เฉียวถิงรีบปฏิเสธการคาดเดาของตัวเองทันที เนื่องจากข้อมูลที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบเขามอบมาให้ตลอดทางนั้น ระยะห่างของเขากับอีกฝ่ายไม่เคยเกินขีดจำกัดสี่พันเมตรของการค้นหาโดยเรดาร์ของจ้าวจวิ้นเลย ในชีวิตจริง บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุต่างๆ นานา ทำให้ข้อมูลของหุ่นรบเกิดการปั่นป่วนขึ้น จนเกิดความเป็นไปได้ที่จะถูกเปิดเผย ทว่าในโลกหุ่นรบ ข้อมูลกำหนดไว้ตายตัวมาก ขอเพียงไม่ได้เกินตัวเลขที่กำหนดก็จะไม่มีโอกาสถูกตรวจพบอย่างแน่นอน
เฉียวถิงทำการตัดสินใจในชั่วพริบตา เขาตามไป อยากดูว่าจู่ๆ จ้าวจวิ้นเปลี่ยนทิศทางเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ ในขณะเดียวกันเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือจัดการจ้าวจวิ้นแล้ว เขาไม่อยากรออีกต่อไป
ถึงแม้หุ่นรบสามตัวของพวกจ้าวจวิ้นจะเปิดใช้เครื่องยนต์ไอพ่นจนถึงขีดจำกัดของแต่ละคน แต่หุ่นรบระดับสูงสองตัวยังคงถ่วงความเร็วของจ้าวจวิ้นไว้ เฉียวถิงขับหุ่นรบไพ่ราชาแป๊บเดียวก็ไล่ตามทันแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฉียวถิงยังอยากรู้ว่าจ้าวจวิ้นคิดจะทำอะไรกันแน่ และไม่ได้ข้ามขอบเขตสี่พันเมตรนั้น เกรงว่าเวลานี้พวกจ้าวจวิ้นคงพบร่างของเฉียวถิงกันแล้ว
ผ่านไปไม่นาน เฉียวถิงก็รู้สาเหตุแล้วว่า เพราะอะไรจ้าวจวิ้นต้องเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน เนื่องจากด้านหน้าจ้าวจวิ้น หรือก็คือตรงบริเวณห้าพันเมตรของการค้นหาโดยเรดาร์หุ่นรบเขา ออปติคัลคอมพิวเตอร์ทำการแจ้งเตือนอีกครั้งว่าพบวัตถุบินได้ที่ไม่ได้ระบุตัวตนอยู่ที่ตำแหน่งนั้นหนึ่งตัว
เฉียวถิงซูมภาพทันที หุ่นรบที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่นี้คือหุ่นรบของหน่วยรบเหลยถิง ดูเหมือนว่าตอนนั้นจ้าวจวิ้นสังเกตเห็นอีกฝ่าย ดังนั้นถึงได้เปลี่ยนทิศทางเตรียมตัวโจมตีหุ่นรบตัวนี้
เฉียวถิงกำลังคิดจะเร่งความเร็วเตรียมตัวไปช่วยเหลือลูกทีมของเอง ทันใดนั้นความคิดหนึ่งพลันแล่นวาบ เขายกเลิกการเร่งความเร็ว แล้วเลือกคงความเร็วในการรุดหน้าของตัวเองตามเดิมไว้ ยังคงรักษาระยะห่างกับพวกหุ่นรบสามตัวของจ้าวจวิ้นไว้สี่พันเมตร วิ่งตามพวกเขาไปยังตำแหน่งลูกทีมของตัวเอง เนื่องจากเขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เฉียวถิงเลยส่งข้อความให้ลูกทีมคนนั้นโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว
ความจริงแล้วลูกทีมคนนั้นของเหลยถิงก็สังเกตพวกจ้าวจวิ้นแล้วเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าคนที่นำหน้าไล่ตามมาคือผู้ควบคุมระดับพิเศษตัวหนึ่ง เขาที่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยก็หันหลังหนีไป นี่ก็คือเหตุผลที่พวกจ้าวจวิ้นสามคนเปิดใช้งานเครื่องยนต์ไอพ่นไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง ในเมื่อพบเหยื่อแล้ว พวกเขาย่อมไม่ให้เหยื่อหนีไปจากใต้จมูกพวกเขาแน่นอน
