พี่ชายใยแค่หาคู่ครองเล่า พี่ชายควรแต่งงานแล้ว
หนิงอวิ๋นเยี่ยนยืนอยู่หลังร่างมารดา สายตากวาดผ่านผู้คนในห้อง มองเห็นความกระตือรือร้นในสายตาของนายหญิงเหล่านี้ชัดเจน
กระตือรือร้นก็ไร้ประโยชน์ ลูกสาวของตระกูลพวกเจ้าเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ไม่คู่ควรกับพี่ชายของข้า ตอนนี้ยิ่งปีนป่ายเกาะไม่ถึง
แต่ตอนนี้ตระกูลที่ท่านแม่ถูกใจคือตระกูลไหนกัน?
นางแต่งออกไปแล้ว เรื่องของตระกูลมารดาน้อยนักจะรู้ มาหามารดาที่นี่ก็รีบมารีบไป เรื่องมากมายมารดาล้วนไม่เอ่ยกับนาง
หนิงอวิ๋นเยี่ยนมองนายหญิงใหญ่หนิง นายหญิงใหญ่หนิงอมยิ้มพยักหน้า
“เด็กคนนี้พูดอยู่เสมอว่าหลังสอบจอหงวนค่อยพูดเรื่องแต่งงาน ดึงมาจนอายุมากเช่นนี้” นางเอ่ย
“อายุไม่มาก อายุไม่มาก ผู้เข้าสอบอายุเจ็ดสิบแปดสิบพวกนั้นยังไม่แต่งงานเลย” นายหญิงคนหนึ่งหลุดปากเอ่ย
พวกที่อายุเจ็ดสิบแปดสิบยังไม่แต่งงานเหล่านั้นเพราะสอบไม่ได้ตำแหน่งไม่มีคนยอมแต่งไหมเล่า
นายหญิงใหญ่หนิงในดวงตาความกรุ่นโกรธจางๆ แล่นผ่าน
เทียบกับบุตรชายของนางได้รึ?
นายหญิงคนนั้นเห็นชัดรู้ตัวว่าพูดผิดแล้ว ยิ้มประจบเขินอาย
“แต่ตอนนี้อวิ๋นเจาก็หาคู่ครองได้แล้ว เลือกหญิงสาวได้ตามใจ” นางยิ้มประจบเอ่ย
นายหญิงใหญ่หนิงคร้านจะสนใจนาง
“หาคู่ครองคนหนึ่งง่ายดาย ขอแค่เป็นคนดี ชาติตระกูลพวกเราไม่ถือ” นางเอ่ยกับบรรดานายหญิงด้านข้าง
บรรดานายหญิงพากันพยักหน้าเอ่ยว่าใช่
หนิงอวิ๋นเยี่ยนในใจร้อนรนอยู่บ้าง แม้ไม่ได้อยู่ข้างกายมารดาแล้ว แต่นิสัยของมารดานางยังคงเดาออก นายหญิงใหญ่หนิงเอ่ยเช่นนี้ต้องมีคนในใจแล้วแน่ ไม่แน่อาจตกลงกันแล้ว รอแค่หนิงอวิ๋นเจาขึ้นชื่อบนกระดานทองกลับมา สองมงคลเยือนประตู
ตระกูลใคร? คุณหนูคนไหนกัน?
หนิงอวิ๋นเยี่ยนอยากหาโอกาสถามมารดา จนปัญญาด้วยบรรดานายหญิงเหล่านี้ในห้องไม่เพียงไม่ยอมไป ตรงกันข้ามยิ่งมากขึ้นทุกที
กำลังคุยเล่นหัวเราะอยู่ ด้านนอกก็แจ้งว่านายหญิงหม่าจวนเจ้าเมืองไท่หยวนมาแล้ว
นายหญิงจวนเจ้าเมืองถึงกับมาแสดงความยินดีด้วยตนเอง
นายหญิงใหญ่หนิงรีบนำพวกผู้หญิงลุกขึ้น นายหญิงหม่ายิ้มเข้ามา
“ยินดีด้วย ยินดีด้วย” นางยิ้มเอ่ย “สองมงคลเยือนประตูจริงๆ”
สองมงคล?
หนิงอวิ๋นเยี่ยนดวงตาทอประกาย
เป็นอย่างที่คิดหรือ?
เรื่องแต่งงานของพี่ชายเกี่ยวข้องกับนายหญิงหม่ารึ?
