เวลานี้หลิงเทียนหมายเลขเจ็ดประหนึ่งสัตว์ร้ายที่เพิ่งออกจากกรง เผชิญหน้ากับเหลยถิงหมายเลขเก้าที่มีประสบการณ์ต่อสู้เยอะกว่าเขาโดยไม่มีความหวั่นกลัวเลยสักนิดเดียว ความเร็วในการวิ่งตะบึงของหุ่นรบไม่ได้ผ่อนลงเพราะการปรากฏตัวของศัตรูเช่นกัน คนที่มีสายตาหลักแหลมถึงขนาดสามารถมองออกว่า ความเร็วของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดไวกว่าและปราดเปรียดกว่าในตอนแรก
ส่วนเหลยถิงหมายเลขเก้า หลังจากที่เขาเตรียมอาวุธต่อสู้เรียบร้อยแล้ว ก็เห็นหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดพุ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย การกระทำนี้แฝงไปด้วยการยั่วยุอย่างชัดเจน นี่ทำให้เขารู้สึกโมโหเล็กน้อย คิดว่าเขาโดนอีกฝ่ายดูถูกแล้ว
เหลยถิงหมายเลขเก้าจึงขับหุ่นรบให้วิ่งเข้าไปหาหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดอย่างเร็วไวโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียวเพื่อไม่ให้ท่าทางทรงพลังของตนด้อยกว่าคู่ต่อสู้ ทั้งสองเลือกทะยานเข้ามาใกล้เช่นเดียวกัน ผ่านไปสิบกว่าวินาที ในที่สุดก็เข้าสู่รัศมีการยิงโจมตีระยะไกลของแต่ละคนแล้ว
“เหลยถิงโจมตีแล้ว” ยามนี้หัวใจทั้งดวงของผู้ชมพุ่งขึ้นสูง พากันคาดเดาว่าใครจะมีปฏิกิริยาไวกว่ากัน ยิงโจมตีเป็นคนแรก ทว่าดูจากตอนนี้ยังคงเป็นเหลยถิงหมายเลขเก้าที่มีประสบการณ์การวิ่งโจมตีคล่องแคล่วมากกว่า ฉวยโอกาสก่อนหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดก้าวหนึ่ง เล็งปืนลำแสงในมือไปที่หลิงเทียนหมายเลขเจ็ด ก่อนจะเหนี่ยวไกลงไป
ปากกระบอกปืนพลันปล่อยลำแสงพลังงานทรงพลังออกมาสายหนึ่ง ยิงเข้าไปหาหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดอย่างบ้าคลั่ง
“อ้า ระวัง!” ในหมู่ผู้ชม เมื่อเทียบกับความสงบนิ่งของพวกนักเรียนเก่าแล้ว นักเรียนใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนรวมถึงคนที่เป็นห่วงกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนอดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจขึ้นมาไม่ได้
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนใหม่หรือว่านักเรียนเก่า ความสนใจของทุกคนต่างไปอยู่ที่หลิงเทียนหมายเลขเจ็ด ถ้าเกิดหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดไม่มีวิธีดีๆ มารับมือกับปืนนัดนี้ละก็ ไม่ว่าจะโดนยิงหรือว่าไม่โดน เขาก็ตกเป็นฝ่ายรับแล้ว เช่นนั้นสามารถคาดการณ์การต่อสู้ครั้งนี้ได้เลยว่า เหลยถิงหมายเลขเก้าจะต้องเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดอย่างแน่นอน ในสนามรบหุ่นรบ นอกจากคู่ต่อสู้ที่ความสามารถห่างชั้นมากเกินไปแล้ว ไม่เช่นนั้นโดยพื้นฐานแล้ว ใครเป็นฝ่ายได้โอกาสก่อนก็จะแน่ใจได้เลยว่าเป็นผู้กำชัยชนะในตอนสุดท้ายของการต่อสู้นี้
“ดี!” ทั่วทั้งสนามระเบิดเสียงร้องคำว่า ‘ดี’ อย่างเร่าร้อนอีกครั้ง