ในระหว่างที่ลูกทีมของเหลยถิงคนนั้นกำลังหลบหนี ทันใดนั้นเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากออปติคัลคอมพิวเตอร์ว่า เขาได้รับข้อความจากเพื่อนร่วมทีม หัวใจของเขาก็ยินดี รีบเปิดข้อความขณะที่รักษาความเร็วในการหลบหนีของหุ่นรบตัวเองไว้ เมื่อเขาอ่านเนื้อหาด้านใน หัวใจเขาก็สงบลง ชะงักฝีเท้าของหุ่นรบโดยพลันแล้วหันกายกลับมาอย่างเยือกเย็น รอคอยหุ่นรบสามตัวของพวกจ้าวจวิ้นมาถึง
ลูกทีมของเหลยถิงหยุดฝีเท้า หลังจากไม่กี่วินาทีหุ่นรบของพวกจ้าวจวิ้นสามตัวก็มาถึงตรงหน้าลูกทีมของเหลยถิง
“แม่งเอ๊ย วิ่งเร็วชิบ!” พวกจ้าวจวิ้นสามคนล้อมลูกทีมของเหลยถิงเอาไว้ด้วยรูปแบบที่เคยโอบล้อมมาก่อน ในเวลาเดียวกันเสียงดังลั่นของเขาก็ดังขึ้นในลำโพงของหุ่นรบ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เผยความเยาะหยันว่า “ทำไมนายไม่วิ่งต่อแล้วล่ะ คิดว่าฉันวิ่งไม่ทันนายจริงๆ หรือไง?” ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะต้องดูแลเด็กสองคนที่อยู่ด้านหลัง เขาก็ไล่ทันไปนานแล้ว
“วันนี้ฉันโชคร้ายเกินไป เลยมาเจอนาย แต่ว่านะ จ้าวจวิ้น นายมันตกต่ำเกินไปแล้ว เข้าร่วมกลุ่มหุ่นรบเด็กใหม่เล็กๆ เนี่ยนะ ไร้ค่าเกินไปหน่อยหรือเปล่า? ถ้าเกิดนายไม่มีที่ดีๆ ให้ไป ขอแค่นายถอนตัวจากการต่อสู้ครั้งนี้เอง ฉันสามารถแนะนำนายให้กับหัวหน้ากลุ่มของพวกเราได้ รับนายมาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของเหลยถิงเป็นไง” ลูกทีมของเหลยถิงเอ่ยปากเจรจากับจ้าวจวิ้นขึ้นมาโดยไม่ได้ลนลานตื่นตระหนก
“หยุด ฉันมีความสุขมากที่ได้ข่มเหงรังแกคนอยู่ในกลุ่มนักเรียนใหม่ มีคนจัดหาของอร่อยมาให้ ในเมื่อสามารถเป็นเจ้านายได้ ทำไมฉันต้องไปหารับความทรมานเป็นลูกน้อยให้เฉียวถิงด้วย?” ถึงแม้มองไม่เห็นสีหน้าของจ้าวจวิ้น แต่น้ำเสียงในคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอวดดี ทำให้หน้าผากของสมาชิกอีกสองคนของหลิงเทียนขึ้นขีดดำหลายเส้น
“ลั่วล่าง หมอนี่อวดเก่งแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ?” ข่มเหงรังแก? แม่งเอ๊ย เห็นกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเป็นอะไรไปแล้ว หลี่อิงเจี๋ยฟังแล้ว ในใจไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
ลั่วล่างเบ้ปาก เงียบไปครู่หนึ่งถึงค่อยตอบว่า “ช่างเถอะ หมอนี่โง่เกินไป พูดจาไม่รู้เรื่อง ถ้าไปถือสาหาความกับเขา นั่นก็หาเรื่องใส่ตัวแล้ว” ความหมายโดยนัยคือ ให้หลี่อิงเจี๋ยฟังผ่านหูไป อย่าเก็บมาใส่ใจ
จ้าวจวิ้นเป็นคนของหน่วยรบหลิงเทียน เป็นเพื่อนร่วมทีมของลั่วล่าง ดังนั้นเขาไม่อาจขายจ้าวจวิ้น บอกความจริงให้หลี่อิงเจี๋ยฟังว่า ความจริงแล้วตอนที่จ้าวจวิ้นอยู่ในทีม พออยู่ต่อหน้าลูกพี่หลาน นั่นคือแมวเชื่องๆ ไร้พิษสง จะไปอวดดีได้อย่างไร
สมาชิกทีมของเหลยถิงคล้ายกับยังอยากพูดอะไรอีก จ้าวจวิ้นกลับไม่สนใจพูดพร่ำกับเขาแล้ว เขาแค่นเสียงเหอะ “เลิกพล่ามได้แล้ว น้องหลี่ น้องลั่ว ทำไมพวกนายยังไม่ลงมืออีก หรือว่าลูกกระจ้อกแบบนี้ยังต้องให้ยอดของยอดฝีมืออย่างฉันลงมือหา?”
