แล้วก็ถึงช่วงเวลาพักกลางวัน
“ไปกันเถอะอาซานางิ”
“อื้ม รอเดี๋ยวนะ ขอเก็บหนังสือเรียนแป๊บนึง”
ตามที่ตกลงกับอุมิเอาไว้ ผมจึงเดินไปหาอุมิเพื่อที่จะไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน
และทันทีที่ผมเดินเข้าไปคุยกับอุมิที่โต๊ะของเธอ ทั้งห้องเรียนก็ตกอยู่ในความเงียบงัน พร้อมกับอารมณ์ที่หลากหลายที่แสดงออกมาทางสีหน้าของคนอื่นๆในห้องเรียน แต่ผมก็เริ่มที่จะชินแล้วล่ะนะ
ผมกับอุมิเป็นเพื่อนกัน ผมกับอุมิเป็นเพื่อนกัน เพงาะงั้นมันก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย… ถึงจะคอยบอกกับตัวเองแบบนี้ แต่เอาจริงๆมันก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่นิดหน่อยอยู่ดี
“ขอโทษที่ให้รอนะ งั้นพวกเราไปกันเลยไหม?…นีน่า เธอจะไปด้วยกันหรือเปล่า?”
“ฟุฟุ นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
นิตตะซังตอบคำถามของอุมิด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ประธาน วันนี้เป็นไงบ้าง”
“ทำไมถึงเรียกแบบนั้นล่ะ…แต่เอาเถอะ อยากเรียกแบบไหนก็ตามใจแล้วกัน ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก”
สำหรับการไปทานอาหารกลางวันในวันนี้จะประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 3 คน คือ ผม อุมิ และด้วยเหตุผลบางอย่างก็เลยมีนิตตะซังตามมาด้วย โดยส่วนตัวแล้วนิตตะซังเป็นคนที่ผมไม่ค่อยถนัดในการรับมือสักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากช่วงหลังๆมานี้ผมได้คุยกับอุมิและอามามิซังมากขึ้น ดังนั้นในตอนนี้ก็เลยไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรในการที่จะคุยกับนิตตะซัง
นิตตะซังไม่เหมือนกับอุมิและอามามิซัง สองสาวสวยประจำห้องของเรา แต่นิตตะซังจะมีลักษณะเหมือนกับ「ภาพรวมของนักเรียนคนอื่นๆในชั้นเรียน」มากกว่า ดังนั้นแล้วการที่ได้คุยกับนิตตะซังก็จะเหมือนกับว่า มาเอะฮาระ มากิ เริ่มที่จะได้รับการยอมจากคนอื่นๆในชั้นเรียนบ้างแล้ว
ถึงผมจะคิดว่าขอแค่เพียงมีอุมิเป็นเพื่อนสนิทแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับตัวผม แต่ตราบใดที่ผมยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในชั้นเรียน การที่จะสนิทกับคนอื่นนอกเหนือจากอุมิกับอามามิซังก็ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไร
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็ไปกันเลย”
“อือ ว่าแต่เดี๋ยวอามามิซังจะตามไปทีหลังด้วยใช่ไหม?”
“นั้นสิน้า ถ้าอย่างนั้นก็ไปรับเธอเลยแล้วกัน”
เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่าถ้าที่ไหนมีอุมิที่นั่นก็ต้องมีอามามิซัง ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่อามามิซังจะไปกับพวกเราด้วย แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในห้องเรียน
ผมสังเกตเห็นว่าตอนช่วงที่เลิกเรียนในช่วงเช้า อามามิซังได้เข้ามาคุยอะไรบางอย่างกับอุมิ ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องเรียนไปเพียงคนเดียว
อามามิซังที่ตอนปกติตัวจะติดกับอุมิราวกับเป็นสุนัขติดเจ้าของ แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้เธอจะหายตัวไปทุกครั้งในช่วงเวลาพัก
ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น…อืม ต้องบอกว่าก็พอจะเดาได้ล่ะนะ
ผม อุมิ แล้วก็นิตตะซังตัดสินใจที่จะไปรับอามามิซังก่อน พร้อมกับถือกล่องข้าวกลางวันไปด้วย
ตามที่อุมิบอก ดูเหมือนว่าอามามิซังจะอยู่ที่ลานจอดรถจักรยานสำหรับนักเรียน…มันก็ถือว่าเป็นอีกจุดนึงที่ผมมักจะใช้ในการแอบไปกินข้าวคนเดียว
แต่สำหรับนักเรียนคนอื่นๆ ที่นี่ดูเหมือนว่าจะเป็น「จุดสารภาพรัก」เนื่องจากไม่ค่อยมีนักเรียนคนอื่นเดินผ่านไปทางนั้นสักเท่าไหร่
“ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะได้แอบดูการสารภาพรักของคนอื่นบ่อยๆแฮะ….”
