หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบในหมู่ผู้พิทักษ์ ผู้พิทักษ์ก็ท้าทายผ้าคลุมล่องหนทันที
โจวเหวินย่อมไม่รับคำท้า ความสามารถเสริมของผ้าคลุมล่องหนนั้นแข็งแกร่งมาก แต่พลังโจมตีของมันนั้นไม่มากนัก ในการต่อสู้กับผู้พิทักษ์ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีโอกาสชนะ
หลี่ซวนและเพื่อนรู้ว่า โจวเหวินมีผ้าคลุมล่องหน และมองดูเขาด้วยท่าทางแปลกๆ อย่างไรก็ตาม มันยากที่จะพูดออกมาดังๆ เนื่องจากสถานที่ที่พวกเขาอยู่
“หวางลู่ นอกจากที่นี่ มีลูกบาศก์ที่มีคนน้อยกว่านี้ไหม?” โจวเหวินถามหวางลู่
“มี แต่มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นอกเมืองจักรพรรดิ” หวางลู่กล่าวหลังจากครุ่นคิด
“เราไปถึงที่นั่นภายในหนึ่งชั่วโมงได้ไหม” โจวเหวินถามอีกครั้ง
“นายต้องเร็วพอ อย่างน้อยที่สุด มันต้องอยู่ในระดับเร้นลับ นอกจากนี้ นายไม่สามารถมีอะไรมาขัดขวางในการเดินทางไปที่นั่น” หวางลู่ไม่ลังเลและตอบคำถามของโจวเหวินทันที
“ตกลง บอกที่อยู่มา” ความเร็วของโจวเหวินเทียบได้กับระดับเร้นลับ
“สถานที่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหา ฉันจะพานายไปที่นั่น” หวางลู่พูดขณะที่เธอเรียกแมวสีขาวตัวใหญ่
“โอเค” โจวเหวินอุ้มหยาเอ๋อและนั่งข้างหลังหวางลู่ หลังจากแจ้งหลี่ซวนและเพื่อนแล้ว หวางลู่ก็ขี่แมวขาวออกไป
มันไม่ง่ายเลยที่จะรักษาอันดับหนึ่งเป็นเวลาสองวัน โจวเหวินไม่สามารถปล่อยให้ผ้าคลุมล่องหนต่อสู้ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงท้าทายตัวเองและยื้อเวลาไปอีก2วัน
เนื่องจากสัตว์อสูรที่สามารถออกใช้ท้าทายต้องอยู่ในระดับเร้นลับหรือสามารถพัฒนาเป็นระดับเร้นลับมันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สัตว์อสูรธรรดาเพื่อถ่วงเวลา โจวเหวินคำนวณว่าถ้าเขาเรียกสัตว์อสูรระดับเร้นลับทั้งหมดออกมา เขาสามารถอยู่ได้นาน24ชั่วโมง
เขาต้องการใช้สัตว์อสูรระดับเร้นลับหลายตัวเพื่อเอาชีวิตรอดจากคำท้าโดยไม่เกิดซ้ำ
โชคดีที่โจวเหวินมีสัตว์อสูรระดับเร้นลับอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหา
แมวขาวของหวางลู่เป็นสัตว์อสูรระดับเร้นลับ มันค่อนข้างเร็วเมื่อวิ่งบนถนนสายหลักของเมืองจักรพรรดิและออกจากเมืองไปอย่างรวดเร็ว
มีพื้นที่ต่างมิติมากมายใกล้กับเมืองหลวงของจักรวรรดิ แมวขาววิ่งไปอย่างรวดเร็วและไม่พบสิ่งมีชีวิตที่มีมิติใด ๆ ตลอดทาง
หลังจากผ่านไปกว่าสี่สิบนาที แมวขาวก็มาถึงเมืองโบราณที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ มีลูกบาศก์อยู่ในเมือง
“ที่นี่” หวางลู่ควบคุมแมวขาวให้หยุดที่หน้าลูกบาศก์
“เธอไม่ได้บอกว่ามีสิ่งมีชีวิตต่างมิติอยู่ใกล้ๆงั้นเหรอ” โจวเหวินค่อนข้างงง เขาไม่เห็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติใดๆในบริเวณใกล้เคียง
“โดยปกติแล้วฉันจะไม่เจอพวกมันหากฉันไม่ต้องการเจอพวกมัน” หวางลู่กล่าวพร้อมพริบตา
โจวเหวินรู้โดยทันที เป็นเพราะโชคของหวางลู่
“โชคดีที่ฉันมีเธอ ไม่อย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าฉันจะมาทันเวลาไหม ถ้าฉันถูกสิ่งมีชีวิตต่างมิติโจมตี” โจวเหวินมองดูการนับถอยหลัง เหลือเวลาไม่ถึงสิบนาที เขารีบเรียกตรีศูลทองคำมาท้าทายผ้าคลุมล่องหน
โจวเหวินมองดูเวลาและไม่รีบร้อนที่จะยอมรับการท้าทาย เขาต้องการรอจนวินาทีสุดท้ายและไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว ท้ายที่สุด มันจะไม่ง่ายเลยที่จะยื้อเวลา48ชั่วโมง
ผู้คนจากทั่วโลกต่างรอคอยผ้าคลุมล่องหนรับคำท้า แต่เมื่อเวลาผ่านไป เสื้อคลุมล่องหนก็ยังคงนิ่งอยู่ การนับถอยหลังกำลังจะสิ้นสุด
“ผ้าคลุมล่องหนจะไม่ถูกแตะออกไปโดยอัตโนมัติใช่ไหม”
“มันเป็นไปได้มาก แม้ว่าผ้าคลุมล่องหนจะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเพียงสัตว์อสูรประเภทสนับสนุนเท่านั้น ความแข็งแกร่งของการต่อสู้ไม่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะรับคำท้า แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเป็นผู้ต่อสู้ๆของผู้พิทักษ์”
“นายลืมไปแล้วเหรอว่าผ้าคลุมล่องหนเอาชนะยา?”
