Kill the Hero 039-2
ก่อนอื่น ทุกคนเริ่มทำความคุ้นเคย และจดจำใบหน้าของกัน และกัน
คิมวูจินกลั้นขำ ขณะสังเกตการโต้ตอบของพวกเขา
‘พวกเขาคงเบื่อแทบตายที่ต้องพยายามทำตัวเหมือนไม่รู้จักกัน’
คิมวูจินแทบไม่อาจจะกลั้นเสียงหัวเราะของเขาได้ต่อหน้าการแสดงไร้สาระแบบนี้
ที่นี่ไม่มีคนที่ไม่รู้จักกัน
ทุกคนเป็นพันธมิตรกัน และสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นเรียบง่าย
กำจัดคิมวูจิน
สมาคมหัวกะโหลกใช้ไพ่ที่ดีที่สุดเพื่อจัดการเขา
แน่นอนว่าคิมวูจินรู้เหตุผลว่าทำไม
‘นั่นคือราคาที่แตะต้องลูกศิษย์ของเทพนักธนู’
ปาร์คอียอนกับการตายของเธอที่เป็นลูกศิษย์ของเทพนักธนูได้สั่นคลอนสมาคมหัวกะโหลก และสหพันธ์ยามาโตะ
นอกจากนี้ สมาคมหัวกะโหลกจะต้องสันนิษฐานว่ามีคนที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังคิมวูจิน
มันไม่ใช่แค่การฆ่าคิมวูจินเท่านั้น
เหตุผลที่พวกเขาต้องการพาฉันเข้าไปในดันเจี้ยนก็เพื่อจะทรมานฉัน และรีดข้อมูลไป
การได้รายละเอียดจากปากของคิมวูจินนั้นสำคัญกว่าสำหรับสมาคมหัวกะโหลก นั่นคือเหตุผลที่เวทีแห่งนี้ถูกจัดขึ้น
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมสมาคมหัวกะโหลกถึงเต็มใจใช้ไพ่เหล่านี้ เพื่อล่าคิมวูจิน
‘เมื่อเรื่องนี้จบลง มันจะเป็นการทำสงครามกับสมาคมหัวกะโหลก ดังนั้นฉันควรพยายามทำให้มันเดือดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ‘
“ห้องน้ำไปทางไหน?”
คิมวูจินถามจองฮุนยองว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน
“ทางนั้นเลย”
“ขอบคุณ”
ทันทีที่เขาได้ยิน คิมวูจินก็ลุกจากที่นั่ง และมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ
แม้ว่าน้ำจะถูกตัดขาดไปแล้ว แต่การเข้าห้องน้ำที่นี่ก็ยังดีกว่าข้างถนน
ด้านหลังเขาเป็นจองฮุนยองที่ตามเข้ามา
“ไปด้วยกันเถอะ”
คิมวูจินพยักหน้า และทั้งสองคนก็ไปห้องน้ำด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ไม่ได้ทำธุระของตัวเอง
“คิมวูจินสินะ?”
“ใช่ นายเป็นคนคุ้มกัน ใช่ไหม?”
“ควรจะเรียกว่ามือสังหารมากกว่าคนคุ้มกันนะ”
ดวงตาของจองฮุนยองแหลมคม
“เราจะพูดถึงรายละเอียดตอนที่เราอยู่ในดันเจี้ยนแล้ว ดังนั้นขอสรุปสั้น ๆ นะ หน้าที่ของนายคือเป็นเหยื่อล่อ เคลื่อนไหวเอง จากนั้น เราจะดูแลทุกอย่าง และคอยดูแลนายด้วย ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้นจริง ๆ ให้เป่านกหวีด”
จองฮุนยองยื่นนกหวีดให้คิมวูจิน มันเหมือนจะทำจากกระดูกของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง
“ถ้าพวกนั้นโง่ ก็มีโอกาสที่พวกนั้นจะโจมตีตอนอยู่ชั้นที่ 2 ดังนั้นในชั้นแรก เราจะมุ่งเน้นไปที่การเคลียร์ดันเจี้ยน นายควรหลีกเลี่ยงการติดต่อกับเราให้มากที่สุด ถ้าพวกเขาพบว่าเราอยู่ทีมเดียวกัน พวกเขาจะหันสู้แบบเป็นตายกับพวกเราแทน”
คิมวูจินรับนกหวีดมา เขาบีบระหว่างคิ้วของตัวเองขณะที่กำนกหวีดไว้
จองฮุนยองพูดด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง
“นายกังวลเหรอ?”