ผมซ่อนตัวอยู่ในเงามืดร่วมกันกับอุมิและนิตตะซัง และกำลังมองดูอามามิซังที่ยืนอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย พร้อมกับนักเรียนคนนึงที่น่าจะเป็นรุ่นพี่
“อืม จริงๆแล้วยูเป็นคนขอให้พวกเรามาที่นี่ล่ะนะ”
“เอ๋? จริงดิ?”
“ก็จริงนะสิ จะว่าไปนี่ประธานไม่รู้อย่างงั้นเหรอ?”
นิตตะซังที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่เป็นคนตอบคำถามของผม
“ถ้าเพื่อนๆเข้ามาช่วยในช่วงเวลาที่ถูกจังหวะ โอกาสที่จะเกิดเรื่องยุ่งยากหรือเรื่องที่รับมือไม่ได้ก็จะน้อยลงด้วย แล้วบางทีมันก็ถือว่าเป็นการช่วยคนที่โดนปฏิเสธด้วยนะ…ก็ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่ายใช่ไหมล่ะ? นี่ฉันกำลังคิดจากหลายๆมุมมองล่ะนะ”
“นีน่า เธอแค่อยากจะมาแอบถ่ายเท่านั้นแหละ”
“เปล่าสักหน่อย~ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับยูเราก็ต้องมีหลักฐานที่จะเอาไปฟ้องอาจารย์จริงไหม? นี่ฉันกำลังลำดับความสำคัญอยู่นะ เข้าใจไหม?”
“…ถ้าอย่างงั้นก็ช่วยลบรูปตอนที่ฉันกับมาเอะฮาระจับมือกันด้วยสิ มันหมดความสำคัญไปแล้วนี่”
“จริงๆแล้วฉันลบให้ก็ได้นะ แต่ฉันคิดว่าตอนนั้นน่าจะมีอีกหลายคนนอกจากฉันถ่ายรูปไว้ด้วย ดังนั้นถึงฉันจะลบรูปไปมันก็ไม่มีประโยชน์ใช่ไหมล่ะ?”
ผมก็คิดแบบนั้นนะ…ดูเหมือนว่าเหตุการจับมือแบบคู่รักของผมกับอุมิจะกระจายไปทั่วโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงผมจะคิดว่ามันค่อนข้างน่าอาย แต่ว่านะ…ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น หลังจากนั้นมาก็ไม่มีใครมาสารภาพรักกับอุมิอีกเลย ดังนั้นแล้วผมคิดว่าแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่อะไร
ความจริงก็คือการที่คนที่คุณรักโดนคนอื่นสารภาพรัก ถึงผมจะมั่นใจว่าอุมิจะไม่ได้สนใจเรื่อแบบนั้นและตอบปฏิเสธไปทันทีก็เถอะ แต่สุดท้ายมันก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดีจริงไหมล่ะ
และเมื่อไม่มีใครกล้ามาสารภาพรักกับอุมิ ก็ดูเหมือนว่าพวกเด็กผู้ชายจะหันเป้าหมายไปหาอามามิซังแทน ถึงแม้ว่าจะมีความหวังเพียงน้อยนิดก็ตาม
“…เอ่อ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร งานปาร์ตี้คริสต์มาสที่จะถึงนี้ ไปด้วยกันกับผม….”
