I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 70

ตอนที่ 70

เหตุผลที่อุมิเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการตัดสินใจที่จะให้ความช่วยเหลือเซกิคุงในเรื่องของอามามิซังหรือไม่ของผมก็คือ เรื่องความสัมพันธ์ของอุมิกับอามามิซังในปัจจุบันนั่นเอง

 

ถึงตอนที่อยู่ในห้องเรียนทั้งสองคนจะทำตัวเหมือนกับปกติ แต่จากมุมมองของผม ผมยังรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่

 

และสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนที่สุดก็คือการสกินชิพที่บ่อยเกินไประหว่างอามามิซังกับอุมิที่ผมสังเหตเห็นในช่วงหลังมานี้…มันดูไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อน ราวกับว่าพวกเธอกำลังพยายามเอาใจใส่กันอย่างหนักเพื่อที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะได้ดีขึ้นในเร็ววัน

 

ถ้าพูดกันตรงๆเลยก็คือว่าผมไม่อยากให้เซกิคุงเข้าไปขัดจังหวะระหว่างอุมิกับอามามิซังที่ยังมีเรื่องที่ต้องทำกันอีกมากในเวลานี้

 

ถ้าพิจารณาจากนิสัยของอามามิซัง ถ้าผมข้อร้องเธอ บางที่เธออาจจะยอมทำตามคำขอของผมก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการสอบที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ดังนั้นผมอาจจะจัดติวหนังสือเตรียมสอบโดยมีผม อุมิ อามามิซัง แล้วก็ชวนเซกิคุงเข้ามาร่วมด้วย เป็นต้น

 

สิ่งที่เซกิคุงขอร้องให้ผมช่วยก็คือการสร้างโอกาสให้กับเขา แล้วหลังจากนั้นเซกิคุงก็คงจัดการต่อเองได้

 

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามองจากบุคคลภายนอกที่มองอย่างเป็นกลางแบบผมแล้ว ผมไม่คิดว่าอามามิซังจะสนใจในตัวของเซกิคุง แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเซกิคุงหน้าตาไม่ดีหรือดูไม่มีเสน่ห์อะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่าในตอนนี้อามามิซังดูจะยังไม่ได้ให้ความสนใจกับเพศตรงข้ามต่างหากล่ะ

 

แล้วผมก็ไม่ได้สนใจว่าเซกิคุงจะอกหักหรืออะไรทำนองนั้นด้วย แต่ผมไม่อยากให้มีอะไรไปขัดขวางการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอุมิกับอามามิซังก็เท่านั้น…และนั่นก็คือจุดยืนของผม

 

จริงๆแล้วจะพูดง่ายๆว่า ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้อุมิก็ได้ล่ะนะ

 

ถ้าอามามิซังเกิดสนใจใครสักคนเข้าจริงๆ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ อาซานางิ อุมิ จะโดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากอามามิซังนั้นเชื่อมั่นในตัวอุมิเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นคนแรกที่เธอจะนึกถึงก็คืออุมิอย่างแน่นอน

 

แล้วสุดท้าย…เรื่องมันก็จะตกมาอยู่ที่ผมด้วยอีกคน

 

อุมิเองก็คอยสังเกตผมอยู่ตลอดเหมือนกัน ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือเรื่องที่เซกิคุงแอบมาคุยกับผมเธอก็สังเกตเห็นได้ทันที และบางครั้งในตอนที่ผมอยู่ให้ห้องเรียนคนเดียว อุมิก็ชอบแกล้งส่งข้อความมาหาผมว่า「ดูท่าทางจะสนุกอยู่สินะ」นั่นเป็นเพราะว่าอุมิสามารถตอบสนองต่อความผิดปกติของผมได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างอีกเรื่องก็คือตอนที่อามามิซังบอกว่าผมมีเบอร์ติดต่อของเธอ อุมิก็แสดงการตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

 

อุมินั่นมีการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน และนอกจากนี้ยังขี้หึงอย่างมากด้วย

