“ฉันเองก็ดีใจมากเหมือนกัน เธอแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…” อาจารย์หมายเลขเก้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงความชื่นชม
หลิงหลานกำลังคิดจะตอบ ก็ได้ยินอาจารย์หมายเลขห้าที่ยืนอยู่ด้านข้างกระแอมไอหนักๆ หลิงหลานกับอาจารย์หมายเลขเก้าหันหน้าไปถลึงตาใส่เขาอย่างอำมหิตพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
อาจารย์หมายเลขห้าขยี้จมูกกล่าวอย่างไร้เดียงสามากว่า “ฉันแค่จะเตือนพวกเธอว่า ตอนนี้ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องพลังของหลิงหลานน้อยก่อน เวลาไม่คอยใครนะ…”
อาจารย์หมายเลขเก้าได้ยินคำกล่าวก็ส่งสายตาเย็นเยียบทิ่มแทงหมายเลขห้าอีกครั้ง โทสะในแววตาทำให้หมายเลขห้าได้แต่โบกมือติดต่อกัน บ่งบอกว่าเขาพูดมากไปแล้ว บางทีทุกสิ่งทุกอย่างต่างมีของข่มกันจริงๆ ความโรคจิตของหมายเลขห้าทำให้บรรดาอาจารย์คนอื่นๆ ระแวดระวังสุดขีด เคารพอยู่ห่างๆ กระทั่งหมายเลขหนึ่งก็จนปัญญากับหมายเลขห้าเช่นกัน ทว่าหมายเลขเก้าไม่หวาดกลัวหมายเลขห้าเลยสักนิดเดียว เธอที่สามารถมอบสีหน้าแย่ๆ ให้หมายเลขห้าได้เพียงคนเดียว กลับทำให้หมายเลขห้าอับจนหนทางต่อเธอ ไม่เคยลงมืออย่างเหี้ยมโหดใส่หมายเลขเก้ามาก่อนเลย…
ทว่าคำเตือนของหมายเลขห้าก็ทำให้หมายเลขเก้ารู้ภารกิจที่เธอมาที่นี่เช่นกัน เธอเอ่ยกับหลิงหลานว่า “หลิงหลาน เธอดูความสามารถของฉันก่อน”
สิ้นคำกล่าว ทันใดนั้นก็เห็นเปลวไฟสีฟ้าอ่อนห้ากลุ่มลุกโชนขึ้นบนนิ้วมือของหมายเลขเก้า เปลวไฟที่เห็นได้ชัดว่าควรจะเกิดความร้อนกลับแผ่ไอเย็นเสียดแทงกระดูกออกมาอย่างน่าประหลาด
หลิงหลานงุนงง เธออดอยากยื่นมือไปสัมผัสเปลวไฟสีฟ้าบนนิ้วมือของหมายเลขเก้าไม่ได้ แต่ถูกอาจารย์หมายเลขเก้าตะโกนให้หยุดด้วยเสียงเข้มงวดว่า “อย่าไปแตะนะ มันจะกลืนกินพลังงานต่างๆ รวมถึงร่างจิตของเธอด้วย”
‘ฟึบ’ หลิงหลานหดมือตัวเองกลับไปทันที อาจารย์หมายเลขเก้าไม่เหมือนอาจารย์หมายเลขห้าที่เอ่ยกึ่งจริงกึ่งหลอกลวงตลอด ในเมื่ออาจารย์หมายเลขเก้าพูดแบบนี้ก็หมายความว่าเปลวไฟสีฟ้านี้สามารถทำทุกอย่างนี้ได้จริง กลืนกินพลังงานต่างๆ นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะ
เมื่อเห็นหลิงหลานไม่ขยับมือไม้อีกแล้ว หมายเลขเก้าค่อยกล่าวต่อว่า “นี่คือพรสวรรค์ที่ตื่นขึ้นของฉัน ความจริงแล้วพลังธาตุที่ฉันปลุกได้ก็เหมือนกับเธอ เป็นธาตุน้ำแบบกลายพันธุ์ เพียงแต่พรสวรรค์ที่เธอปลุกคือพันธะน้ำแข็ง ขณะที่พรสวรรค์ที่ฉันปลุกคือ เพลิงน้ำแข็ง”
“เพลิงน้ำแข็ง?” หลิงหลานมึนงงแล้ว เธอรู้ว่าน้ำมีสามสถานะ สถานะแก๊ส สถานะของเหลว และสถานะของแข็ง สถานะของแข็งก็คือ ธาตุสายน้ำแข็งซึ่งเป็นพรสวรรค์ที่กลายพันธุ์ของเธอ สถานะแก๊ส โดยทั่วไปแล้วหมายถึงธาตุสายหมอก ส่วนสถานะของเหลวก็คือรูปแบบปกติของน้ำ แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า ธาตุน้ำยังมีเพลิงน้ำแข็งที่เป็นสายกลายพันธุ์อีกอัน
