมื่อลีจินอาเห็นทหารโครงกระดูกตัวใหม่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้ และพยายามที่จะลูบหัวของมัน
ยังไงก็ตาม ทหารโครงกระดูกถอยหลัง และหลบเลี่ยงมือของเขา
“เอ๊ะ? ”
ลีจินอาขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่ทหารโครงกระดูกถอยไป ก่อนจะเอื้อมมือไปหาโครงกระดูกที่หลบเลี่ยงเขาอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า! แล้วมาดูกันว่านายจะทำอะไรได้!”
Boom!
การเผชิญหน้าที่แปลกประหลาดในการเข้าใกล้ และหลบหลีกก็เกิดขึ้นระหว่างลีจินอากับโครงกระดูก
ขณะที่มองฉากแปลก ๆ นี้ คิมวูจินก็เอาหน้ากากกริมรีปเปอร์ออกมาแล้วสวมมัน
[ได้รับความสำเร็จ ‘ผู้สวมใส่หน้ากากผู้เก็บเกี่ยวความตาย’ ]
เขาได้ยินแจ้งเตือน แต่ดูเหมือนจะไม่มีเอฟเฟกต์พิเศษใด ๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนสวมหน้ากากธรรมดา
แต่เมื่อหันไปทางลีจินอากับโครงกระดูกที่กำลังต่อสู้กันอยู่ เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่น่าสนใจ
‘หืม? ‘
บนหัวของโครงกระดูกมีด้ายสีดำลอยมาทางเขา
พอคิมวูจินเอื้อมมือไปจับด้ายก็มีแจ้งเตือนปรากฏขึ้น
[เชื่อมต่อกับโครงกระดูก]
ทหารโครงกระดูกหยุดเคลื่อนไหวทันทีที่แจ้งเตือนดังขึ้น และในขณะเดียวกัน มุมมองของโครงกระดูกก็ปรากฏในสายตาของคิมวูจิน
“ฮ่า! จับได้แล้ว!”
จากนั้นลีจินอาก็พุ่งไปข้างหน้า และกดมือไปที่กะโหลกของโครงกระดูก
‘ฉันเข้าใจแล้ว’
จากนั้น คิมวูจินก็เข้าใจความสามารถของหน้ากากกริมรีปเปอร์อย่างแท้จริง สิ่งที่หน้ากากทำคือควบคุมมอนสเตอร์อันเดดที่ถูกอัญเชิญมา
ถ้าใช้หน้ากาก คุณจะเห็นสิ่งที่มอนสเตอร์มองเห็นได้
‘ฉันควบคุมมันได้ด้วย…’
ดูเหมือนเขาจะยังควบคุมมันได้ด้วย
“เอามือออกไป”
และดูเหมือนว่าเขาจะใช้ทหารโครงกระดูกพูดได้
“โอ้…หา…ฮะ!”
ลีจินอาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าของเขาซีดขาว
“โครง- โครงกระดูกพูดได้? ”
ขณะที่โครงกระดูกจ้องมองมาที่เขา ลีจินอาก็อดจะกลืนน้ำลายไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อดวงตาที่ลุกเป็นไฟของโครงกระดูก เริ่มกลายเป็นเปลวไฟสีทอง
[ดวงตาแห่งฮอรัสเปิดออก]
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในหูของคิมวูจิน และเขาก็อดคิดไม่ได้
‘โยฮันน์ จอร์จ ต้องอิจฉาแทบตายแน่’
ภารกิจเอาชีวิตรอด
มันเป็นภารกิจที่มีเงื่อนไขเดียว อยู่รอดให้ถึงช่วงเวลาที่กำหนดไว้
ในแง่หนึ่ง มันเป็นภารกิจที่ง่ายมาก เป็นเรื่องปกติที่มักจะคิดกันว่าภารกิจล่ามอนสเตอร์ที่น่ากลัวหรือฆ่ามอนสเตอร์พันตัวจะทำสำเร็จได้ยากกว่า แต่สถานการณ์จะแตกต่างออกไป
“พระเจ้าเฮงซวย! ภารกิจเอาชีวิตรอดนี่เหมือนกับสวรรค์ของมอนสเตอร์เลย …”
มอนสเตอร์ที่พบได้ในภารกิจเอาชีวิตรอดนั้นมีมากกว่าภารกิจประเภทอื่น ๆ
“ไม่ใช่แค่มีจำนวนมากนะ แต่ที่น่ารำคาญกว่าคือมันมีกี่ประเภทเนี่ย!”