 

ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ผมแสดงอาการผิดปกติ อุมิจะสามารถสังเกตเห็นได้ในทันที และถ้าผมมีเรื่องที่ปิดบังเธอล่ะก็…บางทีมันอาจจะทำให้อุมิเข้าโหมดพร้อมรบก็ได้

 

ผมคิดว่าช่วงเวลานี้คือช่วงที่สำคัญที่สุดของผมกับอุมิในการที่จะปรับตัวเข้าหากันเพื่ออนาคตข้างหน้าของพวกเรา

 

นั่นคือสาเหตุที่ผมไม่อยากทำเรื่องอะไรที่มันไม่เข้าท่าในช่วงเวลานี้ก่อนที่จะถึงวันคริสต์มาส

 

“นายมีเรื่องอย่างอื่นอีกไหม?…แต่ถ้าไม่มีผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”

 

“ไม่มีแล้วล่ะ…เอาเถอะ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

“อืม ขอโทษด้วยนะ”

 

“ไม่เป็นไร ฉันคิดเผื่อไว้แล้วตั้งแต่ตอนไปขอให้นายช่วยแล้วล่ะ ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”

 

ถ้าผมเลือกที่จะปฏิเสธ ทางเดียวที่เหลือที่เซกิคุงจะทำได้ต่อไปก็คือต้องลงมือด้วยตัวเองเพียงลำพัง ดังนั้นผมจึงคิดว่าเขาอาจจะฝืนใช้กำลังบังคับผมให้ช่วงเหลือเขามากกว่านี้ซะอีก แต่เซกิคุงกลับยอมรับอย่างง่ายดายจนผมอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

 

แล้วถึงจะดูว่าผมจะปฏิเสธไปแบบง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วตอนนี้ใจของผมกำลังสั่นไปด้วยความกลัว ผมรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีมากที่สามารถบังคับให้เสียงไม่สั่นได้

 

“มาเอะฮาระ ตอนแรกฉันคิดว่านายเป็นพวกขี้อายซะอีก แต่นายสามารถปฏิเสธฉันได้อย่างตรงไปตรงมาแบบนี้…ฉันคงต้องมองนายใหม่แล้วล่ะนะ”

 

“นั่นสินะ…แต่ว่าบางทีผมคงจะติดนิสัยมาจากใครบางคนน่ะ”

 

ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่สามารถเป็นแบบอุมิได้…แต่ผมก็คาดหวังว่าจะสามารถเป็นแบบนั้นได้ในสักวันหนึ่ง

 

อาซานางิ อุมิ คือเป้าหมายที่ผมต้องการจะไปให้ถึง

 

“…เอาล่ะ ใกล้ได้เวลาที่พวกรุ่นพี่จะมาแล้วล่ะ ฉันเองก็ต้องไปแล้วล่ะนะ”

 

“อืม ถึงผมจะไม่สามารถให้ความร่วมมือได้ แต่จะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังให้แล้วกันนะ”

 

“ไม่ต้องร่วมมือก็ได้ แต่ช่วยสนับสนุนฉันทีนะ”

 

“ฮะๆ”

 

เอาเถอะ ไม่ว่าเซกิคุงจะทำอะไร สุดท้ายก็คงโดนปฏิเสธอยู่ดีล่ะนะ

 

ผมโบกมือให้เขา ก่อนที่เซกิคุงจะหันหลังแล้ววิ่งจากไปราวกับมีปีกอยู่ที่หลัง

 

ไม่ต้องกังวลนะเซกิคุง ถ้านายยังทำกิจกรรมชมรมอย่างตั้งใจแบบนี้ต่อไป สักวันต้องมีผู้หญิงมาชอบนายอย่างแน่นอน

 

หลังจากที่ผมสวดภาวนาให้เซกิคุงประสบความสำเร็จในเรื่องของความรักในอนาคตข้างหน้า ผมก็แอบย่องออกจากที่นี่ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ประตูโรงเรียน

 

ในขณะที่ผมกับเซกิคุงคุยกันอยู่ ก็ดูเหมือนว่าช่วงเวลาพีคในการเดินทางกลับบ้านได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ถนนที่ทอดยาวไปที่ประตูโรงเรียนนั้นแทบจะไร้ผู้คนและเต็มไปด้วยใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นเนื่องจากสายลมหนาว

 

“อูย~หนาวชะมัด…ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ต้องเอาอาวุธลับออกมาจากในตู้แล้วสินะ…เอ๊ะ?”