“…ขอโทษค่ะ ฉันนัดไปงานปาร์ตี้กับเพื่อนไว้แล้วค่ะ…แล้วอีกอย่าง…เอ่อ ฉันก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วค่ะ”
ถึงผมจะรู้สึกเสียใจกับรุ่นพี่คนนี้ แต่ว่าผลลัพธ์มันต้องออกมาในรูปแบบนี้แน่นอนอยู่แล้ว
สำหรับในตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดของอามามิซังก็คือการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเธอกับอุมิ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไปทำความรู้จักหรือคบกับคนอื่นๆ โดยเฉพาะเพศตรงข้ามยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ว่ามีเพียงแค่ผมกับอุมิเท่านั้นที่รู้ถึงสถานการณ์ของอามามิซังในตอนนี้
ผมคิดว่าสำหรับอามามิซังในตอนนี้คงจะเป็นราวๆ (อูมิที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ) >>>>>>> (คนอื่นๆรวมถึงตัวผมด้วย) ดังนั้นถ้ามีใครที่อยากจะคบกับอามามิซังจริงๆ ทางเดียวที่พวกเขาจะทำได้ก็มีเพียงแค่รอเท่านั้น
แต่ว่านะ ผมสงสัยจริงๆว่าคนที่อามามิซังชอบเป็นคนแบบไหนกันนะ?
ถึงจะเคยได้ยินอามามิซังพูดถึงพวกไอดอลชายที่ผมมักจะเห็นในทีวี แต่ผมว่านั่นน่าจะต่างจากความชอบที่อยากจะคบด้วยอยู่นะ
ผมคิดว่าบางที่สเปคของอามามิซังน่าจะเป็นแบบ…เอ่อ…อาซานางิ อุมิ ละมั้ง?
“เอาล่ะ คณะกรรมการทั้งสองคน จะได้เวลาแล้วนะ…หรือว่าทั้งสองคนอยากจะจีบกันต่ออีกสักหน่อยดีล่ะ?”
“ไปกันเถอะ…นี่มาเอะฮาระเองก็อย่าทำหน้างงสิ ตามมาได้แล้ว”
“เอ๊ะ? อะ-อืม”
ทิ้งกันเลยน้า~ ผมกับอุมิยืนขึ้นโดยทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่นิตตะซังพูด ก่อนที่เดินเข้าไปหาอามามิแล้วแสร้งทำเป็นว่าบังเอิญเดินผ่านมาเจออามามิซังพอดี
“ยู กำลังทำอะไรอยู่น่ะ? นี่ก็เที่ยงแล้วนะ ไปกินข้าวด้วยกันไหม?”
“อุมิ! อะ อือ พึ่งทำธุระเสร็จพอดีเลย”
อามามิซังทำเป็นตกใจที่เห็นพวกเรา ก่อนจะเดินเข้ามาหาเราพร้อมกับรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
(ขอบคุณนะอุมิ แล้วก็นินาจิกับมากิคุงด้วยนะ)
พวกเราสี่คนมองหน้ากันก่อนที่จะรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยทิ้งรุ่นพี่ที่กำลังมีท่าทางอึดอัดไว้ข้างหลัง
กลางวันนี้พวกเราตัดสินใจไปทานอาหารกลางวันกันที่ม้านั้งตัวนึงภายในสวนที่ตอนนี้คนค่อนข้างเยอะ
ในขณะที่พวกเรานั่งลง ใบหน้าที่ดูเครียดๆของอามามิซังก็ดูผ่อนคลายลงนิดหน่อย
“ฟู่~ ค่อยดีขึ้นหน่อย”
“ขอบคุณที่เหนื่อยยากนะ…อามามิซัง ลำบากแย่เลยสินะ”
“อะอืม จริงๆก็ไม่มีอะไรหรอก มันแค่ยุ่งยากนิดหน่อยน่ะ แต่ฉันชินกับเรื่องแบบนี้แล้วล่ะ แล้วก็นะ เป็นเพราะช่วงนี้ยุ่งๆด้วยแหละนะ”
ตามที่อามามิซังบอก ดูเหมือนว่าเธอจะโดนเรียกออกมาฟังคำสารภาพรักแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตั้งแต่ช่วงงานเทศกาลวัฒนธรรมโรงเรียนแล้ว
ในช่วงนั้นดูเหมือนว่านิตตะซังจะทำหน้าที่เป็นคนที่คอยมาช่วยอามามิซังแทนที่อาซานางิซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการจัดงาน
นิตตะซังที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการจัดงานวัฒนธรรมเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วดูเหมือนว่าเธอจะต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของเธอ
ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอามามิซังกับอุมิถึงได้เป็นเพื่อนกับเธอ
มันยังมีอีกหลายๆอย่างที่คุณไม่สามารถเข้าใจได้โดยเพียงแค่มองดูจากมุมๆหนึ่งของชั้นเรียน
“อ๊ะ จริงสิอุมิ เห็นเธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยตอนหลังเลิกเรียน มีเรื่องอะไรหรอ? หรือว่าเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันแค่สองคนหรือเปล่า?”
