Kill the Hero 025
ปี 2020 เมื่อผู้เล่นปรากฏตัวทั่วโลก ผู้คนต่างหวังว่าสภาพความเป็นอยู่จะดีขึ้น พวกเขาเคยฝันว่าผู้เล่นจะมาช่วยโลก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้น มีแต่จะเลวร้าย และเลวร้ายลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมอนสเตอร์ที่ไม่อาจฆ่าได้ด้วยอาวุธปืนปรากฏขึ้นในปี 2025 ความหวังสุดท้ายก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ สิ่งที่คนทั่วไปทำได้ก็คือการปกป้องตัวเองด้วยอาวุธทันสมัยอันทรงพลัง
บางคนที่หมดหวัง เริ่มก่อความวุ่นวาย ปล้นสะดม และวางเพลิง
ภายใต้สถานการณ์นี้ ประเทศต่าง ๆ เริ่มแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อชิงไอเทมที่แข็งแกร่ง และผู้เล่นที่มีความสามารถมากขึ้น
กฎหมายไม่ไร้ความหมายในกระบวนการดังกล่าว
ผู้เล่นสามารถทำได้ทุกอย่างภายในดันเจี้ยนที่อะไรก็เกิดขึ้นได้
จากจุดหนึ่ง มันกลายเป็นเรื่องปกติที่พันธมิตรจะหักหลังกัน และต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงไอเทม
มันเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับของรางวัลมากกว่าการล่าสัตว์ร้ายให้หมดไป
คิมวูจินที่รอดชีวิตจากช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นมาก่อน ตระหนักดีถึงความสำคัญของการจัดการอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
‘อย่างที่คิด’
ตอนสู้กับออร์คแชมเปียน คิมวูจินรู้อยู่แล้วว่ามีผู้สังเกตการณ์อยู่รอบตัวเขา
‘ตามคาดเลย มีคนจัดการหน่วยสอดแนมของแต่ละปาร์ตี้’
นอกจากนี้ คาดว่าการเฝ้าระวังไม่ใช่วัตถุประสงค์เดียวของพวกมัน
มันเป็นเพราะไม่มีข่าวลือแพร่กระจายเกี่ยวกับคิมวูจินที่เอาเขี้ยวของออร์คลอร์ดจากออร์คแชมเปียนไป
เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครรู้
ถึงจะแค่วันแรก แต่ก็มีปาร์ตี้ที่ส่งคนสอดแนมมาตรวจสอบสถานการณ์ของออร์คแชมเปียนมากกว่าหนึ่งปาร์ตี้แล้ว
หมายความว่าเป็นไปได้สูงที่มีคนปิดปากคนที่รู้
แน่นอนว่าไม่ใช่คิมวูจิน
‘ถ้าคุณต้องการล่าผู้เล่นครึ่งหนึ่งในดันเจี้ยน การกำจัดหูตาของพวกเขาก่อนคือคำตอบที่ถูกต้อง’
มันเป็นแค่แผนการที่คนกลุ่มหนึ่งวางแผนไว้ เพื่อล่าผู้เล่นที่นี่
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคิมวูจิน
อันที่จริง มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาอยู่แล้ว
เขาเคยเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้หลายครั้ง จนถึงจุดที่แค่ได้ยินก็รู้สึกป่วยแล้ว และเขารู้วิธีที่จะตอบโต้
เหตุผลที่คิมวูจินตั้งใจค่อย ๆ ล่าออร์คแชมเปียนก็เพื่อให้ผู้สังเกตการณ์มีเวลาลงมือ
“แก ไอ้เวร ได้ยังไง…”
เหยื่อของเขาไม่มีทางจะตระหนักถึงสิ่งที่เกิดได้เลย
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง…”
เหยื่อลุกลี้ลุกลนมากโดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรผิดปกติไป
“นี่ สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่คือ…”
และถึงเขาจะรู้ตัวว่าติดกับของคิมวูจินแล้ว แถมยังมีผู้เล่นที่ถูกเขาฆ่าอยู่ข้าง ๆ แต่เขาก็ยังพยายามจะหาข้อแก้ตัว
เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในอาการตื่นตระหนก
คิมวูจินไม่ได้รบกวนการพูดของเขา เขาไม่แม้แต่จะสบตา
เขาจะไม่อธิบายว่าเขาวางกับดักได้ยังไง และเจตนาของเขาคืออะไร
มีคนร้ายจำนวนมากที่อธิบายทุกอย่างให้ศัตรูฟัง ก่อนที่จะทำตามแผนการแบบในหนัง
เขาไม่มีแผนทรมานคนเพื่อข้อมูลที่ไร้ประโยชน์
Seug!