 

ผมพูดพึมพัมกับตัวเองคนเดียวโดยไม่ให้ใครได้ยินตามปกติ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านประตูโรงเรียน ผมก็สังเกตเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยของใครบางคนกำลังยืนพิงประตูรั้วอยู่

 

“เอ๊ะ อุมิ?”

 

เด็กผู้หญิงที่กำลังยืนพิงประตูรั้วของโรงเรียนอยู่ก็คืออุมิ

 

“ไง”

 

“อา…อืม…เอ่อ หรือว่าเธอรออยู่ตรงนี้ตั้งแต่เลิกเรียน?”

 

“…ฉันดูเหมือนคนที่พึ่งจะมายืนรอรึไง?”

 

อุมิที่มีผ้าพันคอลายตารางผืนโปรดของเธอพันอยู่รอบคอและกำลังถือกระเป๋านักเรียนพาดบ่าทำแก้มป่องก่อนจะตอบกลับมา

 

แน่นอนว่าอุมิคงยืนรอผมมาตลอดภายใต้สภาพอากาศที่หนาวเย็นแบบนี้

 

“เธอควรที่จะกลับบ้านพร้อมกับอามามิซังนี่นา? ว่าแต่เธออ้างกับอามามิซังว่ายังไงล่ะ?”

 

“ฉันลืมของน่ะ ดังนั้นยูล่วงหน้าไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอฉันหรอกนะ…แล้วก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ยูดันตอบกลับมาว่า「ทำให้ดีที่สุดล่ะ!」ซะได้”

 

“ดูออกง่ายเกินไปแล้วนะ”

 

ผมหมายถึง..แทบจะไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าทำไมอามามิซังถึงบอกว่า「ทำให้ดีที่สุดล่ะ!」น่ะนะ…แล้วในเมื่ออุมิมารอขนาดนี้แล้ว ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับบ้านด้วยกันเท่านั้น

 

…แน่นอนว่าผมพูดเล่น

 

“ขอโทษนะมากิ จริงๆฉันก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านเลยเหมือนกัน…แต่ว่า…ฉันอดกังวลไม่ได้น่ะ”

 

“ถ้ากังวลขนาดนั้น ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าอุมิจะไปแอบดูน่ะ”

 

“โม่~ ถ้าทำแบบนั้นฉันก็จะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับมากิที่บอกว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นน่ะสิ…แต่สุดท้ายก็อดที่จะรู้สึกกังวลไม่ได้น่ะ”

 

อุมิเม้มริมฝีปากของเธอ ก่อนที่จะหันหน้าหนีมองไปทางอื่น

 

แล้วที่แก้มของเธอแดงๆ จริงๆแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเพราะลมหนาวด้วยก็ได้

 

“จริงๆแล้ว…ฉันอยากรู้มากเลยล่ะว่ามากิกับเซกิเป็นอะไรกัน หรือยิ่งกว่านั้นก็อยากรู้ด้วยว่าทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ด้วย…แต่ฉันรู้ว่าการแอบไปฟังมันไม่ดี…ดังนั้นฉันก็เลยตัดสินใจมารอมากิอยู่ที่นี่นี่แหละ”

 

อุมิที่บอกกับผมว่าจะกลับบ้านก่อน แต่ใจจริงของเธอก็อดเป็นห่วงผมไม่ได้

 

ดูเหมือนจะมีการต่อสู้กันภายในจิตใจของอุมิระหว่างการกลับบ้านเลยกับอยู่รอผม แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าฝ่ายอยู่รอผมจะเป็นฝ่ายชนะ…แล้วสุดท้ายเธอก็เลยมายืนรอผมอยู่ที่นี่

 

เหมือนอุมิจะเลือกทางที่ยุ่งยากล่ะนะ

 

เอาเถอะ ผมคิดว่าอุมิที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

“อือ”

 

“…เริ่มหนาวแล้วแฮะ…งั้นก็กลับบ้านกันเถอะ”

 

“อือ…นี่ มากิ”

 

“อะไรเหรอ?”