เนื่องจากการรับมือของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดยอดเยี่ยมเกินไป ทำให้ทุกคนมองจนร้องอุทานด้วยความตะลึงไม่หยุด หลิงเทียนหมายเลขเจ็ดไม่ได้ลนลานเลือกใช้ปืนลำแสงยิงหักล้างการโจมตีของอีกฝ่าย และก็ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพถูกฝ่ายตรงข้ามข่มจนกลายเป็นฝ่ายรับเพราะเลือกหลบการโจมตีของอีกฝ่าย เขาแค่ขับหุ่นรบหลบอย่างใจเย็น ให้ลำแสงสายนั้นเฉียดผ่านหุ่นรบอย่างหวุดหวิดจนมันยิงใส่พื้นดิน ทรายนับไม่ถ้วนบนพื้นกระเซ็นขึ้นมา พริบตาเดียวก็ให้ดินทรายที่ตลบอบอวนเหล่านี้บดบังหุ่นรบของเขาจนพร่าเลือน
เมื่อเห็นร่างของอีกฝ่ายพลันถูกดินทรายที่กระเด็นขึ้นมาบดบัง เหลยถิงหมายเลขเก้าก็อึ้งไป ทว่าเขาไม่ได้ละทิ้งการโจมตี เขาคาดการณ์มุมที่อีกฝ่ายน่าจะหลบหนี ก่อนจะสาดลำแสงในปืนลำแสงออกมาอย่างบ้าคลั่ง
‘ปังๆๆ!’ ปืนดังติดต่อกันหลายนัด ดินทรายนับไม่ถ้วนบดบังร่างของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดจนหมดในชั่วพริบตา เหลยถิงหมายเลขเก้าพบว่าการโจมตีของจนคล้ายกับไม่มีผลก็ค่อยรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องแล้ว เขารีบตัดสินใจถอยหลังทันที คิดจะเว้นระยะห่าง ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่ใจตำแหน่งของอีกฝ่าย การเว้นระยะห่างให้มากพอเพื่อความปลอดภัยคือวิธีการป้องกันที่ดีที่สุด
น่าเสียดาย ปฏิกิริยาตอบสนองของเขายังช้าไป ขณะที่เขาเพิ่งจะขับหุ่นรบถอยหลังนั้น เงาเลือนสายหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นที่ทางด้านซ้ายของเขา จนกระทั่งเขาเห็นชัดเจนแล้วกลับพบว่า หุ่นรบหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดตัวนั้นมาถึงด้านหน้าฝั่งซ้ายของเขาแล้ว ลำแสงเย็นสายหนึ่งส่องวาบ ดาบแสงของฝ่ายตรงข้ามแทงเข้ามาอย่างแปลกประหลาดตรงตำแหน่งที่เขาไม่สามารถสกัดไว้ได้…
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงโผล่มาตรงหน้าฉันในชั่วพริบตาได้” ถึงแม้เหลยถิงหมายเลขเก้ามองทุกสิ่งทุกอย่างนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่เขายังคงบังคับหุ่นรบอย่างใจเย็น เร่งเครื่องยนต์ไอพ่นของหุ่นรบจนถึงพลังสูงสุด พยายามหลบดาบที่เหนือความคาดหมายนี้ของอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูงสุด
เนื่องจากเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงมองไม่ออก เหลยถิงหมายเลขเก้ามองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดที่ซ่อนอยู่ในดินทรายเลย ทว่าเหล่านักเรียนทหารที่ชมการต่อสู้เลือกกำจัดอุปสรรคทางสายตาทุกอย่าง พวกเขามองเห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมดของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดอย่างแจ่มชัด ในตอนที่เหลยถิงหมายเลขเก้าใช้ปืนลำแสงโจมตีอย่างคลุ้มคลั่งนั้น หุ่นรบของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดพลันใช้การคลื่อนไหวที่ไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาอธิบายได้ การก้าวเท้าที่พิลึกพิลั่นดูไม่สบายสุดขีด ทำให้ช่องว่างข้างกายหุ่นรบของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดเกิดการบิดเบี้ยวในระดับหนึ่ง จากนั้นวินาทีต่อมา มันก็โผล่ขึ้นที่ข้างกายฝ่ายตรงข้ามฉับพลัน เกิดเงาลวงตาของการเคลื่อนย้ายในพริบตา
