เวลานี้ ในเขตที่พักของโรงเรียนทหารชายที่สอง ชายคนหนึ่งเข้าไปในที่พักของหัวหน้ากลุ่มเขาด้วยความรีบร้อน เขาก็คืออาลี่ที่โดนหัวหน้ากลุ่มของเขาส่งไปตรวจสอบข้อมูลหลังจากที่ถูกลั่วเฉากับหานซู่หย่าดึงดูดใจ
“หัวหน้า ฉันตรวจสอบเจอแล้ว คนนำทีมของโรงเรียนสหศึกษาที่หนึ่งคราวนี้คือ หลินเซียว” เมื่อเห็นหัวหน้ากลุ่มของตัวเอง อาลี่ก็รีบรายงานข้อมูลที่ตัวเองได้ยินมาให้หัวหน้ากลุ่ม
พูดถึงหัวหน้ากลุ่มของเขา เขาคือเจี่ยงเส่าอวี่ คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโรงเรียนทหารชายที่สองของพวกเขา เป็นอันดับหนึ่งที่โรงเรียนยอมรับกันโดยปริยาย ซึ่งตอนที่เขาอยู่ปีห้าก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมไพ่ราชาได้สำเร็จ ว่าไปแล้ว หัวหน้ากลุ่มของเขาเลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาได้ตั้งแต่อายุเท่านี้ นั่นก็โดดเด่นเหนือใคร อยู่ในอันดับสุดยอดแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาโดนเฉียวถิงของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งกลบไว้หนึ่งช่วงหัว ใครใช้ให้อีกฝ่ายเลื่อนขั้นได้สำเร็จตอนปีสี่ สร้างสถิติเป็นนักเรียนทหารอีกคนที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมไพ่ราชาได้ตอนปีสี่ต่อจากหลิงเซียว และก็ทำให้เฉียวถิงถูกชาวสหพันธรัฐยกย่องว่าเป็นหลิงเซียวคนที่สอง แย่งชิงจุดสนใจของหัวหน้ากลุ่มเขาไปจนหมด
ครั้งนี้ เจี่ยงเส่าอวี่ยินดีพาทีมออกรบก็เพราะอยากฉวยโอกาสเอาชนะเฉียวถิง ใช้ความเป็นจริงบอกอีกฝ่ายว่า ต่อให้โชคดีเลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชาได้ตอนปีสี่ แต่ไม่ถึงตาของเขาเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารหรอกนะ
“หลินเซียว ชื่อดูคุ้นมากๆ” พอได้ยินชื่อนี้แล้ว เจี่ยงเส่าอวี่ที่เดิมทีนอนเอกเขนกครึ่งตัวบนโซฟาก็นั่งตัวตรง เขาเปิดอุปกรณ์สื่อสาร ค้นข้อมูลของหลินเซียวถึงค่อยเอ่ยอย่างตระหนักได้ว่า “ที่แท้ก็เขานี่เอง รอบก่อนเขาก็เข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบเหมือนกัน ไม่นึกเลยว่ารอบนี้เขาก็เข้าร่วมอีก แถมยังเป็นหัวหน้านำทีมแล้วด้วย”
เจี่ยงเส่าอวี่แค่นยิ้มขึ้นมา หลินเซียวเป็นนักเรียนปีหกเหมือนกับเขา รอบก่อนตอนที่เขายังอยู่ปีสามก็ได้รับอนุญาตจากโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งให้เข้าร่วมการประลองเป็นกรณีพิเศษเพราะพรสวรรค์การควบคุมหุ่นรบที่ยอดเยี่ยม ส่วนพรสวรรค์ด้านการควบคุมของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายเลย ทว่าเขาไม่มีคุณสมบัติออกไปประลองเนื่องจากโรงเรียนแข่งขันกันอย่างดุเดือด นี่จึงทำให้เขาค่อนข้างอิจฉาคับแค้นใจ