 

“เพราะอากาศมันหนาว งั้นฉันขอแวะบ้านมากิแป๊บนึงได้ไหม?”

 

“…อ่า ได้อยู่แล้ว”

 

ถึงวันนี้จะไม่ใช่วันศุกร์สุดสัปดาห์…แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสักหน่อย!

 

เพราะว่าอุมิเป็นเพื่อนของผม ดังนั้นเรื่องที่เพื่อนจะแวะมาที่บ้านของผมสักพักก็คงไม่ต้องบอกให้แม่รู้ก็ได้สินะ…แม่คงจะไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว…จริงไหม?

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

ปล. สวัสดีครับ Durimtok เองครับ หายไปนานเลยครับ แต่ช่วงนี้ก็กลับมาอัพเดทตามปกติแล้วนะครับ ถ้ายังไงรบกวนช่วยกดถูกใจ หรือติดตามเพจ  Durimtok Channel ด้วยนะครับ จะมีตอนใหม่ๆอัพเดทก่อนที่จะมาลงที่นี่ครับ

เหตุผลที่อุมิเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการตัดสินใจที่จะให้ความช่วยเหลือเซกิคุงในเรื่องของอามามิซังหรือไม่ของผมก็คือ เรื่องความสัมพันธ์ของอุมิกับอามามิซังในปัจจุบันนั่นเอง

 

ถึงตอนที่อยู่ในห้องเรียนทั้งสองคนจะทำตัวเหมือนกับปกติ แต่จากมุมมองของผม ผมยังรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่

 

และสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนที่สุดก็คือการสกินชิพที่บ่อยเกินไประหว่างอามามิซังกับอุมิที่ผมสังเหตเห็นในช่วงหลังมานี้…มันดูไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อน ราวกับว่าพวกเธอกำลังพยายามเอาใจใส่กันอย่างหนักเพื่อที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะได้ดีขึ้นในเร็ววัน

 

ถ้าพูดกันตรงๆเลยก็คือว่าผมไม่อยากให้เซกิคุงเข้าไปขัดจังหวะระหว่างอุมิกับอามามิซังที่ยังมีเรื่องที่ต้องทำกันอีกมากในเวลานี้

 

ถ้าพิจารณาจากนิสัยของอามามิซัง ถ้าผมข้อร้องเธอ บางที่เธออาจจะยอมทำตามคำขอของผมก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องการสอบที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ดังนั้นผมอาจจะจัดติวหนังสือเตรียมสอบโดยมีผม อุมิ อามามิซัง แล้วก็ชวนเซกิคุงเข้ามาร่วมด้วย เป็นต้น

 

สิ่งที่เซกิคุงขอร้องให้ผมช่วยก็คือการสร้างโอกาสให้กับเขา แล้วหลังจากนั้นเซกิคุงก็คงจัดการต่อเองได้

 

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามองจากบุคคลภายนอกที่มองอย่างเป็นกลางแบบผมแล้ว ผมไม่คิดว่าอามามิซังจะสนใจในตัวของเซกิคุง แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเซกิคุงหน้าตาไม่ดีหรือดูไม่มีเสน่ห์อะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่าในตอนนี้อามามิซังดูจะยังไม่ได้ให้ความสนใจกับเพศตรงข้ามต่างหากล่ะ

 

