เหตุผลที่อุมิเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการตัดสินใจที่จะให้ความช่วยเหลือเซกิคุงในเรื่องของอามามิซังหรือไม่ของผมก็คือ เรื่องความสัมพันธ์ของอุมิกับอามามิซังในปัจจุบันนั่นเอง
ถึงตอนที่อยู่ในห้องเรียนทั้งสองคนจะทำตัวเหมือนกับปกติ แต่จากมุมมองของผม ผมยังรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่
และสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนที่สุดก็คือการสกินชิพที่บ่อยเกินไประหว่างอามามิซังกับอุมิที่ผมสังเหตเห็นในช่วงหลังมานี้…มันดูไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อน ราวกับว่าพวกเธอกำลังพยายามเอาใจใส่กันอย่างหนักเพื่อที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะได้ดีขึ้นในเร็ววัน
ถ้าพูดกันตรงๆเลยก็คือว่าผมไม่อยากให้เซกิคุงเข้าไปขัดจังหวะระหว่างอุมิกับอามามิซังที่ยังมีเรื่องที่ต้องทำกันอีกมากในเวลานี้
ถ้าพิจารณาจากนิสัยของอามามิซัง ถ้าผมข้อร้องเธอ บางที่เธออาจจะยอมทำตามคำขอของผมก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการสอบที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ดังนั้นผมอาจจะจัดติวหนังสือเตรียมสอบโดยมีผม อุมิ อามามิซัง แล้วก็ชวนเซกิคุงเข้ามาร่วมด้วย เป็นต้น
สิ่งที่เซกิคุงขอร้องให้ผมช่วยก็คือการสร้างโอกาสให้กับเขา แล้วหลังจากนั้นเซกิคุงก็คงจัดการต่อเองได้
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามองจากบุคคลภายนอกที่มองอย่างเป็นกลางแบบผมแล้ว ผมไม่คิดว่าอามามิซังจะสนใจในตัวของเซกิคุง แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเซกิคุงหน้าตาไม่ดีหรือดูไม่มีเสน่ห์อะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่าในตอนนี้อามามิซังดูจะยังไม่ได้ให้ความสนใจกับเพศตรงข้ามต่างหากล่ะ
แล้วผมก็ไม่ได้สนใจว่าเซกิคุงจะอกหักหรืออะไรทำนองนั้นด้วย แต่ผมไม่อยากให้มีอะไรไปขัดขวางการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอุมิกับอามามิซังก็เท่านั้น…และนั่นก็คือจุดยืนของผม
จริงๆแล้วจะพูดง่ายๆว่า ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้อุมิก็ได้ล่ะนะ
ถ้าอามามิซังเกิดสนใจใครสักคนเข้าจริงๆ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ อาซานางิ อุมิ จะโดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากอามามิซังนั้นเชื่อมั่นในตัวอุมิเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นคนแรกที่เธอจะนึกถึงก็คืออุมิอย่างแน่นอน
แล้วสุดท้าย…เรื่องมันก็จะตกมาอยู่ที่ผมด้วยอีกคน
อุมิเองก็คอยสังเกตผมอยู่ตลอดเหมือนกัน ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือเรื่องที่เซกิคุงแอบมาคุยกับผมเธอก็สังเกตเห็นได้ทันที และบางครั้งในตอนที่ผมอยู่ให้ห้องเรียนคนเดียว อุมิก็ชอบแกล้งส่งข้อความมาหาผมว่า「ดูท่าทางจะสนุกอยู่สินะ」นั่นเป็นเพราะว่าอุมิสามารถตอบสนองต่อความผิดปกติของผมได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างอีกเรื่องก็คือตอนที่อามามิซังบอกว่าผมมีเบอร์ติดต่อของเธอ อุมิก็แสดงการตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
อุมินั่นมีการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน และนอกจากนี้ยังขี้หึงอย่างมากด้วย