“อืม…ฉันยกเลิกปฏิบัติการครั้งนี้ได้ไหม?”
คิมวูจินพูดอย่างน่าสงสาร
จองฮุนยองถามด้วยความประหลาดใจ
“นายอยากล้มเลิกเหรอ?”
จองฮุนยองถามเสียงดัง ขณะขยับมือปิดปากตัวเอง
“ว้าว…”
แทนที่จะตอบ คิมวูจินถอนหายใจยาว ๆ แทน
เดาได้ไม่ยาก ว่านั่นหมายถึงอะไร
คงแปลกที่ใครจะใจเย็นอยู่ได้ เมื่อถูกขอให้เป็นเหยื่อล่อในดันเจี้ยน 2 ชั้นครั้งแรกกับคนที่ต้องการฆ่าตัวเอง
‘ฉันก็คงรู้สึกแย่เหมือนกัน ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตัวเอง หืม”
ตรงกันข้าม จองฮุนยองปวดหัวมาก
เขาต้องพาคิมวูจินเข้าดันเจี้ยนเกทให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
‘ให้ตายเถอะ ฉันใช้เงินทั้งหมดที่ได้จากสมาคมหัวกะโหลกไปกับการสร้างตึกแล้ว…’
ไม่อย่างนั้น เขาต้องกระอักกระอ่วนกับเงินที่จ่ายไปแล้วแน่
“นายบอกว่า นายชื่อคิมวูจินใช่ไหม? ”
“ใช่”
“ไม่ยากอย่างที่คิดหรอก มันเป็นดันเจี้ยน 2 ชั้น แต่เป็นแค่ดันเจี้ยนระดับ D+ เอง จริง ๆ นะ ถึงมันจะเป็นดันเจี้ยน 2 ชั้น แต่มันตลกมาก ถ้าเทียบกับดันเจี้ยน A- ที่นายเคลียร์ ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องกลัว”
นั่นเป็นสาเหตุที่จองฮุนยองชักชวนคิมวูจิน
“ที่สำคัญที่สุด ถ้านายยกเลิก แล้วครั้งต่อไปล่ะ? ยังไงเราก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี”
“แต่…”
“มีปัญหาอื่นอีกเหรอ?”
“ฉันตายแบบนี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็จนกว่าฉันจะจ่ายหนี้คืนให้กับคนที่ช่วยเหลือฉัน”
หนี้
คำนั้นแวบขึ้นมาในใจของจองฮุนยอง
“ฉันเข้าใจแล้วว่านายเป็นเพื่อนที่มีความรับผิดชอบมาก”
จองฮุนยองพูดต่อ
“งั้นมาทำเรื่องนี้กัน ฉันจะจ่ายหนี้ให้นายเอง”
“อะไรนะ?”
คิมวูจินประหลาดใจ
จองฮุนยองพูดขณะที่ยิ้มให้
“แต่นายจะเป็นหนี้ฉันแทน”
“แล้ว…”
“นายจะเข้าไปในดันเจี้ยน เพราะเห็นแก่ฉัน แน่นอน ฉันจะไม่บังคับนาย หนี้เท่าไร? ”
คิมวูจินเหยียดนิ้วทั้งสามออกอย่างระมัดระวัง
“30 ล้านวอน?”
“ไม่ 300 ล้านวอน”
“300 ล้านเหรอ?”
มันมากกว่าที่เขาคิดไว้
มันเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าที่คาด
‘ถ้ารวบรวมเงินจำนวนมากขนาดนั้นตอนนี้เลย … ’
คนธรรมดาไม่สามารถรวบรวมเงินจำนวนขนาดนั้นได้ทันที แต่สำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลสูง 20 ก็ไม่ยากเกินที่จะทำถ้าจำเป็น
‘มันไม่ใช่เงินจำนวนมากนัก ถ้าเทียบกับค่าจ้างที่เราจะได้รับจากเรื่องนี้ ไม่ ถ้าเรายึดไอเทมของเขามาเป็นสินค้าที่ขโมยมา … มันก็ไม่ขาดทุนแล้ว’
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจองฮุนยองจึงตัดสินใจได้ทันที
“ได้ ฉันช่วยได้ ถ้ามันมากขนาดนั้น”
“ขอบคุณครับ”
“งั้นตอนนี้ปัญหาของนายหมดหรือยัง?”