“เอ๊ะ? อืมม จริงๆก็ไม่อยากคุยตอนมีนีน่าอยู่ด้วยเท่าไหร่แฮะ”
“ห๊ะ! ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนนอกไปซะงั้นล่ะ เน่~ ท่านประธานช่วยพูดอะไรหน่อยสิ~”
“เอ่อ…ขอโทษนะนิตตะซัง”
ถึงผมจะพอเข้าใจความสัมพันธ์ของนิตตะซังกับพวกอามามิซังขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองยังไม่สามารถที่จะวางใจนิตตะซังได้เต็มที่เหมือนกัน
“เอาล่ะๆ เอาไว้ฉันค่อยไปบอกนินาจิอีกทีแล้วกันนะ แล้วมีเรื่องอะไรหรออุมิ?”
“อะ-อือ เอ่อคือว่านะ…”
อุมิเล่าถึงเรื่องเรื่องที่จะทำหลังจากจบงานปาร์ตี้คริสต์มาส ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลนิดหน่อยกับคนคนนึงที่ตอนนี้กำลังตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก
“ที่บ้านของมากิคุงงั้นเหรอ? เอ~ ฟังดูก็น่าสนใจนะ! แล้วถ้าเธอสองคนไม่ว่าอะไรฉันก็โอเค!”
อามามิซังตอบรับข้อเสนอของพวกเรา แต่เธอเองก็ถามถึงความเห็นของผมกับอุมิก่อน
ผมเองก็รบกวนอามามิซังไว้หลายเรื่อง ผมก็เลยคิดว่าจะตอบแทนเธอให้ดีที่สุดในวันนั้น
“เอ๋~ สาวสวยที่สุดของห้องทั้งสองคนจะไปบ้านของท่านประธานในวันคริสต์มาส…ให้ตายเถอะ เรื่องนี้มันน่าสนใจเกินไปแล้ว…กุนุนุ…แต่ว่าน่าเสียดาย…”
“เอ๊ะ? นี่มันผิดปกตินะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านีน่าไม่อยากมาร่วมกับพวกเรา เพราะนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่อยากคุยต่อหน้าเธอด้วยล่ะนะ”
“…อืม จริงๆแล้ววันนั้นฉันมีนัดกับแฟนน่ะ”
“ “ “เอ๋?” ” ”
“เอ๊ะ? ฉันยังไม่ได้บอกพวกเธอหรอ? เหมือนว่าเคยเล่าไปตอนวันงานวัฒนธรรมแล้วนะ”
ทั้งสองคนส่ายหัว และแน่นอนว่าผมไม่มีทางที่จะรู้อยู่แล้ว
ถึงผมจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่มันก็ไม่แปลกที่นิตตะซังจะมีแฟนเพราะเธอเองก็จัดอยู่ในหมวดคนหน้าตาดีล่ะนะ
ดังนั้นพวกเราจึงใช้เวลาที่เหลือในช่วงพักกลางวันไปกับการฟังคำโอ้อวดเล็กน้อยเกี่ยวกับแฟนของเธอ
ในเมื่อแผนการในวันคริสต์มาสถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว ผมจึงตัดสินใจว่าจะค่อยๆแอบเตรียมตัวไปทีล่ะเล็กทีล่ะน้อยอย่างลับๆไปจนกว่าจะถึงวันคริสต์มาส
แต่ในช่วงหลังเลิกเรียน ปัญหาก็ตกมาที่ผมซะก่อนนี่สิ…
แล้วก็ถึงช่วงเวลาพักกลางวัน
“ไปกันเถอะอาซานางิ”
“อื้ม รอเดี๋ยวนะ ขอเก็บหนังสือเรียนแป๊บนึง”
ตามที่ตกลงกับอุมิเอาไว้ ผมจึงเดินไปหาอุมิเพื่อที่จะไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน
และทันทีที่ผมเดินเข้าไปคุยกับอุมิที่โต๊ะของเธอ ทั้งห้องเรียนก็ตกอยู่ในความเงียบงัน พร้อมกับอารมณ์ที่หลากหลายที่แสดงออกมาทางสีหน้าของคนอื่นๆในห้องเรียน แต่ผมก็เริ่มที่จะชินแล้วล่ะนะ
ผมกับอุมิเป็นเพื่อนกัน ผมกับอุมิเป็นเพื่อนกัน เพงาะงั้นมันก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย… ถึงจะคอยบอกกับตัวเองแบบนี้ แต่เอาจริงๆมันก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่นิดหน่อยอยู่ดี
“ขอโทษที่ให้รอนะ งั้นพวกเราไปกันเลยไหม?…นีน่า เธอจะไปด้วยกันหรือเปล่า?”