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ผมแสดงอาการผิดปกติ อุมิจะสามารถสังเกตเห็นได้ในทันที และถ้าผมมีเรื่องที่ปิดบังเธอล่ะก็…บางทีมันอาจจะทำให้อุมิเข้าโหมดพร้อมรบก็ได้
ผมคิดว่าช่วงเวลานี้คือช่วงที่สำคัญที่สุดของผมกับอุมิในการที่จะปรับตัวเข้าหากันเพื่ออนาคตข้างหน้าของพวกเรา
นั่นคือสาเหตุที่ผมไม่อยากทำเรื่องอะไรที่มันไม่เข้าท่าในช่วงเวลานี้ก่อนที่จะถึงวันคริสต์มาส
“นายมีเรื่องอย่างอื่นอีกไหม?…แต่ถ้าไม่มีผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”
“ไม่มีแล้วล่ะ…เอาเถอะ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
“อืม ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันคิดเผื่อไว้แล้วตั้งแต่ตอนไปขอให้นายช่วยแล้วล่ะ ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”
ถ้าผมเลือกที่จะปฏิเสธ ทางเดียวที่เหลือที่เซกิคุงจะทำได้ต่อไปก็คือต้องลงมือด้วยตัวเองเพียงลำพัง ดังนั้นผมจึงคิดว่าเขาอาจจะฝืนใช้กำลังบังคับผมให้ช่วงเหลือเขามากกว่านี้ซะอีก แต่เซกิคุงกลับยอมรับอย่างง่ายดายจนผมอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
แล้วถึงจะดูว่าผมจะปฏิเสธไปแบบง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วตอนนี้ใจของผมกำลังสั่นไปด้วยความกลัว ผมรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีมากที่สามารถบังคับให้เสียงไม่สั่นได้
“มาเอะฮาระ ตอนแรกฉันคิดว่านายเป็นพวกขี้อายซะอีก แต่นายสามารถปฏิเสธฉันได้อย่างตรงไปตรงมาแบบนี้…ฉันคงต้องมองนายใหม่แล้วล่ะนะ”
“นั่นสินะ…แต่ว่าบางทีผมคงจะติดนิสัยมาจากใครบางคนน่ะ”
ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่สามารถเป็นแบบอุมิได้…แต่ผมก็คาดหวังว่าจะสามารถเป็นแบบนั้นได้ในสักวันหนึ่ง
อาซานางิ อุมิ คือเป้าหมายที่ผมต้องการจะไปให้ถึง
“…เอาล่ะ ใกล้ได้เวลาที่พวกรุ่นพี่จะมาแล้วล่ะ ฉันเองก็ต้องไปแล้วล่ะนะ”
“อืม ถึงผมจะไม่สามารถให้ความร่วมมือได้ แต่จะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังให้แล้วกันนะ”
“ไม่ต้องร่วมมือก็ได้ แต่ช่วยสนับสนุนฉันทีนะ”
“ฮะๆ”
เอาเถอะ ไม่ว่าเซกิคุงจะทำอะไร สุดท้ายก็คงโดนปฏิเสธอยู่ดีล่ะนะ
ผมโบกมือให้เขา ก่อนที่เซกิคุงจะหันหลังแล้ววิ่งจากไปราวกับมีปีกอยู่ที่หลัง
ไม่ต้องกังวลนะเซกิคุง ถ้านายยังทำกิจกรรมชมรมอย่างตั้งใจแบบนี้ต่อไป สักวันต้องมีผู้หญิงมาชอบนายอย่างแน่นอน
หลังจากที่ผมสวดภาวนาให้เซกิคุงประสบความสำเร็จในเรื่องของความรักในอนาคตข้างหน้า ผมก็แอบย่องออกจากที่นี่ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ประตูโรงเรียน
ในขณะที่ผมกับเซกิคุงคุยกันอยู่ ก็ดูเหมือนว่าช่วงเวลาพีคในการเดินทางกลับบ้านได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ถนนที่ทอดยาวไปที่ประตูโรงเรียนนั้นแทบจะไร้ผู้คนและเต็มไปด้วยใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นเนื่องจากสายลมหนาว
“อูย~หนาวชะมัด…ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ต้องเอาอาวุธลับออกมาจากในตู้แล้วสินะ…เอ๊ะ?”
ผมพูดพึมพัมกับตัวเองคนเดียวโดยไม่ให้ใครได้ยินตามปกติ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านประตูโรงเรียน ผมก็สังเกตเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยของใครบางคนกำลังยืนพิงประตูรั้วอยู่
“เอ๊ะ อุมิ?”
เด็กผู้หญิงที่กำลังยืนพิงประตูรั้วของโรงเรียนอยู่ก็คืออุมิ
“ไง”
“อา…อืม…เอ่อ หรือว่าเธอรออยู่ตรงนี้ตั้งแต่เลิกเรียน?”