หลังจากถูกถามอีกครั้ง คิมวูจินตอบกลับพร้อมมองอย่างประทับใจ
“ครับ”
“ขอโทษนะคะ ดูเหมือนว่าจะมีเงิน 300 ล้านวอน เข้าบัญชีส่วนตัวของคิมวูจินค่ะ”
โอเซชานขมวดคิ้วหลังจากได้ยินลูกน้องบอก
“300 ล้านวอน? ให้ตายเถอะ เราไม่น่าซื้อซุปซี่โครงเนื้อให้เขาเลย ครั้งต่อไปถ้าเขาบอกให้ซื้ออาหารให้เขา แค่ซื้ออูด้งให้เขาก็พอ แบบธรรมดาด้วย! ไม่มีแม้แต่โอเด้งหรือยูบุแม้แต่ชิ้นเดียว! แล้วก็บอกให้เขาดื่มน้ำเย็นแทน ถ้าเขากระหาย!”
“เอ่อ แต่ว่า…”
“แต่อะไร?”
“แต่เงินนั่นมาจากบัญชีของอีกคนค่ะ”
โอเซชานเอียงหัว
“จากใคร?”
“จากบัญชีเครดิตของจองฮุนยองค่ะ”
“จองฮุนยอง? ผู้เชี่ยวชาญด้าน PK? แน่ใจนะ? “
“ค่ะ มันเป็นบัญชีที่เราเปิดให้เขา”
“จองฮุนยองเป็นบ้าอะไรถึงเอาเงินจากบัญชีเครดิตตัวเองไปไว้ในบัญชีส่วนตัวของคิมวูจิน?”
โอเซชานถามราวกับว่ามีบางอย่างในใจ
“จองฮุนยองเพิ่งฟอกเงินผ่านเราใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“เงินนั่นมาจากไหน?”
“มาจากสมาคมหัวกะโหลกเท่านั้นค่ะ มีการฟอกหลายครั้งแล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่แน่ใจเรื่องรายละเอียด…”
“คุณกำลังบอกว่าคนที่ได้เงินจากสมาคมหัวกะโหลก เพื่อฆ่าคิมวูจิน ให้เงินนั่นกับคิมวูจินใช่ไหม?”
ดูเหมือนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะตระหนักถึงบางอย่างแล้ว
“คิมวูจินกำลังตกหลุมพราง”
ไม่มีอะไรที่บ่งบอก แต่เขาไม่ใช่พันธมิตรของคิมวูจินแน่นอน
“คิมวูจินตกอยู่ในอันตราย”
โอเซชานขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำเตือนของลูกน้อง
“พูดถึงอะไรอยู่?”
“มันอันตรายไม่ใช่เหรอคะ? ตอนนี้คิมวูจินถูกขังอยู่ รึเปล่า?”
“ต้องมีจองฮุนยองกี่คน ถึงจะเคลียร์ดันเจี้ยนระดับ A- 2 ชั้น แบบที่คิมวูจินเคลียร์ได้ในหนึ่งสัปดาห์?”
“ฉันไม่รู้ค่ะ อาจจะสักประมาณ 30 คน? คิดว่านะคะ”
“ฝ่ายที่ตกอยู่ในอันตราย น่าจะเป็นฝ่ายของจองฮุนยองมากกว่า”
โอเซชานหลับตาลง
‘คิมวูจินถูกสมาคมหัวกะโหลกโจมตี 2 ครั้ง และขัดขวางไว้ได้ทั้งสองครั้ง’
เขาเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคิมวูจินกับสมาคมหัวกะโหลกในระดับหนึ่งแล้ว
‘ในสถานการณ์นี้ ถ้าหากการโจมตีครั้งที่ 3 ถูกขัดขวางไว้ได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง มันก็เหมือนการประกาศสงครามกับสมาคมหัวกะโหลก’
เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคิมวูจินสามารถหยุดแผนการของสมาคมหัวกะโหลกได้อีกครั้ง และตอนนี้โอเซชานก็เห็นเช่นกัน ว่าคิมวูจินส่งสัญญาณแบบไหนให้เขา
‘ศัตรูของศัตรูคือมิตร’
โอเซชานยิ้ม
“หลังจากตรวจสอบตำแหน่งของคิมวูจินแล้ว ให้คนไปที่นั่น ส่งแชมเปญหนึ่งขวด”