แต่ก่อนหน้านั้น พวกเราตัดสินใจหันกลับมาร่วมมือกันจัดการอาหารที่เหลืออยู่ตรงหน้าก่อน พวกเราทำการกินอาหารทั้งหมดลงกระเพาะ แล้วดื่มโค๊กตามลงไปจนชื่นใจ ก่อนที่จะกลับมาฟังเรื่องราวของอุมิอีกครั้ง
“งั้นมาต่อกันเลยดีกว่า”
“อืม…จะเริ่มเล่าล่ะนะ”
อุมิเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะเริ่มพูดออกมา
“อืม…มันเป็นความจริงที่ฉันสารภาพกับมากิในตอนนั้นเพราะอารมณ์มันพาไป แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองกับมากิหรอกนะ…และบางทีถึงฉันจะไม่ได้สารภาพในตอนนั้น แต่ความรู้สึกของฉันก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี”
“ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่าอุมิเองก็อยากคบกับผมเหมือนกันถูกไหม?”
“เรื่องนั้น…อืม…มากิน่ะนอกจากจะมีรสนิยมเรื่องอาหารที่เหมือนกันแล้ว เวลาอยู่ด้วยก็รู้สึกสนุกมาก แล้วก็ไม่ต้องคอยรู้สึกกังวลเรื่องอะไรไร้สาระด้วย…น่าจะประมาณนี้…ล่ะมั้ง”
“เฮ้”
“ฟุฟุ มากิเองก็ไม่ต้องกังวลไปนะ ถ้ามากิรู้จักแต่งตัวสักหน่อย แค่นี้เวลาออกไปไหนก็ไม่ต้องรู้สึกอายแล้วล่ะ…แล้วก็…บางทีมากิอาจจะเนื้อหอมขึ้นมาก็ได้นะ…ใครจะไปรู้”
“งั้นเรอะ?”
“อือ แน่นอนอยู่แล้ว เพราะแบบนั้นฉันถึงตกหลุมรักมากิไงล่ะ”
“ตกหลุมรัก…อะ-โอ้”
อืม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอุมิเองก็รู้สึกชอบผมด้วยเช่นกัน
แล้วบางที…ความรู้สึกของเธออาจจะมากกว่าผมด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม…อุมิคงมีเรื่องที่ต้องกังวลเกี่ยวกับการคบกับผมอยู่สินะ
“บางทีฉันอาจจะว่างมากเกินไปก็เลยฟุ้งซ่านก็ได้…แต่ฉันรู้สึกกลัวน่ะ ถ้าฉันตอบรับความรู้สึกของมากิ แล้วพวกเราได้มาคบกันจริงๆ…แต่ถ้าวันนึงมันเกิดเรื่องเหมือนกับฉันเคยเจอมาในอดีตขึ้นมาล่ะ…ถึงฉันจะเชื่อมั่นในตัวมากิว่าจะไม่ทำแบบนั้น…แต่ถ้าวันนึงเกิดว่ามีเด็กผู้หญิงคนอื่นมาสนิทกับมากิ แล้วทั้งสองคนก็ไปด้วยกันได้ดีล่ะ…”
ผมคิดว่ามันไม่ค่อยคุ้มค่าที่จะมาสนิทกับคนแบบผมหรอกนะ…แต่ผมก็ไม่ได้พูดขัดอะไรและนั่งฟังอุมิต่อไป
ดูเหมือนว่าเรื่องการโกหกของเพื่อนเก่าของเธอจะยังมีผลกระทบต่ออุมิอยู่
แม้ว่าเพื่อนของเธอ…นิโทริซังกับโฮโจซังจะมาขอโทษอุมิไปแล้ว แต่รอยแผลในใจของอุมิก็ยังคงไม่หายไปไหนราวกับมันได้กลายมาเป็นแผลเป็นในใจของเธอไปแล้ว…และแม้ว่าผมจะกลายมาเป็นคนรักของอุมิขึ้นมาจริงๆ แต่บาดแผลนั้นมันก็ยังคงไม่หายไปอยู่ดี
“เพราะว่ายังกลัวความรู้สึกเจ็บในตอนที่ถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจ…แบบนั้นอุมิถึงได้ลังเลใช่ไหม?”