“…ฉันดูเหมือนคนที่พึ่งจะมายืนรอรึไง?”
อุมิที่มีผ้าพันคอลายตารางผืนโปรดของเธอพันอยู่รอบคอและกำลังถือกระเป๋านักเรียนพาดบ่าทำแก้มป่องก่อนจะตอบกลับมา
แน่นอนว่าอุมิคงยืนรอผมมาตลอดภายใต้สภาพอากาศที่หนาวเย็นแบบนี้
“เธอควรที่จะกลับบ้านพร้อมกับอามามิซังนี่นา? ว่าแต่เธออ้างกับอามามิซังว่ายังไงล่ะ?”
“ฉันลืมของน่ะ ดังนั้นยูล่วงหน้าไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอฉันหรอกนะ…แล้วก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ยูดันตอบกลับมาว่า「ทำให้ดีที่สุดล่ะ!」ซะได้”
“ดูออกง่ายเกินไปแล้วนะ”
ผมหมายถึง..แทบจะไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าทำไมอามามิซังถึงบอกว่า「ทำให้ดีที่สุดล่ะ!」น่ะนะ…แล้วในเมื่ออุมิมารอขนาดนี้แล้ว ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับบ้านด้วยกันเท่านั้น
…แน่นอนว่าผมพูดเล่น
“ขอโทษนะมากิ จริงๆฉันก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านเลยเหมือนกัน…แต่ว่า…ฉันอดกังวลไม่ได้น่ะ”
“ถ้ากังวลขนาดนั้น ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าอุมิจะไปแอบดูน่ะ”
“โม่~ ถ้าทำแบบนั้นฉันก็จะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับมากิที่บอกว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นน่ะสิ…แต่สุดท้ายก็อดที่จะรู้สึกกังวลไม่ได้น่ะ”
อุมิเม้มริมฝีปากของเธอ ก่อนที่จะหันหน้าหนีมองไปทางอื่น
แล้วที่แก้มของเธอแดงๆ จริงๆแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเพราะลมหนาวด้วยก็ได้
“จริงๆแล้ว…ฉันอยากรู้มากเลยล่ะว่ามากิกับเซกิเป็นอะไรกัน หรือยิ่งกว่านั้นก็อยากรู้ด้วยว่าทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ด้วย…แต่ฉันรู้ว่าการแอบไปฟังมันไม่ดี…ดังนั้นฉันก็เลยตัดสินใจมารอมากิอยู่ที่นี่นี่แหละ”
อุมิที่บอกกับผมว่าจะกลับบ้านก่อน แต่ใจจริงของเธอก็อดเป็นห่วงผมไม่ได้
ดูเหมือนจะมีการต่อสู้กันภายในจิตใจของอุมิระหว่างการกลับบ้านเลยกับอยู่รอผม แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าฝ่ายอยู่รอผมจะเป็นฝ่ายชนะ…แล้วสุดท้ายเธอก็เลยมายืนรอผมอยู่ที่นี่
เหมือนอุมิจะเลือกทางที่ยุ่งยากล่ะนะ
เอาเถอะ ผมคิดว่าอุมิที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน
“แบบนี้นี่เอง”
“อือ”
“…เริ่มหนาวแล้วแฮะ…งั้นก็กลับบ้านกันเถอะ”
“อือ…นี่ มากิ”
“อะไรเหรอ?”
“เพราะอากาศมันหนาว งั้นฉันขอแวะบ้านมากิแป๊บนึงได้ไหม?”
“…อ่า ได้อยู่แล้ว”
ถึงวันนี้จะไม่ใช่วันศุกร์สุดสัปดาห์…แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสักหน่อย!
เพราะว่าอุมิเป็นเพื่อนของผม ดังนั้นเรื่องที่เพื่อนจะแวะมาที่บ้านของผมสักพักก็คงไม่ต้องบอกให้แม่รู้ก็ได้สินะ…แม่คงจะไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว…จริงไหม?