“สามปีก่อนเป็นผู้ควบคุมระดับพิเศษแล้ว สามปีผ่านไป ถ้าเกิดพรสวรรค์ของเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ ตอนนี้ก็ควรจะกลายเป็นผู้ควบคุมไพ่ราชาแล้วสินะ…” ถึงเจี่ยงเส่าอวี่อิจฉาและขุ่นแค้น แต่นี่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของเขาเลย “ดูท่า หลินเซียวคนนี้ก็เป็นคู่แข่งร้ายกาจในการคว้าแชมป์ของเราในครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน ต้องระวังไว้เป็นพิเศษ”
“เข้าใจแล้วหัวหน้า ฉันจะเฝ้าจับตามองเลย” อาลี่ตอบกลับทันที ความสามารถในการควบคุมหุ่นรบของเขาธรรมดามากๆ แต่ความเชี่ยวชาญของเขาคือเก็บรวบรวมข้อมูล หัวหน้ากลุ่มจึงสละโควตาพาเขามาเป็นพิเศษ ก็เพราะอยากใช้ประโยชน์จากความสามารถนี้ของเขา เขาย่อมไม่อาจทำให้หัวหน้ากลุ่มของตัวเองผิดหวัง
ความสามารถของอาลี่ทำให้เจี่ยงเส่าอวี่วางใจมาก เขาก็ทิ้งเรื่องของหลินเซียวไว้ที่ด้านข้าง เขาปรายตามองอาลี่อย่างสื่อความหมาย อาลี่ตระหนักได้ทันที รีบบอกข้อมูลที่หัวหน้ากลุ่มตัวเองต้องการมากที่สุดออกมา “ผู้หญิงสองคนนั้น คนที่ดูงดงามแข็งแกร่งองอาจชื่อว่า หานซู่หย่า นักเรียนปีสอง แผนกควบคุมหุ่นรบ ส่วนคนที่ดูสวยบอบบางชื่อว่า ลั่วเฉา เป็นนักเรียนปีสองแผนกการนำร่องยานอวกาศ”
“ทำไมเด็กปีสองถึงมีคุณสมบัติเข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบด้วย?” เจี่ยงเส่าอวี่ลูบคางตัวเองด้วยความงุนงง ควรรู้ไว้ว่า นอกจากนักเรียนที่โดดเด่นเป็นพิเศษแล้ว โดยทั่วไป คนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมศึกประลองหุ่นรบแทบจะเป็นนักเรียนปีสี่ขึ้นไปหมดเลย
อาลี่ทำงานได้ไม่รอบคอบมาก อธิบายทันทีว่า “ลั่วเฉาคนนั้นเก่งมาก การแข่งขันที่เธอเข้าร่วมคือการแข่งขันของภาควิชาการนำร่องยานอวกาศ ส่วนหานซู่หย่า ได้ยินว่าลั่วเฉาไปขอโควตากับหลินเซียวด้วยตัวเอง…”
อาลี่นึกถึงข่าวซุบซิบที่ตัวเองได้ยินมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ดูเหมือนภายในของพวกเขามีการคัดค้านมากๆ เรื่องที่เด็กสาวสองคนนี้สามารถเข้าร่วมการประลองได้ ต่อให้อยู่ในระหว่างการคุยเล่นก็ไม่ลืมพูดจาแย่ๆ หลายประโยค
“อาลี่ นายว่า หลินเซียวสนใจลั่วเฉาคนนั้นเหมือนกันหรือเปล่า เพราะงั้นถึงได้ทำแบบนี้?” มุมปากของเจี่ยงเส่าอวี่เผยรอยยิ้มสัปดนออกมา คิดว่าหลินเซียวคงมีเจตนาแอบแฝงต่อลั่วเฉาเหมือนเขาอย่างแน่นอน
อาลี่นึกถึงดวงหน้างดงามบอบบางที่ทำให้คนเกิดความรู้สึกทั้งรักและสงสารของลั่วเฉา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แน่ใจว่า “อาจจะนะ”
“ใช่แล้ว นายรู้หรือเปล่าว่าพวกเธอไปที่จุดลงทะเบียนทำไม?” เจี่ยงเส่าอวี่ถามต่อ