“ฟุฟุ นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
นิตตะซังตอบคำถามของอุมิด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ประธาน วันนี้เป็นไงบ้าง”
“ทำไมถึงเรียกแบบนั้นล่ะ…แต่เอาเถอะ อยากเรียกแบบไหนก็ตามใจแล้วกัน ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก”
สำหรับการไปทานอาหารกลางวันในวันนี้จะประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 3 คน คือ ผม อุมิ และด้วยเหตุผลบางอย่างก็เลยมีนิตตะซังตามมาด้วย โดยส่วนตัวแล้วนิตตะซังเป็นคนที่ผมไม่ค่อยถนัดในการรับมือสักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากช่วงหลังๆมานี้ผมได้คุยกับอุมิและอามามิซังมากขึ้น ดังนั้นในตอนนี้ก็เลยไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรในการที่จะคุยกับนิตตะซัง
นิตตะซังไม่เหมือนกับอุมิและอามามิซัง สองสาวสวยประจำห้องของเรา แต่นิตตะซังจะมีลักษณะเหมือนกับ「ภาพรวมของนักเรียนคนอื่นๆในชั้นเรียน」มากกว่า ดังนั้นแล้วการที่ได้คุยกับนิตตะซังก็จะเหมือนกับว่า มาเอะฮาระ มากิ เริ่มที่จะได้รับการยอมจากคนอื่นๆในชั้นเรียนบ้างแล้ว
ถึงผมจะคิดว่าขอแค่เพียงมีอุมิเป็นเพื่อนสนิทแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับตัวผม แต่ตราบใดที่ผมยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในชั้นเรียน การที่จะสนิทกับคนอื่นนอกเหนือจากอุมิกับอามามิซังก็ถือว่าไม่ได้เสียหายอะไร
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็ไปกันเลย”
“อือ ว่าแต่เดี๋ยวอามามิซังจะตามไปทีหลังด้วยใช่ไหม?”
“นั้นสิน้า ถ้าอย่างนั้นก็ไปรับเธอเลยแล้วกัน”
เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่าถ้าที่ไหนมีอุมิที่นั่นก็ต้องมีอามามิซัง ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่อามามิซังจะไปกับพวกเราด้วย แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในห้องเรียน
ผมสังเกตเห็นว่าตอนช่วงที่เลิกเรียนในช่วงเช้า อามามิซังได้เข้ามาคุยอะไรบางอย่างกับอุมิ ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องเรียนไปเพียงคนเดียว
อามามิซังที่ตอนปกติตัวจะติดกับอุมิราวกับเป็นสุนัขติดเจ้าของ แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้เธอจะหายตัวไปทุกครั้งในช่วงเวลาพัก
ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น…อืม ต้องบอกว่าก็พอจะเดาได้ล่ะนะ
ผม อุมิ แล้วก็นิตตะซังตัดสินใจที่จะไปรับอามามิซังก่อน พร้อมกับถือกล่องข้าวกลางวันไปด้วย
ตามที่อุมิบอก ดูเหมือนว่าอามามิซังจะอยู่ที่ลานจอดรถจักรยานสำหรับนักเรียน…มันก็ถือว่าเป็นอีกจุดนึงที่ผมมักจะใช้ในการแอบไปกินข้าวคนเดียว
แต่สำหรับนักเรียนคนอื่นๆ ที่นี่ดูเหมือนว่าจะเป็น「จุดสารภาพรัก」เนื่องจากไม่ค่อยมีนักเรียนคนอื่นเดินผ่านไปทางนั้นสักเท่าไหร่
“ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะได้แอบดูการสารภาพรักของคนอื่นบ่อยๆแฮะ….”