“ตอนแรกที่ฉันปลุกพลัง ความสามารถของพรสวรรค์ไม่ใช่รูปแบบนี้” เมื่อเห็นดวงหน้าของหลิงหลานเต็มไปได้ความมึนงง ใบหน้าที่เย็นชาเคร่งขรึมของหมายเลขเก้าก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มนี้ทำให้ร่างหมายเลขเก้าดูสว่างไสวอย่างหาใดเปรียบ และก็ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของหมายเลขห้าที่อยู่ด้านข้างส่องประกายแปลกประหลาดออกมา
“อ่า…” คำพูดของหมายเลขเก้าอยู่เหนือความคาดหมายของหลิงหลานแล้ว เนื่องจากตอนที่เธอปลุกพรสวรรค์พันธะน้ำแข็ง สิ่งที่ปรากฏออกมาก็คือน้ำแข็งแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับความสับสนของหลิงหลาน หมายเลขเก้าก็ไม่ได้เอ่ยปากอธิบาย เพียงแต่ให้หลิงหลานตั้งใจมองเปลวไฟสีฟ้าบนนิ้วมือเธอ จากนั้นก็เห็นเปลวไฟสีฟ้าที่ปล่อยไอเย็นสุดขีดเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีฟ้ามาเป็นสีฟ้าอ่อน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเปลวไฟโปร่งใส และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีเหลืองเข้ม สีเหลืองส้ม สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นสีแดง หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม สุดท้ายมันก็เปลี่ยนเป็นเปลวไฟสีดำทะมึน และสิ่งที่ทำให้หลิงหลานประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ การเปลี่ยนแปลงไปตามสีสัน อุณหภูมิจากไอเย็นเยียบสุดขีดสูงขึ้นช้าๆ ท้ายที่สุดก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้อนแผดเผา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เปลี่ยนเป็นสีดำ หลิงหลานไม่สามารถต้านทานความร้อนที่เหมือนกับสามารถเผาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เลย จนอดถอยหลังไปสามก้าวไม่ได้ ถึงค่อยสามารถต้านทานความร้อนที่บีบคั้นผู้คนนั้น
“อาจารย์หมายเลขเก้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?” นี่ไม่ใช่ธาตุน้ำอย่างแน่นอน...
“เธอสัมผัสได้แล้วสินะ ไม่เลว อันที่จริงแล้วฉันปลุกธาตุคู่ พรสวรรค์ที่ปลุกคือธาตุน้ำและธาตุไฟที่ถูกผู้คนคิดว่าไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ตั้งแต่ที่ฉันปลุกพรสวรรค์ ครูฝึกของฉันก็ตัดสินว่าฉันไม่มีทางกลายเป็นยอดฝีมือระดับเขตแดนตลอดกาล เพราะว่าพรสวรรค์ทั้งสองของฉันต่อต้านกันเอง ไม่อาจเกื้อหนุนอยู่ร่วมกันได้เลย ถ้าฝืนเลื่อนระดับ เมื่อพลังงานทั้งสองอย่างต่อต้านกัน จุดจบของฉันคือร่างกายระเบิดเสียชีวิตอย่างแน่นอน.…” หมายเลขเก้าหวนนึกถึงตอนที่ถูกครูฝึกประกาศผลในตอนนั้น เธอสูญเสียความเชื่อมั่นไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าหากไม่ใช่เพราะหมายเลขหนึ่ง เกรงว่าคงไม่มีตัวตนของเธอในตอนนี้แล้ว