นายหญิงใหญ่หนิงกลับไม่คิดมาก บางทีคงพูดถึงเรื่องที่หนิงอวิ๋นเจาได้ตำแหน่งขุนนาง แม้เป็นจอหงวนอย่างไรก็ต้องได้ แต่ก็เรียกว่าสองมงคลได้ล่ะมั้ง
นางเอ่ยขอบคุณพลางคล้องแขนนายหญิงหม่าเชิญเข้ามานั่ง
“สุราจอหงวนนี่เมื่อไรจะดื่มเล่า?” นายหญิงหม่ายิ้มถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
“วันพรุ่งนี้ประดับบุปผาแห่ขบวน วันมะรืนก็จะออกเดินทางกลับมากับอาของเขาแล้ว” นายหญิงใหญ่หนิงเอ่ย “ถึงบ้านเร็วที่สุดก็ต้องวันที่ยี่สิบสามยี่สิบสี่”
นายหญิงหม่ายิ้มพยักหน้า
“ถึงเวลาคงต้องมาขอดื่มสุราสักจอก” นางเอ่ย
“นั่นแน่นอน” นายหญิงใหญ่หนิงยิ้มเอ่ย พลางเชิญนายหญิงหม่าดื่มชา
นายหญิงหม่ายิ้มจิบชาคำหนึ่ง วางถ้วยชาลงยิ้มอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นสุรามงคลของคุณชายหนิงดื่มเมื่อไรเล่า?” นางเอ่ยถาม
หนิงอวิ๋นเยี่ยนกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น สายตาหมุนไปหมุนมาบนร่างมารดากับนายหญิงหม่า
นายหญิงใหญ่หนิงครั้งนี้คิดมากแล้ว เพียงแต่สิ่งที่คิดคือนายหญิงหม่าก็อยากดื่มสุราแม่สื่อด้วย
นายหญิงคนอื่นในห้องก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน สีหน้าบางคนอิจฉา บางคนได้ใจ บางคนริษยารวมถึงร้อนรน
คุณชายหนิงเดิมทีก็เป็นคู่หมายแต่งงานที่ทุกคนแย่งชิงกันอยู่แล้ว วันนี้ได้เป็นจอหงวนนั่นก็ยิ่งดึงดูดคน นอกจากนี้ก็คัดคนกลุ่มใหญ่ออกไปด้วย
“เรื่องนี้ไม่รีบร้อน” นายหญิงใหญ่หนิงยิ้มเอ่ย “อย่างไรก็ต้องจัดการทีละเรื่องๆ”
นายหญิงหม่ายิ้มพยักหน้าตอบว่าใช่ แล้วก็ถามถึงนายหญิงผู้เฒ่าหนิง ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานของหนิงอวิ๋นเจาอีก แล้วก็ไม่ได้ลอบสื่อถึงแม่นางบ้านไหนด้วย
บางทีคนมากคงไม่สะดวกพูดมากกระมัง
นายหญิงใหญ่หนิงก็ย่อมไม่เป็นฝ่ายเอ่ยถามเอง
“นายหญิงผู้เฒ่าไม่ถูกกับเสียงเอะอะ ตอนปีใหม่ร่างกายไม่ค่อยสบาย ตอนนี้อากาศดีแล้วจึงไปอยู่ที่คฤหาสถ์นอกเมือง” นางตอบตาม
นายหญิงหม่าพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นพวกท่านก็ไม่ต้องกังวลแล้ว” นางยิ้มตาหยีเอ่ย “รอลูกสะใภ้คนใหม่มาก็ใช้ฝีมือยอดเยี่ยมทำให้นายหญิงผู้เฒ่าหายดีได้แล้ว”
ว่าแล้ว มีลูกสะใภ้ใหม่แล้วจริงๆ ด้วย?
ฟังไปแล้วยังเป็นคนที่รู้วิชาแพทย์คนหนึ่งด้วย? หนิงอวิ๋นเยี่ยนอดไม่ได้เข้ามาใกล้อีกหน่อย
จะบอกว่าหลานสะใภ้แต่งเข้าบ้าน นายหญิงผู้เฒ่าดีใจ ดังนั้นร่างกายจึงดีขึ้นหรือ? หรือนายหญิงหม่าจะพูดถึงผู้หญิงที่เข้าใจหลักวิชาแพทย์คนหนึ่ง?