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. สวัสดีครับ Durimtok เองครับ หายไปนานเลยครับ แต่ช่วงนี้ก็กลับมาอัพเดทตามปกติแล้วนะครับ ถ้ายังไงรบกวนช่วยกดถูกใจ หรือติดตามเพจ Durimtok Channel ด้วยนะครับ จะมีตอนใหม่ๆอัพเดทก่อนที่จะมาลงที่นี่ครับ
เหตุผลที่อุมิเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการตัดสินใจที่จะให้ความช่วยเหลือเซกิคุงในเรื่องของอามามิซังหรือไม่ของผมก็คือ เรื่องความสัมพันธ์ของอุมิกับอามามิซังในปัจจุบันนั่นเอง
ถึงตอนที่อยู่ในห้องเรียนทั้งสองคนจะทำตัวเหมือนกับปกติ แต่จากมุมมองของผม ผมยังรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่
และสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนที่สุดก็คือการสกินชิพที่บ่อยเกินไประหว่างอามามิซังกับอุมิที่ผมสังเหตเห็นในช่วงหลังมานี้…มันดูไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อน ราวกับว่าพวกเธอกำลังพยายามเอาใจใส่กันอย่างหนักเพื่อที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะได้ดีขึ้นในเร็ววัน
ถ้าพูดกันตรงๆเลยก็คือว่าผมไม่อยากให้เซกิคุงเข้าไปขัดจังหวะระหว่างอุมิกับอามามิซังที่ยังมีเรื่องที่ต้องทำกันอีกมากในเวลานี้
ถ้าพิจารณาจากนิสัยของอามามิซัง ถ้าผมข้อร้องเธอ บางที่เธออาจจะยอมทำตามคำขอของผมก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการสอบที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ดังนั้นผมอาจจะจัดติวหนังสือเตรียมสอบโดยมีผม อุมิ อามามิซัง แล้วก็ชวนเซกิคุงเข้ามาร่วมด้วย เป็นต้น
สิ่งที่เซกิคุงขอร้องให้ผมช่วยก็คือการสร้างโอกาสให้กับเขา แล้วหลังจากนั้นเซกิคุงก็คงจัดการต่อเองได้
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามองจากบุคคลภายนอกที่มองอย่างเป็นกลางแบบผมแล้ว ผมไม่คิดว่าอามามิซังจะสนใจในตัวของเซกิคุง แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเซกิคุงหน้าตาไม่ดีหรือดูไม่มีเสน่ห์อะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่าในตอนนี้อามามิซังดูจะยังไม่ได้ให้ความสนใจกับเพศตรงข้ามต่างหากล่ะ
แล้วผมก็ไม่ได้สนใจว่าเซกิคุงจะอกหักหรืออะไรทำนองนั้นด้วย แต่ผมไม่อยากให้มีอะไรไปขัดขวางการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอุมิกับอามามิซังก็เท่านั้น…และนั่นก็คือจุดยืนของผม
จริงๆแล้วจะพูดง่ายๆว่า ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้อุมิก็ได้ล่ะนะ
ถ้าอามามิซังเกิดสนใจใครสักคนเข้าจริงๆ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ อาซานางิ อุมิ จะโดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากอามามิซังนั้นเชื่อมั่นในตัวอุมิเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นคนแรกที่เธอจะนึกถึงก็คืออุมิอย่างแน่นอน
แล้วสุดท้าย…เรื่องมันก็จะตกมาอยู่ที่ผมด้วยอีกคน
อุมิเองก็คอยสังเกตผมอยู่ตลอดเหมือนกัน ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือเรื่องที่เซกิคุงแอบมาคุยกับผมเธอก็สังเกตเห็นได้ทันที และบางครั้งในตอนที่ผมอยู่ให้ห้องเรียนคนเดียว อุมิก็ชอบแกล้งส่งข้อความมาหาผมว่า「ดูท่าทางจะสนุกอยู่สินะ」นั่นเป็นเพราะว่าอุมิสามารถตอบสนองต่อความผิดปกติของผมได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างอีกเรื่องก็คือตอนที่อามามิซังบอกว่าผมมีเบอร์ติดต่อของเธอ อุมิก็แสดงการตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
อุมินั่นมีการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน และนอกจากนี้ยังขี้หึงอย่างมากด้วย