ดาบซิมิทาร์ของออร์คแชมเปียนในมือของคิมวูจินตัดคอคู่ต่อสู้ในทันที
“คึก!”
เหยื่อของเขาอ้าปาก
“ฮึก คึก…”
ตอนนั้นเองที่แววตาของอีกฝ่ายเริ่มไร้ชีวิต
ทันทีที่แสงหายไปจากดวงตาเหยื่อของเขา คิมวูจินก็สบตากับเขาในที่สุด
[เปิดใช้งานดวงตาแห่งอนูบิส]
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในหูของเขา
วันที่ 2 การต่อจบลงอย่างกะทันหัน
“ถอยไป! “
“ออกไป! ออกไปจากที่นี่!”
นักเล่นทุกคนออกจากสนามรบพร้อมกัน
“เราต้องเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก่อน!”
“เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นถอยออกมาก่อนดีกว่า!”
แน่นอนว่าการตายของออร์คแชมเปียน คือสิ่งที่บังคับให้ผู้เล่นต้องออกไป
ใครฆ่าออร์คแชมเปียน?
พวกเขาไม่ถอยแค่เพราะความอยากรู้
‘สมาธิของทุกคนกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว’
‘ถ้าเราสู้แบบนี้ อัตราการบาดเจ็บล้มตายจะสูงมาก’
สาเหตุแรกคือสมาธิของผู้เล่นอาจพังทลายลงเพราะการตายของออร์คแชมเปียนที่ไม่คาดคิด
‘เราไม่รู้ว่าพวกออร์คจะตอบสนองยังไงต่อการเสียผู้นำไปเช่นกัน’
‘คงจะดีกว่า ถ้าพวกเขาถอยออกไป แต่ก็ยังมีโอกาสที่พวกออร์คจะสูญเสียเหตุผล และพุ่งเข้าใส่พวกเราด้วยความโกรธแค้นเพราะการสูญเสียผู้นำไป”
เหตุผลที่สองคือพวกเขาไม่รู้ว่าพวกออร์คจะตอบสนองยังไงต่อเหตุการณ์นี้
‘เราต้องวางแผนกันใหม่’
‘ฉันแน่ใจว่าพวกเขาคิดแบบเดียวกัน เราต้องพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยไร้สาระ’
เหตุผลที่สามคือพวกเขาต้องทิ้งแผนการล่าออร์คแชมเปียน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่ก้าวออกจากสนามรบด้วยเหตุผลเหล่านี้
“คนที่เหลืออยู่ไหน?”
สาเหตุที่กลุ่มคนสวมหน้ากากหัวกะโหลกออกจากสนามรบนั้นแตกต่างออกไป
“ฉันคิดว่าพวกเขากำลังจัดการอยู่”
สมาคมหัวกะโหลก
แม้ว่าจะก่อตั้งมาได้แค่ปีกว่า แต่ก็ค่อนข้างเป็นที่รู้จักกัน เนื่องจากอำนาจทางการเงิน และเส้นสายที่มั่นคง พวกเขาใช้คนดังที่ได้รับความนิยมส่งเสริมภาพลักษณ์ต่อสาธารณะ
สมาคมที่เป็นที่รู้จักกันว่าผู้เล่นทุกคนสวมหน้ากากหัวกะโหลกเหมือนกัน
และท้ายที่สุด พวกเขายังเข้าร่วมโจมตีดันเจี้ยนระดับ A+ ที่เป็นศูนย์กลางความสนใจของคนทั้งโลกได้
“ไม่ว่ายังไง เขาฆ่าออร์คแชมเปียนด้วยตัวคนเดียวจริง ๆ เหรอ? ”
“ใช่”
“ฉันดีใจที่สมาคมฟีนิกซ์ไม่อยู่ในรายชื่อ”
เป้าหมายของสมาคมหัวกะโหลกไม่ได้เกี่ยวข้องกับการล่าออร์ค
“ใช่ เราไม่ต้องฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น”
เป้าหมายของพวกเขาคือผู้เล่น
เหตุผลก็ง่าย ๆ
“ถึงอย่างนั้นเขาอาจจะได้ไอเทมในตำนาน…ทำไมเราไม่ลองแอบตามเขาสักครั้งล่ะ?”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เราจะต้องประสบความสำเร็จมากแน่ ถ้าจับเขาได้!”