“อือ มันรู้สึกแบบนั้นแหละ ฉันก็เลยคิดว่าตัวเองคงยังไม่พร้อมที่จะคบกับใคร ถ้าในใจยังกลัวเรื่องพวกนี้อยู่น่ะ…แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันมีความรู้สึกชอบใครสักคน…ฉันก็เลยยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน”
เฮะเฮะ อุมิหัวเราะอย่างไร้เรี่ยวแรง
อุมิคนนี้…คนที่เคยปฏิเสธคำสารภาพรักจากหนุ่มๆมามากมาย แต่พอถึงคราวของตัวเองสารภาพรักบ้างก็กลับกลายมาเป็นแบบนี้ไปซะงั้น
ถ้าชอบก็แค่คบ แต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องคบกัน…หากพวกเราคิดแบบคนธรรมดามากขึ้นอีกสักหน่อย อะไรหลายๆอย่างก็คงง่ายกว่านี้…แต่น่าเสียดายที่ทั้งผมและอุมิต่างก็ไม่ใช่คนแบบนั้น
“ฉันคิดว่านี่คือความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาที่สุดของฉันแล้วล่ะ…เป็นไง ฉันเป็นผู้หญิงเจ้าปัญหาใช่ไหมล่ะ?”
“อือ สุดยอดตัวปัญหาเลยล่ะ”
“มู~”
“แต่ก็เพราะว่ารู้อยู่แล้วว่าอุมิเป็นคนแบบนี้…แต่ก็เพราะว่าอุมิเป็นแบบนี้นี่แหละนะ…ผมถึงได้ตกหลุมรักยังไงล่ะ”
“อุ…โม่~ ตาบ้า”
และตอนนี้ผมก็ได้เข้าใจถึงความกังวลของอุมิแล้ว
ถ้าในตอนนี้อุมิยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะคบกับผม…สิ่งที่ผมสามารถทำได้ก็มีเพียงแค่กำจัดความไม่สบายใจนั้นให้หายไป
แล้วผมก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ยากมากมายอะไรขนาดนั้น
ไม่หักหลังเธอ คิดถึงเธอก่อนเสมอ คอยจับมือของเธอเวลาที่เธอไม่สบายใจ คอยให้กำลังใจเธอ ทำเพียงแค่นี้อุมิก็คงจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง…
“อุมิ ขอ…มือเธอหน่อยได้ไหม?”
“เอ๊ะ? อะ อะ-อือ ได้สิ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผมก็ค่อยๆจับมือของอุมิที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมบีบมือของเธอและเธอก็ตอบรับด้วยการทำแบบเดียวกัน
ถ้าทำแบบนี้ พวกเราก็จะสามารถแบ่งปันความไม่สบายใจของกันและกันได้…และจนถึงตอนนี้ พวกเราก็เคยทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
และครั้งนี้ ตัวผมเองก็อยากจะก้าวข้ามไปอีกขั้น
“เอ่อ…อุมิ เธอช่วยหลับตาหน่อยสิ”
“เอ๊ะ?…หลับตา…ทำไมล่ะ?”
“…หลับเถอะน่า”
“…เอ่อ ก็ได้”
อุมิทำตามคำขอของผมอย่างว่าง่าย ดูเหมือนเธอจะรู้สึกถึงความตั้งใจของผม และทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีแดงทันที
“……….!”
“หืม อุมิเป็นอไรไป?”
“นะ-นี่ฉันต้อง…หลับตาจริงๆใช่ไหม?”
“…มันจะยากกว่าถ้าเธอไม่หลับตาล่ะนะ”
“มะ-ไม่ได้นะ”
อุมิพยายามที่จะหันหน้าหนี แต่ผมเองก็ไม่ยอมง่ายๆเหมือนกัน
“ช่วยอยู่นิ่งๆหน่อยสิอุมิ ถึงอาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็หาย”
“นะ-นายกำลังพูดเรื่องอะไรนะตาบ้า!”