“นั่นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ฉันคิดว่ายาต่อสู้กับผู้พิทักษ์ด้วยพลังทั้งหมดของเขาก่อนหน้านี้และพลังของเขาหมดลงแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ผ้าคลุมล่องชนะ”
“นายไม่สามารถพูดอย่างนั้น เราไม่แน่ใจว่าผ้าคลุมล่องหนมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งหรือไม่ บางทีมันอาจจะมี”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน เหลือเวลาอีกเพียงสิบวินาทีในการนับถอยหลัง ขณะที่พวกเขาดูเวลาผ่านไป หัวใจของพวกเขาก็แทบจะกระโดดไปที่คอของพวกเขา
“ดูเหมือนว่าผ้าคลุมล่องหนกำลังจะยอมแพ้ในการยอมรับคำท้า” การนับถอยหลังอยู่ที่ 1 วิ ก่อนจะหมดเวลา
ทันใดนั้นทุกคนก็ประหลาดใจ จู่ๆหน้าจอสว่างขึ้น
“ผ้าคลุมล่องหนยอมรับคำท้า… คำท้าของใคร? เชี้ย… ตรีศูลทองคำ… สัตว์อสูรระดับเร้นลับอีกตัว…”
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนได้กลับไปดูการต่อสู้จัดอันดับครั้งก่อน? มันล้าหลังเกินไป”
“ตรีศูลทองคำ ฉันคิดว่ามันเป็นสัตว์อสูรระดับเร้นลับจากเขตตะวันตก มันสามารถเอาชนะผ้าคลุมล่องหนได้งั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นตรีศูลทองคำปรากฏบนลูกบาศก์และลอยอยู่กลางอากาศ ทุกคนต่างตั้งตารอการต่อสู้ครั้งใหญ่
แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของตรีศูลทองคำนั้นด้อยกว่าผู้พิทักษ์อย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ยังสงสัยมากว่าผ้าคลุมล่องหนนั้นมีสกิลอะไร
ดวงตานับไม่ถ้วนจ้องไปที่หน้าจอของลูกบาศก์ พวกเขารอสักครู่ แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง พวกเขารออีกสักครู่ แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“เกิดอะไรขึ้น? วิดีโอค้างเหรอ” มีคนถามด้วยความสงสัย
“นี่คือลูกบาศก์ ไม่ใช่สตรีมสด จะค้างได้ยังไง” มีคนกล่าว
“ถ้ามันไม่ค้าง ทำไมหน้าจอไม่ขยับล่ะ”
“ฉันคิดว่า… บางที… บางที… ตรีศูลทองคำไม่ขยับเลยเหรอ?”
“มันมองไม่เห็นผ้าคลุมล่องหน มันเลยทำอะไรไม่ได้? มันรอดูสถานะการณ์?”
“แต่ไม่ควรจะอยู่เฉยๆ”
“เป็นไปไม่ได้ที่ผ้าคลุมล่องหนจะถูกซ่อนตลอดไป ตรีศูลทองคำกำลังรอโอกาสอยู่”
ขณะที่ทุกคนดูฉากที่เยือกแข็ง พวกเขาคุยกันว่าตรีศูลทองคำสามารถหาผ้าคลุมล่องหนได้ยังไง
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ตรีศูลทองคำยังคงนิ่งนิ่งราวกับภูเขา และพวกเขามองไม่เห็นว่าผ้าคลุมล่องหนอยู่ที่ไหน
ในขณะนั้นผู้คนเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เชี้ยไรเนี่ย นี่มันไม่ใช่เพราะมันมองไม่เห็นผ้าคลุมล่องหนใช่ไหม? อย่าบอกนะว่าตรีศูลทองคำและเสื้อคลุมล่องหนเป็นของคนคนเดียวกัน?”
“ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้มาก ไม่อย่างนั้นพวกมัยจะนิ่งแบบนี้ได้ยังไง”
“ทำแบบนี้กับการแข่งที่โจ่งแจ้ง ช่างไร้ยางอายจริงๆ”
หลังจากรอสักครู่ ตรีศูลทองคำและผ้าคลุมล่องหนยังไม่มีความตั้งใจที่จะเคลื่อนไหว ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่านี่เป็นการโกง
“หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกมันจะอยู่ได้จนการต่อสู้จบไหม? จากนั้นอันดับที่หนึ่งในการจัดอันดับจะถูกเลือกอย่างแน่นอนระหว่างผ้าคลุมล่องหนและตรีศูลทองคำ”
“นี่มันไร้ยางอายเกินไป ฉันสงสัยว่าใครทำแบบนี้ มันเป็นความอัปยศของรัฐบาล”
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือต่างประเทศ พวกเขาเกลียดการกระทำดังกล่าว แต่ผู้พิทักษ์กลับไม่ตื่นตระหนกและรอต่อไปอย่างอดทน
โจวเหวินนั่งหน้าลูกบาศก์และเล่นโทรศัพท์ของเขา เขาต้องการที่จะอยู่อย่างสงบๆแบบนี้เป็นเวลา48ชั่วโมง
น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่ฟังความปรารถนาของเขา ที่ลานประลองของลูกบาศก์ จู่ๆ ก็มีแสงสลัวปรากฏขึ้นราวกับด้านในมีชีวิต