แมนโดรา การแข่งขันดุเดือดรุนแรงมากเหลือเกิน หากกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งไม่ได้ ก็เป็นได้เพียงผู้ที่ถูกกำจัด นี่ทำให้เธอที่ยอดเยี่ยมโดดเด่นมาตลอดทานทนไม่ไหว
หลิงหลานได้ยินคำกล่าว แววตาพลันเปล่งประกายขึ้นมา “ดังนั้น ตอนสุดท้ายอาจารย์หมายเลขเก้าก็เจอความลับที่ทำให้น้ำกับไฟอยู่ร่วมกันได้แล้วใช่ไหมคะ?” เนื่องจากหลิงหลานรู้ดีว่า อาจารย์หมายเลขเก้าเป็นยอดฝีมือระดับเขตแดน
“ใช่แล้ว หมายเลขหนึ่งบอกฉันว่า ในเมื่อสวรรค์มอบพรสวรรค์ที่ต่อต้านกันสองอย่างนี้ตื่นขึ้นพร้อมกันในตัวคนๆ เดียว ก็ต้องมีวิธีทำให้ทั้งสองอยู่ร่วมกันได้แน่นอน ไม่มีทางทำให้คนอับจนหนทาง คนรุ่นก่อนทำไม่ได้เป็นเพราะไม่เจอวิธีการที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้เลย ต้องเข้าใจว่าตัวตนก็คือเหตุผล” หมายเลขเก้าบอกคำพูดของอาจารย์หมายเลขหนึ่งในยามนั้นให้หลิงหลานฟัง สิ่งที่หมายเลขเก้าพูดมาดูคลุมเครือมึนงงสับสนอยู่บ้าง ทว่าหลิงหลานกลับฉุกใจ ‘นี่คือสิ่งที่ลัทธิเต๋าในชาติก่อนของเธอกล่าวไว้ว่า ‘วิถีห้าสิบ สวรรค์วิวัฒน์สี่สิบเก้า มนุษย์หลบหนีเส้นทางสุดท้าย?’ ไม่ใช่เหรอ? หมายความว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามมักจะมีทางรอดสายหนึ่งท่ามกลางความมืดมนเสมอ’
หมายเลขเก้าไม่รู้เหมือนกันว่าหลิงหลานตระหนักความหมายของเธอได้หรือเปล่า เธอจึงกล่าวต่อว่า “ตั้งแต่ตอนนั้น ฉันก็ศึกษาค้นคว้าว่าธาตุน้ำและธาตุไฟที่ขัดแย้งกันจะอยู่ร่วมกันได้ยังไง ฉันได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อยเพราะเหตุนี้ ถึงขนาดที่หลายครั้งฉันแทบจะเข้าไปในประตูผีแล้ว จนกระทั่งครั้งหนึ่ง ฉันเปลี่ยนธาตุน้ำให้กลายเป็นไอเย็นสุดขีด…”
“ไอเย็น?” เมื่อได้ยินคำพูดที่แปลกประหลาด หลิงหลานพลันรู้สึกได้ว่านี่อาจเป็นจุดสำคัญ
ดวงตาของหมายเลขเก้าเผยความพึงพอใจ ความสามารถในการหยั่งรู้ของหลิงหลานยอดเยี่ยมมาก สามารถคว้าจุดสำคัญได้ตลอด เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มในแววตา “ถูกต้อง ความจริงแล้ว มีอยู่สองวิธีที่น้ำจะเปลี่ยนจากรูปแบบปกติมาเป็นสถานะแก๊ส หนึ่งคือใช้ประโยชน์จากอุณหภูมิสูงมาเปลี่ยนเป็นไอน้ำ และอีกวิธีคืออาศัยความเย็นสุดขีด กระตุ้นน้ำที่แข็งตัวเป็นน้ำแข็งให้กลายเป็นแก๊ส และแก๊สแบบนี้ก็คือไอเย็นที่ฉันพูดถึง…”
หลิงหลานย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดี เธอผงกศีรษะติดต่อกัน
อาจารย์หมายเลขเก้าเห็นหลิงหลานพยักหน้าบ่งบอกว่าเธอเข้าใจแล้วจริงๆ ดังนั้นเลยเอ่ยต่อว่า “พอฉันเปลี่ยนคุณสมบัติน้ำให้กลายเป็นไอเย็นสุดขีดแล้ว ฉันก็ลองถ่ายไอเย็นเข้าไปในเปลวไฟ เธอน่าจะรู้ว่าไฟที่ลุกไหม้ขึ้นมาจะเกิดความร้อน และไอเย็นลดทอนความร้อนนี้ได้อย่างไม่มีสิ้นสุด…”
“นี่ไม่ขัดแย้งกันอีกเหรอคะ?” หลิงหลานนิ่วหน้าถามกลับ