นายหญิงใหญ่หนิงอมยิ้มฟัง
“ก็ไม่หวังให้พวกนางคนรุ่นหลังมาปรนนิบัติคนแก่หรอก” นางยิ้มเอ่ย
นายหญิงหม่าส่งเสียงโถ่ทีหนึ่ง
“อย่าสิ คนมากเท่าไรอยากหาแต่หาไม่ได้” นางเอ่ย เข้ามาใกล้อีกนิดหนึ่งยิ้มตาหยี “วันนี้ข้าคงต้องขอน้ำใจครั้งหนึ่งก่อนเลย รอคุณหนูจวินแต่งเข้าบ้าน ท่านต้องพานางไปเป็นแขกบ้านข้านะ ถึงเวลาไม่ว่าอย่างไรก็พูดกับพวกเราไม่ได้นะว่าให้หาหมอคนอื่นอะไร”
หืม?
นายหญิงใหญ่หนิงบนหน้ายังมีรอยยิ้ม ในสมองกลับตะลึง
เหมือนในคำพูดนี้มีชื่อประหลาดอะไรปนเข้ามาด้วย
เป็นนางฟังผิดหรือนายหญิงหม่าพูดผิด?
คนอื่นในห้องก็ล้วนยิ้มประจบ บางคนไม่ได้ยิน บางคนก็เหมือนได้ยินไม่ชัดอยู่บ้าง บรรยากาศแลดูพิกลนิดๆ
นายหญิงหม่ากลับไม่ได้สังเกต มองดูนายหญิงใหญ่หนิงไม่พูดจาก็เอ่ยปากอีกครั้ง
“ท่านอย่าบอกว่าท่านแม่สามีผู้นี้คุมนางไม่ได้เชียว”นางยิ้มเอ่ย เหมือนกับว่าต้องได้สัญญาสักคำถึงวางใจได้
“นายหญิงหม่า ท่านพูดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ?” หนิงอวิ๋นเยี่ยนทนไม่ไหวอีกต่อไป เอ่ยถามต่ออย่างตรงไปตรงมายิ่งนัก “ท่านจะเป็นแม่สื่อให้พี่ชายข้ากับลูกสาวบ้านไหน? เป็นคนที่ทำงานอะไรเจ้าคะ?”
คำพูดนี้ออกมาคนในห้องล้วนมองนายหญิงหม่า ท่าทางสงสัยเช่นกัน
นายหญิงหม่ากลับงุนงงแล้ว มองหนิงอวิ๋นเยี่ยน
“ข้าเป็นแม่สื่อให้พี่ชายเจ้ากับผู้หญิงคนไหน?” นางเอ่ย
หนิงอวิ๋นเยี่ยนในใจร้องชิคำหนึ่ง คงเพราะหนิงอวิ๋นเจาได้เป็นจอหงวน อารมณ์ร้ายที่ถูกกล่อมเกลาไปบ้างแล้วของนางจึงผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“นายหญิงหนิง ท่านคำหนึ่งก็แม่สามี ลูกสะใภ้ใหม่ ไม่ใช่จะเป็นแม่สื่อหาภรรยาให้พี่ชายข้าหรือ?” นางแสร้งทำซุกซนเอ่ยถาม “ท่านพูดมาตรงๆ เถอะ เป็นคุณหนูบ้านไหนกันหรือเจ้าคะ? ไม่เช่นนั้นพวกเราล้วนฟังจนมึนงงแล้ว”
นายหญิงหม่าหุบยิ้ม มองหนิงอวิ๋นเยี่ยน แล้วมองนายหญิงใหญ่หนิง มองนายหญิงคนอื่นในห้อง
“เจ้าพูดอะไรน่ะ ข้าสับสนแล้ว” นางเอ่ย “ข้าจะเป็นแม่สื่อหาภรรยาให้คุณชายหนิงได้อย่างไร เขาไม่ใช่มีภรรยาแล้วหรือ”
หนิงอวิ๋นเยี่ยนสีหน้าตะลึง รอยยิ้มบนหน้านายหญิงใหญ่หนิงก็นิ่งค้างไปเช่นกัน
มี…ภรรยา?
หมายความว่าอย่างไร?
หรือนายหญิงหม่ารู้ว่าตนเองมีคนที่ถูกใจจะตกลงแต่งงานด้วยแล้ว? ดังนั้นจึงจงใจเอ่ยวาจาประหลาดเหล่านี้?