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ผมแสดงอาการผิดปกติ อุมิจะสามารถสังเกตเห็นได้ในทันที และถ้าผมมีเรื่องที่ปิดบังเธอล่ะก็…บางทีมันอาจจะทำให้อุมิเข้าโหมดพร้อมรบก็ได้
ผมคิดว่าช่วงเวลานี้คือช่วงที่สำคัญที่สุดของผมกับอุมิในการที่จะปรับตัวเข้าหากันเพื่ออนาคตข้างหน้าของพวกเรา
นั่นคือสาเหตุที่ผมไม่อยากทำเรื่องอะไรที่มันไม่เข้าท่าในช่วงเวลานี้ก่อนที่จะถึงวันคริสต์มาส
“นายมีเรื่องอย่างอื่นอีกไหม?…แต่ถ้าไม่มีผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”
“ไม่มีแล้วล่ะ…เอาเถอะ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
“อืม ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันคิดเผื่อไว้แล้วตั้งแต่ตอนไปขอให้นายช่วยแล้วล่ะ ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”
ถ้าผมเลือกที่จะปฏิเสธ ทางเดียวที่เหลือที่เซกิคุงจะทำได้ต่อไปก็คือต้องลงมือด้วยตัวเองเพียงลำพัง ดังนั้นผมจึงคิดว่าเขาอาจจะฝืนใช้กำลังบังคับผมให้ช่วงเหลือเขามากกว่านี้ซะอีก แต่เซกิคุงกลับยอมรับอย่างง่ายดายจนผมอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
แล้วถึงจะดูว่าผมจะปฏิเสธไปแบบง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วตอนนี้ใจของผมกำลังสั่นไปด้วยความกลัว ผมรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีมากที่สามารถบังคับให้เสียงไม่สั่นได้
“มาเอะฮาระ ตอนแรกฉันคิดว่านายเป็นพวกขี้อายซะอีก แต่นายสามารถปฏิเสธฉันได้อย่างตรงไปตรงมาแบบนี้…ฉันคงต้องมองนายใหม่แล้วล่ะนะ”
“นั่นสินะ…แต่ว่าบางทีผมคงจะติดนิสัยมาจากใครบางคนน่ะ”
ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่สามารถเป็นแบบอุมิได้…แต่ผมก็คาดหวังว่าจะสามารถเป็นแบบนั้นได้ในสักวันหนึ่ง
อาซานางิ อุมิ คือเป้าหมายที่ผมต้องการจะไปให้ถึง
“…เอาล่ะ ใกล้ได้เวลาที่พวกรุ่นพี่จะมาแล้วล่ะ ฉันเองก็ต้องไปแล้วล่ะนะ”
“อืม ถึงผมจะไม่สามารถให้ความร่วมมือได้ แต่จะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังให้แล้วกันนะ”
“ไม่ต้องร่วมมือก็ได้ แต่ช่วยสนับสนุนฉันทีนะ”
“ฮะๆ”
เอาเถอะ ไม่ว่าเซกิคุงจะทำอะไร สุดท้ายก็คงโดนปฏิเสธอยู่ดีล่ะนะ
ผมโบกมือให้เขา ก่อนที่เซกิคุงจะหันหลังแล้ววิ่งจากไปราวกับมีปีกอยู่ที่หลัง
ไม่ต้องกังวลนะเซกิคุง ถ้านายยังทำกิจกรรมชมรมอย่างตั้งใจแบบนี้ต่อไป สักวันต้องมีผู้หญิงมาชอบนายอย่างแน่นอน
หลังจากที่ผมสวดภาวนาให้เซกิคุงประสบความสำเร็จในเรื่องของความรักในอนาคตข้างหน้า ผมก็แอบย่องออกจากที่นี่ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ประตูโรงเรียน
ในขณะที่ผมกับเซกิคุงคุยกันอยู่ ก็ดูเหมือนว่าช่วงเวลาพีคในการเดินทางกลับบ้านได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ถนนที่ทอดยาวไปที่ประตูโรงเรียนนั้นแทบจะไร้ผู้คนและเต็มไปด้วยใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นเนื่องจากสายลมหนาว
“อูย~หนาวชะมัด…ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ต้องเอาอาวุธลับออกมาจากในตู้แล้วสินะ…เอ๊ะ?”
ผมพูดพึมพัมกับตัวเองคนเดียวโดยไม่ให้ใครได้ยินตามปกติ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านประตูโรงเรียน ผมก็สังเกตเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยของใครบางคนกำลังยืนพิงประตูรั้วอยู่
“เอ๊ะ อุมิ?”
เด็กผู้หญิงที่กำลังยืนพิงประตูรั้วของโรงเรียนอยู่ก็คืออุมิ
“ไง”
“อา…อืม…เอ่อ หรือว่าเธอรออยู่ตรงนี้ตั้งแต่เลิกเรียน?”