ตัวอย่างเช่น เมื่อทำภารกิจฆ่าออร์ค 1,000 ตัว ปกติแล้ว มอนสเตอร์ประเภทเดียวที่ผู้เล่นจะได้พบก็คือ ออร์ค และจำนวนทั้งหมดที่พบจะอยู่ระหว่าง 1,000 – 3,000 ตัว ขึ้นอยู่กับความยากของภารกิจ
แต่ในภารกิจเอาชีวิตรอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่จำกัดเวลาถึง 5 วัน เราอาจจะได้เจอกับมอนสเตอร์ทุกประเภทที่อาศัยอยู่ในชั้นที่ 1 และจำนวนของพวกมันก็จะแตกต่างกันไป
“ระดับ A+ กับภารกิจเอาชีวิตรอด…เป็นการผสมผสานที่แย่ที่สุดเลย”
“ฉันไม่อยากจะคิดเลยด้วยซ้ำว่ามันจะมีมากแค่ไหน”
ด้วยระดับ A+ เป็นไปได้มากที่ผู้เล่นจะได้เจอกับมอนสเตอร์ที่มากกว่าที่เคยเจอมา ยิ่งกว่านั้น ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผู้เล่นเหลือทางเลือกอยู่แค่ 2 ทาง
“เราจะทำยังไง? อยู่ที่นี่เหรอ? “
“มอนสเตอร์จะได้กลิ่นอาหาร แล้วแห่กันมาหาเราน่ะสิ แต่มันก็ดีกว่าออกไปล่าพวกมันตลอดเวลา”
ล่า และฆ่ามอนสเตอร์ที่พบหรือพยายามจะอยู่ที่เดิม แล้วต้องทนการโจมตีของมอนสเตอร์ตลอดเวลา
“มันก็ดีกว่าการต้องออกไปล่ะนะ”
ผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกอย่างหลัง
“มีผู้เล่นมากมายอยู่รอบ ๆ เรา เราร่วมมือกับพวกเขาได้”
“เราต้องเคลื่อนที่ไปก่อนสองสามวัน เพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบ”
ไม่ควรจะรีบร้อนตัดสินใจในสภาพแวดล้อมที่คุณไม่รู้ว่ามอนสเตอร์จะมาจากทางไหน และเมื่อคุณไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่แน่นอนว่าทุกคนไม่ได้คิดเหมือนกัน แทนที่จะหนีมอนสเตอร์ ก็ยังมีคนอย่างลีจินอากับคิมวูจินที่เดินตามมอนสเตอร์แทน
ซึ่งไม่ใช่ข่าวดีสำหรับมอนสเตอร์สักเท่าไร
ออร์คทั้งสามที่ต้องเผชิญหน้ากับลีจินอาตอนนี้ พวกออร์คได้เปรียบในด้านจำนวน และขนาดตัว
“นี่คือหมัดอันอ่อนโยนของฉัน!”
Puk!
แต่ออร์คทั้งสามได้บอกว่า ลีจินอานั้นรุนแรงโดยแท้
Puk!
เขาใช้หมัดค่อย ๆ บดขยี้ร่างของออร์คเหมือนกำลังปั้นดินน้ำมัน
Puk!