แล้วผมก็ไม่ได้สนใจว่าเซกิคุงจะอกหักหรืออะไรทำนองนั้นด้วย แต่ผมไม่อยากให้มีอะไรไปขัดขวางการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอุมิกับอามามิซังก็เท่านั้น…และนั่นก็คือจุดยืนของผม

 

จริงๆแล้วจะพูดง่ายๆว่า ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้อุมิก็ได้ล่ะนะ

 

ถ้าอามามิซังเกิดสนใจใครสักคนเข้าจริงๆ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ อาซานางิ อุมิ จะโดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากอามามิซังนั้นเชื่อมั่นในตัวอุมิเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นคนแรกที่เธอจะนึกถึงก็คืออุมิอย่างแน่นอน

 

แล้วสุดท้าย…เรื่องมันก็จะตกมาอยู่ที่ผมด้วยอีกคน

 

อุมิเองก็คอยสังเกตผมอยู่ตลอดเหมือนกัน ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือเรื่องที่เซกิคุงแอบมาคุยกับผมเธอก็สังเกตเห็นได้ทันที และบางครั้งในตอนที่ผมอยู่ให้ห้องเรียนคนเดียว อุมิก็ชอบแกล้งส่งข้อความมาหาผมว่า「ดูท่าทางจะสนุกอยู่สินะ」นั่นเป็นเพราะว่าอุมิสามารถตอบสนองต่อความผิดปกติของผมได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างอีกเรื่องก็คือตอนที่อามามิซังบอกว่าผมมีเบอร์ติดต่อของเธอ อุมิก็แสดงการตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

 

อุมินั่นมีการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน และนอกจากนี้ยังขี้หึงอย่างมากด้วย

 

ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ผมแสดงอาการผิดปกติ อุมิจะสามารถสังเกตเห็นได้ในทันที และถ้าผมมีเรื่องที่ปิดบังเธอล่ะก็…บางทีมันอาจจะทำให้อุมิเข้าโหมดพร้อมรบก็ได้

 

ผมคิดว่าช่วงเวลานี้คือช่วงที่สำคัญที่สุดของผมกับอุมิในการที่จะปรับตัวเข้าหากันเพื่ออนาคตข้างหน้าของพวกเรา

 

นั่นคือสาเหตุที่ผมไม่อยากทำเรื่องอะไรที่มันไม่เข้าท่าในช่วงเวลานี้ก่อนที่จะถึงวันคริสต์มาส

 

“นายมีเรื่องอย่างอื่นอีกไหม?…แต่ถ้าไม่มีผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”

 

“ไม่มีแล้วล่ะ…เอาเถอะ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

“อืม ขอโทษด้วยนะ”

 

“ไม่เป็นไร ฉันคิดเผื่อไว้แล้วตั้งแต่ตอนไปขอให้นายช่วยแล้วล่ะ ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลอะไรหรอก”

 

ถ้าผมเลือกที่จะปฏิเสธ ทางเดียวที่เหลือที่เซกิคุงจะทำได้ต่อไปก็คือต้องลงมือด้วยตัวเองเพียงลำพัง ดังนั้นผมจึงคิดว่าเขาอาจจะฝืนใช้กำลังบังคับผมให้ช่วงเหลือเขามากกว่านี้ซะอีก แต่เซกิคุงกลับยอมรับอย่างง่ายดายจนผมอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

 

แล้วถึงจะดูว่าผมจะปฏิเสธไปแบบง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วตอนนี้ใจของผมกำลังสั่นไปด้วยความกลัว ผมรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีมากที่สามารถบังคับให้เสียงไม่สั่นได้

 

“มาเอะฮาระ ตอนแรกฉันคิดว่านายเป็นพวกขี้อายซะอีก แต่นายสามารถปฏิเสธฉันได้อย่างตรงไปตรงมาแบบนี้…ฉันคงต้องมองนายใหม่แล้วล่ะนะ”

 

“นั่นสินะ…แต่ว่าบางทีผมคงจะติดนิสัยมาจากใครบางคนน่ะ”

 

ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่สามารถเป็นแบบอุมิได้…แต่ผมก็คาดหวังว่าจะสามารถเป็นแบบนั้นได้ในสักวันหนึ่ง

 

อาซานางิ อุมิ คือเป้าหมายที่ผมต้องการจะไปให้ถึง

 

“…เอาล่ะ ใกล้ได้เวลาที่พวกรุ่นพี่จะมาแล้วล่ะ ฉันเองก็ต้องไปแล้วล่ะนะ”

 

“อืม ถึงผมจะไม่สามารถให้ความร่วมมือได้ แต่จะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังให้แล้วกันนะ”

 

“ไม่ต้องร่วมมือก็ได้ แต่ช่วยสนับสนุนฉันทีนะ”

 

“ฮะๆ”

 

เอาเถอะ ไม่ว่าเซกิคุงจะทำอะไร สุดท้ายก็คงโดนปฏิเสธอยู่ดีล่ะนะ

 

ผมโบกมือให้เขา ก่อนที่เซกิคุงจะหันหลังแล้ววิ่งจากไปราวกับมีปีกอยู่ที่หลัง

 

ไม่ต้องกังวลนะเซกิคุง ถ้านายยังทำกิจกรรมชมรมอย่างตั้งใจแบบนี้ต่อไป สักวันต้องมีผู้หญิงมาชอบนายอย่างแน่นอน

 

หลังจากที่ผมสวดภาวนาให้เซกิคุงประสบความสำเร็จในเรื่องของความรักในอนาคตข้างหน้า ผมก็แอบย่องออกจากที่นี่ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ประตูโรงเรียน

 

ในขณะที่ผมกับเซกิคุงคุยกันอยู่ ก็ดูเหมือนว่าช่วงเวลาพีคในการเดินทางกลับบ้านได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้ถนนที่ทอดยาวไปที่ประตูโรงเรียนนั้นแทบจะไร้ผู้คนและเต็มไปด้วยใบไม้ที่กำลังร่วงหล่นเนื่องจากสายลมหนาว

 

“อูย~หนาวชะมัด…ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่ต้องเอาอาวุธลับออกมาจากในตู้แล้วสินะ…เอ๊ะ?”

 

ผมพูดพึมพัมกับตัวเองคนเดียวโดยไม่ให้ใครได้ยินตามปกติ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านประตูโรงเรียน ผมก็สังเกตเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยของใครบางคนกำลังยืนพิงประตูรั้วอยู่

 

“เอ๊ะ อุมิ?”

 

เด็กผู้หญิงที่กำลังยืนพิงประตูรั้วของโรงเรียนอยู่ก็คืออุมิ

 

“ไง”

 

“อา…อืม…เอ่อ หรือว่าเธอรออยู่ตรงนี้ตั้งแต่เลิกเรียน?”

 

“…ฉันดูเหมือนคนที่พึ่งจะมายืนรอรึไง?”

 

อุมิที่มีผ้าพันคอลายตารางผืนโปรดของเธอพันอยู่รอบคอและกำลังถือกระเป๋านักเรียนพาดบ่าทำแก้มป่องก่อนจะตอบกลับมา

 

แน่นอนว่าอุมิคงยืนรอผมมาตลอดภายใต้สภาพอากาศที่หนาวเย็นแบบนี้

 

“เธอควรที่จะกลับบ้านพร้อมกับอามามิซังนี่นา? ว่าแต่เธออ้างกับอามามิซังว่ายังไงล่ะ?”