“นี่มันทักษะแหกกฎฟ้าที่ไม่มีทางควบคุมได้มากที่สุดของนักรบหุ่นรบชั้นสูง พุ่งหลบไร้กฎเกณฑ์!” ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง นักเรียนส่วนหนึ่งที่จำทักษะนี้ได้ก็ร้องอุทานขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
เมื่อเทียบกับการก้าวเป็นตัว 八 พุ่งหลบเป็นตัว Z อะไรต่างๆ ของนักรบหุ่นรบชั้นสูงแล้ว พุ่งหลบไร้กฎเกณฑ์นี้ก็คือทักษะสุดยอดที่นักรบหุ่นรบชั้นสูงปรารถนาแม้ในยามหลับฝัน หากต้องการใช้พุ่งหลบไร้กฎเกณฑ์ จำเป็นต้องเชี่ยวชาญการก้าวเท้าพื้นฐานทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดที่ทำจนเป็นสัญชาตญาณ นี่ยังไม่นับเรื่องที่พุ่งหลบไร้กฎเกณฑ์ยังต้องการการหยั่งรู้ที่สูงสุดขีดด้วย ถ้าเกิดไม่มีพรสวรรค์หยั่งรู้แบบนี้ละก็ ต่อให้เชี่ยวชาญการเคลื่อนไหวพื้นฐานพวกนั้นทะลุปรุโปร่งอีกสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้กลายเป็นพุ่งหลบไร้กฎเกณฑ์ได้
และรูปแบบพัฒนาของพุ่งหลบไร้กฎเกณฑ์ก็คือพุ่งหลบไร้หลักเกณฑ์ การพุ่งหลบไร้หลักเกณฑ์ก็คือพื้นฐานสำคัญของการเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมไพ่ราชา ดังนั้นในโลกควบคุมหุ่นรบจึงมีคำพูดว่า หากเชี่ยวชาญการพุ่งหลบไร้กฎเกณฑ์ โดยพื้นฐานแล้ว เท้าครึ่งหนึ่งของผู้ควบคุมหุ่นรบได้เหยียบเข้าไปในขอบเขตไพ่ราชาแล้ว
น่าเสียดายที่นักรบหุ่นรบชั้นสูงส่วนใหญ่ไม่สามารถเชี่ยวชาญทักษะที่แหกกฎฟ้าดินนี้ได้ ถึงขนาดที่มีผู้ควบคุมหุ่นรบมากมายที่เข้าสู่การเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษแล้ว ก็ไม่กล้ายืนยันว่าตัวเองสามารถเชี่ยวชาญทักษะสุดยอดนี้ นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมจำนวนผู้ควบคุมไพ่ราชาถึงน้อยมากขนาดนี้ ส่วนใหญ่แล้วเมล็ดพันธุ์ที่โดดเด่นมากต่างถูกกำจัดเพราะเรื่องนี้
นี่ก็คือเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หากไม่สามารถเชี่ยวชาญพุ่งหลบไร้หลักเกณฑ์ ถึงจะฝืนให้ผู้ควบคุมขับหุ่นรบไพ่ราชา พอไปถึงสนามรบ ผู้ควบคุมหุ่นรบที่ไม่สามารถพุ่งหลบไร้หลักเกณฑ์ได้ ก็เป็นได้เพียงการส่งตัวเองไปตายอยู่ดี ด้วยเหตุนี้ ในโลกควบคุมหุ่นรบจึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าแก้ขัด ทุกระดับที่เลื่อนขั้นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนขั้น