อุมิพยายามปล่อยมือและถอยห่างจากผม…แต่มันก็เปล่าประโยชน์เพราะผมจับมือของเธอไว้อย่างแน่นหนา
“ดะ ดะ-เดี๋ยวสิมากิ ถึงฉันจะชอบนาย แล้วก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร แต่…แต่จู่ๆมาทำแบบนี้…ฉันยังไม่พร้อมนะ…แล้วอีกอย่างบรรยากาศก็…”
“เลิกขัดขืนได้แล้วน่าอุมิ ยังไงเธอหนีไม่พ้นหรอก”
อุมิพยายามขยับหนีไปจนสุดขอบของโซฟา แต่ผมก็ตามไปและขยับเข้าไปใกล้อุมิมากขึ้นเรื่อยๆ
“เอ่อ…อย่างน้อยก็ช่วยอ่อนโยนหน่อยได้ไหม?”
“อ่อนโยน…ก็ได้ ผมจะระวังเรื่องแรงเอาไว้แล้วกัน”
“ตะ ตาบ้าตาบ้า มากิคนนิสัยไม่ดี ลามก โรคจิต…!”
และราวกับเธอยอมแพ้ในที่สุด อุมิหลับตาปี๋ ร่างกายเกร็งไปหมด…และดันริมฝีปากของเธอมาด้านหน้าเล็กน้อย
“งั้น…ลุยล่ะนะ อุมิ”
“อะ อะ อือ”
ในขณะที่ยังจับมือกันอยู่ ผมก็ขยับเข้าใกล้อุมิมากขึ้นเรื่อยๆ
“…นี่แนะ!”
“โอ๊ย!?”
ผมใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ใส่แรงมากเกินไป แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายสร้างรอยแดงบนหน้าผากของอุมิไว้เล็กน้อย
“ยัยบ้า ผมไม่ใช้คนประเภทที่จะใช้กำลังบังคับให้เธอทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย…แต่ว่า…ขอโทษนะ ดูเหมือนจะใส่แรงเยอะไปหน่อย มันอาจจะเจ็บนิดหน่อยล่ะนะ”
“อู…มะ-ไม่เป็นไร ฉันแค่รู้สึกแปลกใจเพราะมันไม่เป็นไปตามที่คิดน่ะ”
“แล้วก็ขอโทษเรื่องที่จงใจพูดให้เข้าใจผิดแบบนั้นด้วย แต่พอเห็นอุมิหลับตาแล้วทำหน้าแบบนั้น…มันก็เลยอดไม่ได้น่ะ”
“ฉันน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆว่านิสัยของมากิมันหน้าด้านขนาดไหน”
“เรื่องนั้น…ขอโทษครับ”
“ครั้งนี้จะยอมให้ก็ได้ เดิมทีมันก็เป็นเพราะเหตุผลน่ารำคาญของฉันเองนี่นะ…บางทีการดีดหน้าผากนี่ก็เป็นการลงโทษในเรื่องนั้นด้วยใช่ไหมล่ะ?”
“ก็ประมาณนั้น”
พวกเราขยับกลับมานั่งที่เดิม และคราวนี้ก็เป็นคราวของผมที่จะต้องถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองไปให้อุมิบ้างแล้ว
“นี่อุมิ ขอถามหน่อยสิ…ตอนที่เธอบอกว่ากลัวที่จะคบกับผมน่ะ…ความจริงแล้วอุมิแค่ต้องการให้ผมมาคอยปลอบใจใช่ไหมล่ะ?”
“อึก…”
“ไม่เป็นไรน่า ไม่ได้รู้สึกโกรธสักหน่อย”
“กะ ก็แค่นิดหน่อยน่ะ”
“นิดหน่อยจริงหรอ?”
“…ไม่หรอก อันที่จริงฉันคาดหวังไว้มากเลยล่ะ ฉันอยากให้มากิปลอบฉันเยอะๆเลย”
แล้วอีกอย่างการทำแบบนั้นมันก็ไม่ค่อยดีต่อหัวใจของผมเองเช่นกัน และยิ่งผมได้เห็นด้านที่น่ารักของอุมิมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้ผมอยากเห็นด้านที่น่ารักของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“ผมไม่ได้ไม่อยากที่จะปลอบใจอุมิหรอกนะ แล้วผมก็ไม่มีวันทรยศอุมิด้วย…แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้อุมิสามารถสร้างความมั่นใจได้ด้วยตัวเองน่ะ…เพราะผมเองก็ชอบอุมิที่เป็นแบบนั้น”
“…ถ้ามากิคิดแบบนั้น…แล้วทำไม?”