“ใช่ อันนึงสร้างความร้อน อีกอันกลับไปกำจัดความร้อน ดูเหมือนว่ายังไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่พออุณหภูมิของไฟเปลี่ยนเป็นเย็นตามล่ะ?” หมายเลขเก้าคล้ายกับตั้งใจทดสอบความสามารถในการขบคิดของหลิงหลาน ไม่ได้บอกคำตอบออกมาตรงๆ หากแต่โยนคำถามให้หลิงหลาน
“โดยทั่วไปแล้ว ขอเพียงรักษาความร้อนตรงกลางเปลวไฟ ตามทฤษฎีแล้ว เปลวไฟจะไม่หายไปค่ะ” หลิงหลานครุ่นคิดสักพักแล้วตอบว่า “แต่ว่า รักษาความร้อนของเปลวไฟเท่าไหร่กันแน่นั้น ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบที่ตรงกัน ถึงขนาดที่นักวิทยาศาสตร์ไม่น้อยเสนอความเห็นว่า อุณหภูมิติดลบก็สามารถคงเปลวไฟได้เหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลจริงมาสนับสนุนทฤษฎีนี้ เป็นแค่ทฤษฎีบุกเบิกค่ะ” หลิงหลานค้นหาทฤษฎีที่เกี่ยวข้องในสมอง เธอกล่าวขณะที่แววตาวาวโรจน์ขึ้นมา สุดท้ายเธอก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจแกมยินดีว่า “หรือว่าอาจารย์หมายเลขเก้าเจอข้อมูลที่อุณหภูมิติดลบก็สามารถคงเปลวไฟได้แล้วจริงๆ เหรอคะ?”
อาจารย์หมายเลขเก้าผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจ “ใช่ ตอนที่ฉันลองลดอุณหภูมิของเปลวไฟ เมื่ออุณหภูมิต่ำลง เปลวไฟก็จะอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ ถึงขนาดที่สุดท้ายล้มเหลวมอดไปจนหมด แต่ฉันกลับรู้สึกได้ว่าความเป็นไปได้นี้คือทางออกของฉัน หลังจากที่ศึกษาค้นคว้าซ้ำไปซ้ำมาหกปี ในที่สุดฉันก็ทำให้เปลวไฟเย็นได้สำเร็จ ไม่มีความรู้สึกร้อนแผดเผานั้นอีกต่อไป และการที่เปลวไฟเย็นลงก็หมายความว่าความขัดแย้งกับน้ำก็ลดลงจนถึงจุดต่ำสุดแล้ว จากนั้นฉันก็ใช้เวลาอีกห้าปี จนในที่สุดก็หลอมรวมไอเย็นของน้ำเข้าไปในเปลวไฟได้อย่างสมบูรณ์ เพียงแต่คาดไม่ถึงเลยว่าไฟกับน้ำที่หลอมรวมกันได้สำเร็จจะเปลี่ยนเป็นเพลิงน้ำแข็งที่สามารถกลืนกินพลังงานทุกอย่างได้…ของสิ่งนี้ กระทั่งฉันยังรู้สึกกลัวนิดๆ เลย” อาจารย์หมายเลขเก้ากล่าวถึงตรงนี้ก็อดยิ้มขื่นขึ้นมาไม่ได้
ตอนแรกเธอแค่อยากหลอมรวมธาตุน้ำกับไฟเฉยๆ เท่านั้น เพื่อเลื่อนระดับเป็นยอดฝีมือระดับเขตแดนได้สำเร็จ แต่ว่าเคราะห์ดีที่หลอมรวมออกมาเป็นท่าไม้ตายที่น่ากลัวสุดขีด ทำให้เธอต้องใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนทุกครั้งที่ใช้พรสวรรค์ของเธอ เพราะว่าเมื่อเธอใช้แล้วก็หมายความว่า เธอจะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามจนถึงตาย ควรรู้ไว้ว่า เมื่อเพลิงน้ำแข็งออกมาย่อมไม่รอดอย่างแน่นอน