“นายหญิงหม่าล้อเล่นแล้ว” นายหญิงใหญ่หนิงยิ้มเอ่ย “ยังไม่มีหรอก รอหลังเขากลับมาค่อยหาคู่ครอง ไม่รีบร้อน”
นายหญิงหม่าก็ยิ้มบ้างแล้ว
“ยังไงก็รีบแต่งหน่อยเถอะ” นางเอ่ย ท่าทางเอ่ยออกมาจากใจจริงอยู่บ้าง “วันนี้คุณชายหนิงกับคุณหนูจวินชื่อเสียงโด่งดัง รีบแต่งงานหน่อยก็วางใจได้เร็วหน่อย”
คุณหนู…จวิน?
ทำไมนางได้ยินชื่อนี้อีกแล้ว
นายหญิงใหญ่หนิงมองนายหญิงหม่า
“คุณหนูจวินที่ไหนจะแต่งงานกับพี่ชายข้า?” เสียงของหนิงอวิ๋นเยี่ยนแหลมอยู่บ้างดังขึ้น
นายหญิงหม่าขมวดคิ้วมองหนิงอวิ๋นเยี่ยน
“คุณหนูจวินจวินจิ่วหลิงที่คิดค้นยาป้องกันฝีดาษไงเล่า” นางเอ่ย “คุณหนูจวินตระกูลจวินจากหรู่หนานของอดีตนายอำเภอฝู่หนิง หลานสาวฝั่งมารดาของตระกูลฟางแห่งเต๋อเซิ่งชางที่พวกท่านหมั้นไว้ไง”
คำพูดนี้ออกมาคนทั้งห้องเงียบกริบ แต่ละคนๆ สีหน้าอึ้งๆ มองนายหญิงหม่า
นายหญิงใหญ่หนิงยิ่งตะลึง
“อะไรนะ?“ นางเอ่ย แล้วสงบจิตใจอีกครั้ง เค้นรอยยิ้มบางออกมา “ท่านพูดถึงเรื่องนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้เคยมีสัญญาหมั้น ต่อมาเป็นความเข้าใจผิด ยกเลิกแล้ว…”
นายหญิงหม่ายิ้ม ยื่นมือตบแขนของนายหญิงใหญ่หนิง
“อั้ยย่ะ ท่านไม่ต้องปิดบังแล้ว เรื่องของตระกูลฟางคลี่คลายแล้ว ไม่ต้องเล่นละครต่อแล้ว” นางยิ้มเอ่ย “คุณชายหนิงวันที่สองหลังกระดานทองประกาศนามก็พูดต่อหน้าผู้คนแล้วว่ายังคงมีสัญญาหมั้นกับคุณหนูจวิน สัญญากันว่าหลังสอบเสร็จค่อยแต่งงาน”
ในห้องยังคงเงียบกริบไม่มีเสียง สีหน้าของคนทั้งหมดจากอึ้งกลายเป็นตะลึงงัน
นายหญิงใหญ่หนิงมองนายหญิงหม่า ในหูเหมือนกลองกระหน่ำ พริบตาเดียวสิ่งใดล้วนไม่ได้ยินทั้งสิ้น สองหูดังวิ้งๆ ในใจปั่นปวนสับสน
แต่ดันมีหลายประโยคดังซ้ำๆ อยู่ในหู
คุณชายหนิงวันที่สองหลังกระดานทองประกาศนาม….
พูดต่อหน้าผู้คนว่ายังคงมีสัญญาหมั้นกับคุณหนูจวิน…
สัญญาว่าหลังสอบเสร็จแต่งงาน…
คุณชายหนิง กับ คุณหนูจวิน แต่งงาน
แต่งงาน
เสียงกลองกระหน่ำในหูนายหญิงใหญ่หนิงหยุดลง ประหนึ่งไม้กลองด้ามหนึ่งเขวี้ยงใส่หน้า ดวงตามืดดับคนก็ล้มไปข้างหลัง
“ท่านพูดเหลวไหล!พี่ชายของข้าไม่มีทางแต่งงานกับจวินเจินเจิน!”
เสียงตะโกนแหลมของหนิงอวิ๋นเยี่ยนดังขึ้นในหู จากนั้นทุกสิ่งก็กลายเป็นความมืดมิด
ในห้องชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งจากนั้นก็วุ่นวาย
“ใครมานี่เร็ว!”
เสียงร้องตะโกนฉีกความยินดีที่ห้อมล้อมท้องฟ้าตระกูลหนิงอยู่
…………………………………………………