จมูกหักใต้แรงปะทะ กะโหลกออร์คก็ยุบลงไปถึงหนึ่งในสาม และลอยไปด้านหลังแล้วก็ไม่ตื่นขึ้นอีกเลย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ลีจินอาก็มองไปที่กำปั้นพร้อมกับคิดว่า
‘ฉันก็แข็งแรงเหมือนกัน’
เขาแข็งแกร่ง เขาไม่ได้หมกมุ่นหรือหลงตัวเอง
‘ฉันไม่ได้อ่อนแอ’
ขณะที่คิดแบบนั้น ลีจินอาก็หันหน้าไปมองตรงข้ามกับที่เขาอยู่ มีทหารโครงกระดูกกำลังทำลายล้างออร์ค 5 ตัว สุดท้ายโดยใช้แค่ดาบซิมิทาร์
‘หมอนั่น มันไม่ใช่คนแน่นอน’
เขามองไปยังโครงกระดูก และนึกถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
เมื่อได้รู้ว่าหน้ากากกริมรีปเปอร์สามารถเข้าถึง และควบคุมโครงกระดูกได้ คิมวูจินก็เริ่มทำการทดสอบมันทันที คิมวูจินอยากเห็นว่าตัวเองทำอะไรได้มากแค่ไหนกับการควบคุมที่มี
‘ตอนแรกมันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น…’
ปกติแล้วการควบคุมสิ่งมีชีวิตไม่เหมือนกับการควบคุมตัวละครอย่างการกดปุ่มบนคอนโทรลเลอร์หรือแป้นพิมพ์ มันกลับเหมือนการพยายามทำให้ม้าป่าเชื่อง ตอนแรกมันยังไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คิมวูจินก็ควบคุมทหารโครงกระดูกได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
‘ตอนนี้…นี่มันบ้าไปแล้ว’
ออร์ค 5 ตัว ที่นอนตายอยู่แทบเท้าโครงกระดูกเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด
‘เจ้าโครงกระดูกน้อย ๆ นี่ไม่ตลกเลยนะ…’
ทหารโครงกระดูกที่ถูกคิมวูจินควบคุมมีประสิทธิภาพในการต่อสู้มากกว่าทหารโครงกระดูกปกติถึงสองเท่า
‘ฉันไม่เคยเห็นโครงกระดูกอัญเชิญแบบนี้มาก่อนเลย’
เมื่อใช้โครงกระดูก ทักษะที่คิมวูจินมีอยู่อย่าง อาวุธเลือด และเลือดพิษ จะใช้ไม่ได้ แต่เขายังใช้ทักษะอื่น ๆ อย่าง ดาบกระดูกกับอัญเชิญโครงกระดูกได้
นอกจากนี้ ยังใช้ดวงตาแห่งอนูบิสกับดวงตาแห่งฮอรัสได้ แม้ว่าจะมีโทษก็ตาม เวลาที่ใช้ผ่านทหารโครงกระดูก ทักษะจะใช้พลังเวทมากกว่าปกติถึงประมาณ 3 เท่า
‘ถึงเขาจะฆ่าผ่านทหารโครงกระดูกได้ แต่ประสบการณ์ที่ได้รับก็จะลดลง’
แต่มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำได้ผ่านหน้ากากกริมรีปเปอร์
“ลีจินอา”
ทันใดนั้น ทหารโครงกระดูกก็หันไปหาลีจินอา และเรียกเขา สิ่งนี้ทำให้ลีจินอาทำหน้าเหมือนคนท้องผูก
“ไม่หยาบคายไปหน่อยเรอะ เวลาคุยกับอื่นแบบไม่เห็นหน้าน่ะ? ฮะ? “
มันรู้สึกไม่ดีเลยที่ได้เป็นเหมือนลูกน้องโครงกระดูก
“นายอยากจะลองหมัดอันอ่อนโยนของฉันหน่อยไหม?”
ลีจินอาไม่ยอมถอย เพราะมันเป็นแค่ทหารโครงกระดูกไม่ใช่คิมวูจิน แต่ก่อนที่เขาจะได้ลองทำอะไร …
“นายเป็นยังไงบ้าง?”
เสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารดังขึ้นด้านหลังของลีจินอา
“อึก! “
ลีจินอาตกใจหมุนตัวไปอย่างรวดเร็ว เพื่อมองคิมวูจินที่กำลังเข้ามาใกล้
‘เชี่ย! ไอ้นี่! แกล้งทำเป็นควบคุมโครงกระดูกแล้วเข้ามาทางด้านหลัง!’
“สภาพร่างกายของนายเป็นยังไง?”
ขณะที่ลีจินอากับต่อกับจิตใจอยู่ คิมวูจินก็ถามคำถามซ้ำอีกครั้ง เสียงของเขาต่ำกว่าตอนที่ถามครั้งแรก ราวกับจะบอกว่าเขาจะไม่ถามซ้ำอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ ลีจินอาจึงรีบตอบอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่เป็นไร! พร้อมแจกความอ่อนโยนให้ทุกคน! และไม่ได้มีใครเสียมารยาทด้วย!”
เสียงของลีจินอาฟังดูสุขุมกว่าน้ำเสียงปกติของตัวเองมาก
“ดี ตอนนี้ถึงเวลาล่าแล้ว”
“ฮะ? “
รอยยิ้มของลีจินอาแข็งขึ้น
‘ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่เราไม่ได้ล่าอยู่รึไง? ’
ในสามชั่วโมงที่ผ่านมา นับตั้งแต่ดันเจี้ยนถูกเปิด คิมวูจินกับลีจินอาได้ฆ่ามอนสเตอร์ไปมากกว่า 100 ตัว ผู้เล่นทั่วไปทำแบบนี้ไม่ได้แน่ ต่อให้จะผ่านไปแล้ว 2 วัน ก็ตาม
นั่นไม่ใช่การล่าเรอะ?
“แล้วนายเรียกสิ่งที่เราทำมาจนถึงตอนนี้ว่าอะไร?”
คิมวูจินให้คำตอบง่าย ๆ ว่า
“อุ่นเครื่อง”
เมื่อเห็นว่าคิมวูจินจริงจัง โดยไม่ได้มีอะไรแอบแฝง ลีจินอาจึงรู้ว่าเขาหมายถึงแบบนั้นจริง ๆ
“ที่จริง ฉันคิดว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะทำแบบนี้ต่อไป…ฉันอยู่ที่ไหน? กี่โมงแล้ว…อ๊ะ! ฉันเป็นโรคโลหิตจาง! ใช่ ฉันเป็นโรคโลหิตจางก็เลยเวียนหัวมาก…”
คิมวูจินไม่ได้พูดอะไรกับลีจินอา
Tuk!
กลับกัน ทหารโครงกระดูกกลับเดินเข้ามาหา และเป็นคนแทงลีจินอาเข้าที่ก้น ทำให้ลีจินอากรีดร้องเสียงดัง แล้วกระโดดหนีไป
“เอ็งทำเชี่ยอะไรเนี่ย?!”
“ก็นายบอกว่าเป็นโรคโลหิตจางไง ฉันเลยพยายามจะเสริมธาตุเหล็กให้”
“ธาตุเหล็ก? นั่นไม่ใช่การฉีดยานะ!”
“มันสำคัญเหรอ? ในเมื่อธาตุเหล็กก็เข้าสู่ร่างกายนายอยู่ดี”
“ไอ้สารพัดสัตว์! มันใช่เรอะ! ”
ลีจินอารู้สึกอยากจะร้องไห้จริง ๆ ไอ้คิมวูจินนี่โรคจิตเกินไปแล้ว
คิมวูจินเหลือบมองการแสดงออกของลีจินอา และพยักหน้า
“ในเมื่อนายโกรธได้ขนาดนี้ แสดงว่าโรคโลหิตจางนายหายแล้ว ไปกันเถอะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลีจินอาก็ละทิ้งความพยายามที่ไร้ประโยชน์ของตัวเองไป