มันธุรกิจล่าผู้เล่นดีกว่าล่ามอนสเตอร์มากนัก
ในความเป็นจริงมันเทียบกันไม่ได้
ในขณะที่ออร์คมักจะดรอปไอเทมธรรมดา และอาจจะมีไอเทมหายากบ้าง ถ้าพวกเขาโชคดี แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่นี่มีแต่ไอเทมระดับยูนีค
พูดอีกอย่างหมายความว่าการฆ่าผู้เล่นจะทำให้พวกเขาได้รางวัลครั้งละหลายพันล้านวอน
“อย่าโลภมาก ที่เรารวมตัวกันแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเราไม่มั่นใจว่าจะได้รับไอเทมในตำนานไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ คุณพูดถูก”
“ไอเทมแบบนี้มีไว้สำหรับสมาคมเมสสิอาห์หรือสมาคมฟีนิกซ์เท่านั้น”
มันสมเหตุสมผลกว่าการพยายามแข่งกับสมาคมเมสสิอาห์หรือสมาคมฟีนิกซ์ เพื่อไอเทมในตำนาน
“สิ่งที่เราต้องทำคือบอกให้ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใคร จากนั้นก็จะมีคนอื่นมาจัดการเอง สิ่งที่เราต้องทำคือซ่อนตัว ทำกำไร แล้วหุบปากไว้ ถ้าเราไม่พูดก็จะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”
“ใช่ ในดันเจี้ยน ถึงนายจะตายเพราะผู้เล่น แต่มันก็เป็นแค่อุบัติเหตุ”
“สำหรับไอเทมทั้งหมด ที่เราต้องทำคือขายมันในต่างประเทศ”
เมื่อพิจารณาจากลักษณะเฉพาะของดันเจี้ยน ไม่มีธุรกิจใดที่ดีไปกว่านี้แล้ว
“เอ่อ มีคนมา”
ในขณะนั้นเพื่อนร่วมทีมของพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้น
“ฮะ? “
“อะไร? ทำไมเขาถึงวิ่งมา?”
สมาชิกของสมาคมภายใต้หน้ากากหัวกะโหลกกำลังวิ่งเข้าหาพวกเขาอย่างเร่งรีบ
ทุกคนที่สวมหน้ากากหัวกะโหลกตื่นตัวทันที
ไม่นานหลังจากการมาถึงของเพื่อนร่วมสมาคม ชายที่เป็นผู้นำการสนทนาจนถึงตอนนี้ก็พูดขึ้น
“มีอะไร? “
“เขาอยู่ที่นี่”
“เขา? “
“คนที่ฆ่าออร์คแชมเปียน เขาพบตัวตนของพวกเราแล้ว และเขาก็มาที่นี่พร้อมกับโครงกระดูก”
“ตรงนั้น! โครงกระดูกนั่นอยู่ตรงนั้น!”
ในตอนท้ายของการรายงาน โครงกระดูกออร์คสามตัวปรากฏต่อหน้าพวกเขา
ภาพของทหารโครงกระดูกที่มีดาบ โล่ และหมวกเกราะนั้นน่ากลัว
“เวร!”
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตราย สมาชิกของสมาคมหัวกะโหลกก็ชักอาวุธออกมา
พวกเขาไม่สามารถผ่อนคลายได้
‘สัตว์ประหลาดตัวนั้นมาเหรอ? ’
‘เชี่ย ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? ’
ในขณะที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ในดันเจี้ยนไม่รู้ว่าคนที่โจมตีพวกเขาคือสัตว์ประหลาดที่ฆ่าออร์คแชมเปียนเพียงลำพัง แต่พวกเขาก็รู้
มันคงแปลก ถ้าพวกเขาจะไม่ตื่นตระหนก
ความกดดัน และความวิตกกังวลของลิมซุนจุนหัวหน้าปาร์ตี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“พวกเราถูกจับได้แล้ว?”
“ครับ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลิมซุนจุนรู้สึกตกใจ เมื่อรู้ว่าตัวตน และจุดประสงค์ของพวกเขาอาจถูกเปิดเผย
‘ได้ยังไง?’