ถังอวี้เห็นท่วงท่านี้ของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ด แววตาก็โชนแสงประหลาดอีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะผู้อำนวยการตกลงเพิ่มโควตานักเรียนให้เขาอีกคนละก็ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะยกเลิกความคิดเดิม ทิ้งรายชื่อที่กำหนดไว้แต่เดิมไปหนึ่งคน และรับหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดคนนี้เพิ่มเข้ามาแทน
ต่อให้เป็นอัจฉริยะด้านการควบคุมหุ่นรบที่มีพรสวรรค์อีกสักแค่ไหน ถ้าเกิดไม่มีการหยั่งรู้ที่ยอดเยี่ยม การเติบโตในอนาคตของเขาก็จะถูกจำกัดเพราะอุปสรรคการเลื่อนขั้น แต่หลิงเทียนหมายเลขเจ็ดคนนี้สามารถไปถึงระดับนี้ได้ เขาน่าจะเข้าสู่โลกหุ่นรบทำการควบคุมหุ่นรบตั้งแต่อายุสิบสาม เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว เขาสามารถเชี่ยวชาญพุ่งหลบไร้กฎเกณฑ์ที่แหกกฎฟ้านี้ได้ภายในระยะเวลาสี่ปี เห็นได้ว่าการหยั่งรู้ของเขาโดดเด่นเหนือใคร และเรื่องนี้ยังล้ำค่ากว่าพรสวรรค์ด้านการควบคุมหุ่นรบของเขาเสียอีก นี่ก็คือสาเหตุใหญ่สุดที่ถังอวี้จิตใจโอนเอน
‘เคร้ง!’ หุ่นรบกับดาบแสงปะทะกันอย่างดุเดือด หลิงเทียนหมายเลขเก้ารู้สึกแค่ว่าหุ่นรบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทันใดนั้นแสงสว่างทั่วทั้งห้องคนขับพลันมืดลง แต่พริบตาเดียวก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เขาที่มีประสบการณ์มากมายแน่ใจได้ทันทีว่า เขาโดนโจมตีแล้ว การหลบของเขาเมื่อสักครู่นี้ไม่อาจหลบดาบที่แปลกพิสดารชั่วช้าสุดขีดของอีกฝ่ายได้พ้น เรื่องที่โชคดีคือ เขาเปิดใช้โล่แสงหุ่นรบพร้อมกัน ดาบของอีกฝ่ายเลยไม่ได้สร้างความเสียหายต่อหุ่นรบของเขาอย่างมหาศาลเท่าไหร่นักภายใต้การป้องกันของโล่แสง
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีอันตรายแล้ว ถึงแม้เขาขับหุ่นรบให้ถอยหลังรวดเร็วสุดขีด แต่อีกฝ่ายก็เหมือนกับเงาตามตัว ดาบแสงยังคงยันใส่ห้องคนขับหุ่นรบของเขาอย่างอำมหิต กำลังใช้พลังงานของดาบแสงบั่นทอนพลังงานโล่แสงของเขาจนลดฮวบฮาบ เมื่อพลังงานโล่แสงของหุ่นรบเขาหายไป ดาบแสงเล่มนั้นก็จะแทงทะลุห้องคนขับของเขาอย่างไร้ความปรานี เช่นนั้นจุดจบของเขาก็เสียชีวิตพ่ายแพ้ออกจากสนาม
“คำเตือน พลังงานหุ่นรบสามารถประคองได้เพียงสิบวินาทีเท่านั้น 10 9…” ออปติคัลคอมพิวเตอร์เริ่มรายงานตัวเลขเวลาที่พลังงานหุ่นรบสามารถประคับประคองอยู่ได้ให้เหลยถิงหมายเลขเก้าฟัง เหลยถิงหมายเลขเก้าไม่กล้าเดิมพันว่าดาบแสงของอีกฝ่ายจะหายไปก่อนพลังงานโล่แสงของเขา เขาทำได้เพียงเร่งความเร็ว สลัดให้พ้นจากดาบแสงของอีกฝ่ายที่เหมือนกับเงาตามตัวเล่มนี้ก่อน ถึงจะสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้
เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็พลิกสถานการณ์ของทั้งคู่ได้ เหลยถิงหมายเลขเก้าที่เดิมทีดูเหมือนเป็นฝ่ายยึดครองโอกาส เวลานี้ขอแค่เป็นคนที่มีสายตาหลักแหลมต่างรู้ดีว่า คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์อับจนคือเขา ไม่ใช่หลิงเทียนหมายเลขเจ็ดในตอนแรกแล้ว