อาลี่เอ่ยอย่างเสียใจว่า “ไปถามไม่ได้เลย เจ้าหน้าที่ตรงจุดลงทะเบียนปิดปากสนิทมาก พูดอ้อมยังไงก็ไม่ยอมหลุดปากออกมาเลย” อาลี่ไม่รู้ว่า เจ้าหน้าที่จุดลงทะเบียนย่อมไม่ได้ไร้ความรับผิดชอบเหมือนอย่างที่เขาจินตนาการไว้ สาเหตุสำคัญที่เขาทำไม่สำเร็จคือ เขาไม่ใช่สาวสวย ไม่มีอานุภาพเหมือนลั่วเฉาที่สังหารทั้งกองทัพในพริบตา…
“นายคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของพวกเธอต่อไป จำไว้ว่าถ้าออกไปข้างนอกเมื่อไหร่ ต้องแจ้งฉันด้วย” เจี่ยงเส่าอวี่ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง เขามอบหมายงานให้อาลี่ตามติดต่อ จากนั้นถึงค่อยให้อาลี่ออกไป
……
วันรุ่งขึ้น และก็เป็นวันสุดท้ายก่อนเปิดศึกการประลองหุ่นรบครั้งใหญ่ ตลาดรอบๆ เขตการประลองเข้าสู่ช่วงคึกคักมากที่สุดเช่นกัน ผู้คนขวักไขว่ไปมา ชะโงกหน้ามองไปก็เป็นศีรษะคนทั้งนั้น กระทั่งเหล่านักเรียนทหารที่เข้าร่วมการประลองบางส่วนยังอดสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ และหาเวลาว่างมาเดินตลาด ตั้งใจค้นหาของที่ตัวเองชอบและซื้อเอาไว้สักเล็กน้อย
ส่วนลั่วล่างและคนอื่นๆ ดำเนินขั้นตอนลงทะเบียนเสร็จในตอนเย็นแล้ว ก็ไปหาพวกน้องสาวของตัวเองที่เขตโรงเรียนทหารสหศึกษาที่หนึ่งพร้อมกับฉีหลงและหานจี้จวิน และบอกเขตที่พักกับหมายเลขห้องของพวกเขา ด้วยเหตุนี้เอง เช้าวันนี้ ลั่วเฉาและหานซู่หย่าที่อยากไปเดินเล่นในตลาดตั้งนานแล้ว ก็มาที่เขตของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง เตรียมตัวไปหาพวกลูกพี่หลานให้เป็นคนคุ้มครองพวกเธอ
เมื่อสาวน้อยแสนสวยสองคนมาถึงเขตโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่เป็นกลุ่มผู้ชายทั้งหมด ย่อมก่อให้เกิดความวุ่นวาย แต่พอได้ยินหานซู่หย่าพูดว่ามาหาลูกพี่หลาน ความกระตือรือร้นของเหล่านักเรียนจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งพลันมอดดับลงในพริบตา พวกเขาย่อมไม่มีความกล้าและความมั่นใจไปแย่งชิงผู้หญิงกับลูกพี่หลานแน่นอน นอกเสียจากมีความสามารถอย่างเฉียวถิง…
เฉียวถิงที่อยู่ดีๆ ก็งานเข้าอยากประกาศว่า เขาไม่สนใจน้องสาวตัวเล็กๆ เลย คนที่เขาชอบก็คือหลี่อินเฟย เทพธิดาแห่งการเยียวยาของสหพันธรัฐต่างหาก ดังนั้น เขาไม่มีทางขัดแย้งกับลูกพี่หลานแน่
ความจริงแล้ว ลั่วเฉาน้อยที่ขี้อายไม่อยากมาหาลูกพี่หลานโดยตรง เธอรู้สึกว่านี่มันกดดันมากเกินไป แต่หานซู่หย่าคิดว่า ถ้าลั่วเฉาอายแบบนี้ต่อไป ย่อมไม่มีทางทำลายภูเขาน้ำแข็งพันปีอย่างลูกพี่หลานได้ เพื่อความสุขในอนาคตของพี่น้องเธอ หานซู่หย่ายังคงไม่สนใจความต้องการของลั่วเฉา ฝืนลากมือน้อยๆ ของลั่วเฉา จูงมาถึงหน้าประตูห้องของลูกพี่หลาน
“ซะ…ซู่หย่า ตะ…ต้อง…ต้องเคาะประตูจริงๆ เหรอ?” ลั่วเฉาพูดตะกุกตะกักด้วยความตกใจกลัวแล้ว ถึงแม้เธอชอบลูกพี่หลาน แต่เมื่อเผชิญดวงหน้าเย็นชาของลูกพี่หลาน เธอยังคงขี้ขลาดอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ อ๊าาาาา!