น้ำเสียงของจ้าวจวิ้นที่ดูเหมือนออกคำสั่งลูกน้องอย่างชัดเจนแบบนี้ทำให้หลี่อิงเจี๋ยหงุดหงิดใจอย่างยิ่งยวด ลั่วล่างเองก็รู้สึกพูดไม่ออกมากๆ หรือว่าพอออกห่างจากลูกพี่หลานแล้ว จ้าวจวิ้นคนนี้ก็แสดงนิสัยจริงออกมา?
“นาย…” หลี่อิงเจี๋ยยอมจำนนต่อหลิงหลานเท่านั้น ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าจ้าวจวิ้นคือผู้ควบคุมระดับพิเศษ และไม่สามารถทำให้เขาก้มหัวได้ เขาอดส่งเสียงขึ้นมาไม่ได้ยากจะระงับความเดือดดาลในหัว แต่ก็ถูกลั่วล่างห้ามปรามไว้ทันที “หลี่อิงเจี๋ย เลิกพูดได้แล้ว พวกเราไปกันเถอะ!” กล่าวจบก็ชักดาบแสงขึ้นมาจากด้านหลัง บังคับหุ่นรบของตัวเองให้พุ่งเข้าไป
หลี่อิงเจี๋ยเห็นลั่วล่างเคลื่อนไหวแล้ว เขาเลยได้แต่ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจเพื่อร่วมมือกับลั่วล่าง เขาถลึงตาใส่จ้าวจวิ้นอย่างโหดเหี้ยมแวบหนึ่งก่อนจะชักดาบแสงออกมาจากด้านหลัง และพุ่งเข้าไปเช่นกัน
นักรบหุ่นรบระดับสูงของเหลยถิงเหมือนกับมีความสามารถแข็งแกร่งมาก หลี่อิงเจี๋ยกับลั่วล่างสองคนร่วมมือไม่อาจยึดความได้เปรียบมาได้ ถึงขนาดที่เนื่องจากพวกเขาทั้งสองร่วมมือไม่เข้าขากัน เลยส่งผลต่อกระทบต่อการการโจมตีของอีกฝ่ายแทน มีหลายครั้งที่เกิดฉากโจมตีใส่กันและกัน ทำให้อีกฝ่ายคว้าโอกาส พลิกกลับมาโจมตีกดดันพวกเขา ทั้งสองฝ่ายโจมตีพัวพันกันอย่างดุเดือดไปชั่วขณะหนึ่ง
“เชี่ย โง่ชะมัดยาดเลย เสี่ยวหลี่ นายไปฟันตรงไหนฮะ? ฟันศัตรูหรือว่าฟันคนของตัวเอง? เสี่ยวลั่ว นายไม่เห็นตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีมเลยหรือไง? ขวางการโจมตีของเพื่อนร่วมทีมตัวเองเนี่ยนะ นายเป็นไส้ศึกที่ศัตรูส่งมาหรือเปล่า?” เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่มีความเข้าขากันเลยสักนิดเดียวแบบนี้ จ้าวจวิ้นก็โมโห ปากก็ก่นด่าขึ้นมา และชี้ข้อผิดพลาดของทั้งคู่
เหล่านักเรียนทหารที่เห็นฉากนี้ก็อดส่งเสียงฮือฮาไม่ได้ เมื่อสิบนาทีก่อน หน่วยรบหลิงเทียนแสดงความสามารถได้ดีเลิศมากอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าลูกทีมที่พลีชีพหรือว่าลูกทีมที่คว้าชัยชนะมาได้ แสดงความสามารถด้านการควบคุมหุ่นรบได้อย่างปราดเปรื่องสุดๆ ไม่ต่างจากมือโปรทั่วไปเลย การกระทำที่เยี่ยมยอดของพวกเขาทำให้พวกนักเรียนที่ชมการต่อสู้คาดหวังต่อลูกทีมคนอื่นๆ ในหน่วยรบหลิงเทียนอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้ ความสามารถที่แสดงออกมาได้อย่างย่ำแย่ของลูกทีมสองคนนี้ทำให้ทุกคนผิดหวังมาก