 

“ฉันลืมของน่ะ ดังนั้นยูล่วงหน้าไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอฉันหรอกนะ…แล้วก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ยูดันตอบกลับมาว่า「ทำให้ดีที่สุดล่ะ!」ซะได้”

 

“ดูออกง่ายเกินไปแล้วนะ”

 

ผมหมายถึง..แทบจะไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าทำไมอามามิซังถึงบอกว่า「ทำให้ดีที่สุดล่ะ!」น่ะนะ…แล้วในเมื่ออุมิมารอขนาดนี้แล้ว ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับบ้านด้วยกันเท่านั้น

 

…แน่นอนว่าผมพูดเล่น

 

“ขอโทษนะมากิ จริงๆฉันก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านเลยเหมือนกัน…แต่ว่า…ฉันอดกังวลไม่ได้น่ะ”

 

“ถ้ากังวลขนาดนั้น ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าอุมิจะไปแอบดูน่ะ”

 

“โม่~ ถ้าทำแบบนั้นฉันก็จะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับมากิที่บอกว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นน่ะสิ…แต่สุดท้ายก็อดที่จะรู้สึกกังวลไม่ได้น่ะ”

 

อุมิเม้มริมฝีปากของเธอ ก่อนที่จะหันหน้าหนีมองไปทางอื่น

 

แล้วที่แก้มของเธอแดงๆ จริงๆแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเพราะลมหนาวด้วยก็ได้

 

“จริงๆแล้ว…ฉันอยากรู้มากเลยล่ะว่ามากิกับเซกิเป็นอะไรกัน หรือยิ่งกว่านั้นก็อยากรู้ด้วยว่าทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ด้วย…แต่ฉันรู้ว่าการแอบไปฟังมันไม่ดี…ดังนั้นฉันก็เลยตัดสินใจมารอมากิอยู่ที่นี่นี่แหละ”

 

อุมิที่บอกกับผมว่าจะกลับบ้านก่อน แต่ใจจริงของเธอก็อดเป็นห่วงผมไม่ได้

 

ดูเหมือนจะมีการต่อสู้กันภายในจิตใจของอุมิระหว่างการกลับบ้านเลยกับอยู่รอผม แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าฝ่ายอยู่รอผมจะเป็นฝ่ายชนะ…แล้วสุดท้ายเธอก็เลยมายืนรอผมอยู่ที่นี่

 

เหมือนอุมิจะเลือกทางที่ยุ่งยากล่ะนะ

 

เอาเถอะ ผมคิดว่าอุมิที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

“อือ”

 

“…เริ่มหนาวแล้วแฮะ…งั้นก็กลับบ้านกันเถอะ”

 

“อือ…นี่ มากิ”

 

“อะไรเหรอ?”

 

“เพราะอากาศมันหนาว งั้นฉันขอแวะบ้านมากิแป๊บนึงได้ไหม?”

 

“…อ่า ได้อยู่แล้ว”

 

ถึงวันนี้จะไม่ใช่วันศุกร์สุดสัปดาห์…แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสักหน่อย!

 

เพราะว่าอุมิเป็นเพื่อนของผม ดังนั้นเรื่องที่เพื่อนจะแวะมาที่บ้านของผมสักพักก็คงไม่ต้องบอกให้แม่รู้ก็ได้สินะ…แม่คงจะไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว…จริงไหม?

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

ปล. สวัสดีครับ Durimtok เองครับ หายไปนานเลยครับ แต่ช่วงนี้ก็กลับมาอัพเดทตามปกติแล้วนะครับ ถ้ายังไงรบกวนช่วยกดถูกใจ หรือติดตามเพจ  Durimtok Channel ด้วยนะครับ จะมีตอนใหม่ๆอัพเดทก่อนที่จะมาลงที่นี่ครับ

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class

Score 10
Status: Completed
ผมชื่อ มาเอะฮาระ มากิ คนที่ไม่เพื่อน หรือคนรู้จักในโรงเรียนม.ปลาย แต่ในที่สุดก็มีคนที่ผมสามารถออกไปเที่ยวด้วยกัน ภายนอกรั้วโรงเรียนด้วยได้ เธอคือเด็กสาวคนหนึ่ง เธอชื่อ อะสะนางิซัง เด็กสาวที่พวกนักเรียนชายในชั้นเรียนต่างเรียกเธอว่า 'สาวน่ารักอันดับสองของชั้นเรียน'

Options

not work with dark mode
Reset