“สำหรับผม…การพูดหรือทำอะไรแบบนั้น มันก็เป็นแค่การหลอกลวงน่ะ…มันแค่ช่วยให้อุมิสบายใจขึ้นแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น”
อุมิคือคนสำคัญที่สุดในโลกของผมอย่างแน่นอน และถ้าหากผมเลือกที่จะจูบเธอจริงๆ…บางทีในตอนนี้พวกเราอาจจะได้คบกันจริงๆไปแล้วก็ได้
แต่ที่ผมไม่ทำ…บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตัวผมเองได้เห็นเรื่องพวกนี้จากคู่รักคู่อื่นๆมาตลอด…การทำแบบนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องที่ทำแล้วรู้สึกดี…แต่กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัว…ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็กลายมาเป็นความบิดเบี้ยวจนไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปแก้ไขได้ทันไปซะแล้ว
“… อุมิ ช่วยฟังเรื่องราวของพ่อกับแม่ของผมหน่อยได้ไหม?”
“หมายถึงเรื่องที่พวกท่านหย่าร้างกันใช่ไหม?”
“อืม นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นล่ะนะ”
“งั้นเหรอ…”
ถึงจะเป็นเรื่องที่ดูไม่ดี แต่ผมก็อยากที่จะแบ่งปันเรื่องเหล่านี้กับอุมิ
ผมอยากให้อุมิได้รับรู้
“…อือ เข้าใจแล้ว เล่ามาได้เลย ฉันเองก็อยากฟังเรื่องราวในอดีตของมากิเหมือนกัน”
“ขอบคุณนะ อุมิ”
เรื่องมันเกิดขึ้นในช่วงกลางฤดูหนาว ในระหว่างที่ผมกำลังเรียนอยู่ในชั้นม.ต้นปีสาม…บางทีอาจจะเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับช่วงที่อุมิเกิดปัญหาขึ้นกับเพื่อนของเธอก็ได้
และปัญหา…ก็ได้ก่อตัวขึ้นในบ้านของผมเช่นเดียวกัน…
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
แต่ก่อนหน้านั้น พวกเราตัดสินใจหันกลับมาร่วมมือกันจัดการอาหารที่เหลืออยู่ตรงหน้าก่อน พวกเราทำการกินอาหารทั้งหมดลงกระเพาะ แล้วดื่มโค๊กตามลงไปจนชื่นใจ ก่อนที่จะกลับมาฟังเรื่องราวของอุมิอีกครั้ง
“งั้นมาต่อกันเลยดีกว่า”
“อืม…จะเริ่มเล่าล่ะนะ”
อุมิเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะเริ่มพูดออกมา
“อืม…มันเป็นความจริงที่ฉันสารภาพกับมากิในตอนนั้นเพราะอารมณ์มันพาไป แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองกับมากิหรอกนะ…และบางทีถึงฉันจะไม่ได้สารภาพในตอนนั้น แต่ความรู้สึกของฉันก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี”
“ถ้าแบบนั้นก็แสดงว่าอุมิเองก็อยากคบกับผมเหมือนกันถูกไหม?”
“เรื่องนั้น…อืม…มากิน่ะนอกจากจะมีรสนิยมเรื่องอาหารที่เหมือนกันแล้ว เวลาอยู่ด้วยก็รู้สึกสนุกมาก แล้วก็ไม่ต้องคอยรู้สึกกังวลเรื่องอะไรไร้สาระด้วย…น่าจะประมาณนี้…ล่ะมั้ง”
“เฮ้”
“ฟุฟุ มากิเองก็ไม่ต้องกังวลไปนะ ถ้ามากิรู้จักแต่งตัวสักหน่อย แค่นี้เวลาออกไปไหนก็ไม่ต้องรู้สึกอายแล้วล่ะ…แล้วก็…บางทีมากิอาจจะเนื้อหอมขึ้นมาก็ได้นะ…ใครจะไปรู้”
“งั้นเรอะ?”