ความลับที่ความสำคัญอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดไม่ใช่เหรอ? ว่าเมื่อความจริงหลุดออกไปข้างนอก ชีวิตของพวกเขาก็ต้องจบลง?
‘เขารู้มากแค่ไหน? อย่าบอกนะว่าสมาคมฟีนิกซ์รู้ว่าเราเป็นใคร? มีข้อมูลรั่วออกไปเหรอ? ’
ความจริงที่ทำให้ความคิดของลิมซุนจุนซับซ้อนมากขึ้น
‘เราต้องแน่ใจสถานการณ์ก่อน เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเราเป็นใครหรือว่าสมาคมฟีนิกซ์ก็รู้ด้วย…? ’
พวกเขาอาจจะหนีได้ ถ้าฝ่ายตรงข้ามแค่ต้องการโจมตีพวกเขาเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้ต้องการต่อสู้
แต่ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้ด้วยการหนี
ดังนั้นลิมซุนจุนจึงไม่สามารถหนีได้
‘ถ้าสมาคมฟีนิกซ์รู้ เราจะถูกล่าโดยผู้เล่นทุกคนทันทีที่เราหนีไป’
ไม่ พวกเขาไม่มีทางให้หนีจริง ๆ
‘การตายยังดีกว่าถูกจับแล้วทรมานเพื่อเค้นข้อมูล เราไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับบริษัทได้’
เหนือสิ่งอื่นใด มีบางอย่างที่สำคัญกว่าสำหรับลิมซุนจุน
ลิมซุนจุนตัดสินใจ และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว
“เตรียมออกล่า!”
เขาคว้าธนูบนไหล่ของเขา และออกคำสั่ง
คำสั่งดังกล่าวทำให้ใบหน้าของสมาชิกสมาคมหัวกะโหลกแข็งขึ้น
‘สู้กับสัตว์ประหลาดนั่นอะนะ? ’
‘เอาจริงดิ? แทนที่จะหนีเนี่ยนะ’
คำสั่งที่พวกเขากำลังรอไม่ใช่คำสั่งให้สู้ แต่เป็นคำสั่งให้แยกกัน
‘ไอ้บ้าเอ้ย ฉันควรจะหนีไปไหม?
พวกเขากำลังคิดจะหนี ถ้าจำเป็น
“ถ้าตัวตนของเราถูกเปิดเผย เราจะจบสิ้นทันทีที่ออกไป ถ้าพวกนายอยากรอด เราต้องฆ่าเขาที่นี่!”
อย่างไรก็ตาม คำพูดของลิมซุนจุน ทำให้พวกเขาละทิ้งความคิดที่จะวิ่งหนี
‘เวรเอ้ย!’
พวกเขาตระหนักว่าไม่มีที่ให้วิ่งได้ ถึงพวกเขาจะหนีรอดไปก็ตาม เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ทุกคนก็กัดฟันแน่น
Tteolgeuleog! Tteolgeuleog!
ในขณะเดียวกัน โครงกระดูกก็พุ่งเข้าหาพวกเขา
เพื่อจะต่อสู้กับทหารโครงกระดูก ทุกคนจึงให้ความสนใจทหารโครงกระดูกมากกว่า
ลิมซุนจุนกำลังจะตะโกน
“เริ่มต่อสู้!”
เขากำลังจะออกคำสั่งดังกล่าว
Seug!
“แค่ก! ”
แต่ในขณะนั้น สิ่งที่ออกมาจากปากของเขาคือเสียงของมีคมที่เจาะคอของเขา
‘คะ ใคร? ’
ลิมซุนจุนพยายามกรีดร้องขอความช่วยเหลือ แต่เขาก็ทำไม่ได้
‘อึก!’
แม้แต่ปากของลิมซุนจุนก็ถูกปิดจนแทบจะไม่สามารถกรีดร้องได้ ตอนนั้นเองที่ลิมซุนจุนรู้ตัว
‘ไม่ ไม่มีทาง? ’
คนเข้าใกล้เขา
และสิ่งที่เขาต้องการ
ลิมซุนจุนที่รู้ความจริงก็กลืนคำพูดสุดท้ายของเขาลง
‘ちくしょう (สัตว์) …’ (TL : ชิคุโช แปลว่า สัตว์เดรัจฉาน ถ้าเป็นคำด่าก็ประมาณว่า ไอ้สัส! )