ผมซ่อนตัวอยู่ในเงามืดร่วมกันกับอุมิและนิตตะซัง และกำลังมองดูอามามิซังที่ยืนอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย พร้อมกับนักเรียนคนนึงที่น่าจะเป็นรุ่นพี่
“อืม จริงๆแล้วยูเป็นคนขอให้พวกเรามาที่นี่ล่ะนะ”
“เอ๋? จริงดิ?”
“ก็จริงนะสิ จะว่าไปนี่ประธานไม่รู้อย่างงั้นเหรอ?”
นิตตะซังที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่เป็นคนตอบคำถามของผม
“ถ้าเพื่อนๆเข้ามาช่วยในช่วงเวลาที่ถูกจังหวะ โอกาสที่จะเกิดเรื่องยุ่งยากหรือเรื่องที่รับมือไม่ได้ก็จะน้อยลงด้วย แล้วบางทีมันก็ถือว่าเป็นการช่วยคนที่โดนปฏิเสธด้วยนะ…ก็ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่ายใช่ไหมล่ะ? นี่ฉันกำลังคิดจากหลายๆมุมมองล่ะนะ”
“นีน่า เธอแค่อยากจะมาแอบถ่ายเท่านั้นแหละ”
“เปล่าสักหน่อย~ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับยูเราก็ต้องมีหลักฐานที่จะเอาไปฟ้องอาจารย์จริงไหม? นี่ฉันกำลังลำดับความสำคัญอยู่นะ เข้าใจไหม?”
“…ถ้าอย่างงั้นก็ช่วยลบรูปตอนที่ฉันกับมาเอะฮาระจับมือกันด้วยสิ มันหมดความสำคัญไปแล้วนี่”
“จริงๆแล้วฉันลบให้ก็ได้นะ แต่ฉันคิดว่าตอนนั้นน่าจะมีอีกหลายคนนอกจากฉันถ่ายรูปไว้ด้วย ดังนั้นถึงฉันจะลบรูปไปมันก็ไม่มีประโยชน์ใช่ไหมล่ะ?”
ผมก็คิดแบบนั้นนะ…ดูเหมือนว่าเหตุการจับมือแบบคู่รักของผมกับอุมิจะกระจายไปทั่วโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงผมจะคิดว่ามันค่อนข้างน่าอาย แต่ว่านะ…ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น หลังจากนั้นมาก็ไม่มีใครมาสารภาพรักกับอุมิอีกเลย ดังนั้นแล้วผมคิดว่าแบบนี้มันก็ไม่ได้แย่อะไร
ความจริงก็คือการที่คนที่คุณรักโดนคนอื่นสารภาพรัก ถึงผมจะมั่นใจว่าอุมิจะไม่ได้สนใจเรื่อแบบนั้นและตอบปฏิเสธไปทันทีก็เถอะ แต่สุดท้ายมันก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดีจริงไหมล่ะ
และเมื่อไม่มีใครกล้ามาสารภาพรักกับอุมิ ก็ดูเหมือนว่าพวกเด็กผู้ชายจะหันเป้าหมายไปหาอามามิซังแทน ถึงแม้ว่าจะมีความหวังเพียงน้อยนิดก็ตาม
“…เอ่อ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร งานปาร์ตี้คริสต์มาสที่จะถึงนี้ ไปด้วยกันกับผม….”