“…ฉันดูเหมือนคนที่พึ่งจะมายืนรอรึไง?”
อุมิที่มีผ้าพันคอลายตารางผืนโปรดของเธอพันอยู่รอบคอและกำลังถือกระเป๋านักเรียนพาดบ่าทำแก้มป่องก่อนจะตอบกลับมา
แน่นอนว่าอุมิคงยืนรอผมมาตลอดภายใต้สภาพอากาศที่หนาวเย็นแบบนี้
“เธอควรที่จะกลับบ้านพร้อมกับอามามิซังนี่นา? ว่าแต่เธออ้างกับอามามิซังว่ายังไงล่ะ?”
“ฉันลืมของน่ะ ดังนั้นยูล่วงหน้าไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอฉันหรอกนะ…แล้วก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ยูดันตอบกลับมาว่า「ทำให้ดีที่สุดล่ะ!」ซะได้”
“ดูออกง่ายเกินไปแล้วนะ”
ผมหมายถึง..แทบจะไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าทำไมอามามิซังถึงบอกว่า「ทำให้ดีที่สุดล่ะ!」น่ะนะ…แล้วในเมื่ออุมิมารอขนาดนี้แล้ว ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับบ้านด้วยกันเท่านั้น
…แน่นอนว่าผมพูดเล่น
“ขอโทษนะมากิ จริงๆฉันก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านเลยเหมือนกัน…แต่ว่า…ฉันอดกังวลไม่ได้น่ะ”
“ถ้ากังวลขนาดนั้น ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าอุมิจะไปแอบดูน่ะ”
“โม่~ ถ้าทำแบบนั้นฉันก็จะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับมากิที่บอกว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นน่ะสิ…แต่สุดท้ายก็อดที่จะรู้สึกกังวลไม่ได้น่ะ”
อุมิเม้มริมฝีปากของเธอ ก่อนที่จะหันหน้าหนีมองไปทางอื่น
แล้วที่แก้มของเธอแดงๆ จริงๆแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเพราะลมหนาวด้วยก็ได้
“จริงๆแล้ว…ฉันอยากรู้มากเลยล่ะว่ามากิกับเซกิเป็นอะไรกัน หรือยิ่งกว่านั้นก็อยากรู้ด้วยว่าทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ด้วย…แต่ฉันรู้ว่าการแอบไปฟังมันไม่ดี…ดังนั้นฉันก็เลยตัดสินใจมารอมากิอยู่ที่นี่นี่แหละ”
อุมิที่บอกกับผมว่าจะกลับบ้านก่อน แต่ใจจริงของเธอก็อดเป็นห่วงผมไม่ได้
ดูเหมือนจะมีการต่อสู้กันภายในจิตใจของอุมิระหว่างการกลับบ้านเลยกับอยู่รอผม แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าฝ่ายอยู่รอผมจะเป็นฝ่ายชนะ…แล้วสุดท้ายเธอก็เลยมายืนรอผมอยู่ที่นี่
เหมือนอุมิจะเลือกทางที่ยุ่งยากล่ะนะ
เอาเถอะ ผมคิดว่าอุมิที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน
“แบบนี้นี่เอง”
“อือ”
“…เริ่มหนาวแล้วแฮะ…งั้นก็กลับบ้านกันเถอะ”
“อือ…นี่ มากิ”
“อะไรเหรอ?”
“เพราะอากาศมันหนาว งั้นฉันขอแวะบ้านมากิแป๊บนึงได้ไหม?”
“…อ่า ได้อยู่แล้ว”
ถึงวันนี้จะไม่ใช่วันศุกร์สุดสัปดาห์…แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสักหน่อย!
เพราะว่าอุมิเป็นเพื่อนของผม ดังนั้นเรื่องที่เพื่อนจะแวะมาที่บ้านของผมสักพักก็คงไม่ต้องบอกให้แม่รู้ก็ได้สินะ…แม่คงจะไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว…จริงไหม?
☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ปล. สวัสดีครับ Durimtok เองครับ หายไปนานเลยครับ แต่ช่วงนี้ก็กลับมาอัพเดทตามปกติแล้วนะครับ ถ้ายังไงรบกวนช่วยกดถูกใจ หรือติดตามเพจ Durimtok Channel ด้วยนะครับ จะมีตอนใหม่ๆอัพเดทก่อนที่จะมาลงที่นี่ครับ