“ไม่นึกเลยว่า การโจมตีระยะประชิดของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดจะเก่งขนาดนี้” เหล่านักเรียนที่ชมการต่อสู้เห็นถึงตรงนี้ ในใจอดทอดถอนใจด้วยความชื่นชมไม่ได้ เพราะว่ารูปลักษณ์ภายนอกของหุ่นรบหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดรวมถึงอุปกรณ์เกี่ยวข้องที่แบกมาโน้มเอียงไปทางการโจมตีระยะไกล นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมตอนแรกพวกนักเรียนที่ชมการประลองถึงคิดว่า นี่เป็นการประลองโจมตีระยะไกลอย่างดุเดือด
พวกนักเรียนทหารที่ชมการต่อสู้ย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่า พวกสมาชิกทีมที่เลือกการโจมตีระยะไกลเหมือนอย่างหลินจงชิงและหานจี้จวินนั้นคอยติดตามลูกพี่ที่ต่อสู้ระยะประชิดอย่างบ้าคลั่ง ภายใต้การทารุณอย่างไร้ความปรานีมาหนึ่งปีกว่าของหลิงหลาน ระดับการต่อสู้ระยะประชิดของพวกเขาจึงไม่ด้อยไปกว่าพวกผู้ควบคุมหุ่นรบสายระยะประชิดพวกนั้นเท่าไหร่เลย ถึงขนาดที่กล่าวได้ว่า ประสาทตอบสนองด้านการต่อสู้ระยะประชิดของพวกเขายังยอดเยี่ยมกว่าคนเหล่านั้นเสียอีก
ช่วยไม่ได้ ตอนที่พวกหลินจงชิง หานจี้จวินต่อสู้กับลูกพี่ตัวเอง พวกเขาไม่มีโอกาสทำการโจมตีระยะไกลเลย ความเร็วของลูกพี่หลานไวเกินไป ต่อให้เว้นระยะห่างอีกแค่ไหน พริบตาเดียวก็ถูกลูกพี่ตนไล่ตามมาประกบตัวโจมตีใส่แล้ว ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ พวกเขาได้แต่ทำการรับมือลูกพี่ตนในระยะประชิดเท่านั้น นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่พวกหลินจงชิงที่เป็นพวกโจมตีระยะไกลถึงมีมาตรฐานการต่อสู้ประชิดสูงมาก พวกเขาถูกทรมานมามาก ต่อให้สู้ระยะประชิดไม่เก่งก็ต้องเก่งแล้ว
ภายใต้วิกฤติใหญ่หลวงเช่นนี้ หยาดเหงื่อบนหน้าผากของเหลยถิงหมายเลขเก้าหยดแหมะๆ ลงมาแล้ว เขาเร่งเครื่องยนต์ไอพ่นอย่างบ้าคลั่ง เปิดใช้งานเครื่องยนต์ไอพ่นถึงขีดสุด ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องยนต์ไอพ่นสำรองสองอันก็เริ่มส่งเสีนงดังตูมขึ้นมาเหมือนกัน หุ่นรบพลันขับเคลื่อนเกินพิกัด ทำให้ความเร็วของหุ่นรบเขาถูกดันขึ้นสูงอีกเล็กน้อย ส่วนหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดคล้ายกับไม่ได้คาดคิดเรื่องนี้ไว้ การตอบสนองจึงช้าไปจังหวะหนึ่ง ถูกเหลยถิงหมายเลขเก้าเว้นระยะห่างได้สำเร็จ หลุดพ้นจากการคุกคามของดาบแสงหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดแล้ว…
เหลยถิงหมายเลขเก้าเห็นว่าเขาเว้นระยะห่างกับฝ่ายตรงข้ามได้ ยังไม่ทันโล่งอก ก็ได้ยินออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบพลันส่งเสียงเตือนอย่างรุนแรงว่า “คำเตือน หลบ คำเตือน หลบ…” เหลยถิงหมายเลขเก้ามองสัญญาณแจ้งเตือนบนหน้าจอหุ่นรบด้วยความตะลึงงัน หุ่นรบของเขาถูกอาวุธระยะไกลของอีกฝ่ายล็อกเป้าแล้ว เขาขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง โบกสะบัดนิ้วมือของมือทั้งสองข้างอย่างบ้าคลั่ง พยายามหลบวิกฤติครั้งใหญ่นี้