“ฉันบอกเรื่องพวกนี้ให้เธอ ก็เพราะอยากบอกเธอว่า ไม่มีสิ่งใดที่แน่นอนบนโลกใบนี้ ก็เหมือนกับพลังของเธอที่แกร่งกล้ามากเกินไป ถึงแม้ตรงข้ามกับคุณสมบัติร่างกายเธอ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีการแก้ไขเลย บางทีอาจเป็นไปได้ยากมากกว่าจะไปถึงขั้นร่างกายพลังหลอมรวมเป็นหนึ่ง แต่ฉันเชื่อว่า ขอเพียงเธอมีความอดทน ศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียด เมื่อหาจุดร่วมกันของทั้งสองได้ ก็เป็นเวลาที่เธอแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างสิ้นเชิง” ในที่สุดอาจารย์หมายเก้าก็พูดจุดประสงค์ของเธอออกมาแล้ว การที่เธอบอกเล่าจากประสบการณ์ตัวเองก็เพื่อหลิงหลาน อยากให้หลิงหลานไม่ต้องท้อแท้ ไม่ต้องร้อนใจ ค่อยๆ คิดหาวิธีการ
“ขอบคุณค่ะ อาจารย์หมายเลขเก้า!” หลิงหลานตื้นตันใจ ซาบซึ้งบุญคุณของหมายเลขเก้าจากใจจริงอีกครั้ง กระทั่งน้ำไฟที่ยากลำบากที่สุดยังสามารถอยู่ร่วมกันได้ พลังกับร่างกายของเธอย่อมไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้เลย
“หลิงหลานน้อย ตอนนี้เข้าใจแล้วสินะ ในเมื่อเธออยากเดินไปบนวิถีของเธอเอง เช่นนั้นเธอก็ต้องอาศัยกำลังของตัวเองไปแก้ไขปัญหาข้อนี้ พวกเราช่วยเธอไม่ได้เลย” เวลานี้เอง อาจารย์หมายเลขห้าที่ทำตัวเป็นภาพบนผนังเอ่ยปากพูดพลางหัวเราะหึๆ
“ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์หมายเลขห้า” หลิงหลานหันหน้าไปขอบคุณอาจารย์หมายเลขห้า แต่เมื่อเทียบกับหมายเลขเก้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้จริงใจขนาดนั้น แทบจะทำให้ใบหน้ายิ้มแย้มของอาจารย์หมายเลขห้าพังลงมา
“หลิงหลาน ในเมื่อเธอเข้าใจแล้ว งั้นก็กลับไปเถอะ! ก็เหมือนกับที่หมายเลขห้าพูดไว้ ทุกอย่างได้แต่อาศัยตัวเธอเองแล้ว” หมายเลขเก้าเห็นสีหน้าของหมายเลขห้าแข็งทื่อ กลัวว่าหมายเลขห้าจะเจ็บแค้นใจหลิงหลาน จึงรีบเอ่ยปากให้หลิงหลานออกไปจากมิติการเรียนรู้ ท่าทีให้ท้ายลูกตัวเองแบบนั้นทำให้หมายเลขห้าลอบกลอกตา…เขาใจแคบขนาดนั้นเลยหรือไง? เอ่อ? ดูเหมือนจะใช่จริงๆ อย่างที่คิดไว้เลย คนที่เข้าใจเขามากที่สุดยังคงเป็นน้องหมายเลขเก้า หมายเลขห้าลูบคางยิ้มอย่างตรึกตรองลึกซึ้ง
เมื่อเห็นหมายเลขห้าเผยรอยยิ้มพิกลแบบนี้ออกมาอีกครั้ง หมายเลขเก้าก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงอันตราย เธอไม่มีทางปล่อยให้หลิงหลานรับการทารุณกรรมของหมายเลขห้าอีกแน่นอน เธอจึงผลักหลิงหลานแรงๆ โดยไม่ลังเล จากนั้นหลิงหลานก็รู้สึกว่าสติของเธอดำมืด…
“หลิงหลานน้อย จำไว้นะ กุญแจสำคัญในการแก้ไขก็คือวิถีที่เธอเลือก คิดให้ออกเร็วๆ ว่าวิถีของเธอคืออะไรกันแน่?” หลิงหลานราวกับได้ยินอาจารย์หมายเลขห้าเอ่ยคำพูดประโยคนี้ที่ข้างหูของเธอท่ามกลางวังวน นี่ทำให้หลิงหลานรู้สึกประหลาดใจ อาจารย์หมายเลขห้าใจดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เหมือนกับว่าผ่านไปเนิ่นนาน และก็คล้ายกับเป็นเพียงช่วงเวลาพริบตาเดียว ตอนที่หลิงหลานได้สติกลับมาอีกครั้ง เธอก็มาถึงโลกความเป็นจริงแล้ว เธอมองเวลาที่แสดงในอุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือ อืม ยังคงเป็นเวลาเมื่อครู่ แค่ผ่านไปหลายสิบวินาทีเท่านั้น