“…ขอโทษค่ะ ฉันนัดไปงานปาร์ตี้กับเพื่อนไว้แล้วค่ะ…แล้วอีกอย่าง…เอ่อ ฉันก็มีคนที่ชอบอยู่แล้วค่ะ”
ถึงผมจะรู้สึกเสียใจกับรุ่นพี่คนนี้ แต่ว่าผลลัพธ์มันต้องออกมาในรูปแบบนี้แน่นอนอยู่แล้ว
สำหรับในตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดของอามามิซังก็คือการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเธอกับอุมิ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไปทำความรู้จักหรือคบกับคนอื่นๆ โดยเฉพาะเพศตรงข้ามยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ว่ามีเพียงแค่ผมกับอุมิเท่านั้นที่รู้ถึงสถานการณ์ของอามามิซังในตอนนี้
ผมคิดว่าสำหรับอามามิซังในตอนนี้คงจะเป็นราวๆ (อูมิที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ) >>>>>>> (คนอื่นๆรวมถึงตัวผมด้วย) ดังนั้นถ้ามีใครที่อยากจะคบกับอามามิซังจริงๆ ทางเดียวที่พวกเขาจะทำได้ก็มีเพียงแค่รอเท่านั้น
แต่ว่านะ ผมสงสัยจริงๆว่าคนที่อามามิซังชอบเป็นคนแบบไหนกันนะ?
ถึงจะเคยได้ยินอามามิซังพูดถึงพวกไอดอลชายที่ผมมักจะเห็นในทีวี แต่ผมว่านั่นน่าจะต่างจากความชอบที่อยากจะคบด้วยอยู่นะ
ผมคิดว่าบางที่สเปคของอามามิซังน่าจะเป็นแบบ…เอ่อ…อาซานางิ อุมิ ละมั้ง?
“เอาล่ะ คณะกรรมการทั้งสองคน จะได้เวลาแล้วนะ…หรือว่าทั้งสองคนอยากจะจีบกันต่ออีกสักหน่อยดีล่ะ?”
“ไปกันเถอะ…นี่มาเอะฮาระเองก็อย่าทำหน้างงสิ ตามมาได้แล้ว”
“เอ๊ะ? อะ-อืม”
ทิ้งกันเลยน้า~ ผมกับอุมิยืนขึ้นโดยทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่นิตตะซังพูด ก่อนที่เดินเข้าไปหาอามามิแล้วแสร้งทำเป็นว่าบังเอิญเดินผ่านมาเจออามามิซังพอดี
“ยู กำลังทำอะไรอยู่น่ะ? นี่ก็เที่ยงแล้วนะ ไปกินข้าวด้วยกันไหม?”
“อุมิ! อะ อือ พึ่งทำธุระเสร็จพอดีเลย”
อามามิซังทำเป็นตกใจที่เห็นพวกเรา ก่อนจะเดินเข้ามาหาเราพร้อมกับรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
(ขอบคุณนะอุมิ แล้วก็นินาจิกับมากิคุงด้วยนะ)
พวกเราสี่คนมองหน้ากันก่อนที่จะรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยทิ้งรุ่นพี่ที่กำลังมีท่าทางอึดอัดไว้ข้างหลัง
กลางวันนี้พวกเราตัดสินใจไปทานอาหารกลางวันกันที่ม้านั้งตัวนึงภายในสวนที่ตอนนี้คนค่อนข้างเยอะ
ในขณะที่พวกเรานั่งลง ใบหน้าที่ดูเครียดๆของอามามิซังก็ดูผ่อนคลายลงนิดหน่อย
“ฟู่~ ค่อยดีขึ้นหน่อย”
“ขอบคุณที่เหนื่อยยากนะ…อามามิซัง ลำบากแย่เลยสินะ”
“อะอืม จริงๆก็ไม่มีอะไรหรอก มันแค่ยุ่งยากนิดหน่อยน่ะ แต่ฉันชินกับเรื่องแบบนี้แล้วล่ะ แล้วก็นะ เป็นเพราะช่วงนี้ยุ่งๆด้วยแหละนะ”
ตามที่อามามิซังบอก ดูเหมือนว่าเธอจะโดนเรียกออกมาฟังคำสารภาพรักแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตั้งแต่ช่วงงานเทศกาลวัฒนธรรมโรงเรียนแล้ว
ในช่วงนั้นดูเหมือนว่านิตตะซังจะทำหน้าที่เป็นคนที่คอยมาช่วยอามามิซังแทนที่อาซานางิซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการจัดงาน
นิตตะซังที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการจัดงานวัฒนธรรมเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วดูเหมือนว่าเธอจะต้องพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือเพื่อนของเธอ
ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอามามิซังกับอุมิถึงได้เป็นเพื่อนกับเธอ
มันยังมีอีกหลายๆอย่างที่คุณไม่สามารถเข้าใจได้โดยเพียงแค่มองดูจากมุมๆหนึ่งของชั้นเรียน
“อ๊ะ จริงสิอุมิ เห็นเธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยตอนหลังเลิกเรียน มีเรื่องอะไรหรอ? หรือว่าเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันแค่สองคนหรือเปล่า?”