“อือ แน่นอนอยู่แล้ว เพราะแบบนั้นฉันถึงตกหลุมรักมากิไงล่ะ”
“ตกหลุมรัก…อะ-โอ้”
อืม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอุมิเองก็รู้สึกชอบผมด้วยเช่นกัน
แล้วบางที…ความรู้สึกของเธออาจจะมากกว่าผมด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม…อุมิคงมีเรื่องที่ต้องกังวลเกี่ยวกับการคบกับผมอยู่สินะ
“บางทีฉันอาจจะว่างมากเกินไปก็เลยฟุ้งซ่านก็ได้…แต่ฉันรู้สึกกลัวน่ะ ถ้าฉันตอบรับความรู้สึกของมากิ แล้วพวกเราได้มาคบกันจริงๆ…แต่ถ้าวันนึงมันเกิดเรื่องเหมือนกับฉันเคยเจอมาในอดีตขึ้นมาล่ะ…ถึงฉันจะเชื่อมั่นในตัวมากิว่าจะไม่ทำแบบนั้น…แต่ถ้าวันนึงเกิดว่ามีเด็กผู้หญิงคนอื่นมาสนิทกับมากิ แล้วทั้งสองคนก็ไปด้วยกันได้ดีล่ะ…”
ผมคิดว่ามันไม่ค่อยคุ้มค่าที่จะมาสนิทกับคนแบบผมหรอกนะ…แต่ผมก็ไม่ได้พูดขัดอะไรและนั่งฟังอุมิต่อไป
ดูเหมือนว่าเรื่องการโกหกของเพื่อนเก่าของเธอจะยังมีผลกระทบต่ออุมิอยู่
แม้ว่าเพื่อนของเธอ…นิโทริซังกับโฮโจซังจะมาขอโทษอุมิไปแล้ว แต่รอยแผลในใจของอุมิก็ยังคงไม่หายไปไหนราวกับมันได้กลายมาเป็นแผลเป็นในใจของเธอไปแล้ว…และแม้ว่าผมจะกลายมาเป็นคนรักของอุมิขึ้นมาจริงๆ แต่บาดแผลนั้นมันก็ยังคงไม่หายไปอยู่ดี
“เพราะว่ายังกลัวความรู้สึกเจ็บในตอนที่ถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจ…แบบนั้นอุมิถึงได้ลังเลใช่ไหม?”
“อือ มันรู้สึกแบบนั้นแหละ ฉันก็เลยคิดว่าตัวเองคงยังไม่พร้อมที่จะคบกับใคร ถ้าในใจยังกลัวเรื่องพวกนี้อยู่น่ะ…แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันมีความรู้สึกชอบใครสักคน…ฉันก็เลยยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน”
เฮะเฮะ อุมิหัวเราะอย่างไร้เรี่ยวแรง
อุมิคนนี้…คนที่เคยปฏิเสธคำสารภาพรักจากหนุ่มๆมามากมาย แต่พอถึงคราวของตัวเองสารภาพรักบ้างก็กลับกลายมาเป็นแบบนี้ไปซะงั้น
ถ้าชอบก็แค่คบ แต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องคบกัน…หากพวกเราคิดแบบคนธรรมดามากขึ้นอีกสักหน่อย อะไรหลายๆอย่างก็คงง่ายกว่านี้…แต่น่าเสียดายที่ทั้งผมและอุมิต่างก็ไม่ใช่คนแบบนั้น
“ฉันคิดว่านี่คือความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาที่สุดของฉันแล้วล่ะ…เป็นไง ฉันเป็นผู้หญิงเจ้าปัญหาใช่ไหมล่ะ?”
“อือ สุดยอดตัวปัญหาเลยล่ะ”
“มู~”
“แต่ก็เพราะว่ารู้อยู่แล้วว่าอุมิเป็นคนแบบนี้…แต่ก็เพราะว่าอุมิเป็นแบบนี้นี่แหละนะ…ผมถึงได้ตกหลุมรักยังไงล่ะ”
“อุ…โม่~ ตาบ้า”
และตอนนี้ผมก็ได้เข้าใจถึงความกังวลของอุมิแล้ว
ถ้าในตอนนี้อุมิยังรู้สึกไม่สบายใจที่จะคบกับผม…สิ่งที่ผมสามารถทำได้ก็มีเพียงแค่กำจัดความไม่สบายใจนั้นให้หายไป
แล้วผมก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ยากมากมายอะไรขนาดนั้น
ไม่หักหลังเธอ คิดถึงเธอก่อนเสมอ คอยจับมือของเธอเวลาที่เธอไม่สบายใจ คอยให้กำลังใจเธอ ทำเพียงแค่นี้อุมิก็คงจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง…
“อุมิ ขอ…มือเธอหน่อยได้ไหม?”