“ลั่วเฉา เธอไม่อยากกลายเป็นแฟนของลูกพี่หลานหรือไง? เธอกลัวหัวหดแบบนี้ต่อไป ต้องมีสักวันที่ลูกพี่หลานถูกคนอื่นแย่งไปนะ” หานซู่หย่าเอ่ยด้วยความโมโหที่ไม่อาจหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้
“ใครจะ…จะแย่งไป?” คำพูดของหานซู่หย่าทำให้ดวงหน้าน้อยๆ ของลั่วเฉาซีดเผือด เธอมองนิ้วมืออย่างจนปัญญา เอ่ยประท้วงเสียงอ่อนว่า “โรงเรียนที่ลูกพี่หลานเข้าคือโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ไม่มีผู้หญิงสักหน่อย”
หานซู่หย่าแค่นหัวเราะ เธอเปิดอุปกรณ์สื่อสารดังปุบ บนอุปกรณ์สื่อสารพลันปรากฏหน้าจอเสมือนจริง ในหน้าจอมีผู้หญิงที่งดงามเจ้าเสน่ห์ สวยจนกระทั่งทำให้คนตาพร่าเคลิบเคลิ้ม ลั่วเฉามองรูปภาพนี้แล้วเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจอยู่บ้าง “ซู่หย่า เธอให้ฉันดูภาพนี้ทำไม?”
“หลี่อินเฟย นักร้องจิตวิญญาณของสหพันธรัฐ และก็เป็นเทพธิดาแห่งการเยียวยาของสหพันธรัฐด้วย ปีที่แล้ว เธอเคยไปแสดงคอนเสิร์ตที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง เคยประกาศว่า สามีในอนาคตของเธอจะต้องเป็นราชาเท่านั้น” หานซู่หย่าหลิ่วตาใส่ลั่วเฉา เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยันว่า “เธอคิดว่าลูกพี่หลานไม่มีทางกลายเป็นราชาในอนาคตเหรอ?”
ริมฝีปากของลั่วเฉาสั่นระริก สีหน้าซีดขาว ไม่มีสีเลือดอีกต่อไปแล้ว หานซู่หย่าทนดูไม่ไหวอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงนิสัยของลั่วเฉาแล้ว ถ้าเกิดครั้งนี้ไม่บีบบังคับเธออีก เธอไม่มีทางข้ามไปอีกขั้นเองแน่นอน ดังนั้นเธอได้แต่ฝืนทำใจแข็ง กระตุ้นลั่วเฉาอย่างโหดเหี้ยม เพื่อความสุขในอนาคตของเพื่อนสนิท
“ถ้าเกิดเธอไม่รุกอีกละก็ รอจนลูกพี่หลานกลายเป็นราชาในอนาคต เธอคิดว่าเธอสามารถเอาชนะหลี่อินเฟย เทพธิดาของมหาชนคนนั้นได้เหรอ จากที่ฉันฟังญาติผู้พี่พูดมา ลูกพี่หลานรู้สึกดีต่อหลี่อินเฟยมากเลยนะ!” หานซู่หย่าโจมตีอย่างอำมหิตอีกครั้ง ทำลายความหวังที่หลงเหลืออยู่ในใจลั่วเฉา
ถึงแม้ใบหน้าของลั่วเฉาขาวซีดราวกับกระดาษ แต่แววตาที่เดิมทีลังเลกลับเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ขึ้นมา เธอเงียบไปหลายวินาที ในที่สุดก็ทำการตัดสินใจและเอ่ยเสียงเบาว่า “ฉะ ฉันจะไม่ถอยแล้ว”
หานซู่หย่าถึงค่อยปิดหน้าจอเสมือนจริงด้วยความพึงพอใจ เชิดคางบ่งบอกให้ลั่วเฉาเข้าไปเคาะประตู