“เอ๊ะ? อืมม จริงๆก็ไม่อยากคุยตอนมีนีน่าอยู่ด้วยเท่าไหร่แฮะ”
“ห๊ะ! ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนนอกไปซะงั้นล่ะ เน่~ ท่านประธานช่วยพูดอะไรหน่อยสิ~”
“เอ่อ…ขอโทษนะนิตตะซัง”
ถึงผมจะพอเข้าใจความสัมพันธ์ของนิตตะซังกับพวกอามามิซังขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองยังไม่สามารถที่จะวางใจนิตตะซังได้เต็มที่เหมือนกัน
“เอาล่ะๆ เอาไว้ฉันค่อยไปบอกนินาจิอีกทีแล้วกันนะ แล้วมีเรื่องอะไรหรออุมิ?”
“อะ-อือ เอ่อคือว่านะ…”
อุมิเล่าถึงเรื่องเรื่องที่จะทำหลังจากจบงานปาร์ตี้คริสต์มาส ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลนิดหน่อยกับคนคนนึงที่ตอนนี้กำลังตั้งอกตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก
“ที่บ้านของมากิคุงงั้นเหรอ? เอ~ ฟังดูก็น่าสนใจนะ! แล้วถ้าเธอสองคนไม่ว่าอะไรฉันก็โอเค!”
อามามิซังตอบรับข้อเสนอของพวกเรา แต่เธอเองก็ถามถึงความเห็นของผมกับอุมิก่อน
ผมเองก็รบกวนอามามิซังไว้หลายเรื่อง ผมก็เลยคิดว่าจะตอบแทนเธอให้ดีที่สุดในวันนั้น
“เอ๋~ สาวสวยที่สุดของห้องทั้งสองคนจะไปบ้านของท่านประธานในวันคริสต์มาส…ให้ตายเถอะ เรื่องนี้มันน่าสนใจเกินไปแล้ว…กุนุนุ…แต่ว่าน่าเสียดาย…”
“เอ๊ะ? นี่มันผิดปกตินะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านีน่าไม่อยากมาร่วมกับพวกเรา เพราะนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่อยากคุยต่อหน้าเธอด้วยล่ะนะ”
“…อืม จริงๆแล้ววันนั้นฉันมีนัดกับแฟนน่ะ”
“ “ “เอ๋?” ” ”
“เอ๊ะ? ฉันยังไม่ได้บอกพวกเธอหรอ? เหมือนว่าเคยเล่าไปตอนวันงานวัฒนธรรมแล้วนะ”
ทั้งสองคนส่ายหัว และแน่นอนว่าผมไม่มีทางที่จะรู้อยู่แล้ว
ถึงผมจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่มันก็ไม่แปลกที่นิตตะซังจะมีแฟนเพราะเธอเองก็จัดอยู่ในหมวดคนหน้าตาดีล่ะนะ
ดังนั้นพวกเราจึงใช้เวลาที่เหลือในช่วงพักกลางวันไปกับการฟังคำโอ้อวดเล็กน้อยเกี่ยวกับแฟนของเธอ
ในเมื่อแผนการในวันคริสต์มาสถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว ผมจึงตัดสินใจว่าจะค่อยๆแอบเตรียมตัวไปทีล่ะเล็กทีล่ะน้อยอย่างลับๆไปจนกว่าจะถึงวันคริสต์มาส
แต่ในช่วงหลังเลิกเรียน ปัญหาก็ตกมาที่ผมซะก่อนนี่สิ…