“ที่แท้คนของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนก็ไม่ใช่ว่าจะเก่งกาจกันทุกคน ยังมีคนไร้ความสามารถปะปนอยู่ด้วย” เหล่านักเรียนทหารที่ผิดหวังยกใหญ่เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนอย่างดุเดือด ช่วยไม่ได้นี่นา เมื่อคาดหวังสูงมากเกินไปแล้วถูกทำลาย สภาพจิตใจที่ดิ่งลงมาแบบนั้นย่อมต้องหาที่ระบายเพื่อให้ได้ความสมดุล
“แปลกนะ ทำไมหลิงเทียนหมายเลขสี่กับหลิงเทียนหมายเลขห้าถึงได้ทำออกมาได้แย่ขนาดนั้นล่ะ?” พวกระดับสูงรวมถึงพวกอาจารย์ของโรงเรียนทหารชมการต่อสู้เช่นเดียวกัน เทียบกับอาจารย์คนอื่นๆ พากันส่ายหน้า รับไม่ได้กับการกระทำของหมายเลขสี่กับหลายเลขห้าแล้ว อาจารย์ถังอวี้กลับขมวดคิ้วเผยสีหน้าไม่เข้าใจ เขาขบคิดสักพักก่อนจะค้นหาข้อมูลของทั้งสองคน เมื่อเห็นข้อมูลรายละเอียดของพวกเขาแล้ว ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม
หลิงเทียนหมายเลขสี่: ชื่อนามสกุล: หลี่อิงเจี๋ย ชนชั้น: ลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์ อายุ: 17 ทักษะการต่อสู้มือเปล่า: พลังปราณขั้นกลาง ระดับควบคุมหุ่นรบ: ระดับสูง ผลคะแนนการเลื่อนขั้นจากระดับกลางไประดับสูง: ล้ำเลิศ!”
หลิงเทียนหมายเลขห้า: ชื่อนามสกุล: ลั่วล่าง ชนชั้น: ลูกหลานตระกูลทหาร อายุ: 17 ทักษะการต่อสู้มือเปล่า: พลังปราณขั้นกลาง ระดับควบคุมหุ่นรบ: ระดับสูง ผลคะแนนการเลื่อนขั้นจากระดับกลางไประดับสูง: ล้ำเลิศ!”
ปีที่แล้วเด็กสองคนนี้ไม่ได้ทำตัวแบบนี้นี่นา! ความประทับใจของถังอวี้ที่มีต่อสองคนนี้ยังคงสลักลึกมาก โดยเฉพาะลั่วล่าง ความโหดเหี้ยมต่อตัวเองแบบนั้นทำให้หัวใจเขาอดหนาวยะเยือกไม่ได้ คนแบบนี้ ทำไมถึงยอมปล่อยให้ตัวเองทำตัวย่ำแย่ขนาดนี้ด้วย…
สายตาของถังอวี้เบนไปยังตำแหน่งที่อยู่ห่างออกไปจากด้านหลังจ้าวจวิ้นหลายร้อยเมตร ความคิดหนึ่งพลันแล่นวาบขึ้นมา สีหน้าอดเปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่ได้
ท่านผู้อำนวยการที่อยู่ข้างกายสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าถังอวี้ เขาเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ว่า “ถังอวี้ นายพบอะไร?”
“ผมกำลังคิดว่า เด็กกลุ่มนี้กำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่าครับ!” ถังอวี้ชี้ไปยังหุ่นรบตัวหนึ่งที่มีเพียงพวกเขาเท่านั่นที่สามารถเห็น ซึ่งซ่อนตัวอยู่ห่างจากด้านหลังจ้าวจวิ้นออกไปหนึ่งร้อยเมตร นั่นคือเฉียวถิงที่ลอบเข้ามาอย่างเงียบเชียบแล้ว