“เอ๊ะ? อะ อะ-อือ ได้สิ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผมก็ค่อยๆจับมือของอุมิที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมบีบมือของเธอและเธอก็ตอบรับด้วยการทำแบบเดียวกัน
ถ้าทำแบบนี้ พวกเราก็จะสามารถแบ่งปันความไม่สบายใจของกันและกันได้…และจนถึงตอนนี้ พวกเราก็เคยทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
และครั้งนี้ ตัวผมเองก็อยากจะก้าวข้ามไปอีกขั้น
“เอ่อ…อุมิ เธอช่วยหลับตาหน่อยสิ”
“เอ๊ะ?…หลับตา…ทำไมล่ะ?”
“…หลับเถอะน่า”
“…เอ่อ ก็ได้”
อุมิทำตามคำขอของผมอย่างว่าง่าย ดูเหมือนเธอจะรู้สึกถึงความตั้งใจของผม และทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็กลายเป็นสีแดงทันที
“……….!”
“หืม อุมิเป็นอไรไป?”
“นะ-นี่ฉันต้อง…หลับตาจริงๆใช่ไหม?”
“…มันจะยากกว่าถ้าเธอไม่หลับตาล่ะนะ”
“มะ-ไม่ได้นะ”
อุมิพยายามที่จะหันหน้าหนี แต่ผมเองก็ไม่ยอมง่ายๆเหมือนกัน
“ช่วยอยู่นิ่งๆหน่อยสิอุมิ ถึงอาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็หาย”
“นะ-นายกำลังพูดเรื่องอะไรนะตาบ้า!”
อุมิพยายามปล่อยมือและถอยห่างจากผม…แต่มันก็เปล่าประโยชน์เพราะผมจับมือของเธอไว้อย่างแน่นหนา
“ดะ ดะ-เดี๋ยวสิมากิ ถึงฉันจะชอบนาย แล้วก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร แต่…แต่จู่ๆมาทำแบบนี้…ฉันยังไม่พร้อมนะ…แล้วอีกอย่างบรรยากาศก็…”
“เลิกขัดขืนได้แล้วน่าอุมิ ยังไงเธอหนีไม่พ้นหรอก”
อุมิพยายามขยับหนีไปจนสุดขอบของโซฟา แต่ผมก็ตามไปและขยับเข้าไปใกล้อุมิมากขึ้นเรื่อยๆ
“เอ่อ…อย่างน้อยก็ช่วยอ่อนโยนหน่อยได้ไหม?”
“อ่อนโยน…ก็ได้ ผมจะระวังเรื่องแรงเอาไว้แล้วกัน”
“ตะ ตาบ้าตาบ้า มากิคนนิสัยไม่ดี ลามก โรคจิต…!”
และราวกับเธอยอมแพ้ในที่สุด อุมิหลับตาปี๋ ร่างกายเกร็งไปหมด…และดันริมฝีปากของเธอมาด้านหน้าเล็กน้อย
“งั้น…ลุยล่ะนะ อุมิ”
“อะ อะ อือ”
ในขณะที่ยังจับมือกันอยู่ ผมก็ขยับเข้าใกล้อุมิมากขึ้นเรื่อยๆ
“…นี่แนะ!”
“โอ๊ย!?”
ผมใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ใส่แรงมากเกินไป แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายสร้างรอยแดงบนหน้าผากของอุมิไว้เล็กน้อย
“ยัยบ้า ผมไม่ใช้คนประเภทที่จะใช้กำลังบังคับให้เธอทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย…แต่ว่า…ขอโทษนะ ดูเหมือนจะใส่แรงเยอะไปหน่อย มันอาจจะเจ็บนิดหน่อยล่ะนะ”
“อู…มะ-ไม่เป็นไร ฉันแค่รู้สึกแปลกใจเพราะมันไม่เป็นไปตามที่คิดน่ะ”
“แล้วก็ขอโทษเรื่องที่จงใจพูดให้เข้าใจผิดแบบนั้นด้วย แต่พอเห็นอุมิหลับตาแล้วทำหน้าแบบนั้น…มันก็เลยอดไม่ได้น่ะ”
“ฉันน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆว่านิสัยของมากิมันหน้าด้านขนาดไหน”
“เรื่องนั้น…ขอโทษครับ”
“ครั้งนี้จะยอมให้ก็ได้ เดิมทีมันก็เป็นเพราะเหตุผลน่ารำคาญของฉันเองนี่นะ…บางทีการดีดหน้าผากนี่ก็เป็นการลงโทษในเรื่องนั้นด้วยใช่ไหมล่ะ?”