เวลานี้ลั่วเฉากับหานซู่หย่าไม่รู้เลยว่า ในตอนที่พวกเธอกำลังพูดคุยอยู่นั้น มีคนผู้หนึ่งบังเอิญมาหาหลิงหลานพอดี เขาอยู่ตรงโค้งของระเบียงทางเดิน ยังไม่ได้เลี้ยวเข้ามา ก็เห็นว่าหน้าประตูมีเด็กสาวสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามจิตใต้สำนึก ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกำแพง และฟังบทสนทนาของทั้งสอง
“กระต่ายชอบหลี่อินเฟย? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” หลี่หลานเฟิงทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ พยายามย่อยข้อมูลที่เขาได้ยินนี้ เขาคบหากับหลิงหลานมานานขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินชื่อของหลี่อินเฟยออกมาจากปากของหลิงหลานเลย
เด็กสาวสองคนนั้นคือใคร? ลั่วเฉา? ซู่หย่า? หลี่หลานเฟิงคาดเดาสถานะของทั้งสองคนจากในบทสนทนาของพวกเธออย่างรวดเร็ว พวกเธอน่าจะเป็นลั่วเฉา น้องสาวของลั่วล่างกับหานซู่หย่า ญาติผู้น้องของหานจี้จวิน และหานซู่หย่าบอกว่าเป็นข่าวที่ได้มาจากญาติผู้พี่ของเธอ เช่นนั้นก็น่าจะเป็นหานจี้จวิน หรือว่ากระต่ายบอกหานจี้จวิน?
หลี่หลานเฟิงคิดถึงตรงนี้ อารมณ์ก็หมองหม่นขมขื่นใจมากอย่างหาใดเปรียบ เขายังสู้พวกเพื่อนๆ ที่เติบโตมากับกระต่ายตั้งแต่เด็กๆ ไม่ได้สินะ เพราะฉะนั้น กระต่ายเลยยอมบอกพวกหานจี้จวิน แต่ไม่คิดจะบอกเขา…หลี่หลานเฟิงดันทุรังอย่างควบคุมไม่อยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อแท้ใจ หัวใจหนาวเหน็บ รู้สึกเหมือนเขาโดนกระต่ายทิ้งแล้ว…
‘ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง!’ หลิงหลานที่ตื่นนานแล้วกำลังนั่งอยู่บนระเบียงฝึกปรือเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกาย ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น เธอก็เดินเข้าไปในห้อง หยิบชุดเครื่องแบบอยู่บนไม้แขวนเสื้อมาสวม จากนั้นถึงค่อยเดินไปที่หน้าประตูและเปิดออก
หลิงหลานสวมชุดเครื่องแบบสีขาวที่รีดจนเรียบ เมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าลั่วเฉากับหานซู่หย่า ทั้งสองคนก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันไร้รูปร่างสายหนึ่งแผ่คลุมศีรษะไว้ ต่อให้หานซู่หย่าขวัญกล้าเทียมฟ้าก็อดตัวสั่นเทาไม่ได้เช่นกัน รู้สึกว่าแข้งขาอ่อนแรงเล็กน้อย เธอลอบกลืนน้ำลายทีละอึก เสริมความกล้าให้ตัวเอง
ลั่วเฉาทานทนไม่ได้ยิ่งกว่า เวลานี้ดวงหน้าน้อยๆ ที่เดิมทีซีดเผือดกลับแดงฉาน ราวกับใกล้จะไหม้ขึ้นมาแล้ว หานซู่หย่าเห็นท่าทีเช่นนี้ของลั่วเฉาก็รู้สึกทั้งประหลาดใจทั้งเอือมระอา เธอประหลาดใจที่ท่าทีของลั่วเฉาดูไม่มีความหวาดกลัวหลิงหลานเลย แต่ก็เอือมระอาที่พอลั่วเฉาเห็นลูกพี่หลานแล้วก็ถูกดูดวิญญาณ ทำได้เพียงหน้าแดงเท่านั้น
——————————-