“เด็กกลุ่มนี้มองแวบเดียวก็คือขยะ พวกเขาวางแผนอะไรได้เล่า? ครั้งนี้ความสามารถที่เฉียวถิงแสดงออกมาเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ยิงจรวดรบกวนเรดาร์ ตอนที่ความสนใจของคนในหน่วยรบหลิงเทียนอยู่ที่ตัวลูกทีมของเหลยถิงคนนี้ ดักซุ่มอยู่ด้านหลังพวกเขาโดยไม่รู้ตัว ฉันคิดว่า พวกหลิงเทียนสามคนนี้จะกลายเป็นแต้มผลการรบของเฉียวถิงเดี๋ยวนี้แหละ เดาได้เลยว่า ความได้เปรียบที่หลิงเทียนสร้างขึ้นในตอนแรกจะหายไปหลังจากการต่อสู้นี้แน่นอน” ระดับสูงคนหนึ่งของโรงเรียนที่อยู่ด้านข้างได้ยินบทสนทนาระหว่างถังอวี้กับผู้อำนวยการ ก็ไม่เห็นด้วยอย่างมาก การกระทำของเฉียวถิงในตอนนี้ทำให้พวกเขาพึงพอใจมาก ผู้ได้รับคัดเลือกในการสร้างเทพที่พวกเขาร่วมกันคัดออกมาโดดเด่นเหนือชั้นมากอย่างที่คิดไว้จริงๆ
ระดับสูงของโรงเรียนทหารเอ่ยถึงตรงนี้ ก็เอ่ยเอาใจด้วยใบหน้าแย้มยิ้มว่า “อาจารย์ดีลูกศิษย์โดดเด่น อาจารย์ถังอวี้สั่งสอนนักเรียนเฉียวถิงออกมาได้ร้ายกาจจริงๆ” เขากล่าวจบก็ไม่ลืมยกนิ้วโป้งให้ จากนั้นก็เอ่ยกับผู้อำนวยการอย่างประจบประแจงว่า “ผู้อำนวยการ ทั้งหมดนี้คือผลจากการชี้นำที่ปราดเปรื่องของคุณนะครับ”
เมื่อเทียบกับผู้อำนวยการที่เพียงแต่ผงกศีรษะยิ้มละไม ยากจะมองความคิดของเขาออกแล้ว ถังอวี้ดูอ่อนอยู่มาก เขาได้ยินคำกล่าวก็นิ่วหน้า เอ่ยประท้วงทันทีว่า “เฉียวถิง เขายังอ่อนหัดมาก หัวหน้าฝ่ายหลินมองเขาสูงเกินไปแล้วครับ”
คนที่ฉลาดอย่างถังอวี้ เวลานี้สัมผัสได้ถึงเป้าหมายของระดับสูงพวกนี้รางๆ แล้ว ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่เห็นด้วย คนที่เข้าใจเฉียวถิงอย่างเขาคิดว่าเขาต้องรับผิดชอบอนาคตของเฉียวถิงจริงๆ จำเป็นต้องให้เฉียวถิงที่มั่นใจในตัวเองจนวางอำนาจบาตรใหญ่อยู่บ้างคนนี้ได้รับความล้มเหลวมากหน่อยถึงจะดี
เขาตั้งใจทำตัวดีแต่กลับเจอใบหน้าเย็นชา นี่ทำให้หัวหน้าฝ่ายหลินรู้สึกยากจะทานทนอยู่บ้าง เขารีบเก็บรอยยิ้ม ส่งเสียงเหอะเบาๆ หันหน้าไปพูดคุยกับระดับสูงคนอื่นๆ ทันที ในเมื่อคุยไม่ถูกคอครึ่งคำก็มากเกิน หัวหน้าฝ่ายหลิงผู้นี้จึงไม่มีความคิดจะพูดคุยกับถังอวี้อีกแล้ว
“นายไม่คิดว่าเฉียวถิงจะทำได้ดีในศึกนี้เหรอ?” ผู้อำนวยการถามพลางยิ้มตาหยี
“ผมยอมรับในความสามารถของเฉียวถิงมากครับ และก็คิดว่าแค่จ้าวจวิ้นกับหลิงเทียนหมายเลขสี่ หมายเลขห้าสามคนสู้เขาไม่ไหว แต่ผมไม่คิดว่าความสามารถของหลิงเทียนหมายเลขสี่ หมายเลขห้าจะเลวร้ายเหมือนอย่างที่พวกเขาแสดงในตอนนี้…ถ้าเกิดเฉียวถิงประมาทเลินเล่อสองคนนี้เพราะแบบนี้จริงๆ ละก็ ผมคิดว่าเฉียวถึงไม่มีทางได้สิ่งที่เขาต้องการแน่นอนครับ ผมเดาไม่ออกอยู่บ้าง” ถังอวี้ขมวดคิ้ว ก็เหมือนกับที่เขากล่าวไว้ เขามองไม่ออกว่าหลิงเทียนสามคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่
“ในเมื่อเดาไม่ออก งั้นก็ดูต่อไปเถอะ…” เทียบกับถังอวี้ที่เพ่งความสนใจไปที่เฉียวถิงแล้ว สายตาของผู้อำนวยการกลับเหลือบมองไปยังทิศทางตรงข้ามกับตำแหน่งของเฉียวถิง มุมปากเผยรอยยิ้มเข้าใจเล็กน้อย