“ก็ประมาณนั้น”
พวกเราขยับกลับมานั่งที่เดิม และคราวนี้ก็เป็นคราวของผมที่จะต้องถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองไปให้อุมิบ้างแล้ว
“นี่อุมิ ขอถามหน่อยสิ…ตอนที่เธอบอกว่ากลัวที่จะคบกับผมน่ะ…ความจริงแล้วอุมิแค่ต้องการให้ผมมาคอยปลอบใจใช่ไหมล่ะ?”
“อึก…”
“ไม่เป็นไรน่า ไม่ได้รู้สึกโกรธสักหน่อย”
“กะ ก็แค่นิดหน่อยน่ะ”
“นิดหน่อยจริงหรอ?”
“…ไม่หรอก อันที่จริงฉันคาดหวังไว้มากเลยล่ะ ฉันอยากให้มากิปลอบฉันเยอะๆเลย”
แล้วอีกอย่างการทำแบบนั้นมันก็ไม่ค่อยดีต่อหัวใจของผมเองเช่นกัน และยิ่งผมได้เห็นด้านที่น่ารักของอุมิมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้ผมอยากเห็นด้านที่น่ารักของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“ผมไม่ได้ไม่อยากที่จะปลอบใจอุมิหรอกนะ แล้วผมก็ไม่มีวันทรยศอุมิด้วย…แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้อุมิสามารถสร้างความมั่นใจได้ด้วยตัวเองน่ะ…เพราะผมเองก็ชอบอุมิที่เป็นแบบนั้น”
“…ถ้ามากิคิดแบบนั้น…แล้วทำไม?”
“สำหรับผม…การพูดหรือทำอะไรแบบนั้น มันก็เป็นแค่การหลอกลวงน่ะ…มันแค่ช่วยให้อุมิสบายใจขึ้นแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น”
อุมิคือคนสำคัญที่สุดในโลกของผมอย่างแน่นอน และถ้าหากผมเลือกที่จะจูบเธอจริงๆ…บางทีในตอนนี้พวกเราอาจจะได้คบกันจริงๆไปแล้วก็ได้
แต่ที่ผมไม่ทำ…บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าตัวผมเองได้เห็นเรื่องพวกนี้จากคู่รักคู่อื่นๆมาตลอด…การทำแบบนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องที่ทำแล้วรู้สึกดี…แต่กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัว…ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็กลายมาเป็นความบิดเบี้ยวจนไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปแก้ไขได้ทันไปซะแล้ว
“… อุมิ ช่วยฟังเรื่องราวของพ่อกับแม่ของผมหน่อยได้ไหม?”
“หมายถึงเรื่องที่พวกท่านหย่าร้างกันใช่ไหม?”
“อืม นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นล่ะนะ”
“งั้นเหรอ…”
ถึงจะเป็นเรื่องที่ดูไม่ดี แต่ผมก็อยากที่จะแบ่งปันเรื่องเหล่านี้กับอุมิ
ผมอยากให้อุมิได้รับรู้
“…อือ เข้าใจแล้ว เล่ามาได้เลย ฉันเองก็อยากฟังเรื่องราวในอดีตของมากิเหมือนกัน”
“ขอบคุณนะ อุมิ”
เรื่องมันเกิดขึ้นในช่วงกลางฤดูหนาว ในระหว่างที่ผมกำลังเรียนอยู่ในชั้นม.ต้นปีสาม…บางทีอาจจะเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับช่วงที่อุมิเกิดปัญหาขึ้นกับเพื่อนของเธอก็ได้
และปัญหา…ก็ได้ก่อตัวขึ้นในบ้านของผมเช่นเดียวกัน…
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